ไปที่เนื้อหา


shogun

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 15 Sep 2006
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Nov 13 2006 05:55 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

วิธีอธิษฐานบุญ และเบิกบุญให้ได้ผล

15 September 2006 - 09:37 AM

วิธีอธิษฐานบุญและเบิกบุญให้ได้ผล โดย หลวงพ่อเกษม อาจินณสีโล


หลวงพ่อท่านพบว่า เวลาคนทำทานหรือทำบุญอะไรก็ตาม จะเกิดกระแสบุญสว่างวาบรอบตัวผู้ทำบุญหรือทำทานนั้นในทันทีที่ของนั้นหลุดจากมือเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ แล้วภายใน 3 วินาที ไม่เกิน 5 วินาที กระแสบุญนั้นจะรวมตัวแล้วพุ่งขึ้นไปปรากฏรออยู่บนสวรรค์
ทีนี้พอเราทำบุญหรือทำทานไปแล้วสักพักจึงค่อยมากรวดน้ำอุทิศให้ ผู้รับจึงไม่ได้รับ หรือได้รับก็น้อยมาก ๆ
ท่านจึงสอนว่า พอของที่เราจะทำบุญหลุดจากมือเราปุ๊ป ให้อธิฐานในใจทันทีเลยว่า ขอให้ทาน (หรือบุญ) นี้ จงถึงแก่.............................. ให้เจาะจงลงไปครับ ถ้าระบุว่า สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้ที่มีฤทธิ์อำนาจมากจะมาอธิฐานรับเอาบุญนั้นไปหมด พวกที่อยู่ต่ำลงมา เช่น ผี,ปีศาจ,เปรต,อสุรกาย,นาค,ครุฑ,คนธรรภ์,กุมภัณฑ์,ยักษ์,เทวดาชั้นต่ำ ๆ จะไม่ได้รับ (กลุ่มนี้จะอยู่ใกล้ชิดเรามาก มีผลกระทบกับพวกเราได้ง่ายและมาก ที่เคยเป็นญาติ,นายเวรเรามาก็มาก รอรับบุญเราอยู่และรอตามอาฆาตเราอยู่ก็มาก) เราจึงควรจะอุทิศให้พวกนี้มากๆ
ทีนี้เวลาที่เราจะขอเบิกบุญที่เราได้เคยทำไว้ ท่านได้ทดสอบดูแล้ว ให้ผู้จะเบิกบุญนึกอธิฐานในใจว่า ขอให้บุญที่ข้าพเจ้าเคยทำมา จงมาถึงแก่.................... ปรากฎว่า ไม่มีกระแสใดๆมาเลย ท่านเลยให้นึกใหม่ว่า “ขออำนาจคุณพระพุทธ , คุณพระธรรม , คุณพระสงฆ์จงบันดาลให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้เคยทำมา จงมาถึงแก่..................... ปรากฏว่า กระแสบุญในสวรรค์กระเทือนแล้วแบ่งส่วนลงมาไปถึงผู้ที่เราอุทิศให้จริงๆ และได้รับผลบุญนั้นจริงๆ เช่น จากเปรต (สมมุติอุทิศให้เปรตที่เคยเป็นญาติ) ที่เนื้อหนังเปื่อยเน่ารับทุกขเวทนา ก็กลายสภาพเป็นวิญญาณผีที่สมบูรณ์เหมือนคนปกติได้ พ้นจากภูมิเปรต ทันที ดังนี้”
เหตุที่ให้นึกอธิฐานในใจก็เพราะกระแสนึกคิดไปได้ไกลมาก ยิ่งสมาธิดีๆนิ่งๆ กระแสจะยิ่งไปไกลทั้วทั้ง 3 ภูมิได้เลย
เชื่อไม่เชื่อก็รับฟังไว้ก่อนนะครับ ลองพิจารณาดู อย่าเพิ่งปรามาส ท่านที่สามารถสัมผัสภพภูมิอื่น ๆ ได้ลองทำดูครับ ว่าเป็นจริงอย่างที่หลวงพ่อสอนนี้หรือไม่ ได้เรื่องอย่างไรกรุณามาแจ้งให้ทราบด้วยครับ เพราะผมยังสัมผัสไม่ได้ เพียงแต่ลองทำแล้วรู้สึกคล่องตัวขึ้นครับ ถามว่าถ้าเบิกบุญมาเรื่อย ๆ บุญจะหมดไหม หลวงพ่อบอกว่ายังไงก็ไม่หมด เพราะผลของบุญเพียงครั้งเดียวก็ออกมากหลายเท่าในโลกทิพย์จนถึงขั้นไม่มีประมาณถ้าทำกับพระอริยะ นอกจากนี้ทำกับพ่อแม่ก็ได้ผลบุญมาก ๆๆ เช่นกัน

กรวดน้ำนั้น..สำคัญไฉน..ที่เคยรู้มา อย่าคิดว่าถูกนะ !!
ถอดความเทศน์หลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล แสดงธรรม ณ.วัดป่าสันติธรรม
…ให้ลักษณะอย่างนี้ จะถึงแก่เขาโดยสมบูรณ์ เข้าใจไหม๊ เมื่อถึงเขาโดยสมบูรณ์แล้วในการที่เขาจะช่วยเหลือ ก็จะพอใจช่วยเข้าใจไหม๊ ฉะนั้นคำว่ารัก “ขันตุสัพพเทวตา” หรือ “รักขันตุ สุรักขันตุ” นั้น มีความหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ เทวดาช่วยมนุษย์จริงๆ แต่มนุษย์ไม่ค่อยนึกถึงเขา เขาจึงไม่สนกับมวลหมู่มนุษย์ เข้าใจไหม๊ คนนี่นะ ที่เป็นผู้สูงศักดิ์เนี่ย ไม่ระลึกถึงเขาในขณะที่ทำบุญ เขาก็เลยไม่คอยช่วยเหลือ แต่บางคนให้นะ ให้เทวดา..อันนี้ก็ยกให้ทาน อันนี้ก็ยกให้ถวายแล้ว อันนี้ก็ถวายแล้วยกประเคนเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็ยกประเคนนะ แล้วก็ไปนั่งคุยกันอยู่ตั้งนาน บุญที่เกิดในขณะประเคนนี่ก็จ้า..จ้า..จ้า..ฟ่า..ฟ่า..ฟ่า..ขึ้นเลยนะ เต็มเลยนะ

แต่ทีนี้ไปนั่งคุยกันอยู่ทีนี้ บุญก็ค่อยแว็บ แว็บ แว็บ ต่อช่วงไปถึงสวรรค์โน่น หมดปั๊บ ปิ๊ง เป็นวิมานรอ (เจ้าของ) อยู่บนสวรรค์ ..นั่งอยู่นานนะ เป็น 10 นาที 20 นาที ..ทีนี้ครูบาอาจารย์ก็.”อ้าว รับพร”..หว่ะ..ว่าอย่างนี้นะส่วนมาก..”ยะถาวรีวหา..ฯ” ทีนี้ก็ไปเทน้ำสิทีนี้ เทน้ำจ็อก จ็อก จ็อก จ็อก ราดมือตนเอง เพราะบอกให้เทราดมือ ครั้งพุทธกาลนะ ที่เริ่มต้นกำเนิดเทน้ำนะ ฟังนะ ต้นกำเนิดเทน้ำตรงที่พระพุทธเจ้าพาทำนี่นะ ..พระเจ้าพิมพิสาร เห็นพระพุทธองค์เสด็จมา รู้ ก็ให้คนไปนิมนต์ ตนเองก็ไปสนทนาธรรม ก็ให้คนไปนิมนต์เข้ามาในพระราชนิเวศน์ มาเสวยภัตตาหารในพระราชนิเวศน์ของตน พอมาถึงปั๊บ ก็เอาถาดมารองอย่างนี้ พอเอาถาดมารองก็เอาน้ำมา มาเทล้างพระหัตพระองค์ เท วันแรกทำทุกอย่าง ไม่ได้คิดถึงญาติพี่น้อง แล้วพอค่ำมา บ่ายๆมาก็เห็นทีนี้ โผล่มาจากฝา มีมือเน่าๆ มีหัวเน่าๆ มีตัวเน่าๆ

มีสัตว์เลื้อยคลานโผล่ออกมา มีตัวเป็นมนุษย์ มีหัวเป็นมนุษย์ งูโผล่ออกมามีหัวเป็นมนุษย์ ตัวเป็นมนุษย์แต่หัวเป็นงู มีลักษณะเป็นเปรตเป็นต่างๆเยอะแยะ ทีนี้..ก็ไปทูลถามพระพุทธเจ้า พระองค์ก็บอกว่าเป็นญาติของพระเจ้าพิมพิสารที่มาขอส่วนบุญ ดังนั้นพระเจ้าพิมพิสารก็เลยกราบทูลนิมนต์พระพุทธองค์ให้มาเสวยภัตตาหารอีก

..พอไปถึงพุทธาอาสน์ก็นั่งปุ๊บปั๊บ..พระเจ้าพิมพิสารก็เอาน้ำมาล้างพระหัตเตรียมเสวย ล้าง ล้าง ล้าง พระเจ้าพิมพิสารผู้เทน้ำอยู่ตรงนั้นก็บอกว่า “ทานนี้จงถึงแก่ญาติของข้าพเจ้า ที่รออยู่ตามบริเวณฝานี้” มันก็ไปเกิดเป็นสระโบกขรณี สระอโนดาษ สระบัว สระน้ำใส สระน้ำดื่ม สระลงอาบได้อย่างสบายๆ แล้วก็ยกภัตตาหารอื่นเข้ามาถวายในขณะที่พระองค์เตรียมบาตรมารอรับ พอถวายอาหารก็คิดว่า “ทานนี้จงถึงแก่ญาติของข้าพเจ้าที่รออยู่” ถึงทันทีเลยวาบ วาบ วาบ เลย พอยกอันใหม่เข้าไป “ทานนี้จงถึงแก่ญาติของข้าพเจ้าที่รออยู่” วาบ ทันที เลย พอยกอันใหม่เข้าไป “ทานนี้จงถึงแก่ญาติของข้าพเจ้าที่รออยู่” วาบ วาบ วาบทันที เขาก็มีปราสาทราชมณเทียร มีเสื้อผ้าอาภรณ์ มีที่อยู่อาศัย ล่องลอยไปตามนภาอากาศได้ กลายเป็นเทวดา ฝูงเปรตทั้งหลายกลายเป็นเทวดาขึ้น ในขณะนั้น ฉับพลันทันด่วน จึงว่า

“ขิปเมวะ สมิทฉะตุ” ฉับพลันทันด่วน ณ.เวลานั้น ไม่ใช่มาให้ทานแล้วก็นั่งจุ๊ยอยู่นะ มันก็จ้าอยู่ แล้วก็แว็บ แว็บ แว็บ ไปเกิดบนสวรรค์ไปรออยู่ มาอุทิศทีหลังทีนี้ เข้าใจไหม๊ คือถ้าเป็นเงินก็เอาไปฝากธนาคารแล้วจึงเรียกญาติพี่น้องมาจะแจกเงินน๊า มันไม่มีเงินจะแจกแล้วทีนี้ เข้าใจไหม๊ เงินไปฝากเรียบร้อย บุญอันนี้เหมือนกัน

เมื่ออุทิศออกไปในขณะที่บุญจางออกไปจากความรู้สึกของเราแล้ว เรามาอุทิศตอนนั้น ไม่เกิด ไม่ได้ ไม่เป็น ไม่มีอานุภาพ เข้าใจไหม๊…

ถอดความเทศน์หลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล ชุดสอนกลุ่มโยมทัวร์พุทธเกษตร
หลวงพ่อเกษม :…คือให้ทานปั๊บ..บุญจะ..จ้า..ขึ้นทันที คือเป็นแบบนี้นะพี่น้อง..สมมุติว่านี่ (หลอดไฟฟ้า) คือจิต ขณะที่ให้ทาน.. ผลักของไป วางของลง ยังไม่วางของหลุดมือ..บุญยังไม่เกิด..ดูนะ..หลุดมือปั๊บ..(หลอดไฟสว่าง) (แล้วก็อุทิศบุญ) “บุญนี้ให้เทวดาที่เฝ้าข้า” ..แว๊บ..วาบ..เทวดาได้รับปั๊บ..จ้า..เลยนะ เปลี่ยนแปลง
“ใครจะมาทำลายคนที่กูรัก” ทีนี้ เมื่อเห็นแว็บ แว็บ แว็บ อยู่ร้อยโยช โน่นนะ ไกลๆโน่น “อำนาจข้า จงบันดาลให้ผู้ที่จะมาทำลายคนนี้ที่ข้ารัก คนนี้ที่ทำบุญให้ข้า เจ้ามาใกล้ไม่ได้” (ซัดพลังไป) ฮึ้ย!..ทางโน้นก็ระเบิดตูม! อยู่ไกลๆโน่น.. หากขืนเข้ามาอีกก็ยิ่งหนักเข้าใจไหมหละ ฉะนั้นต้องบอกเทวดาที่อยู่ไกล้เราอย่าโหดร้าย..

โยม :อาจารย์ค่ะ เวลาใส่บาตรแล้ว เราไม่กรวดน้ำเหรอค่ะ
หลวงพ่อเกษม : เอ๊า..ไม่ต้องไปเทน้ำ การว่ากรวดนี้คือยกให้ผู้อื่น..กรวดเป็นภาษาบาลี แปลเป็นไทยว่าให้ผู้อื่น ..เข้าใจไหม๊หล่ะ

โยม : แล้วไม่ต้องกรวดน้ำก็ได้ใช่ไหมค่ะ
หลวงพ่อเกษม :เอ๊า..ใส่ปั๊บ “บุญนี้ให้ญาติข้า” ใส่ปั๊บ ”บุญนี้ให้พ่อข้าที่ตายไป” ใส่ปั๊บ “บุญนี้ให้แม่ข้าที่ตายไป” ใส่ปั๊บ “บุญนี้ให้กับญาติข้าที่เป็นภูติผีปีศาจ” ใส่แล้วให้ทันที ให้ทันที นะ..อยากเทน้ำ ก็ค่อยไปเททีหลัง แล้วจะไปเทใส่ไหนหล่ะน้ำ

โยม: เทใส่ต้นไม้ใหญ่หนะค่ะ
หลวงพ่อเกษม : ถ้าเทใส่ต้นไม้ใหญ่ ระวังนะมันจะเข้ารูปลวกรูมดหรือเปล่า (มันจะโกรธจะแค้นเอา)

โยม: ไม่ต้องใช้น้ำก็ได้ใช่ไหมค่ะ

หลวงพ่อเกษม : ก็คือที่อาตมาพูดนี่ไง ให้ทานปั๊บแล้วอุทิศทันทีนี่แหละคือกรวดน้ำหละ นี่แหละคือกรวดน้ำ แต่บุญเกิดกับพวกท่านภายใน 3 วินาที (ที่ของหลุดจากมือของเราแล้ว ตอนเราให้ทาน) อย่างที่ได้ทำอันนี้ให้ดูไง เมื่อให้ปั๊บนะ มันเกิดภายใน 3 วินาที หากไม่รีบอุทิศ บุญจะไปรออยู่สวรรค์ เข้าใจไหม๊ จ่ายไม่ทันบุญไปสวรรค์ พี่น้องญาติพวกท่านในโลกลึกลับ ไม่ได้รับส่วนบุญจึงทำให้งงและหงุดหงิดตลอดมา ไม่เหมือนญาติอาตมานะ นี่ไม่ทำให้หงุดหงิดนะ

โยม : คือใส่บาตรเสร็จ แล้วก็..(ถามยังไม่จบ)
หลวงพ่อเกษม : ไม่..ใส่ปั๊บ แล้วอุทิศเลย เข้าใจไหม๊ อย่างงี้น๊า

โยม : ใส่บาตรเสร็จ หลวงพ่อจะให้พร แล้วเราก็..(ถามยังไม่จบ)
หลวงพ่อเกษม : “เออ..อยากว่าก็ว่าซะหลวงพ่อ ฉันให้เรียบร้อยแล้ว ฉันไปหล่ะ นะ บ๊าย บาย” เข้าใจไหม๊

..คนเข้าใจว่าทำบุญแล้วต้องกรวดน้ำถึงจะได้บุญไง แต่ไม่ใช่ ทำแล้วได้บุญเลยทันที..

ถอดความจากเทศน์หลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล ชุดสอนกลุ่มหลวงพ่อทวี-1

หลวงพ่อเกษม : …ให้ทานปั๊บ “บุญนี้ให้แก่เชื้อโรคที่อยู่ในกู” แค่นี้ง่ายๆนะ ง่ายไหม๊

โยม : ต้องอ้างถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไหม๊ครับ

หลวงพ่อเกษม : ไม่ เพราะเราให้ทาน มีแล้วอานุภาพ ไม่ต้อง

โยม : กระผมอ้างทุกครั้ง

หลวงพ่อเกษม : ถ้าอ้างทุกครั้ง..ก็แล้วแต่ จะเพิ่มก็แล้วแต่ ถ้าจะอ้างพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ให้อ้างตอนที่ไม่ได้ให้ทาน ตอนที่ไม่ได้ทำบุญ ตอนที่เบิกบุญจากสวรรค์โน่น บุญเราจะมีสัญญานต่อเนื่องกับเราอยู่ตลอด แต่ถ้าเราไม่มีอำนาจ เบิกบุญมาก็มาไม่ได้ เราก็จำเป็นต้องอาศัยอำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นตัวแปลงอำนาจ ให้ได้เบิกบุญอันนั้นได้

เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะทำหรอก ไม่คิดว่าจะทำไปได้ แต่พอนานเข้า นาเข้า ก็สงสัยว่า “อื๊อ ..คนทำบุญนี่ บุญมันไปไหนวะ” พอให้ทานปั๊บแล้วบุญมันวาบขึ้นที่คน พอให้ทานปั๊บบุญก็วาบขึ้นที่คน บุญนี้มันไปไหนหนา..พอตรวจดูก็เกิดภาพหลอน หูแว่วขึ้น ว่าบุญนี้มันไปอยู่สวรรค์ไง มองเห็นสภาพบุญของเขาอยู่สวรรค์ไง หูแว่วดังขึ้นว่า “นี่คือบุญของผู้นั้น” มีผู้กล่าวให้ได้ยิน แล้วถ้ามันเป็นเช่นนั้น “อ้าว..ถ้างั้นจะเอามาใช้ในเวลาปัจจุบันจะทำยังไง”

เขาก็ไม่รู้ พวกเทวดาบนสวรรค์นั่นเขาไม่รู้เลยนะเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระโสดา สกทาคาในสวรรค์นั่น ไม่รู้เรื่องว่าจะเอาบุญนี้ลงมาใช้ได้ยังไง ก็มีแต่บอกให้คนในโลกนี้อธิษฐาน พออธิษฐานบุญลงมาถึงตัวคนแล้วก็หายไปอีกทีนี้ อธิษฐานแล้วลงมาถึงตัวคนแล้วก็หายไปอีก ลงมาถึงดวงใจคนแล้วก็หายไปอีก ก็สงสัยว่ามันไปไหน ค้นหา ค้นหา เห็นกลับไปสวรรค์เหมือนเดิม พอรู้ว่ามันไปสวรรค์เหมือนเดิม “มันจะต้องเอามาใช้ด้วยตนเองไม่ได้”

เพราะตนเองปฏิบัติถึงขั้นที่พอจะเอามาใช้ด้วยตนเองได้ไง เอ้อ..ทีนี้ สัตว์ที่มันสะอาดกว่ามนุษย์มีอยู่ สัตว์ที่สามารถรับได้มีอยู่ พลังบุญนี้มันสามารถเปลี่ยนสภาพของสัตว์ที่ไม่มีตัวเหมือนมนุษย์..สัตว์ในโลกทิพย์ทุกประเภท ค้นดูเลยทีนี้ ค้นดู ตรวจสอบดู ลองดูว่ามันจะเป็นยังไง แรกๆตัวเองลองก่อน ลองปั๊บ เอ..พวกญาติที่มารายล้อมอยู่แถวกุฎิ แถวศาลา หรือตามรถที่ขี่ไปนี่ อธิษฐาน “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญของข้าที่เคยทำมา มากน้อยแค่ไหนไม่สำคัญ บุญทานข้า บุญศีล บุญภาวนา จงถึงแก่เทพ เทวา ที่เหาะอยู่ข้างๆรถนี่”

มันจะจ้าขึ้น จ้าขึ้น จ้าขึ้น จากการที่มันเหาะอยู่ต่ำๆใกล้ๆรถก็จะเหาะได้สูงขึ้นเรื่อย แล้วก็จะพุ่งกระจายออกหน้ารถ ไปกลับ ไปกลับ รถนี่ก็จะไปเรื่อยๆ เขานี่ไปโน่น ไกลๆแล้วกลับมา ไปกลับ ไปกลับ “โอ๋..อานุภาพมันอย่างนี้เอง มันอย่างนี้เอง” ทีนี้ก็เลยรู้จักใช้สิทีนี้ แล้วพวกเปรต พวกผีที่อยู่ใกล้ๆนี่ อธิษฐานบุญมาให้ปั๊บก็เปลี่ยนดีขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย เปลี่ยนขึ้น เปลี่ยนขึ้น จากสกปรกโสมมนี่ เปลี่ยนขึ้นสะอาดขึ้น สะอาดขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้น มีผิวหนัง มีเนื้อ ปรากฎขึ้น ปรากฎขึ้นนะ ให้ทีไรปรากฎขึ้น ให้ทีไรดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้น ให้ทีไรดีขึ้นเรื่อยๆๆๆ ให้เป็นร้อยเป็นพันครั้งนี่ สง่าเลยนะ มันเป็นอย่างงั้น “เฮ้ย! คนอื่นจะทำได้ไหม๊” ทีนี้ เบิกบุญมาจ่าย คนอื่นจะทำได้ไหม๊

ก็เลยลองให้คนที่อยู่ใกล้ๆลองดู เฮ๊ย..ลองได้ทีนี้ ได้เหมือนกัน คือเห็นเปรตมากับเขา เห็นผีมากับเขา ญาติเขาน๊า ให้เขาอธิษฐาน โดยไม่ให้ทาน ยังไม่ให้ทาน อธิษฐาน “บุญนี้ให้แก่เปรตญาติข้า” ไม่ได้ แต่พอเขาคิดว่า “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จงบันดาลบุญเก่าของข้า จงมาถึงแก่เปรตนี้” เปลี่ยนทันที เฮ๊ย! เอาใหม่อีก เอาใหม่อีก ตนเองเห็นอยู่ แต่เขาไม่เห็นไม่เป็นไร ให้เขาอธิษฐานส่งใหม่อีก ส่งใหม่อีก จากเปรตเป็นเทวดาภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

แต่ถ้าเราให้ทาน มีของให้ทาน สมมุติว่าเป็นอย่างนี้ ให้ทานปั๊บ “บุญนี้ให้แก่เปรตที่เป็นญาติข้า” เปลี่ยนภายในวินาทีเดียวกันกับที่เราให้ทานนั้น 3 วินาทีนี่เปลี่ยนสภาพเสร็จเรียบร้อย เป็นนางฟ้าพร้อมกันกับที่อุทิศพร้อม แล้วจะไปรอเทน้ำเทท่า จ็อกๆ แจ็กๆ อยู่ทำไม? เลยไม่รอเหมือนใครแล้ว ให้ปั๊บแล้วอุทิศเลย ให้ปั๊บอุทิศเลย ทีนี้คำว่าอุทิศเขาไม่รู้เรื่องก็เลยบอกว่า “ทานนี้ให้แก่ท่านผู้นั้น” ทันทีเลยนะ ..ก็เปลี่ยนจ้าขึ้นภายใน 3 วินาที 3 วินาทีแค่นั้น..แล้วจะไปรอเทน้ำอยู่ทำไม..เสี๊ยเวลาจริงๆ…

ถอดความเทศน์หลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล ชุดสอนกลุ่มหลวงตาเด็จ

...แต่ในโลกมนุษย์เรานี้ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องเหล่านี้ หรือถึงแม้ว่าเชื่ออยู่ก็จะเป็นลักษณะที่ทำบุญแล้ว ให้ทานไปเป็นครึ่งชั่วโมงนู่น สัญญานบุญมันไปปรากฎอยู่บนสวรรค์ ผ่านจากกระแสของหัวใจของเราไปแล้วตั้งนมนาน เป็นเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมงไปแล้ว พระจึงมา “ยะถาวริวหา”

การเทน้ำนั้นไม่ได้อุทิศบุญไปที่ไหนได้เลย ไม่เห็นเลย ผู้พูดนี่ไม่เคยเห็นว่าการเทน้ำแล้วมีปรากฎการณ์ในนั้น ในนั้น หรือมีปรากฎการณ์ขึ้นกับพวกผี พวกปีศาจ พวกเปรตที่เดินทางมา ไม่มี ให้ทานปั๊บแล้วอุทิศพร้อมในวินาทีเดียวกัน นี่คือวิธีการที่ได้ผลแน่นอนเด็ดขาด ผู้พูดรับประกันให้ฟ้าผ่าห่ากิน

แต่ถ้าทำตามวิธีที่ครูบาอาจารย์หรือพระรุ่นที่เขียนไว้แล้วสึกไป เขียนไว้แล้วสึกไป รุ่นต่อมาก็เอามาทำตามผู้ที่เขียนไว้แล้วสึกไปนั้นก็มี แล้วผู้เขียนนั้นไม่เห็นก็มี อ่านตำหรับตำรามาแล้วก็งัดออกมาเขียน ท่ามกลางกระแสคิดว่าตนเองถูกต้องแน่นอน แต่เป็นผิด 100% อย่างเนี๊ยะ เขียนไว้ว่าให้ทานแล้วมาเทน้ำอย่างนี้ ตรงนี้บอกได้เลยว่า

ตัวอาตมาผู้หูแว่วมาก ภาพหลอนมาก ไม่เคยเห็นมันเป็น..เปรต ผี ที่เดินทางมากับมวลหมู่มนุษย์มา อ้าว..อย่างวันนี้เปรตมาเป็นพัน แล้วถ้าทำบุญแล้วนี่เปรตจะได้ไหม๊ ถ้าหากว่าทำบุญแล้วไม่อุทิศพร้อม รับประกันยืนยันว่าไม่ได้ ถ้าอยากจะให้เปรตเขาได้ อยากจะให้เทวดาที่ตามมานี้ได้ อยากจะให้ผีที่มาร่วมกันกับพวกท่านนี้ได้บุญ พวกท่านต้องอุทิศทันที ในขณะที่ให้ทาน รอช้าไม่ได้...