ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก usr20351

ค้นพบทั้งสิ้น 83 รายการโดย usr20351 (จำกัดการค้นหาจาก 29-March 23)



#142234 วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ ต้องอ่าน!

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 07 January 2009 - 09:31 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

เหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับ ย่านเอกมัย เขตวัฒนาในคืนส่งท้ายปีเก่า

เป็นโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 60 ศพ ขณะที่มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 200 ราย

สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากการสำลักควันไฟเนื่องจากหนีออกจากร้านไม่ทัน เบียดเสียดแย่งกันออกทางประตูจนถึงขั้นหกล้มและเหยียบกันตาย

รายที่เมามายจนหนีไม่ทันก็ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตในที่สุด
99.jpg

เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยให้ข้อแนะนำว่า การออกไปอยู่ในอาคารปิดทึบ ไม่ว่าจะเป็นผับ บาร์ หรือห้างสรรพสินค้า

สิ่งที่พึงกระทำเป็นอันดับต้นๆ คือการมองหาทางหนีไว้อย่างน้อย 2 ทาง

เช่น สังเกตตำแหน่งบันไดหลักและบันไดหนีไฟ ประตู หน้าต่าง เส้นทางหนีไฟ และทางออกจากตัวอาคาร

และจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าทางออกนั้นไม่ได้ปิดล็อกหรือมีสิ่งกีดขวาง สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยจริง

นอกจากนี้ต้องสังเกตอุปกรณ์ช่วยชีวิตและอุปกรณ์เตือนภัยว่ามีอยู่หรือไม่ เป็นแบบใด อยู่ที่ไหน จำนวนและใช้อย่างไร

ได้แก่ เครื่องดักจับควัน (Smoke Detectors) เครื่องดักจับความร้อน (Heat Detectors) อุปกรณ์ดับเพลิงอัตโนมัติ (Sprinkler) อุปกรณ์แจ้งเหตุฉุกเฉิน (Fire/Emergency Alarm) และเครื่องดับเพลิง (Fire Extinguisher)

เมื่อถึงเวลาที่ต้องผจญเหตุเพลิงไหม้จริงๆ มีวิธีการช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นดังนี้

1. ปิดประตูหน้าต่างห้องที่เกิดเพลิงไหม้ให้สนิทที่สุดทันทีถ้าทำได้ เพื่อป้องกันการลุกลามของเพลิง แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีใครติดอยู่ข้างใน แล้วรีบวิ่งหนีออกมา

2. เปิดสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ หากไม่มีอุปกรณ์แจ้งเหตุฉุกเฉิน ให้ช่วยกันตะโกนดังๆ หลายๆ ครั้งว่า "ไฟไหม้" จากนั้นรีบโทรศัพท์เรียกหน่วยดับเพลิงทันที

3. หากอยู่ในอาคารที่มีเพลิงไหม้ ก่อนจะเปิดประตูต้องระวัง ให้นั่งชันเข่าให้มั่นคงหลังประตู แล้วใช้หลังมือแตะที่ลูกบิดประตู

ถ้ามีความร้อนสูงแสดงว่ามีเพลิงไหม้อยู่บริเวณใกล้ๆ อย่าเปิดประตูโดยเด็ดขาด

แต่หากลูกบิดไม่ร้อน ให้ค่อยๆ บิดออกช้าๆ โดยใช้ไหล่คอยหนุนประตูไว้

หากทำได้ควรหาผ้าชุบน้ำปิดจมูก หรือผ้าห่มชุบน้ำชุ่มๆ ไว้ด้วย

4. หากต้องเผชิญกับควันไฟที่ปกคลุม ให้ใช้วิธีคลานต่ำๆ และหนีไปยังทางออกฉุกเฉิน เพราะอากาศที่พอหายใจได้จะอยู่ด้านล่างเหนือพื้นห้องไม่เกิน 1 ฟุต

เนื่องจากผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุเพลิงไหม้ประมาณร้อยละ 90 เป็นผลมาจากสำลักควันไฟ เพราะมีทั้งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และไอร้อน ทำให้ขาดออกซิเจน ควรเตรียมหน้ากากหนีไฟฉุกเฉิน (Emergency smoke mask) ไว้จะปลอดภัยกว่า หรืออาจใช้ถุงพลาสติกใสขนาดใหญ่ตักอากาศ แล้วคลุมศีรษะหนีฝ่าควันออกมา

เพราะการคลานต่ำจะไม่สามารถทำได้จากชั้นบนลงชั้นล่างที่มีควัน

5. อย่าใช้ลิฟต์และบันไดเลื่อนขณะเกิดเพลิงไหม้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะหยุดการทำงานเนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้า ให้ใช้บันไดหนีไฟเท่านั้น

6. หากติดอยู่ในวงล้อมของไฟ ให้โทรศัพท์แจ้งหน่วยดับเพลิงว่าท่านอยู่ที่ตำแหน่งใดของเพลิงไหม้ แล้วหาทางช่วยเหลือตัวเองโดยปิดประตูให้สนิท หาผ้าหนาๆ ชุบน้ำอุดตามช่องที่ควันเข้าได้

เช่น ใต้ประตูหรือช่องลมต่างๆ ปิดพัดลมและเครื่องปรับอากาศ แล้วเปิดหน้าต่างส่งสัญญาณด้วยการโบกผ้า และตะโกนขอความช่วยเหลือ

7. หากมีไฟลามติดตัว ให้ทรุดกายลงกลิ้งกับพื้นเพื่อดับไฟ
ที่สำคัญที่สุดเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ คือต้องควบคุมสติให้ดี
อย่าตื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

ขอบคุณที่มาจาก ข่าวสด
ที่มา :www.sanook.com



#142232 ธรรมของสัตบุรุษ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 07 January 2009 - 09:18 PM ใน ธรรมกถึก

77.jpg

ธรรมของสัตบุรุษ

ธรรมของสัตบุรุษเรียกว่า สัปปุริสธรรม มี ๗ อย่าง คือ

๑. ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ เช่น รู้จักว่าสิ่งนี้เป็นเหตุแห่งสุข สิ่งนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์
๒. อัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักผล เช่น รู้จักว่าสุขเป็นผลแห่งเหตุอันนี้ ทุกข์เป็นผลแห่งเหตุอันนี้
๓. อัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักตนว่า เราว่าโดยชาติ ตระกูล ยศ ศักดิ์ สมบัติ บริวาร ความรู้และคุณธรรมเพียงเท่านี้ ๆ แล้วประพฤติตนให้สมควรแก่ที่เป็นอยู่อย่างไร
๔. มัตตัญญุตาความเป็นผู้รู้ประมาณ ในการแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีวิตแต่โดยทางที่ชอบ และรู้จักประมาณในการบริโภคแต่พอควร

๕. กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาลเวลาอันสมควร ในอันประกอบกิจนั้น ๆ
๖. ปริสัญญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประชุมชน และกริยาที่จะต้องประพฤติต่อประชุมชนนั้นๆ ว่า หมู่นี้เมื่อเข้าไปหาจะต้องทำกริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างนี้ เป็นต้น

๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคลว่า ผู้นี้เป็นคนดีควรคบ ผู้นี้เป็นคนไม่ดี ไม่ควรคบ เป็นต้น


สัปปุริสธรรมอีก ๗ อย่าง

๑. สัตบุรุษประกอบด้วยธรรม ๗ อย่าง คือ มีศัรทธา มีความละอายต่อบาป มีความกลัวต่อบาป เป็นคนได้ยินได้ฟังมาก เป็นคนมีความเพียร เป็นคนมีสติมั่นคง เป็นคนมีปัญญา
๒. จะปรึกษาสิ่งใดกับใคร ๆ ก็ไม่ปรึกษาเพื่อจะเบียดเบียนตนและผู้อื่น
๓. จะคิดสิ่งใดก็ไม่คิดเพื่อจะเบียดเบียนตนและผู้อื่น
๔. จะพูดสิ่งใดก็ไม่พูดเพื่อจะเบียดเบียนตนและผู้อื่น
๕. จะทำสิ่งใดก็ไม่ทำเพื่อจะเบียดเบียนตนและผู้อื่น
๖. มีความเห็นชอบ มีเห็นว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วเป็นต้น
๗. ให้ทานโดยเคารพ คือเอื้อเฟื้อแก่ของที่ตัวให้ และผู้รับทานนั้นไม่ทำอาการดุจทิ้งเสีย


ที่มาเว็บพลังจิต http://board.palungj...ad.php?t=167292



#142048 เด็กอภิญญา อายุ 13 แรงบุญแรงกรรม...ใครว่าไม่มีจริง

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 06 January 2009 - 08:56 PM ใน วิทยาศาสตร์ทางใจ

ขอให้ทุกท่านไปอ่านเรื่องราวแบบเต็มๆ ได้ที่ Link ด้านล่างครับ

http://board.palungj...ad.php?t=129821

ซึ้งผู้แต่งได้เขียนเรื่องเอาไว้ที่เวปพลังจิตดอมคอมครับ
----------------------------
ขอให้ทุกท่านเข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นแดนบรมสุขเถิด



#137479 เมื่อไรเราจะได้เห็นสันติภาพที่แท้จริง?

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 07 December 2008 - 03:50 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

สันติภาพโลกและความสุขที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติ จะมาถึงแน่นอน ในอนาคต
ผมเชื่อว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้สร้างได้ด้วยธรรมะในพระพุทธศาสนา
ดังนั้นถ้าถามว่าสันติภาพโลกจะมาถึงเมื่อไหร่ คงจะตอบว่า
เมื่อวันที่พระพุทธศาสนาแผร่ขยายครอบคลุมทั่วโลก นั่นล่ะครับ
เมื่อผู้คนทั้งหลายบนโลก ได้รู้ความจริงว่า นรก สวรรค์ มีจริง บุญบาปมีจริง พระนิพพานมีจริง
และผมเชื่อว่าสิ่งนี้คือแรงบันดาลและแรงจูงใจที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะทำให้คนทำความดีตลอดไป
เพราะถ้าผู้คนทั้งหลายได้รู้อย่างนี้แล้ว คนทั้งหลายก็จะทำแต่ความดี ไม่กล้าทำความชั่วแม้แต่น้อย
ความดี ความเจริญ ก็จะแพร่ขยายไปทั่วโลก เมื่อนั้นจึงจะเป็นนิมิตรว่าสันติภาพโลกกำลังจะเกิดขึ้นครับ

happy.gif สันติภาพโลกที่แท้จริง



#135358 รายการวัดพระธรรมกายออกอากาศทั่วโลกทาง BBC-21 พ.ย. นี้

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 21 November 2008 - 04:57 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

สาธุ สักวันหนึ่งข้างหน้า พระพุทธศาสนาจะขยายครอบคลุมทั่วโลก
และ วันนั้นสันติสุขที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้เป็นแน่แท้
happy.gif happy.gif



#124338 ถามเรื่องการลงมาสร้างบารมี

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 24 September 2008 - 12:49 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อยากทราบว่าหมู่คณะเราึจะขึ้นไปพักกลางทางกันที่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ
แล้วจะลงมาสร้างบารมีอีกครั้งเมื่อไหร่ครับ อีกนานไหมครับ


----------------



#124316 สร้างบารมี 2 รอบ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 24 September 2008 - 10:55 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

happy.gif happy.gif



#124314 ถามผู้รู้

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 24 September 2008 - 10:52 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

happy.gif



#124309 อยากถามเกี่ยวกับ ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตใน

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 24 September 2008 - 10:35 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

happy.gif



#124197 ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 23 September 2008 - 05:25 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

จากทุกคำตอบของทุกท่าน ทุกข้อ เกี่ยวข้องกับธรรมะทั้งนั้นเลยนะครับ
ดังนั้นเรื่องของธรรมะจึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นคำตอบว่า บุญ พระนิพพาน พระธรรมกาย ของแต่ละท่าน
คำถามแต่ละข้อ สำคัญทั้งนั้น และสิ่งที่พวกท่านตอบมา ผมก็คิดว่าคงเป็นความจริง
คนที่หมกมุ่นอยู่แต่ทางโลก ไม่สนใจทางธรรมเลย ถ้าถามคำถามเหล่านี้แก่พวกเขา
พวกเขาจะตอบยังไง คำตอบที่ได้อาจไม่ตรงกับของพวกท่านก็ได้
แล้วพวกเขาก็ยึดติดกับคำตอบนั้น ซึ้งอาจจะผิด ความจริงนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความคิดเห็น หรือมุมมอง
ที่มีอยู่ตามความรู้ ความเข้าใจที่แตกต่างกัน แต่ขึ้นอยู่กับการได้พบเจอความจริง ดังที่
พวกท่านทุกคนตอบมา

สาธุ..



#123258 ถ้า dmc.tv จะได้ออกทีวี

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 16 September 2008 - 06:55 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ขออนุโมทนาล่วงหน้าครับ
ก่อนหน้านั้นผมก็เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้ารายการ DMC ได้ออกทีวี
แบบเต็มๆคงจะดีมาก ในความรู้สึกของผมสื่อทางโทรทัศน์มีอิทธิพลค่อนข้างเยอะต่อผู้คน
และสามารถชักจูงได้ดี เพราะเกือบทุกคนก็ดูโทรทัศน์ ส่วนรายการในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผมคิดว่า
น่าจะเป็น
1.รายกายทันโลกทันธรรม เพราะเป็นรายการที่นำเสนอ สาระดีๆที่หลายคนก็
อาจไม่เคยรู้มาก่อน เป็นรายการที่เหมาะสำหรับผู้คนทั้งหลาย นำเสนอสาระที่ดีมาก มีประโยชน์ต่อทุกคน
สามารถนำไปปฎิบัติในชีวิตประจำวันได้จริง และเกิดประโยชน์ ตั้งแต่ผมดูทีวีมา ผมรู้สึกว่ายังไม่ได้เจอ
รายการทีวีแนวเดียวกับรายการทันโลกทันธรรมนะครับ ที่มีพิธีกรออกมานั่งพูด แบบนั้น เหมือนนักข่าว
และอีกอย่างนะครับก็คือเป็นการอธิบายเรื่องเดียวทั้งทางโลกและทางธรรม เรื่องต่างๆเหล่านั้นสามารถอธิบายได้ด้วย
ธรรมะ ทำให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ หรือใครหลายๆ คนเลิกล้มความคิดที่ว่า ธรรมะเป็นเรื่องเก่าแก่ เป็นเรื่องเชย
และจะได้เปลี่ยนมาสนใจธรรมะกันมากขึ้น

2. เรื่องสมาธิตามแนววิชชาธรรมกาย ดีไหมครับ ผมว่าเจ๋งไปเลยนะครับ
เพราะสมาธิ เราทุกคนก็ต้องใช้ในชีวิตประจำวันกันอยู่แล้ว แต่นี้เป็นการสอน
เรื่องสมาธิตามแนววิชชาธรรมกาย เหมือนกว่าการนั่งสมาธิเพื่อให้ใจสงบ มีสติ
เป็นนำวิชชาธรรมกายมาเสนอ ให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้ความจริงกัน ผมว่าดีนะครับ
เป็นการเผยแพร่วิชชาธรรมกายไปด้วย คงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้ารายการสามารถทำให้คนทั้งหลาย
หันมาสนใจวิชชาธรรมกายกันมากขึ้น จนถึงขั้นปฎิบัติเข้าถึงพระธรรมกายภายใน

ผมคิดว่าถ้ารายการได้ออกทีวีนั้น ควรเป็นรายการที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ชม เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม
ควรคำนึงถึงประโยชน์ที่คนดูได้รับเป็นหลัก เป็นรายการที่ทำให้คนทั้งหลายหันมาสนใจธรรมะกันมากขึ้นครับ
แต่ก็ต้องระวังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจมีขึ้นได้นะครับ แต่ถึงยังไงถ้าสิ่งที่นำเสนอ
เป็นความจริง เป็นเรื่องจริง และเกิดประโยชน์ต่อผู้คน ก็สบายใจได้ครับ
ผมอยากให้คนดูรายการ DMC ที่ได้ออกทีวีมีความรู้สึกว่า เป็นรายการที่เยี่ยมไปเลย
ให้คนดูรู้สึกว่า รายการนี้เกิดประโยชน์ต่อผู้คนทั้งหลาย ต่อสังคม เป็นรายการที่น่าสนใจจริงๆ
ให้คนดูรู้สึกว่า รายการนี้ควรได้รับการสนับสนุน

ปล. นี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ แต่รายการจริงๆ จะออกมายังไง
ก็ขอให้เรตติ้งดีๆ ได้รับความนิยมนะครับ

สาธุ สาธุ

happy.gif happy.gif



#123241 กัลยาณมิตร

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 16 September 2008 - 05:01 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

การได้พบเจอกัลยาณมิตร ก็เหมือนได้พบแสงสว่างแก่ชีวิต
ความสุข ความสำเร็จ สิ่งที่ดีๆก็จะตามมาครับ
เรื่องกัลยาณมิตร จึงเป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆครับ
ในหนังสือมงคลชีวิต ก็ให้ความสำคัญในเรื่องการคบมิตรเป็นอันดับ 1
หนังสือมงคลชีวิตเป็นหนังสือที่ดีครับ ผมว่าเหมาะสำหรับทุกคน
หมั่นทำแต่ความดี ถึงเวลาความดีก็ส่งผลเองครับ

--- สิ่งที่แสวงหา "ความจริง"





#122795 ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 13 September 2008 - 01:34 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ครับ คุณDd2683 ผมพอมีคำตอบในใจเหมือนกัน
แต่ผมตั้งคำถาม เพื่อให้มีมุมมองที่กว้างขึ้นน่ะครับ

ขอให้ทุกคนได้บรรลุถึงความจริงของทุกคำถามนะครับ

สาธุ สาธุ



#122694 ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 12 September 2008 - 06:54 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ผมมีคำถามที่อยากจะถามหลายคนในที่นี้
เป็นคำถามที่สำคัญของชีวิต และคิดว่าทุกคนควรรู้ คำถามของผมก็คือ

1.ความสุขที่แท้จริงคืออะไร

2.อะไรคือประโยชน์สูงสุดที่คนเราควรได้รับ

3.อะไรคือความจริงสูงสุดที่คนเราควรแสวงหา

4.อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด หรือสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต

5.การได้รู้เรื่องอะไร เป็นการได้รู้ที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิต

6.คุณค่าและแก่นสารของชีวิตคืออะไร


-------------------------------

ขออนุโมทนา กับทุกคำตอบครับ

สาธุ สาธุ happy.gif



#122678 จุดมุ่งหมายของชีวิต

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 12 September 2008 - 06:13 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ผมมักจะคิดเสมอว่าเป้าหมายชีวิตนั้น ควรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเรา
การก้าวไปถึงเป้าหมายชีวิตนั้น เป็นเหมือนความสำเร็จของชีวิตที่งดงาม
เป็นผลรวมของความสำเร็จทั้งปวง ถ้าได้บรรลุเป้าหมายชีวิตแล้ว ผมก็พอใจชีวิตนี้แล้วที่ได้เกิดมา
มีคำถามที่สำคัญสำหรับชีวิตอยู่หลายข้อ แต่หนึ่งในนั้นก็คือ คำถามที่ว่า
อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต ? คำตอบนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ซึ้งอาจไม่เหมือนกัน
บางคนหรืออาจจะหลายคนเกิดมาไม่เคยถามคำถามนี้กับตัวเอง
บางคนถามคำถามนี้กับตัวเองแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน แน่นอน

ชีวิตเหมือนการเดินทาง เพื่อไปสุ่ที่หมาย ผ่านเรื่องราว ต่างๆมากมาย ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านไป
แต่ละคนมีมุมมองที่ต่างกัน ใช้ชีวิตตามความรุ้ ความเข้าใจของแต่ละคน
เหตุผลของคนหนึ่งอาจใช้ไม่ได้กับอีกคนหนึ่ง บางคนก็คิดให้อยุ่รอดไปวันๆก็ดีแล้ว บางคนก็ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้
ใครหลายคนในที่นี้ตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ ก็ขอให้วันนั้นมาถึงนะครับ


laugh.gif laugh.gif





#122244 เดวิด เบคแฮม พร้อมภรรยา หันมานับถือศาสนาพุทธ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 09 September 2008 - 04:10 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ถ้าเบคแฮมได้กัลยาณมิตรที่เยี่ยมยอดมาช่วยเสริม
เขาต้องไปได้ไกลแน่ครับ เพราะเขามาถูกทางแล้ว


laugh.gif laugh.gif



#122209 เดวิด เบคแฮม พร้อมภรรยา หันมานับถือศาสนาพุทธ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 09 September 2008 - 11:53 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

เดวิด เบคแฮม พร้อมภรรยา หันมานับถือศาสนาพุทธ


David_Victoria_Beckham.jpg


ปักกิ่ง 8 ก.ย.- เดวิด และวิคตอเรีย เบคแฮม 2 สามีภรรยาชื่อดัง หันมานับถือศาสนาพุทธ ทั้งคู่ยังสวดมนต์ทุกเช้าเพื่อช่วยให้จิตสงบนิ่ง ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในชีวิตประจำวัน

2 สามีภรรยาตระกูลเบคแฮม พร้อมลูกชายอีก 3 คน ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ ได้พักใหญ่ ๆ แล้ว แหล่งข่าวได้เผยกับนิตยสาร “ลุค” ในอังกฤษ ว่า ทั้งคู่กลายเป็นชาวแคลิฟอร์เนียเต็มตัว และเดวิด ยังหาลูกปัดนำโชคมาใส่ไว้ที่ข้อมือ

เดวิด ยังหันมาเรียนโยคะ หลังเขามีอาการเจ็บที่หัวเข่า และที่ชั้นเรียนโยคะนี่เอง ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้หลักธรรมของพุทธศาสนา โดยเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งเป็นผู้แนะนำให้เดวิด รู้จักการสวดมนต์ตามหลักศาสนาพุทธเพื่อช่วยให้จิตใจสงบนิ่ง นับจากนั้น เดวิด และวิคตอเรีย ก็หันมาสวดมนต์นาน 5 นาที ทุกเช้าหลังตื่นนอน และก้าวลงจากเตียงด้วยเท้าขวา เพราะเชื่อว่าจะทำให้โชคดีตลอดทั้งวัน

แหล่งข่าวยังเผยว่า 2 สามีภรรยาคู่นี้ ยังลงทุนจ้างผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ย มาช่วยปรับเปลี่ยนที่พักอาศัยเพื่อช่วยเรื่องการมีบุตร และเสริมโชคชะตาให้เดวิด กลับมาเป็นนักเตะแข้งทองเช่นเดิม.-สำนักข่าวไทย


78.jpg 45070_beckham.jpg

จากสำนักข่าวไทย http://news.mcot.net...Jm50eXBlPXRleHQ



#118212 ลูกเดือย ยาอายุวัฒนะ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 08 August 2008 - 09:56 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

88.jpg


ลูกเดือย ยาอายุวัฒนะ

ฉบับนี้ ‘ป้าบัว’ มีเรื่องของ ‘ลูกเดือย’ มาฝากกันค่ะ เพราะธัญพืชเมล็ดกลมๆเล็กๆนี้ อัดแน่นด้วยคุณภาพของสารอาหารที่มีประโยชน์ บำบัดโรคได้สารพัด จนชาวจีนยกให้เป็น ยาอายุวัฒนะอีกชนิดหนึ่งทีเดียว

ในตำรายาจีนบอกไว้ว่า ลูกเดือย ซึ่งมีรสจืดนั้นมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยบำรุงกำลัง หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงปอด ม้าม ตับ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ท้องเสีย แก้ทางเดินหายใจ เหน็บชา แก้ปวดเข่า ปวดข้อ ไขข้ออักเสบ แก้ชักกระตุก บวมน้ำ ปอดอ่อนแอไอเป็นเลือด ฝีที่ลำไส้ แก้อาการ ตกขาวผิดปกติ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงเส้นผมและผิวหนัง แก้ร้อนในกระหายน้ำ ลดการเกิดกระ รักษาโรคหูด ลดการ เกิดมะเร็ง เพราะมีสารคอกซีโนไลด์ (coxenolide)ที่มีสรรพคุณในการยับยั้งการเกิดเนื้องอก

ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ว่าสารคอกซีโนไลด์ในเมล็ดเดือยมีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริญของเนื้องอก และพบว่าสารสกัดด้วยน้ำหรือตัวทำละลายอินทรีย์ จากรากหรือเมล็ดเดือยมีฤทธิ์ทำให้การหมุนเวียนของเลือดที่ผิวหนังดีขึ้น ทำให้เส้นผมงอกงามดี

ผลการทดลองการรักษาโรคหูดที่มักจะเป็นเรื้อรัง ก็ช่วยยืนยันสรรพคุณของลูกเดือย โดยการทดลองในคนไข้ 23 ราย ให้กินลูกเดือย 60 กรัม ต้มรวมกับข้าวรับประทานวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันจนกว่าจะหาย หลังจากกินลูกเดือยติดต่อกัน 7-76 วัน ได้ผลหายขาด 11 ราย อาการดีขึ้น 8 ราย ไม่ได้ผล 6 ราย ซึ่งอาจเป็นเพราะสารจากลูกเดือย มีฤทธิ์ ทำให้เลือดมาเลี้ยงที่ผิวหนังดีขึ้น หรือจากฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกนั่นเอง

เหตุที่ลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีปริมาณโปรตีน 13.84% คาร์โบ-ไฮเดรต 70.65% เยื่อใย 0.23% ไขมัน 5.03% แร่ธาตุต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงกระดูก มีอยู่ในปริมาณสูง รวมทั้งวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 โดยเฉพาะวิมามินบี 1 มีในปริมาณ มาก (มีมากกว่าข้าวกล้อง) ซึ่งช่วยแก้โรค เหน็บชาด้วย

ยังค่ะ..คุณค่ายังไม่หมดเท่านี้ เพราะลูกเดือยยังมีกรดอะมิโนทุกชนิดที่สูงกว่าความต้องการตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ยกเว้นเมทไธโอนีนและไลซีน เช่น มีกรดกลูตามิกในปริมาณมากตามด้วยลูซีน, อลานีน,โปรลีน วาลีน, ฟินิลอลานีน, ไอโซลูซีน และอาร์จีนีนลดหลั่นลงมา

แถมลูกเดือยยังมีกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัวด้วย เช่น กรดโอเลอิค และกรดลิโนเลอิก รวมแล้วถึง 84% และเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัว คือ ปาล์มิติ และสเตียริก เพียง 16% เท่านั้น

เห็นมั้ยคะว่า ลูกเดือยเป็นอาหารคุณภาพคับเมล็ดจริงๆ เพราะให้ทั้งพลังงาน ไขมัน แร่ธาตุ และกรดที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยอดเยี่ยม

ลูกเดือยจึงเป็นอาหารบำรุงกำลังชั้นดี เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เด็กๆที่รับประทานลูกเดือยเป็นประจำ จะช่วยบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร สตรีหลังคลอดควรรับประทานลูกเดือยเพื่อบำรุงเลือด และผู้สูงอายุที่รับประทานลูกเดือยจะช่วยบำรุงการทำงานของไต

เหตุที่ลูกเดือยมีคุณค่าทางโภชนาการสูงดังกล่าวแล้ว คนจีนส่วนใหญ่ จึงนิยมนำมาบดผสมข้าวต้มกินทุกวัน

นอกจากนี้ ลูกเดือยยังนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด รวมไปถึงทำเป็นอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อีกด้วยค่ะ

ลูกเดือยเป็นธัญพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายกันทั่วไป ใครใคร่รับประทานแบบไหนก็เลือกซื้อหากันตามชอบใจนะคะ

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 93 ส.ค. 51 โดยป้าบัว)




#117875 29 สุดยอดอาหาร คงความอ่อนเยาว์

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 06 August 2008 - 05:17 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

tttt.jpg


คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปรารถนาที่จะมีตีนกาอยู่บนใบหน้าเป็นแน่ แต่เพราะตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เรื่องของริ้วรอยเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้!!

อยากให้ริ้วรอยลดเลือนลงไป แถมมีกระดูกที่แข็งแรง และมีพลังมากกว่านี้บ้างมั้ยล่ะ ลองเติมสุดยอดอาหารเหล่านี้ลงในเมนูของคุณดูสิ...

สดใสดูอ่อนกว่าวัย Stay looking young เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่ว่ามาทั้งหมดนี้ เพียงอย่างน้อย 1 อย่าง เป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยให้เส้นผมดำขลับ เงางาม ผิวพรรณผุดผ่องและดวงตาเป็นประกาย

1. บลูเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) สารเม็ดสีในบลูเบอร์รี่ ช่วยในการมองเห็น ขอแนะนำให้คุณลอง ปั่นบลูเบอร์รี่รวมกับนมหรือโยเกิร์ตดู

2. พริกหยวก : ทั้งพริกแดง พริกเขียว และพริกเหลืองต่างมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย น้ำฉ่ำๆ จากพริกหยวกยังจะช่วยให้สุขภาพเล็บแข็งแรง ลองนำพริกไปทำซัลซ่า โดยผสมเข้ากับมะเขือเทศ กระเทียม พริกแดง แตงกว่า น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาวดูสิ นอกจากจะได้ประโยชน์
มหาศาลจากเหล่าสุดยอดอาหารแล้ว ยังได้อร่อยกับเมนูเด็ดจากฝีมือของคุณเองอีก

3. กะหล่ำปลี : เห็นเขียวๆ ม่วงๆ อย่างนี้รู้มั้ยว่ากะหล่ำปลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ, ซีและเบตาแคโรทีนที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ เพียงหั่นกะหล่ำปลีบางๆ แล้วนำลงไปผัดกับขิงและกระเทียม เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารมื้อค่ำสำหรับตัวคุณเองแล้ว

4. วอลนัท : ทองแดงในวอลนัทช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัยอันควร ลองโรยวอลนัทลงบนสลัดหรือโยเกิร์ตก็ไม่เลวนะ

5. แอปริคอท : สารเบตาแคโรทีนในแอปริคอทช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยในการมองเห็นได้ดี ใส่แอปริคอทลงไปในสตูว์ไก่ ผสมกับขิงและอบเชยให้ได้กลิ่นอายแบบโมร็อคโค

6. อะโวคาโด : การรับประทานอะโวคาโดช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และปกป้องผิวจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด เนื่องจากอะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินอี บดอะโวคาโดโรยหน้าโอ๊ตเค้กเป็นของทานเล่นดู
ก็ได้

7. สตรอเบอร์รี่ : วิตามินซีและ สารบางอย่างในสตรอเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผนังเส้นเลือดผลไม้สีแดงสดทรงเสน่ห์แบบนี้ เพียงแช่เย็นไว้จิ้มกินกับเกลือตอนนั่งดูทีวีก็เพลินดีไม่น้อย

8. เต้าหู้ : หยุดยั้งผิวที่ซีดและแห้งโดยการรับประทานอาหารอย่าง เต้าหู้ เพราะในเต้าหู้มีสารที่จะช่วยคืนสภาพผิวและป้องกันรอยเหี่ยวย่น ลองผัดรวมกับผักกรอบๆ หรือทำเป็นต้มจืดเอาไว้ทานเป็นมื้อเย็นนอกจากจะช่วยคืนสภาพผิวแล้ว ยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

9. ข้าวโอ๊ต : เต็มไปด้วยเส้นใยที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลดอาการตึงเครียด จึงทำให้รอยเหี่ยวย่นน้อยลง เพียง โรยข้าวโอ๊ตลงบนมูสลี่ หรือนมอุ่นๆ ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยแค่นี้ก็ทานได้
แล้ว กระชุ่มกระชวยเหมือนแรกสาว

Stay feeling young

10. กระเทียม : สมุนไพรกลิ่นแรงอย่างกระเทียมมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย ล้างพิษ และป้องกันไวรัสจากโรคภัยไข้เจ็บ ตั้งแต่ไข้หวัดไปจนถึงมะเร็ง อาหารไทยส่วนใหญ่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

11. แครนเบอร์รี่ : ผลไม้มหัศจรรย์ช่วยต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ จากงานวิจัยล่าสุดพบว่ายังช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้ชะงัดอีกด้วย อาจจะทำเป็นแยมไว้รับประทานกับขนมปังหรือทำเป็นซอสแครนเบอร์รี่ไว้ทาไก่หรือเนื้อย่างก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน

12. ลินสีด : ช่วยลดอาการเจ็บตามข้อต่อ เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ร่างกายใช้ในการสร้าง
ฮอร์โมนที่มีคุณสมบัติป้องกันอาการอักเสบ ลองเติมลงในน้ำปั่นหรือโรยหน้าสลัดดูก็ได้นะ

13. กีวี : วิตามินซีและสารอาหารบางอย่างในกีวีช่วยในการไหลเวียนของออกซิเจน ลดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น โรคหืด หอบ หั่นกีวีเป็นลูกเต๋าเสียบไม้กับมะม่วงหรือกล้วย ทาด้วยน้ำผึ้ง แล้วนำไป
ย่าง อาจจะได้รสชาติแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง

14. ลูกพลัม : อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยป้องกันการถูกทำลายของไขมันซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเซลล์สมอง นำลูกพลัมไปเคี่ยวกับน้ำส้ม และโรยลงไปบนมูสลี่ หรือจะกินเล่น เป็นขนมขบเคี้ยวก็ไม่มีใครว่า

15. กล้วย : เป็นแหล่งรวมของโพแทสเซียม นอกจากกล้วยจะช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารแล้วยังช่วยลดอาการท้องผูก แค่ผสมเข้ากับนม น้ำผึ้ง และอัลมอนด์ ก็จะได้อาหารเช้าที่แสนอร่อย

16. ส้ม : การรับประทานส้มทั้งผลแทนการดื่มน้ำส้มจะช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ มิหนำซ้ำวิตามินซีในส้มยังช่วยป้องกันและเยียวยาโรคหวัด นอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องของการขับถ่าย
ด้วย
78.jpg

17. ข้าวกล้อง : ฮอตฮิต อินเทรนด์กันอยู่พักใหญ่ เพราะอุดมไปด้วยแร่แมงกานีสที่จะช่วยให้พลังงานกับร่างกายโดยการให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย ใครที่ไม่ชอบสีจัดจ้านของข้าวกล้องก็สามารถหุงข้าวกล้องรวมกับข้าวสวยได้

18. มะเขือม่วง : เปลือกของมะเขือม่วงอุดมไปด้วยนาซูนิน (nasunin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยปกป้อง
สมองของคุณจากการถูกทำลาย เพื่อคงความฉลาดหลักแหลมของคุณไว้ ลองนำมะเขือม่วงไปทำแกง หรือรับประทานกับข้าวกล้องก็อร่อยไม่เบา

แข็งแรงได้ใจ Stay healthy!

จากการศึกษาพบว่า อะไรก็ตามที่คุณรับประทานเข้าไป มีโอกาสที่จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ดีขึ้นได้ เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจ เพื่อให้อัตราการเสี่ยงของคุณลดน้อยลง ลองอาหารพวกนี้ดูสิ

19. ลูกพรุน : โพแทสเซียมในลูกพรุนช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดและลดระดับความดันเลือด ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหัวใจ เสิร์ฟคู่กับโยเกิร์ตหรือกินเล่นเป็นของว่างก็ดี

20. คะน้า : ช่วยให้ตับของคุณผลิตเอ็นไซม์ในการต่อต้านมะเร็ง เมื่อคุณเคี้ยวคะน้า จากการวิจัยพบว่าสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมได้ ฮืม...ม เลือกผัดคะน้าปลาเค็ม เป็นเมนูมื้อ
กลางวันดีกว่า (อ้อ อย่าลืมทุบกระเทียมลงไปด้วยนะ)

21. ผักโขม : คุณจะได้รับแคลเซียมจากผักโขม ในขณะเดียวกันก็มีแมกนีเซียมที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดี การรับประทานใบอ่อนของผักโขมในสลัด จะช่วยให้ป้องกันโรคกระดูกเปราะและหักง่ายเนื่องจากขาดแคลเซียม

22. ราสเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่าสารแอนตี้ออกซิเดนท์ในราสเบอร์รี่สามารถยับยั้งการเกิดเนื้อ
ร้ายได้ ลองนำราสเบอร์รี่ไปราดด้วยช็อกโกแลตเหลวแล้วไปแช่เย็นดูสิ

23. ถั่วงอก : สารประกอบ ที่พบในถั่วงอก สามารถช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด นอกจากนี้ถั่วงอก ยังประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยเรื่องโรคเล็กๆ น้อยๆ ของสตรีในวัยหมดประจำเดือนถั่วงอกผัดกับเต้าหู้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่เบา

24. บล็อคโคลี่ : การรับประทานบล็อคโคลี่เป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ถึง20% และยังมีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วย ลวกใส่ในสลัด หรือผัดกับกุ้งสดก็ไม่เลว

25. บีทรูท : เนื้อของบีทรูทอุดมไปด้วยเบต้าไซยานิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านมะเร็ง รับประทานโดยการนำไปตุ๋นหรือย่าง

26. องุ่นแดง : จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดเลือดจับตัวเป็นก้อน และดักจับไขมันในเลือดที่จะเป็นอันตรายต่อเส้นเลือดแดงของคุณ ใส่องุ่นแดงลงในสลัดหรือดื่มไวน์แดงสักแก้วระหว่างมื้อค่ำ

27. ปลาที่มีไขมัน : แซลมอน หรือเนื้อปลาชนิดอื่นๆ ที่มีไขมันปนอยู่บ้างนั้น สามารถช่วยปกป้องคุณจากโรคภัยไข้เจ็บมากมาย อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายังช่วยในเรื่องของสมอง ว่ากันว่าให้เด็กๆ กินปลาแล้วจะฉลาด ปลานึ่ง ปลาย่างราดซอสอร่อยๆ ล้วนเป็นทางเลือกที่ดี

28. มะเขือเทศ : สารไลโคพีนี (lycopene) ในมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูก
หมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่สำคัญช่วยให้ผิวสวยอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะ
เลือกเอาเลยว่าคุณอยากจะใส่มะเขือเทศลงในอาหารอะไรบ้าง

29. หัวหอม : หัวหอมที่มีกลิ่นไม่หอมเหมือนชื่อนี้จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ซอยเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ใส่ในไข่เจียว หรือซอยใส่อาหารประเภทยำช่วยเพิ่มรสชาติได้ดีทีเดียว

รูปภาพแนบ

  • tttt.jpg
  • 78.jpg



#117872 7 สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 06 August 2008 - 05:09 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

7 สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด

1. บริหารสมองอยู่เสมอ
ยิ่ง เราใช้สมองมากและบ่อยเท่าไหร่ เซลล์สมองจะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย วิธีบริหารสมอง เช่น การเล่นหมากฮอส ต่อจิ๊กซอว์ หรือเล่นครอสเวิร์ดในเวลาว่าง

2. กินยาเสริมความจำ

มี ผลการวิจัยยืนยันว่าหลังจากการกินโสมในปริมาณ 400 มิลลิกรัมไปแล้ว 1 ชั่วโมง จะทำให้ความสามารถในการจำดีขึ้นและส่งผลต่อไปอีก ถึง 6 ชั่วโมง แปะก๊วยก็มีการยืนยันว่าส่งผลดีต่อระบบความจำเหมือนกัน เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสมอง นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในอเมริกาพบว่า Vinpocetine ที่สกัดได้ขากต้น Periwinkle (ไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีดอกสีฟ้า ใบเข้มเป็นมัน) นั้นจะช่วย เพิ่มความจำและความจดจ่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้นได้

3. กินผักและผลไม้สด

เนื่อง จากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในผักและผลไม้สดจะไปทำลายอนุมูลอิสระซึ่ง เกิดจากการสะสมเป็นเวลานอนของเนื้อเยื่อไขมัน อันจะทำให้สมองอ่อนแอลง และช่วยชะลออาการความจำถดถอยในผู้สูงอายุ อาทิ ผมไม้ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ ต่างๆ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า Anthocyanidin

4. ลดปริมาณแอลกอฮอล์

เพราะ จะส่งผลต่อการปลดปล่อยสาระสำคัญในสมองโดยจะไปขัดขวางความสามารถในการสร้าง ความจำใหม่ ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ ตัวเลข และเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านี้ ความสามารถในการระลึกเหตุการณ์ณ์หรือเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปด้วย

5. ออกกำลังกาย

ขณะ ที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหวนั้นสมองจะได้รับเลือดมากเป็นพิเศษซึ่งนั่นหมาย ถึงว่าสมองจะได้รับกลูโคสและออกซิเจนมากขึ้น ทำให้สมองแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกายยังไปเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นความจำของสารเคมี ในสมองที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor) ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย แต่การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไปกลับไม่เกิดประโยชน์ต่อระบบความจำ

6. จดบันทึกช่วยจำ

เพราะ โดยธรรมชาติของสมองเรานั้นเมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตรงหน้า ความสามารถในการจดจำสิ่งอื่นก็จะลดลง ฉะนั้นการย้าย ข้อมูลจากสมองมาเก็บไว้ในสมุดบันทึกอย่างคอมพิวเตอร์ ปาล์ม หรือโทรศัพท์มือถือ ก็เหมือสเป็นการช่วยลดความหนาแน่นของข้อมูล หรือเพิ่มพื้นที่ว่างในสมองเพื่อ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

7. ทำสมาธิ

สมอง ของคนเรานั้นทำงานที่ความถี่หรือคลื่นสมองที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำหรือคิดอยู่ ภายใต้ความเครียดที่เกิดขึ้น คลื่นเบต้า ของสมองจะทำงานเร็วขึ้นซึ่งจะส่งผลให้สมองลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นเราควรคิดให้ช้าลง โดยการทำสมาธิ หลับตาลงช้าๆ หายใจเข้า เบาๆ ช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ปลายจมูก จากนั้นหายใจออกช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ช่องจมูกทางขวา จากนั้นหายใจเข้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เวลาผ่อนลม หายใจออกให้ตั้งสติที่ช่องจมูกทางซ้าย ทำเช่นนี้สลับกันประมาณ 10 นาที ทุกวันรับรองว่าสมองตื้อๆ ตันๆ จะกลับมาโล่งโปร่งใสเหมือนเดิม



#117760 กรรมพันธุ์กำหนดนิสัย ??

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 05 August 2008 - 09:32 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

กรรมพันธุ์กำหนดนิสัย ??

คณะนักวิจัยระดับนานาชาติได้ข้อสรุปออกมา คือกรรมพันธุ์เป็นตัวกำหนดว่าเด็กคนไหนจะชอบรังแกเพื่อน เด็กคนไหนจะยอมตกเป็นเหยื่อให้เพื่อนรังแก แถมเด็กจำนวนถึง ๓ ใน ๔ คนเสี่ยงที่จะเป็นเหยื่อให้คนอื่นรังแกอีกต่างหาก อย่างนี้ก็แปลว่านิสัยเสียๆแก้ไม่ได้น่ะซี?

คนเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นกำเนิด ทุกคนจักต้องเป็นทายาทรับผลกรรมอันก่อไว้ด้วยตนเองเสมอ ไม่มีข้อยกเว้น ความจริงนี้แม้แต่ฤาษีชีไพรที่ทรงอภิญญา สามารถระลึกชาติได้และรู้เห็นการเกิดตายของเหล่าสัตว์ ก็สามารถยืนยันได้เช่นกัน ไม่แต่เฉพาะนักปฏิบัติธรรมภาวนาในขอบเขตพุทธศาสนาเท่านั้น

ผู้ที่ทราบการจุติและอุบัติของตนเองและสัตว์อื่น ย่อมเล็งเห็นการไหลไปตามกรรม คือใครทำกรรมขาวไว้มากก็ไปที่สว่าง ใครทำกรรมดำไว้มากก็ไปที่มืด ประดุจคนบนยอดเขาสูงย่อมเห็นด้วยตาเปล่าอย่างถนัด ว่าเพราะเลี้ยวซ้ายจะลาดลงต่ำ เลี้ยวขวาจะขึ้นสูง แต่ตรงไปจะตกเหว ในขณะที่คนยืนบนระดับพื้น ณ จุดนั้นไม่อาจทราบถนัดว่าขวาซ้ายหรือตรงจะพาไปพบกับอะไร

ณ วันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าขนาดทำให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มไหวตัว ชักจะระแคะระคายบ้างแล้วว่ากำเนิดมนุษย์ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ในนามของพันธุกรรม ทุกอย่างถูกวางแผนไว้หมด แม้กระทั่งใครจะมีนิสัยอย่างไร ใครจะเป็นฝ่ายกระทำหรือฝ่ายถูกกระทำ

แต่ความรู้นี้อาจก่อให้เกิดความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ง่ายๆ เหมือนที่ในอดีตเมื่อบางคนเชื่อเรื่องกรรมวิบาก ก็เชื่อแบบงมงายว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้น ล้วนเป็นผลบันดาลขึ้นโดยอดีตกรรมในชาติปางก่อน ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ทรงแก้ความเข้าใจเสียใหม่ ว่าตา หู จมูก ลิ้น กาย และสภาพจิตใจแบบหนึ่งๆ คือผลของกรรมเก่า แต่เจตนาอันกำหนดได้ในปัจจุบัน คือกรรมใหม่ อาจจะเหมือนเดิมหรือต่างไปเป็นคนละคนได้ สุดแท้แต่จะเลือกเอาระหว่างยังมีชีวิตมนุษย์

กรรมพันธุ์ที่กำหนดให้เด็กคนหนึ่งเป็น ‘ฝ่ายรังแกเพื่อน’ บ่งบอกว่าเด็กคนนั้นสืบ ‘นิสัยเสียๆ’ ที่เคยมีมาก่อนในตัวตนเก่า ในชาตินี้องค์ประกอบมูลฐานทางกายของเขา จึงกระตุ้นต่อมอยากรังแกคนอื่นตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหมดสิทธิ์ดัดนิสัยตนเอง ขอเพียงเจอใคร หรือเกิดแรงบันดาลใจแรงพอ ก็อาจกัดฟันห้ามใจตนเอง ตั้งใจพัฒนาตนเองให้กลายเป็นลูกผู้ชายที่รักจะปกป้องคนอื่นได้

ลูกโซ่ของกรรมเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทิศทางได้ หรือแม้กระทั่งตัดให้ขาดเข้าสู่นิพพานไปเลยก็ยังไหว และโอกาสของความเป็นไปได้ที่จะเลือก ก็คือเมื่อมีวาสนาพอจะเป็นมนุษย์ พบพุทธศาสนา เพราะความเป็นมนุษย์คือศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง ส่วนพุทธศาสนาคือเข็มทิศที่บอกได้ดีที่สุดว่าควรเปลี่ยนแปลงไปในทางใด!


ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thairath....p;content=73733



#117759 คนบางคนคิดว่าการให้เพื่อหวังบุญเป็นกิเลส

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 05 August 2008 - 09:26 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อธิษฐาน แปลว่า การตั้งมั่น การตัดสินใจ การตั้งความปรารถนา ในสิ่งที่เรามุ่งหวัง

การอธิษฐาน ถือเป็นบารมี 1 ใน 10 ทัศที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ต้องสั่งสมให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์จึงจะสามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณได้

การอธิษฐานนั้น ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนหางเสือเรือ ที่จะคัดท้ายนาวาชีวิตให้ไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ถ้าปราศจากการอธิษฐานเสียแล้ว ชีวิตก็เหมือนเรือที่ขาดหางเสือ ไม่มีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน ได้แต่ลอยตามน้ำ ตามกระแสกิเลส ยากที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้

ดังนั้นการอธิษฐานที่เรียกว่าเป็นอธิษฐานบารมีคือ การอธิษฐานเพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพาน ให้มีสิ่งดีๆ บังเกิดขึ้นในชีวิตเพื่อเกื้อหนุนในการสร้างบารมี สร้างความดี ได้ยิ่งๆ ขึ้นไป

สำหรับข้อดีของการอธิษฐานบารมีก็เหมือนกับที่ผมบอกข้างบน คือ เป็นหางเสือชีวิต เป็นการตั้งผังชีวิตในภพชาติต่อไป ว่าต้องการให้มีชีวิตเป็นอย่างไร หรือถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ การอธิษฐานก็เหมือนกับการตั้งผังชีวิตที่ชัดเจนว่า การเกิดมาแต่ละภพแต่ละชาติ เราต้องการให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร

แต่สิ่งที่อธิษฐานจะสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่า สิ่งทีเราปรารถนานั้นยิ่งใหญ่เพียงไหน ถ้าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณหรือการบรรลุธรรม ก็ต้องใช้บุญมาก การทำบุญเพียงนิดๆ หน่อยๆ ไม่อาจจะทำให้เราบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณหรือบรรลุธรรมได้ เราจำเป็นต้องสั่งสมบุญบ่อยๆ แล้วอธิษฐานตอกย้ำในเรื่องเดิม สิ่งที่เราปรารถนาจึงจะสำเร็จ ถ้าชาตินี้ยังไม่สำเร็จ สิ่งทีเราอธิษฐานเอาไว้ก็จะเป็นเชื้อให้ภพชาติต่อไป เมื่อเรามาเกิดสร้างความดี สิ่งที่เราอธิษฐานเอาไว้ในชาติก่อนจะกระตุ้นเตือนให้เราอยากจะสร้างความดีเพิ่มขึ้น แล้วก็มาอธิษฐานในสิ่งที่ยังไม่สมหวังในชาติที่แล้ว

ถ้าจะให้อุปมา บุญเปรียบเสมือนเงิน สิ่งที่เราปรารถนาเปรียบเสมือนสิ่งของที่เราอยากได้ ถ้าสิ่งที่เราอยากได้ราคายิ่งแพง (คำอธิษฐาน) เราก็ต้องยิ่งเก็บเงินมากๆ (มีบุญมากๆ) เพื่อที่จะได้มีเงินไปซื้อของสิ่งนั้น (คำอธิษฐานสัมฤทธิ์ผล)

แต่ผู้ฉลาดในการลงทุน แทนที่เอาแต่เก็บเงินทีละนิดๆ จนมีเงินพอไปซื้อของ ก็จะเอาเงินไปลงทุนเพิ่มเติม ขยายกิจการ ให้มีทางมาของเงินมากขึ้น จะได้ซื้อของที่อยากได้แต่ราคาแพงได้เร็วขึ้น ถ้าจะให้อุปมาก็เหมือน พอเราทำบุญแล้วเราอธิษฐานให้เราได้มี รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ มรรคผล นิพพาน ที่สุดแห่งธรรม คือ เราอธิษฐานให้บุญที่เรามีส่งผลให้เรามีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ดีขึ้นในภพชาติต่อไป (คือ การลงทุนเพิ่มเติม ขยายกิจการ) แล้วเราก็นำรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ดีขึ้นในภพชาติต่อไป มาสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปกว่าภพชาติก่อน (คือ เรามีทางมาแห่งเงินมากขึ้น เหมือน เปลี่ยนฐานะจากมนุษย์เงินเดือนเป็นเจ้าของกิจการ) แล้วเราก็ตั้งจุดหมายปลายทางให้ชัดเจนว่า ให้มรรคผล นิพพาน ที่สุดแห่งธรรม (คือ สามารถซื้อสิ่งของราคาแพงทีเราอยากได้)

การอธิษฐานจะเป็นจริงได้เราต้องมีบุญมากพอกับสิ่งนั้นๆ และต้องสร้างเหตุให้ตรงผล จึงมีโอกาสสูงที่จะสำเร็จได้ครับ
และควรอธิษฐานในช่วงที่จิตเป็นสมาธิตั้งมั่น หรืออธิษฐานในช่วงที่จิตใจกำลังปลื้มปิติในบุญ
คำพูด ความคิดที่ถูกจิตบันทึก ในขณะที่จิตมีสมาธิตั้งมั่น ในขณะที่จิตใจกำลังปลื้มปิติในบุญ
จะมีพลังมาก เมื่อถูกบันทึกลงในจิตใจ โดยผ่านจากการทำบุญบ่อยๆ เมื่อจิตใจได้รับสิ่งเหล่านี้มากเข้า และบ่อยๆ ก็จะเกิดเป็นผังสำเร็จในใจขึ้นมาจนได้

ดังนั้นคนในยุคปัจจุบันที่บอกว่า ทำบุญแล้วอธิษฐานเป็นการโลภนั้น เค้าไม่เข้าใจหลักการดำเนินชีวิตในวัฏฏสงสาร แต่ถ้าเราทำบุญแล้วอธิษฐานในสิ่งที่ผิด บุญก็จะบันดาลให้สำเร็จเหมือนกัน แต่จะทำให้ชีวิตแย่ลง เพราะเราจะหลงไปสร้างบาปเพิ่มเติมได้ครับ และควรอธิษฐานในเรื่องที่สำคัญ และจำเป็นด้วยครับ



#117736 ผมกำลังจะได้ทำงานกับวัดพระธรรมกาย....แย้ว !!!

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 05 August 2008 - 05:09 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

การอุทิศชีวิตเพื่อช่วยงานพระศาสนาถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐมากครับ
เป็นผู้มีบุญ มีโอกาสสร้างบารมียิ่งขึ้น
เพื่อพระพุทธศาสนาจะได้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปทั่วโลกครับ


happy.gif happy.gif happy.gif happy.gif happy.gif



#116591 เห็นแล้วต้องปลื้มแน่ๆ...^_^(สวีเดน)

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 26 July 2008 - 06:39 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

สาธุครับ เห็นแล้วปลื้มจริงๆครับ



#116589 ฝากไว้สะกิดใจ...คนที่น่าสงสารที่สุดในโลก

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 26 July 2008 - 05:56 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

เป็นบทความที่ดีครับ ให้ข้อคิดเตือนสติได้เป็นอย่างดี
สาธุครับ

happy.gif