ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เมื่อชีวิตเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ เซ็ง ๆ

ภาวะหม ดไฟ คือ ภาวะหม ดฝัน

  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 Suphatra

Suphatra
  • Members
  • 24 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 31 May 2018 - 01:33 PM

เมื่อชีวิตเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ เซ็ง ๆ
ตอน ภาวะหมดไฟ คือ ภาวะหมดฝัน
 
     คนที่ยังมีความใฝ่ฝันจะยังมีไฟอยู่เสมอ “ภาวะหมดไฟคือ ภาวะหมดความฝัน”คนหมดฝันจะรู้สึกเบื่อหน่อย เซื่องซึมแต่เมื่อใดมีความใฝ่ฝันมุ่งมั่นอยู่ในใจ ไฟจะลุกโชติช่วงในใจเราเป็นไฟนิรันดร์อนันตชัย
 
     ที่สำคัญอย่าลืมซอยเป้าหมายย่อยเข้ามาอีก เช่น ปีนี้ตั้งเป้าว่าเราจะพัฒนาตนเองอย่างไร ด้านไหนบ้าง  หรือเดือนนี้ สัปดาห์นี้พรุ่งนี้กำลังจะใกล้เข้ามา เราจะทำให้เปาหมายใดชัดเจนขึ้นบ้าง แล้วเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลานี้เอง ที่จะเป็นตัวขับเครื่องให้เราพุ่งไปข้างหน้า
 
     เมื่อเรามีเป้าหมายแล้ว ก็ต้องพัฒนาตนเองด้วย พอเรารู้สึกว่าตนเองมีการพัฒนา แต่ละวันเราเก่งขึ้น ดีขึ้น บุญกุศลมากขึ้น ใจเราจะคึกคักเกิดกำลังใจ แต่เมื่อใดที่เรารู้สึกว่า มันจำเจซ้ำซาก ย่ำอยู่กับที่ไปวันๆ ก็จะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย
 
     เพราะฉะนั้น เราจึงต้องมีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำความดีเพิ่มเติม สร้างบุญกุศลเพิ่มเติม ไม่ให้วันแต่ละวันผ่านไปเปล่าแต่ทุกช่วงเวลาต้องผ่านไปพร้อมกับบุญกุศลในตัวเราที่เพิ่มขึ้นด้วยเวลาผ่านไปพร้อมกับประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น ผ่านไปพร้อมกับความรู้สึกความสามารถที่มากขึ้นด้วย สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องเสริมกำลังใจ สร้างไฟในการทำงานได้ดีเยี่ยม
 
     เหมา เจ๋อตุง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ทำให้ประเทศจีนเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นแบบคอมมิวนิสต์มาจนถึงปัจจุบันเข้าใจหลักการนี้ดีว่า ช่วงเวลาที่ยากของกองทัพในการปลดแอกจีน คือ ช่วงที่ถูก เจียง ไคเชก  รุกกระหน่ำและมีกำลังเหนือกว่า จนกระทั่งทหารคอมมิวนิสต์ของ เหมา เจ๋อตุง สู้ไม่ได้ จำเป็นต้องอพยพหลบหนี เรียกว่า “การเดินทัพทางไกลหมื่นลี้” ยกทัพหนีครั้งหนึ่งไกลถึง 5,000 – 10,000 กิโลเมตร
 
     กองทัพต้องเดินข้ามเขาไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูกท่ามกลางหิมะ เพื่อนทหารข้างๆ ตัวแข็งล้มตายก็มี ต้องเจอทั้งภัยธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำเป็นร้อยสาย เครื่องบินถล่มทิ้งระเบิดเกือบทุกวัน มีการศึกน้อยใหญ่หลายร้อยครั้ง ออกเดินทาง 200,000 คน ไปถึงปลายทางเพียง 10,000 – 20,000 คนเท่านั้น ทหารที่ตายไปก็มาก อีกส่วนหนึ่งถูกทิ้งไว้ข้างทาง  เพื่อเพาะเชื้อคอมมิวนิสต์แก่ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ พูดง่ายๆ ว่า สถานการณ์ยากลำบากมาก
 
     เหมา เจ๋อตุง  ปลุกใจทหารคอมมิวนิสต์ของเขาทุกคนว่า เราต้องกู้ชาติ ทหารจึงมีกำลังใจสู้ ลำบากเท่าไรก็สู้ตราบที่ใจยังมีความฝัน ต่อให้กัดก้อนเกลือกินพวกเขาก็ยังสู้
 
     ในขณะเดียวกัน เหมา เจ๋อตุง รู้หลักผลักดันกำลังใจให้ทหารของเขาเป็นอย่างดี พอเครื่องบินทิ้งระเบิดบินผ่านไป ทหารเข้าเคลียร์พื้นที่เสร็จเรียบร้อยก็เดินทัพต่อ โดยให้ทหารเดินเรียงแถวแล้วสอบตัวหนังสือจีนให้พวกเขาทีละตัว ทุกคนใช้หลังเพื่อนเป็นกระดาน ใช้นิ้วเขียนตัวหนังสือจีนบนหลังของคนข้างหน้า ค่อยๆ จดจำกันไปทีละตัว จนสามารถอ่านออกเขียนได้ทุกตัว
 
     ทหารส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ ตัวหนังสือจีนนั้นใช้หลักการท่องจำเป็นตัวๆ เขาจึงสอนทหารให้ออกเสียง แล้วเขียนตามทีละตัว ๆ พอกองทัพเดินถึงปลายทางทุกคนก็อ่านออกเขียนได้หมด ทหารแต่ละคนจึงมีความรู้สึกว่าเขาไม่ได้ไปรบอย่างเดียว แต่ละวันนั้นเขาเก่งขึ้นด้วย
 
พอทหารรู้สึกว่า ตนเองเก่งขึ้นทุกวัน ๆ ก็มีเครื่องเสริมกำลังใจเพราะฉะนั้น เราทำงานจะยุ่งเท่าไรก็ตาม อย่าลืมหาความรู้เพิ่มเติมให้ตนเอง เพราะมันจะเป็นเครื่องกระตุ้นให้เราภูมิใจในตนเอง และรู้สึกว่า ตนเองมีการพัฒนา เสริมสร้างไฟในการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย
 
     สรุปว่า “ภาวะหมดไฟเกิดจากการขาดเป้าหมายในชีวิต” หรือเป้าหมายไม่ถึงกับไม่มี แต่มันเลือกรางเจือจางไปไม่ชัดเจน “วิธีการแท้ คือ ปักหลักเป้าหมายชีวิต”ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายสุดท้ายข้ามภพข้ามชาติก็ตาม เป้าหมายในชาตินี้ก็ตาม ย่อยมันมาถึงช่วงใกล้ให้ชัดเจน
 
     พร้อมกันนั้น ต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลาเพื่อให้มีความรู้ความสามารถมากขึ้นด้วย สิ่งเหล่านี้คือหัวใจสำคัญ และไม่ลืมที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพให้ดี จัดการสิ่งแวดล้อมให้ดี ทำงานให้ดี ให้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเสริม แต่หัวใจหลักยังเป็นเป้าหมายชีวิตเป้าหมายในการทำงาน
 
“เมื่อใดมีความฝัน เมื่อนั้นไม่หมดไฟ
แต่ถ้าหมดฝันเมื่อใด
ไฟในการทำงานและกาใช้ชีวิตก็จะหมดลงไปด้วย”
 
 
จากหนังสือ 24 ชั่วโมงที่ฉันหายใจ
โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
(สมชาย ฐานวุฑโฒ)