ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

จิตของเรา เกิดขึ้นจากไหนและได้อย่างไร


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 15 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 mink1302

mink1302
  • Members
  • 7 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 08:45 PM

เข้าใจคะว่าคำถามนี้อาจไม่ใช่คำถามที่จำเป็นต้องรู้ เรารู้แค่ว่าเกิดมาทำไมและต้องทำอย่างไรต่อไปบ้างก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ยังสงสัยอยู่จริง ๆ ค่ะ รบกวนนักเรียนรุ่นพี่ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

อยากทราบว่า ต้นกำเนิดของตัวเรา (หรือดวงจิด) เกิดมาจากไหนและได้อย่างไร

เข้าใจว่าที่พระพุทธเจ้าทรงระลึกพระชาติได้เพราะทรงเข้ากลางและมีจิตเป็นตัวบันทึก ดังนั้นหากเราสามารถย้อนไปที่ชาติแรกของเราได้ และก่อนหน้าชาติแรก เรามีดวงจิตหรือไม่ เราเป็นเทวดาที่ไม่มีดวงจิต และพอเกิดเป็นมนุษย์จึงเกิดจิตขึ้น และเริ่มถูกบันทึกตั้งแต่นั้นมา ใช่หรือไม่
จริง ๆ แล้ว เราเป็นใคร และมาจากที่ใด

นักเรียนอนุบาลหลายคนคือทหารหาญแห่งกองทัพธรรมที่มีพันธะสัญญาร่วมกันและขออธิษฐานจิตลงมาเกิดเพื่อช่วยขนสัตว์รื้อสัตว์ซึ่งก็หมายถึงเป็นเทวดานั่นเอง แล้วตอนที่เป็นเทวดานั้น เกิดเป็นเทวดาได้อย่างไร (ไม่รวมว่าเป็นเทวดาได้เพราะทำบุญมาก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็คือต้องเป็นคนก่อน)

หากทุกวันนี้ เราทุกคนยังไปไม่ถึงพระนิพพาน แสดงว่าเราได้เวียนเกิดเวียนตายมาหลายชาติแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าสมัยที่พระพุธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ในโลก หรือเมื่อ กว่า 2500 ปีที่แล้ว เราอาจจะกำลังใช้กรรมอยู่ หรืออิ่มเอมอยู่กับผลบุญบนสวรรค์ หรือไม่ก็อยู่ในโลกนี่แหละ แล้วก่อนหน้านั้นเรามาจากไหน จุดเริ่มต้นแรก ๆ เลยของการรู้สึกตัวว่าเราเป็นเรามาจากไหน เราทุกคนเริ่มต้นจากการเป็นเทวดาทุกคนเลย และลงมาเกิดแต่ไม่มีความจำทำให้เราหลงทำกรรมไม่ดี จึงทำให้ต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ ใช่หรือไม่



#2 aph

aph
  • Members
  • 53 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 09:01 PM

QUOTE
จิตของเรา เกิดขึ้นจากไหนและได้อย่างไร

โอ้โฮ๋เป็นคำถามที่เป็นอจินไตยมากๆเลยครับถึงแม้ผมจะเป็นนักเรียนใหม่ แต่ก็พอเคยฟังมาบ้างเกี่ยวกับคำถามที่เป็นอจินไตย คือไม่ควรไปคิดถึงมันเลยเพราะมันลึกซึ้งมากคนธรรมดาๆอย่างเราเผลอไปคิดเข้าอาจเป็นบ้าเอาก็ได้ ทางที่ดีนั่งธรรมะให้มากๆ ก็จะหาคำตอบเจอเองแหละครับ
QUOTE
เราเป็นใคร และมาจากที่ใดกันแน่

อันนี้ก็เช่นกันครับถ้าเราทำตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ เราก็จะพบคำตอบ
อันที่จริงหมู่คณะของเราหนะมีมากน่ะครับแต่ก็อยู่ในที่ต่างๆกันเพราะบุญกรรมที่ทำมาต่างกันหนะครับตามหน้าที่ตามกำลังอะไรประมาณนั้นครับ ก็เอาเป็นว่าตั้งใจสร้างบารมีกันต่อไปแล้วกันน่ะครับ จะเป็นกำลังใจให้ แล้วก็เป็นกำลังใจใผมด้วยน่ะครับ สาธุ
(ถ้าความคิดผมอาจผิดเพี้ยนไปบ้าง ก็รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แน่ะผมด้วยน่ะครับ)

#3 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 09:03 PM

QUOTE
อยากทราบว่า ต้นกำเนิดของตัวเรา (หรือดวงจิด) เกิดมาจากไหนและได้อย่างไร

ที่สงสัยก็ไม่แปลกครับ เพราะสมัยพุทธกาล ก็มีคนถามคำถามทำนองนี้เหมือนกัน...แต่
.
.
.
.
.
.
พระพุทธองค์ไม่ทรงตอบครับ แต่ท่านกลับตอบว่า ถ้าบุรุษผู้หนึ่งถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ ท่านคิดว่าบุรุษผู้นั้น พึงดึงศรออกเพื่อทำการรักษาก่อนแล้วค่อยหาผู้ยิง หรือว่า เก็บลูกศรเอาไว้แล้วรีบหาคนยิงก่อน

คำตอบก็คือ ต้องทำการรักษาก่อนแล้วค่อยทำการหาผู้ยิง
ฉันใดก็ฉันนั้น ตราบใดที่เรายังเป็นผู้มีศรอาบยาพิษปักอยู่ คือ กิเลส เราจะไปตามหาผู้ยิงได้อย่างไร จริงไหมครับ...หรือ ยึดคำตอบง่ายๆ ว่า ถ้าไม่เห็นพระก่อน แล้วจะเห็นมารได้อย่างไร

ดังนั้น ดีที่สุด ขอให้เจ้าของกระทู้พยายามเอาศรอาบยาพิษออกจากตัวก่อนครับ แล้วค่อยมาหาคำตอบของคำถามที่ว่า ดีกว่าไหมครับ เรายึดเอาแนวทางของพระพุทธเจ้าเป็นเกณฑ์ไงครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#4 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 09:31 PM

พระพุทธองค์ปฏิเสธที่จะพยากรณ์คำถามนี้ค่ะ

แต่ก็ขออธิบายตามสมควร

เรามีดวงจิตนี้มานานแล้ว
เทวดาก็ยังเป็นดวงจิตอยู่
ก่อนพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ก็มีพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนอีกมากมายนับไม่ถ้วน

สมัยพุทธกาลก็อาจจะเป็นอะไรก็ได้
ก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ เราก็ตายเกิด ตายเกิด มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน (อุปมา เพราะถ้าจะนับจริงๆ ก็คงนับได้ อย่างอสงไขยยังเป็นจำนวนได้เลย)
ตามที่คุณถามเหมือนว่ยังไม่ค่อยมีพื้นฐานเลยนะคะ

คำถามคุณวกไปวนมาได้คดเคี้ยวมากๆเลยค่ะ
ถ้ายังไม่กระจ่างก็ช่วยแยกคำถามมาให้เข้าใจง่ายหน่อยนะคะ
จะได้ช่วยๆกันตอบคำถามได้
มึนค่ะ happy.gif
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#5 ปุฉฉา13

ปุฉฉา13
  • Members
  • 104 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 10:30 PM

คำตอบนี้คิดเอาเองนะครับ อยากมีส่วนร่วมนะครับ ผิอพลาดขออภัยนะครับ
จิตเอ..เอ...คงจะตัวรู้หรือป่าว คงจะเหมือนกับธาตุมารวมตัวกันเปนตัวคน จิตน่าจะเกิดจาก
ตัวรู้ที่มีในอากาศพอตัวเกิดจิตเลยเกิด แต่จะเรียนรู้ที่อยู่ใหม่ไปเรี่อยๆมั้งครับ คิดไปเรื่อยก็เลยเกิดไปเรื่อย
ไม่คิดไม่เกิดมั้งครับ
ขอโทดนะครับเป็นเพียงความคิดที่คิดเอาเองตอนก่อนเข้าวัดนะครับ..

#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 11:37 PM

ตอบแบบวิชาการที่เขาชอบตอบๆ กันนะครับ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้อะไรมากขึ้นเท่าไหร่ มันต้องทั้งรู้ทั้งเห็นน่ะครับ เห็นกิเลสด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะตอบได้

คำตอบแบบนักวิชาการก็คือ จิตมนุษย์เกิดจาก อวิชชา คือ ไม่รู้จริง ของชีวิตน่ะครับ
อวิชชา ทำให้เกิดกิเลส (โลภ โกรธ หลง)
กิเลส บังคับให้สร้างกรรม
กรรม ทำให้มี วิบากหรือผลของกรรมมารองรับ ทำให้เวียนว่ายตายเกิด จิตดวงเก่าดับไปเกิดจิตดวงใหม่ขึ้นมา วนเวียนเช่นนี้ไม่สิ้นสุด

ต้องดับอวิชชา (เกิดความรู้จริง) จึงจะพ้นวงจรนี้ เลิกเวียนว่ายตายเกิดน่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#7 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 01:47 AM

ถ้ามีต้นไม้ขึ้นบริเวณใด นั่นแสดงว่า ที่ตรงนั้นย่อมเคยมีเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้นั้นฝังอยู่ (เว้นแต่ย้ายต้นมาจากที่อื่น) และย่อมต้องมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกื้อหนุนให้มันเจริญเติบโต เช่น ดิน น้ำ แร่ธาตุ ฯลฯ

การที่มีโลกอยู่อย่างทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ย่อมเกิดจากเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่แล้วและปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เติบโตจนเป็นอย่างทุกวันนี้ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ ดังที่นักวิทยาศาสตร์มีทฤษฏีออกมาว่า สสารไม่มีวันสูญสลายนั่นเอง เราเห็นว่าน้ำหายไป แต่ที่จริงมันเปลี่ยนสภาพเป็นไอน้ำ เพราะมันมีความร้อนมาทำปฏิกิริยาจนมันคงสภาพเดิมอยู่ไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนสภาพไป น้ำหายไป แต่อนุภาคที่ประกอบตัวกันเป็นน้ำยังอยู่ครบทุกส่วน แต่ไม่ได้รวมกันเป็นน้ำอีกแล้ว

การจะรู้ว่าต้นตอมันเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ ตอนนี้มันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เราจะแก้ไขอย่างไรต่างหาก เพราะแม้เราจะรู้ว่ามันเคยเป็นมาอย่างไร แต่ถ้าเราแก้ไขไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ อดีตเอาไว้ศึกษา อนาคตคือสิ่งที่คาดหวัง แต่จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

#8 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 03:27 AM

คุณพักผ่อนพูดเปรียบเทียบกับ กฏทรงมวล ของฟิสิกส์แล้วเข้าใจง่ายดีครับ
ที่บอกว่ามวลไม่มีวันเพิ่มขึ้นหรือหายไป เพียงแต่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้นเอง
แต่ที่น่าคิดก็คือถ้ามวลทั้งหลายในจักรวาลไม่มีวันเปลี่ยน แล้วตอนแรกมันมาจากไหนหละ?
คงเป็นคำถามประเภทเดียวกันกับที่เจ้าของกระทู้ถาม...

พี่หัดฝัน ที่พี่อธิบายมานี่ใช่ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท(สะกดถูกมั้ยเนี่ยเรา) รึเปล่าครับ?
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#9 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 08:26 AM

QUOTE
ทุกวันนี้ เราทุกคนยังไปไม่ถึงพระนิพพาน แสดงว่าเราได้เวียนเกิดเวียนตายมาหลายชาติแล้ว

ใช่แล้ว

QUOTE
หลงทำกรรมไม่ดี จึงทำให้ต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ

ทำกรรมชั่ว ก็ต้องรับผลกรรม ต้องไปอบาย ก็เสียเวลาทนทุกข์อีกนาน

อยู่ในวัฎฎะ บางคนไม่อยากเกิดอีกแล้วเพราะเบื่อที่จะต้องทนทุกข์ แต่แค่คิดไม่มีทางออกไปได้ นอกจาก สร้างบุญและบุญก็จะนำมาพบหนทางการทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกลางฐานที่7 ดำเนินตามทางสายกลาง และต้องทำใจหยุดในหยุดเรื่อยๆไป ไม่ละเลิก จึงจะสามารถออกไปจากวัฎฎะได้
...................................................
ขออนุญาตแนะนำว่า คุณ mink1302 ลงเรียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมกาย DOU นะคะ จะไขข้อข้องใจของคุณได้หลายเรื่องเทียวค่ะ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#10 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 08:58 AM

QUOTE
พี่หัดฝัน ที่พี่อธิบายมานี่ใช่ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท(สะกดถูกมั้ยเนี่ยเรา) รึเปล่าครับ?

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4724
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#11 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:03 AM

อย่าถือสานะครับ ตอบแบบสัณนิษฐาน

จิตของเราคือพุทธะ ครับแต่ถูกอวิชชาครอบงำเลยเริ่มมีภพชาติแรกขึ้นมา

ตามความเข้าใจนะ อ้างอิงคงจะหายากเพราะไม่มีในพระไตรปิฏก



หยุดคือตัวสำเร็จ

#12 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:19 AM

เดา เพราะยังไม่เห็นจริง
ไม่รู้จริง ฟังต่อๆ กันมาแล้วก็พูดต่อ
รู้จริง เพราะเห็นจริง หากนำมาเล่าต่อ คนฟังก็ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะความละเอียดของใจไม่เท่ากัน

สรุปว่า นั่งสมาธิต่อไปให้มากๆ จนใจละเอียดสุดๆ เกิดแสงสว่าง ที่ไม่มีอะไรปิดกั้นได้อีกต่อไป สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น แล้วก็รู้เห็นเอง ดีที่สุด
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#13 inspiral

inspiral
  • Members
  • 23 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 02:00 PM

ไปดูเรื่องธาตุ 4 ธาตุ 6 หรือถ้าพร้อมบวชสักพรรษานึงที่วัด ก็จะได้เรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติ
สำหรับคำถามเรื่องจุดกำเนิดของเรื่องราวของ ภพ 3 นี้ โดยส่วนตัวแล้วทำให้ผมนึกถึงตัวผมเองว่า เหมือนเรายังเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ที่กำลังเฝ้ารอฟังคำพูดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือคุณครูไม่ใหญ่ของเราในสมัยนี้ ว่าท่านจะบอกอะไรกับเราบ้าง ซึ่งท่านก็เคยพูดมาบ้างแล้วเป็นแนวหรือหลักการทำนองว่า หรืออาจจะไปอ่านหนังสือที่พระเดชพระคุณหลวงปู่สด ได้เทศน์ไว้ ลองไปหาอ่านดู (นั่งธรรมะด้วยนะ)ถ้าเราไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้แล้ว ทุกอย่างก็จะกลับไปสู่สภาวะดั้งเดิม ธาตุธรรมต่างๆ ก็อยู่ในที่ของตน ก็สงบดังเดิม หมายความว่าแรกๆ ต้นๆเรื่องนี้ ยังไม่มีภพ 3 โลกันต์ แล้วก็มีเหตุเกิดขึ้น เป็นลำดับๆ จนกระทั่งมีภพ 3 โลกันต์ เวลาก็ผ่านมานานเสียจน ในห้วงแห่งวัฏฏะสงสารนี้ น่ากลัว จะหาที่สุดก็ไม่มี (จนกระทั่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดบนโลก แล้วชี้ทางสว่างให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย และนำพาท่านทั้งหลายเหล่านั้นให้ถึงฝั่งพระนิพพาน)
ด้วยปัญญาของปถุชน คนธรรมดา ปัญญาหยาบ อย่างผมคิดแล้วเป็นอจินไดย ในเรื่องนี้
ป้าใสเคยพูดเขียนไว้ในหนังสือวารสารกัลยาณมิตรในสมัยก่อนว่า ท่านจะเขียนอะไรก็ต้องฟังหลวงพ่อ ได้พูดแบบมีลิมิต ไว้เพียงใด ในอาทิตย์ต้นเดือนที่ผ่านมา (ในสมัยนั้น) และป้าใสก็จะพูดว่าคงไม่เกินกว่าที่หลวงพ่อได้พูดไว้
สรุปว่าถ้าอยากจะศึกษาให้รู้จริงเห็นจริงก็ต้อง ตามติด ติดตาม อยู่ใกล้ ศึกษาอยู่ใกล้ชิดครูอาจารย์ แล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ให้เข้าถึงองค์พระธรรมกายภายใน ให้ชัด
ใส สว่าง มั่นคง ทั้งหลับตา ลืมตา แล้วก็ไปเรียนต่อกับพระอาจารย์ต่อไปกันให้มากๆ จะได้ไปช่วยกันทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ใช้คำผิดพลาดประการขออภัยด้วยครับ
ธรรมะสว่างไสวกันทุกๆคนนะครับ

#14 JK564

JK564
  • Members
  • 121 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 05:09 PM

เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากๆ เลยครับ ถ้าต้องการจะทราบเรื่องนี้จริงๆ ก็ต้องบวชครับ เรื่องพวกนี้จะเล่าให้ฟังช่วงท้ายๆ ของโครงการครับ ทำไมต้องช่วงท้ายก็เพราะว่าใจของเราต้องเป็นสมาธิพอสมควร พอที่จะรองรับเรื่องเหล่านี้ได้ครับ

#15 แก้วประเสริฐ

แก้วประเสริฐ
  • Members
  • 513 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 03:55 PM

อย่างนี้ต้องนั่งเข้าถึง พระธรรมกาย ภายในตัวแล้วจะกระจ่าง

ในทุกสิ่งที่คุณสงสัย...???????????????????????????

#16 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 08 March 2007 - 02:49 PM

สาธุ