จิตของเรา เกิดขึ้นจากไหนและได้อย่างไร
#1
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 08:45 PM
อยากทราบว่า ต้นกำเนิดของตัวเรา (หรือดวงจิด) เกิดมาจากไหนและได้อย่างไร
เข้าใจว่าที่พระพุทธเจ้าทรงระลึกพระชาติได้เพราะทรงเข้ากลางและมีจิตเป็นตัวบันทึก ดังนั้นหากเราสามารถย้อนไปที่ชาติแรกของเราได้ และก่อนหน้าชาติแรก เรามีดวงจิตหรือไม่ เราเป็นเทวดาที่ไม่มีดวงจิต และพอเกิดเป็นมนุษย์จึงเกิดจิตขึ้น และเริ่มถูกบันทึกตั้งแต่นั้นมา ใช่หรือไม่
จริง ๆ แล้ว เราเป็นใคร และมาจากที่ใด
นักเรียนอนุบาลหลายคนคือทหารหาญแห่งกองทัพธรรมที่มีพันธะสัญญาร่วมกันและขออธิษฐานจิตลงมาเกิดเพื่อช่วยขนสัตว์รื้อสัตว์ซึ่งก็หมายถึงเป็นเทวดานั่นเอง แล้วตอนที่เป็นเทวดานั้น เกิดเป็นเทวดาได้อย่างไร (ไม่รวมว่าเป็นเทวดาได้เพราะทำบุญมาก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็คือต้องเป็นคนก่อน)
หากทุกวันนี้ เราทุกคนยังไปไม่ถึงพระนิพพาน แสดงว่าเราได้เวียนเกิดเวียนตายมาหลายชาติแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าสมัยที่พระพุธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ในโลก หรือเมื่อ กว่า 2500 ปีที่แล้ว เราอาจจะกำลังใช้กรรมอยู่ หรืออิ่มเอมอยู่กับผลบุญบนสวรรค์ หรือไม่ก็อยู่ในโลกนี่แหละ แล้วก่อนหน้านั้นเรามาจากไหน จุดเริ่มต้นแรก ๆ เลยของการรู้สึกตัวว่าเราเป็นเรามาจากไหน เราทุกคนเริ่มต้นจากการเป็นเทวดาทุกคนเลย และลงมาเกิดแต่ไม่มีความจำทำให้เราหลงทำกรรมไม่ดี จึงทำให้ต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ ใช่หรือไม่
#2
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 09:01 PM
โอ้โฮ๋เป็นคำถามที่เป็นอจินไตยมากๆเลยครับถึงแม้ผมจะเป็นนักเรียนใหม่ แต่ก็พอเคยฟังมาบ้างเกี่ยวกับคำถามที่เป็นอจินไตย คือไม่ควรไปคิดถึงมันเลยเพราะมันลึกซึ้งมากคนธรรมดาๆอย่างเราเผลอไปคิดเข้าอาจเป็นบ้าเอาก็ได้ ทางที่ดีนั่งธรรมะให้มากๆ ก็จะหาคำตอบเจอเองแหละครับ
อันนี้ก็เช่นกันครับถ้าเราทำตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ เราก็จะพบคำตอบ
อันที่จริงหมู่คณะของเราหนะมีมากน่ะครับแต่ก็อยู่ในที่ต่างๆกันเพราะบุญกรรมที่ทำมาต่างกันหนะครับตามหน้าที่ตามกำลังอะไรประมาณนั้นครับ ก็เอาเป็นว่าตั้งใจสร้างบารมีกันต่อไปแล้วกันน่ะครับ จะเป็นกำลังใจให้ แล้วก็เป็นกำลังใจใผมด้วยน่ะครับ สาธุ
(ถ้าความคิดผมอาจผิดเพี้ยนไปบ้าง ก็รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แน่ะผมด้วยน่ะครับ)
#3
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 09:03 PM
ที่สงสัยก็ไม่แปลกครับ เพราะสมัยพุทธกาล ก็มีคนถามคำถามทำนองนี้เหมือนกัน...แต่
.
.
.
.
.
.
พระพุทธองค์ไม่ทรงตอบครับ แต่ท่านกลับตอบว่า ถ้าบุรุษผู้หนึ่งถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ ท่านคิดว่าบุรุษผู้นั้น พึงดึงศรออกเพื่อทำการรักษาก่อนแล้วค่อยหาผู้ยิง หรือว่า เก็บลูกศรเอาไว้แล้วรีบหาคนยิงก่อน
คำตอบก็คือ ต้องทำการรักษาก่อนแล้วค่อยทำการหาผู้ยิง
ฉันใดก็ฉันนั้น ตราบใดที่เรายังเป็นผู้มีศรอาบยาพิษปักอยู่ คือ กิเลส เราจะไปตามหาผู้ยิงได้อย่างไร จริงไหมครับ...หรือ ยึดคำตอบง่ายๆ ว่า ถ้าไม่เห็นพระก่อน แล้วจะเห็นมารได้อย่างไร
ดังนั้น ดีที่สุด ขอให้เจ้าของกระทู้พยายามเอาศรอาบยาพิษออกจากตัวก่อนครับ แล้วค่อยมาหาคำตอบของคำถามที่ว่า ดีกว่าไหมครับ เรายึดเอาแนวทางของพระพุทธเจ้าเป็นเกณฑ์ไงครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 09:31 PM
แต่ก็ขออธิบายตามสมควร
เรามีดวงจิตนี้มานานแล้ว
เทวดาก็ยังเป็นดวงจิตอยู่
ก่อนพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ก็มีพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนอีกมากมายนับไม่ถ้วน
สมัยพุทธกาลก็อาจจะเป็นอะไรก็ได้
ก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ เราก็ตายเกิด ตายเกิด มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน (อุปมา เพราะถ้าจะนับจริงๆ ก็คงนับได้ อย่างอสงไขยยังเป็นจำนวนได้เลย)
ตามที่คุณถามเหมือนว่ยังไม่ค่อยมีพื้นฐานเลยนะคะ
คำถามคุณวกไปวนมาได้คดเคี้ยวมากๆเลยค่ะ
ถ้ายังไม่กระจ่างก็ช่วยแยกคำถามมาให้เข้าใจง่ายหน่อยนะคะ
จะได้ช่วยๆกันตอบคำถามได้
มึนค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#5
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 10:30 PM
จิตเอ..เอ...คงจะตัวรู้หรือป่าว คงจะเหมือนกับธาตุมารวมตัวกันเปนตัวคน จิตน่าจะเกิดจาก
ตัวรู้ที่มีในอากาศพอตัวเกิดจิตเลยเกิด แต่จะเรียนรู้ที่อยู่ใหม่ไปเรี่อยๆมั้งครับ คิดไปเรื่อยก็เลยเกิดไปเรื่อย
ไม่คิดไม่เกิดมั้งครับ
ขอโทดนะครับเป็นเพียงความคิดที่คิดเอาเองตอนก่อนเข้าวัดนะครับ..
#6
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 11:37 PM
คำตอบแบบนักวิชาการก็คือ จิตมนุษย์เกิดจาก อวิชชา คือ ไม่รู้จริง ของชีวิตน่ะครับ
อวิชชา ทำให้เกิดกิเลส (โลภ โกรธ หลง)
กิเลส บังคับให้สร้างกรรม
กรรม ทำให้มี วิบากหรือผลของกรรมมารองรับ ทำให้เวียนว่ายตายเกิด จิตดวงเก่าดับไปเกิดจิตดวงใหม่ขึ้นมา วนเวียนเช่นนี้ไม่สิ้นสุด
ต้องดับอวิชชา (เกิดความรู้จริง) จึงจะพ้นวงจรนี้ เลิกเวียนว่ายตายเกิดน่ะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 01:47 AM
การที่มีโลกอยู่อย่างทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ย่อมเกิดจากเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่แล้วและปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เติบโตจนเป็นอย่างทุกวันนี้ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ ดังที่นักวิทยาศาสตร์มีทฤษฏีออกมาว่า สสารไม่มีวันสูญสลายนั่นเอง เราเห็นว่าน้ำหายไป แต่ที่จริงมันเปลี่ยนสภาพเป็นไอน้ำ เพราะมันมีความร้อนมาทำปฏิกิริยาจนมันคงสภาพเดิมอยู่ไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนสภาพไป น้ำหายไป แต่อนุภาคที่ประกอบตัวกันเป็นน้ำยังอยู่ครบทุกส่วน แต่ไม่ได้รวมกันเป็นน้ำอีกแล้ว
การจะรู้ว่าต้นตอมันเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ ตอนนี้มันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เราจะแก้ไขอย่างไรต่างหาก เพราะแม้เราจะรู้ว่ามันเคยเป็นมาอย่างไร แต่ถ้าเราแก้ไขไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ อดีตเอาไว้ศึกษา อนาคตคือสิ่งที่คาดหวัง แต่จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
#8
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 03:27 AM
ที่บอกว่ามวลไม่มีวันเพิ่มขึ้นหรือหายไป เพียงแต่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้นเอง
แต่ที่น่าคิดก็คือถ้ามวลทั้งหลายในจักรวาลไม่มีวันเปลี่ยน แล้วตอนแรกมันมาจากไหนหละ?
คงเป็นคำถามประเภทเดียวกันกับที่เจ้าของกระทู้ถาม...
พี่หัดฝัน ที่พี่อธิบายมานี่ใช่ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท(สะกดถูกมั้ยเนี่ยเรา) รึเปล่าครับ?
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#9
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 08:26 AM
ใช่แล้ว
ทำกรรมชั่ว ก็ต้องรับผลกรรม ต้องไปอบาย ก็เสียเวลาทนทุกข์อีกนาน
อยู่ในวัฎฎะ บางคนไม่อยากเกิดอีกแล้วเพราะเบื่อที่จะต้องทนทุกข์ แต่แค่คิดไม่มีทางออกไปได้ นอกจาก สร้างบุญและบุญก็จะนำมาพบหนทางการทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกลางฐานที่7 ดำเนินตามทางสายกลาง และต้องทำใจหยุดในหยุดเรื่อยๆไป ไม่ละเลิก จึงจะสามารถออกไปจากวัฎฎะได้
...................................................
ขออนุญาตแนะนำว่า คุณ mink1302 ลงเรียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมกาย DOU นะคะ จะไขข้อข้องใจของคุณได้หลายเรื่องเทียวค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 08:58 AM
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4724
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#11
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:03 AM
จิตของเราคือพุทธะ ครับแต่ถูกอวิชชาครอบงำเลยเริ่มมีภพชาติแรกขึ้นมา
ตามความเข้าใจนะ อ้างอิงคงจะหายากเพราะไม่มีในพระไตรปิฏก
#12
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:19 AM
ไม่รู้จริง ฟังต่อๆ กันมาแล้วก็พูดต่อ
รู้จริง เพราะเห็นจริง หากนำมาเล่าต่อ คนฟังก็ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะความละเอียดของใจไม่เท่ากัน
สรุปว่า นั่งสมาธิต่อไปให้มากๆ จนใจละเอียดสุดๆ เกิดแสงสว่าง ที่ไม่มีอะไรปิดกั้นได้อีกต่อไป สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น แล้วก็รู้เห็นเอง ดีที่สุด
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#13
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 02:00 PM
สำหรับคำถามเรื่องจุดกำเนิดของเรื่องราวของ ภพ 3 นี้ โดยส่วนตัวแล้วทำให้ผมนึกถึงตัวผมเองว่า เหมือนเรายังเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ที่กำลังเฝ้ารอฟังคำพูดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือคุณครูไม่ใหญ่ของเราในสมัยนี้ ว่าท่านจะบอกอะไรกับเราบ้าง ซึ่งท่านก็เคยพูดมาบ้างแล้วเป็นแนวหรือหลักการทำนองว่า หรืออาจจะไปอ่านหนังสือที่พระเดชพระคุณหลวงปู่สด ได้เทศน์ไว้ ลองไปหาอ่านดู (นั่งธรรมะด้วยนะ)ถ้าเราไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้แล้ว ทุกอย่างก็จะกลับไปสู่สภาวะดั้งเดิม ธาตุธรรมต่างๆ ก็อยู่ในที่ของตน ก็สงบดังเดิม หมายความว่าแรกๆ ต้นๆเรื่องนี้ ยังไม่มีภพ 3 โลกันต์ แล้วก็มีเหตุเกิดขึ้น เป็นลำดับๆ จนกระทั่งมีภพ 3 โลกันต์ เวลาก็ผ่านมานานเสียจน ในห้วงแห่งวัฏฏะสงสารนี้ น่ากลัว จะหาที่สุดก็ไม่มี (จนกระทั่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดบนโลก แล้วชี้ทางสว่างให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย และนำพาท่านทั้งหลายเหล่านั้นให้ถึงฝั่งพระนิพพาน)
ด้วยปัญญาของปถุชน คนธรรมดา ปัญญาหยาบ อย่างผมคิดแล้วเป็นอจินไดย ในเรื่องนี้
ป้าใสเคยพูดเขียนไว้ในหนังสือวารสารกัลยาณมิตรในสมัยก่อนว่า ท่านจะเขียนอะไรก็ต้องฟังหลวงพ่อ ได้พูดแบบมีลิมิต ไว้เพียงใด ในอาทิตย์ต้นเดือนที่ผ่านมา (ในสมัยนั้น) และป้าใสก็จะพูดว่าคงไม่เกินกว่าที่หลวงพ่อได้พูดไว้
สรุปว่าถ้าอยากจะศึกษาให้รู้จริงเห็นจริงก็ต้อง ตามติด ติดตาม อยู่ใกล้ ศึกษาอยู่ใกล้ชิดครูอาจารย์ แล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ให้เข้าถึงองค์พระธรรมกายภายใน ให้ชัด
ใส สว่าง มั่นคง ทั้งหลับตา ลืมตา แล้วก็ไปเรียนต่อกับพระอาจารย์ต่อไปกันให้มากๆ จะได้ไปช่วยกันทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ใช้คำผิดพลาดประการขออภัยด้วยครับ
ธรรมะสว่างไสวกันทุกๆคนนะครับ
#14
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 05:09 PM
#15
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 03:55 PM
ในทุกสิ่งที่คุณสงสัย...???????????????????????????
#16
โพสต์เมื่อ 08 March 2007 - 02:49 PM