ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ

กานออกบวซ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Souriya

Souriya
  • Members
  • 53 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ส.ป.ป.ลาว
  • Interests:วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 16 October 2013 - 04:53 PM

นะมัดสะกาน พระอาจารย์ และ สวัสดีเพื้อนเพื้อนทุกคนครับ ผมมีเลื้องอยากถามเกียวกับกานออกบวซครับ. 1. สมมุติว่า ถ้าหากผมต้องกานออกบวซแต่ทางบ้านไม้เห็นด้วยเนื้องจากว่า คอบคัวยังยากจนอยู่ บิดา-มานดาอยากให้อยู่ดูแลทัน. ทั้นให้เหดผนวา ถ้าผมออกบวซ แล้วทั้นทังสองจะอยู่ยังไย. เพาะว่ามีลูกชายแค่คนเดียว ไครจะชวยงานกานทีบ้าน ไครจะหาข้าวให้ทั้นกิน ไครจะดูแลยามทั้นเจ็บป่วย และ ไครจะอยู่เผาสบทั้น. และในถานะที่เราเป็นลูกก่อควนที่จะดูแลทั้นใช้ไมครับ อีกใจหนื่งก่ออยากออกบวซ สืกสาธรรมะ. แล้วจะทำยังไงดีครับ 2. สมมุติว่า ถ้าหากผมมีคอบคัว มีพันละยาแล้ว และต้องกานจะออกบวซแต่เข้าไม้เห็นด้วย. ด้วยเหดผนที่ว่า ก. ก่อนจะแต่งงาน ไหนว่าจะดูแลกันและกัน ไปจนแก่เถ้า ข. ไหนว่า จะไม่ทอดถิงกัน ไม่ว่าจะสุกจะทุก ก่จะอยู่เคียงข้างกันไปตะลอด แต่ว่า มาตอนนี้พี่กับอยากออกบวซ แล้วหนูจะอยู่ยังไง.. ไม้มีพี่แล้วชีวิดหนูก่ไม่มีความหมาย. ถ้าหากว่า วันหนื่งผมเป็นคนที่อยู่ในเหดกานอย่างนี้. ผมควนจะทำยังไงดีเพื้อที่จะได้ออกบวซ. ใจหนื่งก่อยากออกบวซสืบทอดพุดทสาดสะหนา ขัดเกากีเลดเพื้อให้หลุดผ้นจากอำนาดของพะยามาร. อีกใจหนื่ง ก่ไม่อยากให้คนในคอบคัวทุกใจเนื้องจากไม่มีเราอยู่เคียงข้าง 3. กานออกบวซด้วยความเห็นดีเห็นพ้อมจากคอบคัว และทุกคนต่างกอเข้าใจ มีความยินดีด้วย กับ กานออกบวซที่เราแอบออกมา. อันใหนจะมีความเหมาะสม มากก่วา และ อันไหนจะมีอะนิสงมากก่วากัน ผมขอคำแนะนำจากพระอาจาน และเพื้อนเพื้อนด้วยครับ สาทุครับ

สิ่งที่ต้องสะสมคือบุนกุสน สิ่งที่ต้องสะแหวงหาคือพระรัตนะไตรพายใน เป้าหมายชีวิดคือที่สุดแห่งทัม ที่พักละหว่างทางคือ ดุสิดบุรี วงบุนพิเสด เขดพระโพทิสัด.

ละชั่วทุกอย่าง ทำดีทุกรูบแบบ ทำใจให้พ่องใส อยากไปไหนก่อไปได้ทุกที่...


#2 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 16 October 2013 - 06:08 PM

^_^ ..อ่านจากข้อความแล้ว...ก่อนอื่นต้องขอทักทายเป็นภาษาลาวก่อนละกัน ซำบายดีบ่? ..หุหุ  :P
 
...ก็ขอตอบพอสังเขป ไว้ให้ท่านอื่นตอบเสริมบ้างละกัน (จะได้กลับมาอ่านบ่อยๆ ^_^ )
 1. ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เว้นจากผมแล้ว นามสกุลนี้ไม่มีใครสืบทอดแล้ว  ก็ภาระในบ้านนั้นมีพี่สาวพอดูดีได้อยู่บ้าง การบวชระยะยาวของผมก็ยังทำไม่ได้ แต่บวชระยะสั้น หนึ่งพรรษาน่าจะพอได้ ก็บวชแบบนี้ไปก่อน 
 
   ... จริงอยู่เป็นลูกก็ควรดูแลพ่อแม่ แต่เราก็อย่าลืมว่า เราเกิดมาเจอพ่อแม่ที่ดีแบบชาตินี้ได้ ก็เพราะเรามีบุญ เราไม่เจอพ่อแม่บางคนที่ฆ่าลูกทิ้งตั้งแต่ยังไม่เกิดก็เพราะบุญของเรา  ถ้าเราไม่สร้างบุญให้ตัวเรา ก็ไม่แน่ว่าเราจะได้เกิดมาเป็นคนอีกในชาติหน้า  แม้เกิดก็อาจไม่เกิดพ่อแม่ที่ดีเช่นนี้ ดังนั้นการสร้างบุญใหญ่ให้ตัวเอง จึงเป็นเรื่องสำคัญ
 
.....พ่อแม่เราในชาตินี้ก็อาจพลัดพรากจากเราทั้งในชาตินี้และชาติหน้า โอกาสจะได้เกิดมาเจอกันอีกไม่ใช่ง่ายๆ บางทีเราเกิด แต่พ่อแม่เรายังไม่เกิด หรือพ่อแม่เราเกิด แต่เรายังไม่เกิด ..หรือหากพ่อแม่ชาตินี้เกิดแล้ว ก็อาจมีลูกเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เราอีก กว่าจะได้เกิดแล้ว มีเราเป็นลูกท่านเหมือนชาติที่ผ่านมา เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ...ต้องพลัดกันไปแบบนี้ในสังสารวัฏมากมาย...  
 
 ....เราควรบวชเพื่อเอาบุญให้เราและพ่อแม่ และหากบุญมีกำลังมากพอก็จะทำให้ท่านเข้าใจและปล่อยให้เราบวชต่อไป จะเป็นเช่นนี้ได้ หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับบุญของตัวเรา และบุญของพ่อแม่นั่นเอง ที่จะมีลูกชายในสายเลือด เป็นพระภิกษุ เป็นอายุของพระพุทธศาสนาตราบจนท่านสิ้นลมหายใจ... นี้ก็เป็นไปด้วยผลบุญ ผลบาปทั้งสิ้น ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยเช่นกัน....
 
2.  ผมก็เป็นอีกคนที่มีแฟนแต่ยังไม่ทันได้แต่งงานกัน อยู่กันแบบพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรู้หมดแล้ว ถามว่ารักกันไหมก็แน่นอนเราผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะจนชินแล้วเพราะคบกันนาน แต่สุดท้ายผมก็คุยกับแฟนถึงเป้าหมายในเส้นทางของอนาคต ว่าผมอยากบวช อยากช่วยงานพระศาสนา 
 
แรกๆเขาก็รับไม่ได้เพราะวัฒนธรรมคนไทย เมื่อคบหากันแล้วทั้งสองฝ่ายยินดีก็ควรต้องแต่งงานกัน  แต่ผมก็เห็นงานพระศาสนาสำคัญ บางทีก็พูดออกมาบ่อยๆ หรือบางทีก็ชวนเขาให้เข้ามาช่วยงานพระศาสนาเหมือนกับผม จากศีล5 ก็ชวนกันรักษาศีล8 
 
เราทำแบบนี้จริงๆ จนเมื่อเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ บุญผมคงได้ช่อง เขาก็เลยบอกให้เป็นแค่เพื่อนกัน แยกจากกันด้วยกาย แต่ใจก็ยังเหมือนเป็นแฟนกัน ต่างคนต่างอยู่ และเขาก็ต้องไปดูแลครอบครัวเขา เราก็เช่นกัน โดยให้ความสำคัญกับครอบครัว ศีล และงานพระพุทธศาสนามากกว่าการอยู่ร่วมกันแบบสามีภรรยา 
 
....ทุกวันนี้ก็ติดต่อกันอยู่ แต่เอาความปลื้มจากงานบุญมาคุยกันแทนคำว่า  รักไหม ห่วงไหม? ฯลฯ  มันอาจดูตลกสำหรับคนที่ไม่อยู่ในสถานะการณ์เช่นผม แต่ผมก็คิดว่า ถ้าจะกลับไปรักกันอีกมันทำได้วันนี้เดี๋ยวนี้เลย แต่อยู่อย่างนี้ดีกว่า ในเมื่อเขาให้โอกาสเราสร้างบุญ เราก็ควรให้โอกาสเขาสร้างบุญ ต่างคนต่างมองงานบุญเป็นใหญ่ และเขาก็ให้ผมบวชได้ถ้าผมจะบวช 
 
....ข้อนี้...ก็ต้องบอกว่า มันขึ้นอยู่กับเรา และภรรยา และบุญของเรา กับบุญของภรรยา ที่จะมีสามีเป็นอดีตสามี แต่เป็นพระเพื่องานพระศาสนา รักษาความบริสุทธิ์ของกายวาจาใจ ก็เหมือนภรรยาได้ยกสามีของตน ไว้เป็นอายุของพระพุทธศาสนา....เป็นบุตรของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า..
 
3. อันนี้ถูกต้องที่สุดเลยที่ว่า บวช โดยที่ครอบครัวยินดี หรือรับรู้ เพราะเขาเหล่านั้นจะได้อนุโมทนาบุญการบวชของเราด้วยใจใสๆอย่างเต็มที่ บุญจะส่งผลเต็มกำลัง ถ้าปลื้มมากและตัวญาติพี่น้องหรือครอบครัวมิได้ทำกรรมหนัก หรือทำบาปอกุศลบ่อยๆแล้ว ก็อาจปิดอบายภูมิได้เลย 
 
...เพราะการยินดีในการบังเกิดอายุของพระพุทธศาสนา แปลว่า พื้นเดิมแล้วเขามีบุญมาก เขาถึงเข้าใจ และสามารถมายินดี มาร่วมอนุโมทนาบุญได้ บุญนี้จะไปดึงบุญเก่าในภพชาติอดีตให้มาส่งผลได้ เพราะเป็นนิสัยเดิมของผู้เคยอนุโมทนาบุญกับการบวชแบบนี้มาก่อนแล้วนั่นเอง ...ดังนั้นย่อมแตกต่างกับการบวชแบบที่ครอบครัว หรือญาติพี่น้องไม่รับรู้ หรือไม่ยินยอมอย่างชัดเจนที่สุด..
 
 
... แต่ทว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังในทั้งสามข้อ มันคือ การตัดสินใจของผู้บวชนั่นเอง และผลบุญเก่าที่ได้สั่งสมมาข้ามภพข้ามชาติของผู้บวชเองทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่า ถ้ามีบุญมาก การบวชก็ไม่สะดุดในสิ่งใดเลย นึกอยากจะบวชก็ได้บวชและบวชได้สำเร็จ ดังนั้น หากชาตินี้การบวชของเราทำได้ยากแล้ว แปลว่าบุญเราเริ่มหย่อน เริ่มน้อยลงไปแล้ว ให้รีบสั่งสมใหม่  
เพราะถ้าปล่อยไปแล้ว ชาตินี้ไม่ได้บวช บุญก็อาจไม่พอทำให้ชาติหน้าได้บวช ชาติต่อๆไปก็จะมีโอกาสได้บวชน้อยลงไปอีก เหมือนกระแสน้ำที่เล็กลง ย่อมส่งน้ำไปไม่ถึงจุดหมาย.... *-)

..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#3 skynoi

skynoi
  • Admin
  • 603 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 16 October 2013 - 06:22 PM

สาธุค่ะ



#4 Souriya

Souriya
  • Members
  • 53 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ส.ป.ป.ลาว
  • Interests:วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 18 October 2013 - 02:13 PM

ขอบคุณ ครับ....สาธุครับ


สิ่งที่ต้องสะสมคือบุนกุสน สิ่งที่ต้องสะแหวงหาคือพระรัตนะไตรพายใน เป้าหมายชีวิดคือที่สุดแห่งทัม ที่พักละหว่างทางคือ ดุสิดบุรี วงบุนพิเสด เขดพระโพทิสัด.

ละชั่วทุกอย่าง ทำดีทุกรูบแบบ ทำใจให้พ่องใส อยากไปไหนก่อไปได้ทุกที่...


#5 Hutch_siam

Hutch_siam
  • Member_Facebook
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 October 2013 - 12:22 AM

ยุคสมัยนี้ เป็นยุคจิตใจมนุษย์ตกต่ำ เข้ายุค ผ้าเหลืองน้อยห้อยหู .......... ต่อไปจะหาพระเกจิ หรือที่เข้าใจพุทธศาสนาที่แท้จริงไม่มี  การบวชใช่ว่าจะได้ กุศลเสมอไปในยุคนี้ อยู่ที่การปฏิบัติ หากเราไม่พร้อม หรือ ลำบากหากต้องบวช ไม่จำเป็นก็ได้ อย่าไปยึดติดแค่สีผ้าเหลือง ไม่ได้บวชก็สามารถ สืบทอดพุทธศาสนาได้ ด้วยการศึกษาธรรมตามหลักของพระพุทธองค์ได้ แต่ต้องเคร่งครัดด้วยตนเอง รักษาศิล 5 ให้ดี ในสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยพุทธองค์ พระสงฆ์จำนวนมาก เพี้ยนไป คำสอนเพี้ยนไป ทำให้ผู้คนหลงมากมาย           ..........   ผมก็บวชมานะ 1 พรรษา เพราะแม่ขอร้อง แต่เกิดจากศรัทธาไหม ตอนนั้นวัยรุ่น ไม่รู้   .......... แต่ตอนนี้รู้แ้ล้วว่า ชีวิตมนุษย์มันแสนลำบาก เกิดมาชดใช้เวรกรรมกันจริงๆ  บวชหรือไม่บวชไม่สำคัญแล้วยุคนี้ สำคัญที่ว่า จะเจริญรอยตามพระพุทธองค์ได้อย่างไรมากกว่า ไม่อยากเวียนเกิด เวียนตายอีกแล้ว ลำบากมากๆ ทุกข์มากๆ มนุษย์โลกเน่าๆ ...



#6 skynoi

skynoi
  • Admin
  • 603 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 23 October 2013 - 08:37 AM

 

เกิดมาชดใช้เวรกรรมกันจริงๆ 

เกิดมาเสวยบุญก็มี เกิดมาสร้างบารมีก็มากค่ะ

 

 

บวชหรือไม่บวชไม่สำคัญแล้วยุคนี้

บวชสำคัญมากยุคนี้ ไม่บวชไม่ได้ ต้องบวช การบวชคือการเจริญรอยตามพระพุทธองค์ ก็ไปดูกันว่าใครบวชได้นานแค่ไหน

บวชสั้นๆ ก็ 1 พรรษา บวชนานได้ก็บวชศึกษาธรรม เป็นเนื้อนาบุญไปทุกวัน

 

 

ไม่อยากเวียนเกิด เวียนตายอีกแล้ว ลำบากมากๆ ทุกข์มากๆ

ก็ต้องตัดวงจรการเกิด ด้วยการออกจากเรือน

 

ถ้าเราเคยบวชแล้วไม่รู้ ตอนนี้รู้แล้วก็น่าจะมาช่วยกันทำให้ผู้มาทีหลังได้บวชด้วยความรู้ความศรัทธา เพื่อให้ผู้มาทีหลังได้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการบวช ไม่ใช่บวชแล้วบอกว่าไม่ได้อะไร