ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

แบบทดสอบย่อย ว่าด้วยเรื่องของ "ความเมา"


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 18 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 02:37 PM

นอกจากความเมาในระดับหยาบ คือ ความเมาสุรา เมาเมรัย เมามัชชะ (ยาเสพย์ติด) แล้ว ยังมีความเมาอีกประการหนึ่ง ซึ่งเปรียบได้กับ ๑ ใน ๑๖ ประการ อันเปรียบได้กับสนิมของใจ อยากทราบว่า ความเมาอันเปรียบได้กับสนิมของใจนั้น มีชื่อเรียกว่าอย่างไร? แบ่งออกเป็นทั้งหมดกี่ประการ? และความเมานี้มีลักษณะอันเป็นปฏิสัมพันธ์ที่ชิดใกล้กับสนิมในใจข้อใดมากที่สุด? จงอธิบายประกอบพร้อมเหตุผล
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#2 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 04:56 PM

koonpatt ขอตอบว่า สนิมแห่งใจ คือ นิวรณ์ 5 ค่ะ

นิวรณ์ 5 คือธรรมอันกั้นจิต ไม่ให้บรรลุความดี เป็นข้าศึกแก่สมาธิ มี 5 อย่างคือ

กามฉันท์ คือ ความพอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจมี รูป หรือความพอใจในกาม
พยาบาท คือ การปองร้ายผู้อื่น
ถีนมิทธะ คือ ความง่วงเหงา หาวนอน จิตหดหู่และเคลิบเคลิ้ม
อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุ้งซ่าน รำคาญใจ
วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย

นิวรณ์นั้นเป็นข้าศึกแก่สมาธิ เวลามีนิวรณ์ สมาธิก็ไม่มี เวลามีสมาธิ นิวรณ์ก็ไม่มี เหมือนมืดกับสว่าง เวลามืดสว่างไม่มี เวลาสว่างมืดก็หายไป จะนำมารวมกันไม่ได้

นิวรณ์เกิดจาก

สัญญา : ความจำได้หมายรู้

สังขาร : ความปรุงแต่งทางจิตบางอย่างเข้ามายั่วยวนให้เกิด

นิวรณ์เกิดขึ้นที่จิตเพียงแห่งเดียว แต่มีผลต่อแห่งอื่นๆ สาเหตุที่เกิดนิวรณ์ คนมีตาหูจมูก ลิ้น กายใจ ก็ต้องมองเห็นได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส เป็นต้น

เมื่อตาเห็นรูป ก็จะเลือกดู แต่รูปที่ดี จะต้องคิดนึกถึงรูปปานกลาง และรูปเลวด้วย

คือต้องนึกถึงไตรลักษณ์ เป็นหลักพิจารณาอยู่เสมอ จะได้ไม่หลง ถ้าจะให้จิตอยู่ในอารมณ์ พระนิพพานอยู่เสมอ เมื่อเห็นอะไรก็ต้องพิจารณาให้เข้าสู่ไตรลักษณ์อยู่ตลอดเวลา แม้เกี่ยวกับการได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส ฯลฯ ก็ต้องพิจารณาให้เห็นพระไตรลักษณ์เช่นเดียวกัน การเพ่งสมาธิวิปัสสนา ให้เพ่งพระพุทธรูป (พุทธานุสสติ) กายคตสติ อสุภ ดีที่สุด เมื่อเพ่งจนเกิดสมาธิแล้วก็พิจารณาไปสู่พระไตรลักษณ์ หรืออีกวิธีคือ ความยินดีพอใจ ใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ทั้งปวงอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลกสมมติกันว่าเป็นสุข แต่พระอริยะเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นทุกข์ การยินดีในสุภนิมิต เช่นนี้เรียกว่า กามฉันท์

ผู้มีกามฉันท์นี้ควรเจริญ กายาคตาสติ พิจารณาเห็นร่างกายให้เห็นเป็นปฏิกูล

พยาบาทเกิดขึ้น เพราะความคับแค้นใจ ผู้มีพยาบาท ชอบโกรธเกลียดผู้อื่นอยู่เสมอๆ ควรเจริญ เมตตา กรุณา มุทิตา คิดให้เกิดความรัก เมตตาสงสารผู้อื่น

ผู้มีความเกียจคร้าน ท้อแท้อยู่ในใจ ไม่กระตือรือร้นในการทำงาน เรียกว่าถูกถีนมิทธะครอบงำ ควรเจริญอนุสสติกัมมัฎฐาน พิจารณาความดีของตนและผู้อื่น เพื่อจะได้มีความอุตสาหะ ทำงานแก้ความท้อแท้ใจ เสียได้

ความฟุ้งซ่าน รำคาญ เกิดจากการที่จิตไม่สงบ ควรเพ่งกสิณให้ใจผูกอยู่ในอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง หรือเจริญกัมมัฏฐานให้ใจสังเวชเช่น มรณสติ

ความลังเลไม่ตกลงได้ เนื่องจากไม่ได้พิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนควรเจริญธาตุกัมมัฏฐาน เพื่อจะได้รู้สภาวะธรรมตามความเป็นจริง

ธรรมทั้ง 5 ประการนี้เมื่อเกิดกับผู้ใด ย่อมจะเป็นธรรมอันกั้นจิตไม่ให้ผู้นั้นบรรลุความดีหรือสิ่งที่ตนประสงค์ได้ ฉะนั้นผู้หวังความสำเร็จในชีวิตควรเว้นจากนิวรณ์ 5 ประการนี้


ตรวจข้อสอบแล้ว เฉลยด้วยนะคะ

จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#3 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 05:32 PM

เมาเหล้า เช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจเป็นประจำทุกค่ำคืน
ขอตอบคุณขุนศึกครับ ไม่รู้ว่าจะตอบได้ใกล้เคียงหรือเปล่า
มัวเมาในที่นี้คือ มัวเมาใน อุปกิเลส 16 ข้อ มีตั้งเยอะแล้วข้อไหนล่ะครับท่านขุนศึก
1. อภิชฌา---ความละโมบอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของๆตน
2. พยาบาท---ความคิดปองร้าย
3. โกธะ------ความโกรธ
4. อุปนาหะ---ความผูกโกรธ
5. มักขะ-----การลบหลู่ผู้อื่น
6. ปลาสะ-----ยกตัวตีเสมอ
7. อิสสา------ความริษยา
8. มัจฉริยะ----ความตะหนี่
9. มายา------มารยา
10. สาเถยยะ----ความโอ้อวด
11. ถัมถะ-------ความกระดื้อกระด้าง
12. สารัมภะ-----ความแข่งดี
13. มานะ-------ความถือตัว
14. อติมานะ----ความดูหมิ่นผู้อื่น
15. มทะ-------ความมัวเมา
16. ปมาทะ----ความประมาท
น่าจะเป็นข้อ1 คืออภิชฌา ความละโมบอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน
ซึ่งข้อนี้เมื่อมีอยู่ในใจของผู้ใดแล้ว เขาจะหาความสงบสุขทางด้านจิตใจไม่ได้เลยแม้แต่ นาทีเดียว
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#4 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 06:16 PM

nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif คุณ patt กับพี่สาครครับ รอให้มีเพื่อนสมาชิกมาช่วยกันตอบอีกสักระยะหนึ่งก่อนนะครับ แล้วผมจะมาเป็นผู้ทำการเฉลยคำตอบให้ครับ laugh.gif laugh.gif laugh.gif
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#5 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 07:01 PM

ขอเสนอแนะ เรื่องการตั้ง แบบทดสอบย่อยค่ะ nerd_smile.gif

กำหนด ระยะเวลาการเฉลยค่ะ เช่น คำถามนี้ ปิดรับการตอบ ภายใน วัน และ เวลา ......... เป็นต้นค่ะ

เวลาที่เหมาะสม น่าจะ 1 วัน 1 คืนค่ะ (อันนี้ความคิดเห็นนะคะ) หรือ 2 วัน 2 คืน หมายถึง ข้ามกลางวัน และกลางคืน น่ะค่ะ

เพราะท่านที่เข้ามากลางวัน อาจไม่ได้เข้ามากลางคืน ท่านที่ไม่ว่างกลางวัน ก็อาจเข้ามากลางคืน

และจะได้มีเวลาค้นคว้าไงคะ

เพราะว่า ถ้ามาตอบกันน้อย แล้วเฉลย ก็ไม่ดีค่ะ อาจมีบางท่านพลาดการตอบ ทั้งที่อยากตอบ เพราะเข้ามาไม่ทันน่ะค่ะ

และถ้าไม่กำหนดระยะเวลาการเฉลย คนที่ตอบแล้ว ก็จะลุ้นอยู่ตลอดค่ะ ตื่นเต้น มาก........ อยากทราบผลการสอบค่ะ laugh.gif

แต่ว่า ชื่นชม คุณ ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี มากๆๆๆเลยค่ะ กับการตั้งกระทู้แบบนี้ ขออีกเรื่อยๆ นะคะ สา...ธุ ค่ะ

happy.gif happy.gif happy.gif
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#6 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 07:21 PM

nerd_smile.gif ถ้าเช่นนั้น ผมขอเป็นวันศุกร์ที่จะถึงนี้ก็แล้วกันนะครับ ขอบพระคุณมากสำหรับคำแนะนำครับ laugh.gif
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#7 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 07:32 PM

นานไปใหมท่านขุนศึก ผมว่านะแค่ 2 วันก็พอ แต่แล้วแต่ท่านขุนศึกครับผมรอได้ สาธุ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#8 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 10:50 PM

QUOTE
นอกจากความเมาในระดับหยาบ คือ ความเมาสุรา เมาเมรัย เมามัชชะ (ยาเสพย์ติด) แล้ว ยังมีความเมาอีกประการหนึ่ง ซึ่งเปรียบได้กับ ๑ ใน ๑๖ ประการ อันเปรียบได้กับสนิมของใจ อยากทราบว่า ความเมาอันเปรียบได้กับสนิมของใจนั้น มีชื่อเรียกว่าอย่างไร? แบ่งออกเป็นทั้งหมดกี่ประการ?

ตอบ มทะ ( ๑ ใน ๑๖ อุปกิเลส ) ความเมาในที่นี้ หมายถึง ความเมาในทางจิตที่มีมูลมาจากโมหะ คนละอย่างกับ ความมัวเมาทางด้านวัตถุเช่น การเมาสุรา ยาเสพติด
มทะ หมายถึง ความเมา มี ๓ อย่าง
๑. อาโรคยมทะ คือ ความเมาในความไม่มีโรค
๒. โยพพนมทะ คือ ความเมาในความเป็นหนุ่มสาว
๓. ชาติมทะ คือ ความเมาในชาติ

อุปกิเลส ๑๖ อย่าง

๑. อภิชฌา ความโลภ กิเลสประเภท โลภะ
๒. พยาบาท ความคิดปองร้าย กิเลสประเภท โทสะ
๓. โกธะ ความโกรธ กิเลสประเภท โทสะ
๔. อุปนาหะ ความผูกโกรธ กิเลสประเภท โทสะ
๕. มักขะ การลบหลู่ผู้อื่น กิเลสประเภท ทิฏฐิ
๖. ปลาสะ ยกตัวตีเสมอ กิเลสประเภท มานะ
๗. อิสสา ความอิจฉาริษยา
๘. มัจฉริยะ ความตะหนี่
๘. มายา ความเจ้าเล่ห์ มารยา
๑๐. สาเถยยะ ความโอ้อวด กิเลสประเภท มานะ
๑๑. ถัมถะ ความกระดื้อกระด้าง กิเลสประเภท มานะ
๑๒. สารัมภะ ความแข่งดี กิเลสประเภท มานะ
๑๓. มานะ ความถือตัว กิเลสประเภท มานะ
๑๔. อติมานะ ความดูหมิ่น กิเลสประเภท มานะ
๑๕. มทะ ความมัวเมา กิเลสประเภท โมหะ
๑๖. ปมาทะ ความประมาทเลินเล่อ กิเลสประเภท โมหะ


QUOTE
ความเมานี้มีลักษณะอันเป็นปฏิสัมพันธ์ที่ชิดใกล้กับสนิมในใจข้อใดมากที่สุด? จงอธิบายประกอบพร้อมเหตุผล

ตอบ มทะควรจะเป็นปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับปมาทะมากที่สุด เพราะ มทะและปมาทะ จัดอยู่ในกิเลสประเภทโมหะเหมือนกัน เมื่อมทะ คือ ความมัวเมา เกิดขึ้นเมื่อใดแล้ว ปมาทะ คือ ความประมาทเลินเล่อย่อมตามมาเสมอ

อปฺปมาโท อมตํปทํ ปมาโท มจฺจุโน ปทํ อปฺปมตฺตา น มียนฺติ เย ปมตฺตา ยถา มตา
ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย
ผู้ไม่ประมาท ไม่มีวันตาย ผู้ประมาท ถึงมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตายแล้ว

พุทธพจน์


_/|\__/|\__/|\_

ส า ธุ ค รั บ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ใ ค ร ช อ บ. . .ใ ค ร ชั ง. . .ช่ า ง เ ถิ ด
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .


#9 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 12:12 AM

สา...ธุ ค่ะ คุณรักบุญ จริงๆด้วยค่ะ koonpatt ไปตอบเรื่อง สนิมของใจ เลยนึกถึง นิวรณ์ล่ะ cry_smile.gif

ตีโจทย์ไม่แตกเลย เพราะรู้น้อย อับอาย....อับอาย ยิ่งนัก red_smile.gif red_smile.gif red_smile.gif

คราวหน้าต้องแก้ตัวใหม่ สู้ สู้ ค่ะ

รู้สึกเหมือนจะไปสอบ จอหงวน ชิงตำแหน่ง จอมยุทธ พระธรรม เลยค่ะ laugh.gif laugh.gif laugh.gif

สนุกจังค่ะ ชอบ ชอบ ชอบมากๆๆๆๆ
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#10 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 06:45 AM

คุณรักบุญ ผมยังไม่ชมคุณตอนนี้หรอก แต่เอาเป็นว่าปลื้มอยู่ในใจ ต้องรอให้ ท่านขุนศึกตอบก่อนถ้าถูกต้อง ตามที่ท่านขุนศึกต้องการแล้ว ผมจะชมท่านอย่างออกหน้าออกตาเลยครับ เริ่มรู้สึกว่าผมเลือกข้อผิดเสียแล้ว พออ่านของท่าน เพราะผมไปเลือกข้อ อภิชฌา เสียดายจังเลย ข้อหน้าแก้ตัวใหม่ครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#11 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 07:23 AM

ท่านขุนศึกครับผมมีข้อเสนอ แล้วแต่ท่านจะพิจารณา

คือท่านคิดดีทำดีแล้วครับที่ตั้งปัญหาธรรมะ ให้พวกเราตอบกัน นอกจากจะได้ความรู้ที่ดีแล้ว

ยังสนุกไปกับการค้นหาข้อมูล ทำให้มีความสุขไปด้วย ข้อแรกผมอยากจะเสนอว่า

อยากให้มี ฟอร์รั่ม ของการตอบปัญหาธรรมะโดยเฉพาะไปเลยครับ ข้อสอง

ผมอยากให้ท่านเฉลยปัญหาไปเลย ในกรณี ที่มีผู้ตอบ ถูกแล้ว โดยไม่ต้องรอวันที่กำหนด

เพราะเมื่อมีผู้ตอบถูกแล้ว ท่านก็เฉลยแล้ว ผู้ที่มาทีหลัง ก็จะได้ไม่ต้องมาตอบอีก

เพียงแต่เข้ามา ชมเชย ยกย่อง สาธุ กับผู้ที่ตอบถูกไปแล้ว เพราะถ้าท่านไม่เฉลยในทันทีเมื่อมี

ผู้ตอบถูก คนที่มาทีหลังก็อาจจะเอาไปตอบได้อีก หรือถ้าเขาไม่เอาไปตอบอีก ก็แสดงว่า

ที่เขาตอบนั้นต้องผิดหมด เพราะมีคนตอบถูกตั้งแต่ต้นแล้ว คนที่ตอบถูกคนแรกเขาจะได้ภูมิใจ

ผมว่าควรจะตั้งปัญหาข้อต่อไปดีกว่าครับ ผมเสนอเฉยๆ อย่าคิกมากนะครับ ขออนุโมทนาสาธุครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#12 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 05:25 PM

nerd_smile.gif ท่านรักบุญได้ตอบไว้ชอบแล้วทุกประการ สาธุ... สาธุ... สาธุ... และกระผมใคร่ขอเรียนถามต่อว่า เพราะเหตุไร "อุปกิเลส" จึงเปรียบได้กับสนิมของใจ? (จะตอบคำถามข้อนี้ได้ ท่านพึงทราบถึงรากศัพท์ของคำๆ นี้เสียก่อนนะครับ) happy.gif
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#13 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 05:53 PM

คุณรักบุญค๊าบ ท่านขุนศึกเขาบอกว่าท่านตอบถูกค๊าบ ผมนับถือภูมิรู้ของท่านค๊าบ

ผมขอให้ท่านอยู่กับเวบบอร์ดของdmcไปตลอดนะครับ ขออนุโมทนาสาธุครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#14 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 09:16 PM

จากพจนานุกรมพุทธศาสนา
ฉบับประมวลศัพท์
โดย พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

อุปกิเลส โทษเครื่องเศร้าหมอง, สิ่งที่ทำจิตใจให้เศร้าหมองขุ่นมัว รับคุณธรรมได้ยาก
มี ๑๖ อย่าง คือ ๑) อภิชฌาวิสมโลภะ ละโมบ จ้องจะเอาไม่เลือกควรไม่ควร ๒)
โทสะ คิดประทุษร้าย ๓) โกธะ โกรธ ๔) อุปนาหะ ผูกโกรธไว้ ๕) มักขะ ลบหลู่คุณท่าน
๖) ปลาสะ ตีเสมอ ๗) อิสสา ริษยา ๘) มัจฉริยะ ตระหนี่ ๙) มายา เจ้าเล่ห์
๑๐) สาเถยยะ โอ้อวด ๑๑) ถัมภะ หัวดื้อ ๑๒) สารัมภะ แข่งดี ๑๓) มานะ ถือตัว
๑๔) อติมานะ ดูหมั่นท่าน ๑๕) มทะ มัวเมา ๑๖) ปมาทะ เลินเล่อหรือละเลย

อุปกิเลส ห่อหุ้มจิตไว้ ไม่ให้ได้รับแสงสว่างคือคุณธรรม เปรียบเสมือนสนิมห่อหุ้ม
เนื้อเหล็กเอาไว้



หยุดคือตัวสำเร็จ

#15 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 10:10 PM

QUOTE
อุปกิเลส ห่อหุ้มจิตไว้ ไม่ให้ได้รับแสงสว่างคือคุณธรรม เปรียบเสมือนสนิมห่อหุ้ม
เนื้อเหล็กเอาไว้

nerd_smile.gif สาธุ... ถูกต้องครับ laugh.gif
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#16 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 07:19 PM

สุดยอดเลยอ่ะครับ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#17 JJ.

JJ.
  • Members
  • 129 โพสต์
  • Location:คลอง4 ปทุมธานี
  • Interests:สมาธิ ความสงบ โลกหน้า

โพสต์เมื่อ 11 November 2006 - 10:38 PM

_/I\_...ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้และสมาชิกทุกท่าน...ข้าพเจ้าเป็นสมาชิกใหม่...กําลังไล่อ่านตามหลัง....ชอบ...ชอบมาก...ถึงมากที่สุด...ใด้รับความรู้ที่ข้าพเจ้าคิดว่าถูกต้องที่สุด....กรุณาให้ความสว่างแก่ผู้ที่อยู่ในเงามืด...ปลดปล่อยจากวัฏตสู่..นิพาน....ข้าพเจ้ายิ่งอ่านก็รู้ตัวว่ารู้น้อย........ข้าเจ้าขอฝากตัวด้วย สิ่งใดที่ข้าเจ้าผิดขอเพื่อนสมาชิกใด้โปรดชี้แนะและตักเตือน....ขอบคุณครับ...._/i\_...
...โปรดพิจารณา...นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว... ถ้าผิดพลาดประการใด...วอนผู้รู้ หรือ คิดแตกต่างช่วยแก้ไขให้ด้วย _/I\_ ขอบคุณครับ

#18 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 December 2006 - 08:31 AM

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับสาธุ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#19 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 01:27 PM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ