ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

หลวงปู่ทวดหยุดขบวนรถไฟครั้งสมครามโลกครั้งที่ 2


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 usr20351

usr20351
  • Members
  • 109 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 11:24 PM

หลวงปู่ทวดหยุดขบวนรถไฟครั้งสมครามโลกครั้งที่ 2

สำหรับเรื่องราวของ เขื่อนท่านช้างให้ ซึ่งเดิมมีเพลงเสาไม้เเก่นปักหมายไว้ ต่อมาเมื่ออาจารยืทิมเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 4 จีงได้จัดการบูรณะก่ออิฐถือปูนห่อหุ้มเสาไม้เเก่นของเดิมไว้ถายใน ชาวบ้านจึงเรียกว่า สถูปศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวด

นับได้ว่า เขื่อนท่านช้างให้ มีอายุยืนนานกว่า 300ปี เเละถือเป็นสถานที่บรรนุอะฐิของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมภารองค์เเรกของวัดช้างให้ที่มีเรื่องเล่าขานมากมาย

มีการบันทึกไว้ว่าสถูปศักดิ์สิทธ์ซึ่งบรรจุอัฐิหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดสมภารองค์เเรกของวัดช้างให้ ตั้งอยู่ใหล้กับทางรถไฟสายใต้ที่วิ่งระหว่างหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ใกล้ชิดที่สุดระหว่างสถานีนาประดู่กับสถานีป่าไร่ เดิมเป็นข่าวเล่าลืมในความศักดิ์สิืธิ์ในหมูบ้านใกล้เคียงทั่วๆกัน ใครมีเรื่องป่วยไข้ได้ทุกข์ใดๆก้พากันมาสักการะบ๔ชาจอให้ท่านช่วยดลบันดาลขจัดปัดเป่าสิ่งร้ายนั้นก็สำเร็จสมความประสงค์

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่พระครูวิสัยโสภณหรืออาจารย์ทิม ธมมธโร ฝันว่าได้พบหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเเเล้ว วันหนึ่งนึกสนุกจึงเก็บเอาก้นเทียนที่ตกอยู่ริมเขื่อนหรือสถูปมาคลึงเป็นลูกอมเเล้วเเจกจ่ายให้เเก่เด็กวัดไปโดยไม่มีความหมายอะไร
เเต่ต่อมาปรากฎเป็นที่อัศจรรย์เเก่ท่านว่า เมื่อเด็กได้ลูกอกก้นเทียนไปจากท่านเเล้วได้ใช้บูกอกขี้ฝึ้งนี้อมไว้ในปากเเล้วลองฟันกันด้วยมีดเเละพร้ามีคม เเต่เเทงฟันกันไมเข้า เลย จึงเรียกเด็กมาประชุมสั่งสอนเเละห้ามการทดลองกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์สำคัญหนึ่งที่ยังถูกกล่าวขวัญกันอยู่เสมดเกี่ยวกันคว่ามศักดิ์สิทธ์ของสถูปบรรจุอัฐิหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด นั่นก็คือการเเสดงอภินิหารหยุดขบวนรถไฟของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้มีการบันทุกไว้โดยนายอนันต์ คณานุรักษ์ ว่าหลวงพ่อหยียบน้ำทะเลจืดโกรธทหารญี่ปุ่นสมันสงครามโลกครั้งที่ 2ครั้งนั้น ทางการทหารญี่ปุ่นได้เอารถไฟสายใต้ของไทยทั้งขบวนไปใช้ทำการขนส่งสัมภาระเข้ากลันตันโจมตีสิงค์โปร์ รถไฟขบวนนี้ต้องเเล่นผ่านหน้าวัดช้างให้ไปตามรางอันอยู่ใกล้ชิดกับเขื่อน หรือ สถูป อยู่ทุกๆวัน

ต่อมาวันหนึ่งในเดือนมกราคม 2585 เวลาประมาณ 15.00 นาฬิกา รถไฟขบวนนี้เเล่นกลับมาจากสุไหงโก-ลกถึงหน้าวัด หัวรถจักรเคียงขนานตรงกับสถูปพอดี ทันทีนั้นเหตุการณือัศจรรย์ที่ยังไม่มีใครพบเห็นก็ปรากฎขึ้น คือรถไฟขบวนนั้นติดตรึงอยู่กันที่จะเคลื่อนต่อไปอีกไม่ได้เครื่องตถจักรยังคงเดินตามปกติ ล้อเหล็กกำลังหมุนอยู่บนรางเหล็กในที่เดิม จีงเกิดความร้อนมาก มีประกายไฟเเดงพราวไปทั้งสองข้างขบวนรถนั้นอยู่สักครู่ พนักงานหัวรถจักรเเละทหารญี่ปุ่นก็จนปัญญา ไม่สามารถจะเเก้ไขนำขบวนรถเคลื่อนที่เเล่นไปได้ จังให้รถจักรถอยหลังไปประมาณ 1 กิโลเมตร เเล้วเร่งผีจักรเต็มที่เเล่นมาใหม่อีก เเต่พอหัวรถจักรเคียงขนานกับสถูปในที่เดิมก็เคลื่อนที่ต่อไปไม่ได้อีกรถไฟขบวนนี้จึงทดลองเเล่นมาเเละถอยหลังกลับอยู่ตั้งเเต่ 15.00 นาฬิกา จนกระทั่งใกล้จะค่ำก็ผ่านไปไม่ได้ ประชาชนชาวบ้านใกล้เคียงชวนกันมายืนดูความัศจรรย์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม

ฝ่ายท่รานอาจสียงเครื่องจักรรถไฟดังสั่นสะเทือนไปมาอยู่หน้าวัด เเต่ธุระไม่ใช่ท่านจึงไม่ได้สนใจออกจากกุฎิมาดูอย่างผู้อื่น เเต่เมื่อเวลาใกล้จะค่ำอยู่เเล้วรถไฟขบวนนี้ก็ยังคงวิ่งไปมาอยู่ที่เดิมท่านนึกสงสัยจึงคิดว่าทหารญี่ปุ่นมาทำอะไรอยู่หน้าวัด นจึงลงจากกุฎิไปดูกับเขาบ้างเมื่อปรากฎเเก่สายตาของท่านว่าหัวรถจักรติดอยู่เพียงสถูปทุกๆ ครั้งที่ขณะกลับไปมา ท่านจึงนึกว่น่าจะเป็นอภินิหารของท่านหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเล่นงานขบวนรถไฟนี้เสียเเล้ว ท่านอราจารย์จีงเดินเข้าสถูปเเล้วนึกในใจว่า ถ้าหากหลวงพ่อทวดลงโทษยึดขบวนรถไฟนี้เเล้วก็ขอให้ยกโทษ ปล่อยให้เขาไปทำงานตามหน้าที่ของเขาเถิด เขาเป็นพวกนอกศาสนาไม่รู้จักอะไร อย่าถือโทษเขาเลยเเละทันทีนั้นรถไฟก็ค่อย เคลื่อนจากที่เดิมวิ่งไปได้เป็นปกติ เเละในคืนวันนั้นท่านอาจารย์นอนพอเคลิ้มใกล้จะหลับ ก็ได้ยินเสียงพูดที่ช้างหูเป็นเสียงคนเเก่พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า
--อ้ายญี่ปุ่นมาดูถูกพวกเรา(ชาติไทย) มันข่มเหงเอารถไฟเราไปใช้ดีเเต่มีลูกๆอยู่บนรถสองตัว มิฉะนั้นกูจะผลักให้ตกจากรางกูไม่ยอมให้มันเอาไปใช้เป็นอันขาด

ท่านอาจารย์ทิมไม่ทราบว่าอะไรที่ท่านหลวงพ่อทวดเรียกว่าลูก 2 ตัวอยู่บนรถ ต่อมาประมาณ 7-8 วัด ได้มีชายสองคนมาหาท่านที่วัดเเละขอถวายตัวเป็นศิษย์ เเละเล่าให้ท่านอาจารย์ทิมฟังว่า เขาสองคนเป็นพนักงานหัวรถจักรเเละวันที่ขบวนรถไฟติดอยู่หน้าวัดนั้นเขาสองคนเป็ฯคนไทยอยู่บนรถขบวนนั้น นอกจากนั้นเป็นทหารญี่ปุ่นทั้งหมด จึงได้ทราบว่าลูกสองตัวก็คือคนไทยสองคนนี่เอง


ครั้งที่ 2 ต่อจากขบวนรถไฟญี่ปุ่นถูกหลวงพ่อทวด ยึดครั้งทีประมาณเดือนเศษวันหนั่งเวลาเข้ามีพวกเด็กๆ เล่นอยู่หน้าวัดเเละใกล้ๆ กับสถูปนั้นได้พูดเล่ากันถึงหลวงพ่อทวด ยึดขบวนรถไฟคราวเเรกมีเด็กคนหนึ่งพูดท้ากันว่าวันนนี้หลวงทวด ยึดรถไฟหรือไม่ยึด อีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่ยึดอีกฝ่ายที่ว่ายึดก็ได้เก็บเอาก้นเทียนเเละธูปที่เหลืออยู่หน้าสถูปจุดไฟขึ้นมาเเละอาราธนาขอให้หลวงพ่อทวดยึดขบวนรถไฟซึ่งกำลังวิ่งมาวันนั้นเวลาเช้ามีขบวนรถไฟเช้าระหว่างยะลา-หาดใหญ่ พอหัวรถจักรเคียงขนานกับสถูปดิ์สิทธิ์ก็หยุดนิ่งอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไปก็ไม่ได้อย่างครั้งเเรก รถทั้งยบวนติดอยู่ประมาณ30นาที จึงเคลื่อนที่ไปได้ตามปกติ

ครั้งที่ 3 มีพระอธิการิ้ม หลวงพ่อเเดง พระถิกษุกาว สำนักวัดเเป้น อำเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานีได้พากันไปวัดช้างให้ เมื่อวันที่ 2ตุลาคม 2495 เเละพักอยู่ที่วัดหนึ่งคืนรุ่งขึ้นวันที่ 3 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา พระภิกษุทั้ง 3 รูป ได้มาขอพบข้าพเจ้าที่บ้านเเล้วเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อเเดงนั้นเคยทราบจากข้าพเจ้าว่าหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ได้กระทำการยึดรถไฟมาเเล้วถึง 2ครั้ง เหตุนี้พอตอนเข้าหลวงพ่อเเดง จึงเดินออกไปยืนอยู่ข้างสถูป รอรถไฟเช้า ยะลา-หาดใหญ่ เเล้วกล่าวคำปรารภขึ้นว่า
เขาลือกันมานักว่าหลวงพ่อทวดมีอภินิหาร ศักดิ์สิทธ์มาก เคยยึดขบวนรถไฟมาเเล้วถึง 2 ครั้ง ลูกหลานมากจากที่ไกลใคร่จะขอชมสักครั้ง
ชั่วครู่ชบวนรถไฟเมื่อมาถึงหน้าวัดเเล้วก็ต้องหยุดนิ่งอยู่กัยที่เฉยๆ จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ เเต่ล้อรถจักรก็คงหมุนรอบๆอยู่บนรนางอย่างคราวก่อนๆ เเสดงให้เห็นว่าน่าจะมีอะไรยึดอยู่ข้างหลังขบวนรถ
หลวงพ่อเเดงว่าท่านเห็นเป็นที่ประจักษ์เเละตื่นเต้นจนขนลุก จีงกล่างขึ้นว่า ลูกหลานได้ชมเเล้วขอให้ปล่อยเถิด
ขบวนรถไฟจัได้เคลื่อนไปเป็นปกติ ครั้งนี้รถไฟติดอยู่กับที่ประมาณ 8-9นาที

นี่ก็คืออิทธิปาฎิหารย์อันเกี่ยวพันกับ มรณสถาน เเละ ชาปณสถาน ของ เขื่อนท่านช้างให้ ซึ่งยังคงดำรงไว้ซึ่งความศรัทธาของเหล่าศาสนิกชนโดยทั่วไปในทุกวันนี้