ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ใครอยากพูดภาษาอังกฤษได้เชิญจิ้ม


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ลูกพระพุทธ

ลูกพระพุทธ
  • Members
  • 136 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 January 2008 - 01:38 PM

ตามตำราภาษาอังกฤษ ที่คนไทยเรียนตั้งแต่เด็ก สอนให้คุณ ใช้คำว่า "How are you?" ในการทักว่า "สบายดีหรือ" ถูกมั๊ยครับ แต่ผมถามหน่อยว่า เวลาคนไทยทักกัน เราพูดคำว่า สบายดีหรือ? จริงๆบ่อยแค่ไหน ความจริงแทบไม่ได้พูดแบบนั้นกันด้วยซ้ำ สมัยนี้ เพราะทุกวันที่เราได้ยิน ก็จะทักกันว่า "ว่าไง" "เป็นยังไงบ้าง"

ภาษาอังกฤษก็เหมือนกันครับ ฝรั่งพูด How are you? ฟังดูค่อนข้างเชยๆ เพราะคนอเมริกัน ทักจริงๆจะพูดว่า "How's it going?", "How are you doing" หรือ "What's up?" พวกนี้บ่อยกว่ามาก

<i>ฉะนั้นผมอยากสรุปว่า ภาษาอังกฤษที่เราเรียนจากตำรา ไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่เราจะเจอในชีวิตจริงเสมอไป สิ่งที่เราจะเรียนรู้ได้ คือต้องขวนขวาย หาจากข้างนอกเอาเอง</i>

การเรียนภาษาอังกฤษ ในระบบการศึกษาไทย ยังให้เด็กอ่านแต่แกรมมาร์เป็นส่วนมาก หรือท่องกริยาสามช่อง เพื่อมาสอบ

แต่ความเห็นของผม ผมคิดว่าการที่จะให้เราเก่งภาษาอังกฤษได้เร็วกว่านั้น คือต้องเริ่มต้นที่การฟัง และเก็บเกี่ยวคำศัพท์ ยิ่งเราฟังมากๆ เราก็จะได้ฝึกทั้งการฟัง และพูดไปในทีเดียว เพราะเราสามารถเลียนเสียงฝรั่งจากที่ได้ยินได้ รวมทั้งคลังคำศัพท์ในสมองของเราก็สำคัญมาก

ถ้าคุณรู้ศัพท์น้อย คุณจะฟังจะอ่านยังไง ก็ไม่เข้าใจความหมาย แล้วอย่างนั้นเราจะพูดจะเขียนออกมาได้อย่างไร

แล้วไม่นานมานี้ผมก็ได้คืนหนังสือเล่มที่ทำให้หลายๆคนคงกระจ่างต่อการพัฒนาภาษาอักฤษตามแบบฉบับที่ฝรั่งมาอยู่เมืองไทยกว่า 15 ปี อย่างคุณ Andrew Bigg เค้าได้ออกพ็อกเกตบุ๊คส์เล่มนึง ชื่อว่า "พูดภาษาอังกฤษยังไงให้เหมือนฝรั่ง" (มั้ง จำไม่ค่อยได้แล้ว) เป็น กฏ 10 ข้อ ในการฝึกภาษาอังกฤษครับ ผมจะเอามาบอกต่อ พร้อมอธิบายสั้นๆให้


---------Let's Go

ข้อ 1. <b>Forget the rule ลืมกฏซะ</b> นั่นคือเวลาเราพูดภาษาอังกฤษ อย่าไปพะวงเรื่องของภาษาเราจะไม่ถูกไวยากรณ์ หรือใช้กริยาผิดช่อง เพราะฝรั่งเขาไม่เข้มงวดเรื่องนี้เองเลย

ข้อ 2. <b>Make mistake พูดผิดซะ</b>
พูดไปเถอะครับ ไม่ต้องกลัวผิด ถ้าเราผิดฝรั่งเขาก็เข้าใจครับว่าภาษาอังกฤษเป็น ภาษาที่ 2 ของเรา เขายังยินดีช่วยแก้ให้คุณได้ ถ้าเค้าไม่แก้ให้คุณก็อย่าไปคบเขาเลย

ข้อ 3. <b>Don't translate อย่าแปลตรงตัว</b>
ใช่ครับภาษาไทยกับอังกฤษ ไม่เหมือนกัน ห้ามไปแปลตรงตัวเช่นบอกว่า ภาษาอังกฤษของผม งูๆปลาๆ My english is snake snake fish fish พูดแบบนี้ฝรั่งงงแน่ๆครับ หรือบอกให้เปิดทีวีว่า open the TV อันนี้ผิดอย่างแรง เครื่องใช้ไฟฟ้าเค้าต้องพูดว่า turn on the TV นะ

ข้อ 4. <b>Keep it simple ใช้ภาษาง่ายๆ</b> ใช่เลย จะพูดอังกฤษ คนไทยบางคนต้องคิดเอาให้ภาษาตัวเองดูไฮโซ พยายามใช้คำยากๆแทน เช่นจะไปกินข้าวที่บ้าน I'm going to dine at my house ไม่รู้จะใช้คำนี้ทำไมครับ ใช้ eat สิครับ จบ

ข้อ 5. <b>Could you please slow down กรุณาพูดช้าๆหน่อย</b>
คนไทยเป็นโรคขี้เกรงใจ หรือ หน้าแตก ครับ ฟังฝรั่งไม่เข้าใจ ก็ยังฟังต่อไป ไม่บอกให้เขารู้ว่าเราไม่เข้าใจ พอเป็นแบบนี้ก็เกิดความเข้าใจผิดทีหลัง หรือเขาสั่งงานมาเราก็ทำไม่ได้เพราะฟังไม่เข้าใจ ไม่ต้องกลัวครับถ้าฟังไม่ทัน ก็ขอให้เขาพูดช้าๆลงหน่อย

ข้อ 6. <b>Relax ทำตัวสบายๆ</b> คนไทยเป็นโรคเกร็งเวลาคุยกับฝรั่ง หลายคน ไม่ต้องกลัวครับฝรั่งไม่ใช่ยักษ์ใช่มารที่ไหน เวลาคุยกับเขา ก็หักเป็นฝ่ายซักถามหรือชวนคุยไปเลยครับ เราจะได้ผูกมิตรกับเขา แล้วหมดโรคกลัวนี้ไปได้

ข้อ 7. <b>Listen and Copy ฟังแล้วเลียนแบบ</b>
ผมสนับสนุนมากๆครับ คือฝึกภาษา เราต้องหัดฟังแล้วเลียนแบบ และวิธีที่ดีที่สุดที่ผมชอบคือ ฝึกภาษาอังกฤษจากหนังนั่นแหละ ฝึกฟังแล้วเลียนแบบ เราจะได้ออกเสียงเป็น เผลอๆสำเนียงดีไปในตัวด้วย จะฝึกคำหยาบ คำสบถก็ทำไปเถอะ ถ้ามันช่วยคุณได้

ข้อ 8. <b>Guess เดา</b> บางครั้งเวลาอ่านภาษาอังกฤษ แล้วเราไม่เข้าใจคำศัพท์ ผมมีวิธี ที่ผมเองก็ทำประจำ คือ เดาครับ อ่านหาใจความโดยรวมของเรื่องที่เราอ่าน บางครั้งเจอคำยากๆ เราก็ลองเดาว่ามันแปลว่าอะไร

ข้อ 9. <b>Give yourself time ให้เวลากับตัวเอง</b>
หมายถึงให้เวลากับตัวเองในการฝึกภาษาอังกฤษ จะบ่อยจะถี่แค่ไหนก็ขึ้นกับตัวเรา ไม่ใช่เห็นภาษาอังกฤษเป็นเรื่องน่าเบื่อ ก็ไม่สนใจที่จะขวนขวายหรือเรียนรู้ การมาอ่านบลอคของผม วันสองวันต่อครั้ง ก็ถือว่าคุณแบ่งเวลาตัวเองนิดเดียวไม่กี่นาทีในการฝึกภาษาอังกฤษเหมือนกัน

ข้อ 10. <b>Read read read อ่าน อ่าน และก็อ่าน</b>
ข้อสุดท้ายคือหัดอ่านอะเป็นภาษาอังกฤษเยอะๆ เราจะได้ภาษาเข้ามาให้หัว จนบางทีเก่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ตัวผมเรียนแค่ ม.ต้น ผมเคยลอง (ตะเกียกตะกาย) อ่าน textbook ทั้งเล่มมาแล้วก็มี สิ่งที่ผมได้ ผมได้ทั้งคำศัพท์เฉพาะทางก็มีเยอะแยะ

หรือ ถ้าไม่อยากเครียด พักผ่อนสมอง ผมแนะนำครับ หาพวกนิยายอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งหนังสือการ์ตูนฝรั่งก็ได้ครับ (ถ้ามีปัญญา เพราะหายากมากกกกก) แต่ที่เห็นโดยทั่วไปไม่ต้องลงทุนแบก textbook ให้หนักก็ บางกอกโพสท์ เนชั่น หรือนิตยสารภาษาอังกฤษ นี่ผมแนะนำเลย เนชั่นจูเนียร์ หรือ Future สำหรับระดับเบสิค ประมาณนี้ครับ นอกจากจะได้ศัพท์แล้ว ยังได้ความทันสมัย ข่าวสาร และโอกาสดีๆที่จะได้ฝึกภาษาที่คุณอาจมองข้ามก็ได้ครับ

****

อ้อ ข้อโบนัสแถม <b>Find a foreign friend </b> หาเพื่อนฝรั่ง
มีเพื่อนฝรั่ง ทำให้เราได้ฝึกใช้ภาษา และมีครูที่แนะเราได้อยู่ใกล้ตัว ถ้าให้ดีและได้ผลดีที่สุดนะครับ หรือไม่ก็ หาแฟนฝรั่งมันเลยมั๊ย .......!!!
nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif

#2 nut33

nut33
  • Members
  • 142 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Bangkok
  • Interests:http://www.dhammakaya.tv
    http://www.dhammakaya.biz

    android Application ธรรมกาย
    https://play.google.com/store/apps/details?id=com.conduit.app_96f25c33fb1b4867b3b98cc85a26a854.app

โพสต์เมื่อ 19 January 2008 - 02:23 PM

thank kub sa thu
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
http://www.dhammakaya.tv

#3 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 19 January 2008 - 02:26 PM

ขอแนะเพิ่มอีก1ข้อครับ คือ หมั่นพูดทุกวัน หากไม่มีใครคุยด้วย เดินผ่านกระจกเห็นตัวเอง Hey! Guy ก่อนเลยครับ ^ ^
หลักการฝึกพูดอีกอย่างนะครับ เวลาอยากดูหนังสากลสักเรื่องให้ลงทุนซื้อDVDเลยครับ เพราะจะสามารถเลือกโหมดได้ ทุกวันนี้เวลาผมดูหนังสักเรื่องผมจะเปิดโหมด Soundtrack Suptitleอังกฤษ และพูดตามตลอดครับ ฟังรู้ไม่รู้ช่างมันครับ เราฝึกสำเนียงและจำวิธีการพูดรูปแบบประโยคให้ได้ก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง หุหุ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#4 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 January 2008 - 03:50 PM

แม่นแล้วเด้อ...ภาษาเป็นเรื่องธรรมชาติ

#5 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 08:22 PM

แนะนำดีครับ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#6 จะไปให้ถึงทีสุดแห่งธรรม

จะไปให้ถึงทีสุดแห่งธรรม
  • Members
  • 160 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:belgium

โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 09:14 AM

เป็นเท็คนิคที่น่าสนใจมากครับ
บางอย่างผมก็ใช้ได้ผลมาแล้ว

No car garden = ไม่มีรถสวน
Go so big = ไปกันใหญ่

จากตัวอย่างข้างบน...
แต่ขอติงอย่างหนึ่งครับ คือ ในข้อแรกเลย
ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิง เราควรยึดหลักไวยากรณ์ด้วย
เพราะมิฉะนั้น ภาษาวิบัติแน่ครับ
เพราะเราไม่ได้มีชีวิตยืนยาวกันมากนัก
อีกสิบปีข้างหน้า ถ้านำภาษามาเปรียบเทียบกัน
ภาษาที่ไม่ยึดหลักไวยากรณ์จะเพี้ยนได้นะครับ

และอีกอย่างหนึ่ง
๑ หาครูดีให้เจอ
๒ ฟังคำครูให้ชัด
๓ ตรองคำครูให้ลึก
๔ ทำความคำครูให้ครบ

ถ้าเรายึดหลักดังกล่าว ภาษาอังกฤษ หรือภาษาใด ๆ
ก็ไม่ยากเกินคนไทยไปได้หรอกครับ เท่าที่ผมมีประสบการณ์
ไม่มีภาษาใดเขียนคำอ่านออกเสียงของภาษาต่างชาติได้ใกล้เคียงเลย
มีอยู่ภาษาเดียวคือ ภาษาไทย ของเรา

เพราะฉะนั้น หาตำรา ดี ๆ สักเล่ม
ที่อยากแนะนำคือ เรียนภาษาอังกฤษ ๗๕ ยูนิต
ของ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ ภิญโญ สาธร เป็นตำราที่ดีมาก
สอนให้คนที่สามารถอ่าน และสะกดการออกเสียงเป็น
สามารถออกเสียงคำอ่านภาษาอังกฤษได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามาก

ผมซื้อไว้ให้เป็นของขวัญกับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษบ่อย ๆ

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับตอนนี้ คือ
เราใช้ภาษาตามแฟชั่น (ภาษาไทย) เป็นต้นว่า

"เป็นอะไรที่...." ทำไมไม่ใช้คำว่า "เป็นสิ่งที่...."

หรือการใช้ภาษาของเด็กสมัยนี้ ที่ไม่ถูกต้องเลย เช่น

ใช้ "ก้อ" แทน "ก็"
ใช้ "เปง" แทน "เป็น"
ใช้ "เรย" แทน "เลย"

ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้น่าเป็นห่วงนะครับ

เข้าใจวัตถุประสงค์ของเจ้าของกระทู้นะครับ "แต่ในสิ่งที่ดี ก็มีเสีย"
ขอฝากใว้ในฐานะเป็นผู้หนึ่งที่รักและหวงแหนในการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง
อย่าดุเบาว่าไม่มีผลเสียอะไร มีแน่นอนครับ

สิ่งแรกเลย คือ ฝึกให้เราเป็นคนไม่เคารพในกฏระเบียบ
สิ่งที่สอง คือ เราจะเป็นคนทำอะไรแบบเอาง่าย ๆ

ยอมเสียเวลาสักหน่อเถอะครับ ยอมให้เวลากับการเรียนรู้ให้จริงสักหน่อย

เพราะว่า นั่นคือการฝึกตนให้เป็นคนทำจริง เข้าหลัก ฆราวาสธรรม คือ สัจจะ และ ทมะ ครับ
ซึ่งเราเพิ่งสอบไปหยก ๆ นี่เอง

ถ้าหากข้อคิดเห็นของกระผม

ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใด

เกิดความไม่สบายกายไม่สบายใจ

ขออโหสิกรรมไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


#7 ปีติบุญ

ปีติบุญ
  • Members
  • 153 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 05:35 PM

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณusr19076 มีประโยชน์มากๆค่ะ

#8 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 07:34 PM

สาธุ

#9 เฉย เฉย

เฉย เฉย
  • Members
  • 618 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:เรื่องกฎแห่งกรรม การกระทำ สมาธิ

โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 02:25 PM

555+แนะนำดี..แต่ข้อแถมขอเป็นหาเพื่อนฝรั่งอย่างเดียวดีกว่า laugh.gif
แม้มืดตื้อ..มืดมิด..ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม

#10 JaiKaeW

JaiKaeW
  • Members
  • 149 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2008 - 11:31 PM

Sadhu with very good technique ka.