ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

>>>โอวาทหลวงพี่บดินทร์(๓)....ณ อาคารภาวนา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 sai_sai

sai_sai
  • Members
  • 135 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 March 2009 - 12:57 AM

ขออนุญาตนำมาโพสเพื่อประโยชน์แห่งการปฏิบัติธรรมของทุกท่าน และเพือเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีนะครับ




อุปสรรคของการปฏิบัติธรรมคือ “ความอยาก ลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง”

อันตรายมากคือ “ลุ้น” เป็นศัตรูทางใจ ที่ทำให้ประสบการณ์ไม่ก้าวหน้า

วิธีแก้ลุ้น ต้อง “หยุด นิ่ง เฉย ๆ ไ เห็นอะไรก็ดูไปเรื่อย ๆ ดูธรรมดา ๆ เหมือนดูก้อนอิฐก้อนหิน

เรานั่งทำใจสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้น นี่ก็ได้บุญแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะช้า ลุ้นช่วยอะไรไม่ได้

“หยุด นิ่ง เฉย” อย่างเดียว ต้องใช้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ไม่เห็นอะไรเลยจนกระทั่งเห็นธรรมภายใน

ยามใดที่ใจเราบริสุทธิ์ อารมณ์สบาย จิตใจละเอียดอ่อน การเห็นภาพภายในเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

อย่าสงสัยว่า “ใช่ หรือไม่ใช่” “เราเห็นจริงหรือเรานึกเอาเอง”

ให้ข้ามความสงสัยไปเสีย อย่าตั้งคำถาม สร้างปัญหาให้ตัวเอง

เพราะจะทำให้จิตหยาบ เดี๋ยวภาพที่เห็นอยู่หายไป ภพที่เห็นภายในกลางกาย จะชัดหรือไม่ชัดก็ตาม

นั่นคือ “ภาพที่เห็นได้จริง ๆ “ ถ้าเราหยุดนิ่งมาก เดี๋ยวก็ชัดเจนมาก

ภาพที่เห็นจะสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ จน ชัด ใส สว่าง เองจริง ๆ

ยามใดที่เราฟุ้งซ่าน อย่าโมโห หรือรำคาญตัวเอง เป็นคนต้องคิดอยู่แล้ว

เพราะความคิดเป็นกระบวนการหนึ่งของใจ ฟุ้งได้ฟุ้งไป อย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์ ดูเรื่องราวนั้นผ่านไปเรื่อย ๆ

เหมือนมองนกที่บินผ่านไป บางครั้งเป็นฟุ้งหยาบ คิดเรื่อยเปื่อย ไร้สาระ

หักห้ามมันไม่ได้ ก็ปล่อยมันผ่านไปเฉย ๆ บางครั้งเป็นฟุ้งละเอียด อยากให้มันหยุด

อยากให้เห็นนั่น เห็นนี่ เป็นความฟุ้งภายในขณะทำสมาธิ แม้จิตจะอยู่ภายใน แต่ก็ยังไม่ละเอียดเต็มที่

ยังกระเพื่อมอยู่ ให้ “ดูเฉย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น” ทำจิตให้บริสุทธิ์อย่างเดียว ไม่ปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น

อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า มั่นหมายอะไร “ เราไม่มั่นหมาย แต่มีเป้าหมาย” ว่า

“หยุด นิ่ง เข้าสู่ภายในอย่างเดียว” ขอให้ทำใจเฉย ๆ ไม่ใส่ใจ ไม่ไปไล่มัน

อย่าต่อต้านเดี่ยวเครียด ให้ปล่อยผ่านไปอย่างสบาย ๆ ถ้าเราปล่อยวาง จะเบาสบาย ถ้าเบาสบายใจจะหยุด

ถ้าหยุดจึงจะเห็นชัด !

ถ้าไม่ปล่อยวาง จะไม่เบาสบาย

ถ้าไม่เบาสบาย ใจจะไม่หยุด

ถ้าไม่หยุดจะเห็นไม่ชัดเด็ดขาด !

นั่งแล้วหลับ แสดงว่าเราเผลอสติ ย่อหย่อนเกินไป

ไม่เป็นไร หลับยังดีกว่าฟุ้ง ปล่อยหลับไปเลยถ้าไม่ไหว

ไม่ต้องไปฝืน พอตื่นขึ้นมา ให้ทำความรู้สึกเบา ๆ

ตรงกลางกาย ให้มีสติเบา ๆ เดี๋ยวจิตจะละเอียดอ่อน

เห็นดวงธรรม องค์พระภายในไดเหมือนกัน

เพราะสภาพใจที่เพิ่งตื่น จิตจะบริสุทธิ์ อารมณ์แจ่มใส

อารมณ์สบาย สิ่งที่เห็นในสภาวะนี้คือ ของจริง


#2 วายุธรรม

วายุธรรม
  • Members
  • 30 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 March 2009 - 07:39 AM

สาธุ ครับ คิดถึง วันวาน

#3 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 March 2009 - 09:16 AM

สาธุครับ...ผมจะพยายามต่อไปครับ...ต้องมีสักวัน...สักวัน

#4 Suk072

Suk072
  • Members
  • 430 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 March 2009 - 10:55 AM

สาธุ ค่ะ จะประคองใจ จะทำความเพียรต่อไป จะจดจำโอวาทนี้ เพื่อเตือนตัวเอง ค่ะ

#5 Poti

Poti
  • Members
  • 254 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 March 2009 - 11:01 AM

สาธุ อยากได้เหมือนเดิม แต่ยังไม่ได้

#6 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 17 March 2009 - 09:23 PM

ตรงใจมากครับ

อนุโมทนาบุญ กับ ธรมมะ ดี ๆ ครับ

สาธุ

#7 ขันติธรรม

ขันติธรรม
  • Members
  • 132 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 March 2009 - 11:08 PM

สาธุ จะพยายามต่อไปเช่นกันค่ะ

#8 Regenbogen

Regenbogen
  • Members
  • 441 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 03:38 PM

สาธุ

#9 [email protected]

[email protected]
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 August 2014 - 06:17 PM

ชอบมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ จะพยายามทำตามโอวาทเจ้าคะ อนุโมทนา สาธุ



#10 Pravit Lertvichaivoravit

Pravit Lertvichaivoravit
  • Members
  • 4 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 25 August 2014 - 06:53 PM

ขออนุญาตนำมาโพสเพื่อประโยชน์แห่งการปฏิบัติธรรมของทุกท่าน และเพือเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีนะครับ

อุปสรรคของการปฏิบัติธรรมคือ “ความอยาก ลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง”อันตรายมากคือ “ลุ้น” เป็นศัตรูทางใจ ที่ทำให้ประสบการณ์ไม่ก้าวหน้าวิธีแก้ลุ้น ต้อง “หยุด นิ่ง เฉย ๆ ไ เห็นอะไรก็ดูไปเรื่อย ๆ ดูธรรมดา ๆ เหมือนดูก้อนอิฐก้อนหินเรานั่งทำใจสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้น นี่ก็ได้บุญแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะช้า ลุ้นช่วยอะไรไม่ได้“หยุด นิ่ง เฉย” อย่างเดียว ต้องใช้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ไม่เห็นอะไรเลยจนกระทั่งเห็นธรรมภายในยามใดที่ใจเราบริสุทธิ์ อารมณ์สบาย จิตใจละเอียดอ่อน การเห็นภาพภายในเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่าสงสัยว่า “ใช่ หรือไม่ใช่” “เราเห็นจริงหรือเรานึกเอาเอง”ให้ข้ามความสงสัยไปเสีย อย่าตั้งคำถาม สร้างปัญหาให้ตัวเองเพราะจะทำให้จิตหยาบ เดี๋ยวภาพที่เห็นอยู่หายไป ภพที่เห็นภายในกลางกาย จะชัดหรือไม่ชัดก็ตามนั่นคือ “ภาพที่เห็นได้จริง ๆ “ ถ้าเราหยุดนิ่งมาก เดี๋ยวก็ชัดเจนมากภาพที่เห็นจะสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ จน ชัด ใส สว่าง เองจริง ๆยามใดที่เราฟุ้งซ่าน อย่าโมโห หรือรำคาญตัวเอง เป็นคนต้องคิดอยู่แล้วเพราะความคิดเป็นกระบวนการหนึ่งของใจ ฟุ้งได้ฟุ้งไป อย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์ ดูเรื่องราวนั้นผ่านไปเรื่อย ๆเหมือนมองนกที่บินผ่านไป บางครั้งเป็นฟุ้งหยาบ คิดเรื่อยเปื่อย ไร้สาระหักห้ามมันไม่ได้ ก็ปล่อยมันผ่านไปเฉย ๆ บางครั้งเป็นฟุ้งละเอียด อยากให้มันหยุดอยากให้เห็นนั่น เห็นนี่ เป็นความฟุ้งภายในขณะทำสมาธิ แม้จิตจะอยู่ภายใน แต่ก็ยังไม่ละเอียดเต็มที่ยังกระเพื่อมอยู่ ให้ “ดูเฉย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น” ทำจิตให้บริสุทธิ์อย่างเดียว ไม่ปรุงแต่งอะไรทั้งนั้นอย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า มั่นหมายอะไร “ เราไม่มั่นหมาย แต่มีเป้าหมาย” ว่า“หยุด นิ่ง เข้าสู่ภายในอย่างเดียว” ขอให้ทำใจเฉย ๆ ไม่ใส่ใจ ไม่ไปไล่มันอย่าต่อต้านเดี่ยวเครียด ให้ปล่อยผ่านไปอย่างสบาย ๆ ถ้าเราปล่อยวาง จะเบาสบาย ถ้าเบาสบายใจจะหยุดถ้าหยุดจึงจะเห็นชัด !ถ้าไม่ปล่อยวาง จะไม่เบาสบายถ้าไม่เบาสบาย ใจจะไม่หยุดถ้าไม่หยุดจะเห็นไม่ชัดเด็ดขาด !นั่งแล้วหลับ แสดงว่าเราเผลอสติ ย่อหย่อนเกินไปไม่เป็นไร หลับยังดีกว่าฟุ้ง ปล่อยหลับไปเลยถ้าไม่ไหวไม่ต้องไปฝืน พอตื่นขึ้นมา ให้ทำความรู้สึกเบา ๆตรงกลางกาย ให้มีสติเบา ๆ เดี๋ยวจิตจะละเอียดอ่อนเห็นดวงธรรม องค์พระภายในไดเหมือนกันเพราะสภาพใจที่เพิ่งตื่น จิตจะบริสุทธิ์ อารมณ์แจ่มใสอารมณ์สบาย สิ่งที่เห็นในสภาวะนี้คือ ของจริง


สาธุ พยายามทำตามที่แนะนำ แต่ส่วนใหญ่เบาสบายจนเคลิ้มหลับไป ไม่ทราบว่าจะแก้อย่างไรดี

#11 vividu

vividu
  • Members
  • 716 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Seattle, WA
  • Interests:Meditation

โพสต์เมื่อ 26 August 2014 - 12:20 AM

Krap kob pra koon of this Dhammatan ka. Sometimes like at this moment, I almost give up. But I will come over to the forum to get encouragement ka. I have been pain victims since 17 years old(in fact its really started when 4 and turned out to be very clearly as specialists diagnosed it at 7-8 up till now I'm almost 50). Sadhu sadhu sadhu ka.


8-)