ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เรื่องเล่าวันเข้าพรรษา 2556 วันที่ 1 ปฐมเริ่มแห่งการบรรลุธรรม


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 August 2013 - 10:12 AM

 
ปฐมเริ่มพรรษาแห่งการบรรลุธรรม
 
 
560723-1.jpg 
 
ปฐมเริ่มพรรษาแห่งการบรรลุธรรม

     วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาวันแรก เราตั้งใจว่า พรรษานี้จะให้เป็น พรรษาแห่งการบรรลุธรรม พระเห็นพระ เณรเห็นพระ โยมเห็นพระ นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจเอาไว้ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันแรก เราจะต้องเริ่มต้นกันให้ดีนะ

     การจะเห็นพระภายในก็ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย กำลังพอดี ๆ พอสู้กัน ที่ว่าไม่ยากก็เพราะเรามีพระ
ธรรมกายอยู่แล้วในตัว อยู่กับเนื้อกับตัวของเราตลอดเวลา ไม่ได้อยู่ในป่า ในเขา ในห้วย ในหนอง ในคลอง ในบึง หรือตามดวงดาวต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ แต่อยู่ในตัวของเรา ถ้าเราตั้งใจทำความเพียร และทำให้ถูกหลักวิชชา เราต้องเข้าถึงอย่างแน่นอน นี่ไม่ยากตรงนี้
 
     แต่ที่ไม่ง่ายก็คือ ไม่ง่ายสำหรับคนขี้เกียจ ถ้าขี้เกียจเสียแล้วอะไรก็ไม่ง่ายทั้งนั้น ดังนั้นถ้าเราขยัน ทำให้ถูกหลักวิชชา รับรองพรรษานี้เราต้องสมปรารถนากันอย่างแน่นอน เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องถือว่าโชคดีมาก ๆ เพราะเป็นกายที่เหมาะสมที่จะได้ศึกษาความรู้อันยิ่งใหญ่ของชีวิต และทำตัวของเราให้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุดได้
 
     สำหรับผู้รู้เมื่อท่านบังเกิดขึ้นแล้ว ท่านเข้าใจแจ่มแจ้งในชีวิตของสังสารวัฏเลยว่า ชีวิตในสังสารวัฏนี้เป็นชีวิตที่มีทุกข์มีภัยมาก เพราะท่านเห็นตลอดหมดเลยใน 31 ภูมิ เห็นด้วยธรรมจักษุและญาณทัสนะอันบริสุทธิ์ของท่าน
 
คำสัญญาที่ถูกลืม

      ชีวิตในปรโลก มีคติ 2 ทาง คือ สุคติ (โลกสวรรค์) และทุคติ (อบายภูมิ) ตอนก่อนจะมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มาจาก 2 คติ คือ สุคติกับทุคติที่มาจากทุคติ ก่อนมาก็จะได้รับฟังโอวาทจากท่านพญายมราชว่า “เจ้าจะไปเกิดเป็นมนุษย์แล้วต่อไปจะต้องละชั่ว ทำความดี ทำใจให้ใสถ้าทำตรงกันข้าม ละดี ทำชั่ว ทำใจให้หมอง เดี๋ยวเจ้าก็จะกลับลงมาตรงนี้อีก ซึ่งเจ้าก็รู้แล้วว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน ตอนนั้นต่างก็รับปากรับคำกันเป็นอย่างดี “ครับผม” “เจ้าค่ะ” สารพัด แต่พอเข้าสู่ครรภ์มารดาเท่านั้น ลืมหมดเลย เพราะถูกเขาบังคับเอาไว้ เกิดมาใหม่ก็มาทำตาม ๆ กันอีก ก็กลับวนลงไปใหม่อีกแล้ว
 
      หรือแม้แต่ผู้ที่ลงมาจากสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ก็จะได้รับฟังโอวาทจากผู้ปกครองภพ ในทำนองว่า “ท่านเทพบุตร ท่านเทพธิดา ลงมาแล้วก็ให้ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทนะ เธอก็เห็นแล้วว่า ชีวิตในสุคติโลกสวรรค์มีความสุข สนุกสนาน น่าบันเทิงเริงรมย์แค่ไหน มีทิพยสมบัติ มีวิมานสวยสดงดงาม มีบริวารคอยบำรุงบำเรอ มีสุธาโภชน์ (อาหารทิพย์) มีการละเล่นให้ความบันเทิงใจ จะไปไหนมาไหนก็มียวดยานอันเป็นทิพย์สะดวกสบาย ได้เห็นแต่สิ่งที่เจริญหู เจริญตา เจริญใจทั้งนั้น ไม่มีซากอสุภะเลย คนแก่ก็ไม่มีให้ดู มีแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ดูแล้วบันเทิง ลงไปแล้วนี่ ให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใสจะได้กลับขึ้นมาอีก”
 
     ซึ่งต่างก็รับปากรับคำกันอย่างดี แต่พอลงเข้ามาสู่ครรภ์มารดาเท่านั้นพอตกศูนย์วูบตรงฐานที่ 7 ของมารดา ถูกธาตุหยาบของมารดาห่อหุ้ม พอคลอดออกมาก็ลืมหมดเลย ยกเว้นแต่บรมโพธิสัตว์ที่ท่านสั่งสมบุญบารมีมามากเกิดมาระลึกชาติได้ คือ จำได้ไม่ลืม ก็จะมีสิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป เพราะได้สั่งสมบุญมามาก เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ชีวิตในสังสารวัฏมันอันตราย
 
คนเราเกิดมาทำไม

      เมื่อเช้าก็ได้ให้โอวาทพระภิกษุสามเณรว่า เรามาบวชเป็นพระภิกษุสามเณร เพราะเราเห็นภัยในวัฏสงสาร ซึ่งน้อยคนในโลกที่จะเห็น แต่ผู้รู้ท่านเห็น เมื่อเห็นแล้วด้วยมหากรุณาจึงได้นำมาสั่งสอนว่า มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วต้องมาสร้างบารมีนะ โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุดคือต้องทำพระนิพพานให้แจ้งตรงนี้เป็นหลักสำคัญเลย
 
     ในวัฏสงสารซึ่งมีภัยมากสารพัดภัยเลย ทั้งภัยพาล ภัยจากสัตว์ร้ายของร้าย คนร้าย ภัยธรรมชาติ ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ ภัยจากกิเลสบังคับ และยังมีภัยในอบายอีกเยอะแยะไปหมดเลย มีทางเดียวที่จะรอดได้คือต้องขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น แล้วไปพระนิพพาน จึงจะหลุดพ้นจากที่เขาบังคับได้ เพราะฉะนั้น การทำพระนิพพานให้แจ้ง จึงเป็นวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ของทุก ๆ คน จะรู้หรือไม่รู้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ว่ามนุษย์ทุกคนในโลกเกิดมาเพื่อการนี้ นอกนั้นเป็นวัตถุประสงค์รองลงมา คือการสร้างบารมี หรือคือการทำความดีนั่นเอง ต้องละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใสนี่เป็นหลักของการเกิดมาเป็นมนุษย์ จับหลักตรงนี้ให้ได้
 
     ดังนั้น เรามีทางเลือกทางเดียวที่จะเป็นทางรอด คือ ต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้พรรษานี้ จึงเป็นพรรษาที่ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเห็นพระ เข้าถึงพระธรรมกายในตัว เราจะต้องขวนขวาย ทำให้เต็มที่เต็มกำลัง ไม่มีใครช่วยเราได้

      นอกจากเราต้องช่วยตัวของเราเอง จะรักกันปานจะกลืนกินแค่ไหน ถึงเวลาต่างก็แยกย้ายกันไป ช่วยกันไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก็ได้แค่เพียงแนะนำ ส่วนการกระทำ เราต้องทำเอง จึงจะหลุดพ้นได้ จะมาไถ่บาปแทน ล้างบาปแทน หรือเอาบาปไปขว้างทิ้งน้ำไม่ได้ ต้องทำเอง ลุยเองอยากมีชีวิตอยู่ ต้องหายใจเอง
อยากจะเห็น ต้องดูเองอยากจะได้ยิน ต้องฟังเอง อยากจะรู้อะไรอร่อย หรือไม่อร่อย ก็ต้องกินเองเพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ไม่เองเลย มันต้องเองทั้งนั้นเองก็คือ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
ต้องช่วยตัวของเราเอง มันถึงจะพ้นได้
 
เรามีสิทธิ์เข้าถึงธรรมได้ทุกวัน

      เรามีชีวิตอยู่ไปวันต่อวัน เรามีสิทธิ์ตายได้ทุกวัน คือ ถ้าหายใจเข้าแล้วไม่ออกก็ตาย หายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตาย หายใจแล้วไม่เข้าไม่ออกก็ตาย เราตายได้ตลอดเวลานะ อย่าไปกลัว กลัวก็ตาย ไม่กลัวก็ตาย ฉะนั้นยอมรับเถิดว่า เรามีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ฟังแล้วไม่ใช่ทำให้เฉาชีวิตนะ มันควรจะฉ่ำชีวิตด้วยซ้ำไป เพราะเราก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรมได้ทุกวันเช่นเดียวกัน เรามีสิทธิ์เข้าถึงธรรมได้ทุกวัน ถ้าเราทำก็เข้าถึง ถ้าเราไม่ทำก็ไม่เข้าถึงขึ้นอยู่กับ ทำ หรือ ไม่ทำ ขยันหรือขี้เกียจแค่นั้น

     และเราไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวขอกำลังใจจากใครเลย กำลังใจมากมายมหาศาลอยู่ในตัวเรา ไปเบิกกันมาใช้บ้าง ไม่ต้องเขียม ๆ ใช้ กำลังใจนี่แปลกยิ่งใช้ ยิ่งมี ยิ่งเยอะ นอนอยู่เฉย ๆ จะให้มีเรี่ยวแรงกำลัง มันไม่มี อยากจะมีกำลังกายต้องออกกำลังกายจึงจะได้กำลังกลับมา กำลังใจก็เช่นเดียวกัน ยิ่งใช้ ยิ่งมี ยิ่งเยอะ ใช้มันเข้า ไป ฟรีด้วย ไม่ต้องเสียเงิน ขึ้นอยู่กับเราจะใช้ไหม ใช้แค่ไหน เราก็ได้แค่นั้น เยอะหรือน้อยมันขึ้นอยู่กับเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร เวลาขี้เกียจก็ขี้เกียจเอง ไม่มีใครขี้เกียจแทน เวลาขยันก็ขยันเองต้องขยันนั่งทำความเพียร ให้แต่ละวันผ่านไปด้วยความปลื้มปีติใจก่อนนอนก็ต้องให้ปลื้มว่า วันนี้ตั้งแต่ตื่นนอนเราทำความดีอะไรบ้าง ทำการบ้านครบไหม เรานั่งธรรมะเป็นอย่างไร นั่งให้กายเบาใจเบา แม้ไม่เห็นอะไรก็ให้มันเบา ๆ ไว้ก่อน จนกระทั่งใจปลื้มปีติจึงค่อยนอน อย่างนี้เรียกว่า นอนอย่างอริยะ แบบบัณฑิตนักปราชญ์ นอนแบบผู้รู้ นอนแบบผู้ไม่รู้ งัวเงียก็มุดเข้ามุ้งคลุมโปง อย่างนี้ไม่เอานะ

     เพราะฉะนั้น พรรษานี้เริ่มต้นชีวิตใหม่แบบวันต่อวัน ให้เป็นวันแห่งการแสวงหาพระในตัว ซึ่งองค์พระธรรมกายภายในเป็นที่รวมประชุมแห่งบุญทั้งหลายทั้งปวง เป็นเสมือนท้องทะเลแห่งบุญ เหมือนท้องฟ้าเป็นที่รวมของดวงดาว ท้องทะเลเป็นที่รวมของแหล่งน้ำจากห้วยหนองคลองบึง องค์พระ

     ภายในก็เป็นที่รวมแห่งบุญ แห่งสิ่งที่ดีงาม และสิ่งที่เราปรารถนาทั้งหมดไปรวมประชุมกันอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน ท่านอยู่ในตัวของเรา

 
 
14 กรกฎาคม พ.ศ.2546
จากหนังสือบางสิ่งที่แสวงหา
โดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

 


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ