ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เรื่องเล่าวันเข้าพรรษา 2556 วันที่ 2 ความมืดเป็นมิตร


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 August 2013 - 10:17 AM

 
ความมืดเป็นมิตร
 
 
Dhammakaya-_05.jpg 

     
    วันนี้วันที่ 2 ของการเข้าพรรษา ต้องนับกันไปเป็นวัน ๆ เลย เพราะมีเวลาจำกัดแค่ 90 วันเท่านั้น เพื่อเตือนว่าชีวิตเราผ่านไปแต่ละวันนั้นได้สร้างสิ่งที่ดีได้แค่ไหน ทำให้เราปลื้มปีติภาคภูมิใจไหม ถ้ารู้สึกปลื้มปีติภาคภูมิใจก็ใช้ได้ และเราก็จะได้ไปสรุปกันตอนก่อนจะออกพรรษา ซึ่งเราจะรู้ได้ด้วยตัว เราเองว่า 1 พรรษา ที่ผ่านมานั้นเรามีอะไรดีขึ้น การแก้ไขข้อบกพร่องในแต่ละวัน จะมีผลต่อไปในอนาคตไกล ๆ โน้น
ถ้าเราแก้ไขให้ดีขึ้นทุกวัน ก็จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากไม่แก้ไข มันก็จะค่อย ๆ ตกต่ำกันลงมา
 
      พรรษานี้เป็น พรรษาแห่งการบรรลุธรรม พระเห็นพระ เณรเห็นพระ โยมเห็นพระ นี่คือความตั้งใจของเรา ฝึกหยุดฝึกนิ่งกันไปเรื่อย ๆ อย่าไปท้อกันเสียก่อน ความมืดภายใน ภายหลังจากที่เราหลับตา นั่นเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ใจยังไม่หยุดนิ่ง อย่าไปคิดว่าเป็นอุปสรรค ต้องคิดว่าความมืดเป็นเรื่องธรรมดาเวลาเราหลับตาแล้วพบความมืดก็ต้องทำใจให้เป็นมิตรกับความมืด ให้คิดว่า

     ความมืดเป็นเกลอเป็นสหายของเรา แล้วเราจะอยู่กับความมืดได้อย่างสบายใจโดยไม่หงุดหงิดฮึดฮัดว่า เรานั่งมาตั้งนานแล้วทำไมไม่สว่างสักทีเมื่อเราเป็นมิตรกับความมืด ความมืดก็จะเป็นมิตรกับเรา นี่ก็เป็นเรื่องแปลกนะ แต่ถ้าเราฮึดฮัด หงุดหงิด พยายามจะเพ่งขับไล่ความมืดให้ออกไปหรือพยายามจะนึกถึงความสว่าง ทำให้ยิ่งตึงเครียด เพราะทำไม่ถูกหลักวิชชา วิธีที่ถูกต้องคือให้ทำเฉย ๆ นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม ทำใจสบายๆ อยู่กับความมืดสักพักหนึ่ง เดี๋ยวตัวเราก็จะค่อย ๆ โล่ง โปร่ง เบา สบาย ขยาย แสงสว่างก็จะเกิดขึ้น มันก็เป็นขั้นเป็นตอนไปให้เริ่มต้นทำให้ถูกหลักวิชชา เดี๋ยวเราก็จะกำความสำเร็จล้านเปอร์เซ็นต์
 
     เพราะยังไงเราก็ต้องเข้าถึงอย่างแน่นอน ที่เข้าไม่ถึงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราขยันและทำถูกหลักวิชชา หมั่นตรึก หมั่นนึก หมั่นคิด หมั่นฝึกฝน หมั่นสังเกตไปเรื่อย ๆ มันจะไปส้เราได้อย่างไร เดี๋ยวก็แพ้เรา ฝึกไปเรื่อ ย ๆ อย่างสบาย ๆ แล้วก็ไม่ต้องไปควานหาอะไรในที่มืดเผื่อว่าจะเจอดวงหรือองค์พระ ก็ไม่ต้องถึง ขนาดนั้น นะ ให้ดูเฉย ๆ เพราะดวงกับองค์พระมีอยู่แล้วในตัว เหมือนเราอยู่ห้องมืด ๆ ในห้องเต็มไปด้วยโต๊ะ เตียง ตั่ง ตู้ เก้าอี้ ข้าวของบนโต๊ะมากมายเราเข้าไปในห้องมืด ใหม่ ๆ ยังไม่คุ้น มองอะไรไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่โต๊ะ เตียง ตั่ง ตู้ ก็มีอยู่ แต่พอเรายืนนิ่ง ๆ ทำเฉย ๆ สักพัก สายตาเราก็จะค่อย ๆ คุ้นกับความมืด จากมืดมิดก็มามืดมาก จากมืดมากมามืดมัว มาสลัวสาง ๆ พอที่เราจะเห็น ตู้ โต๊ะ เตียง ตั่งได้ พอที่จะค่อย ๆ เดินไปข้างฝาค้นหาสวิตช์ไฟได้
 
      ความมืดภายในตัวก็คล้าย ๆ อย่างนั้น ทำใจเราให้คุ้น กับความมืดภายในด้วยใจที่สบาย ความสบายเท่านั้นจึงจะทำให้เข้าถึงธรรมได้ ความลำบากไม่เคยทำให้ใครเข้าถึงธรรมเลย ต้องอารมณ์สบายอย่างเดียว แม้พระธุดงค์ท่านเข้าป่า เข้าเขา ห้วย หนอง คลอง บึง ต้องเจอกับความทุรกันดารในทุก ๆ ด้านแต่เวลาจะเข้าถึงธรรม เวลาใจจะหยุดนิ่งก็ต้องอารมณ์สบาย ต้องอารมณ์สบายอย่างเดียว ไม่สบายเป็นไม่เห็น แม้เราจะรู้ว่าอารมณ์สบายจะทำให้ใจหยุดนิ่งเข้าถึงธรรมได้ แต่บางคนไม่รู้วิธีการ พยายามไปควานหาอารมณ์สบาย เลยไม่สบาย เพราะมัวไปหาว่าทำอย่างไรถึงจะสบาย มัวแต่ตั้งท่าอยู่ บางทีตั้งเป็นชั่วโมงเลย นั่งท่านั้น ท่านี้
 
      นึกอย่างนั้น อย่างนี้ ที่จริงอารมณ์สบายมีอยู่แล้วนะ แค่เราทำใจนิ่ง ๆ เฉย ๆ เดี๋ยวอารมณ์สบายมาเอง ที่ช้ากันอยู่เพราะมัวไปหาอารมณ์สบาย แล้วมันไม่สบาย อย่าไปควานหาอารมณ์สบาย ให้ทำนิ่ง ๆ เฉย ๆ เดี๋ยวก็มีมาเองทั้งอารมณ์สบาย ทั้งแสงสว่าง ทั้งดวงใส ๆ องค์พระใส ๆ ต้องจับหลักตรงนี้ให้ดี
 
15 กรกฎาคม พ.ศ. 2546

จากหนังสือบางสิ่งที่แสวงหา
โดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

 

 


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ