ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เรื่องเล่าวันเข้าพรรษา วันที่ 12 พระนิพพานต้องทำให้แจ้ง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 06 August 2013 - 09:09 AM

 
พระนิพพานต้องทำให้แจ้ง
 
พระธรรมเทศนาโดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
เข้าพรรษา ปีพุทธศักราช 2546

 
560627-meditation.jpg 
พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ 3 อย่างนี้
เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของเราและมวลมนุษยชาติทั้งหลาย 
 
       วันนี้วันที่ 12 นับจากวันเข้าพรรษา พรรษานี้เราให้ชื่อว่า พรรษาแห่งการบรรลุธรรม คือ พระเห็นพระ เณรเห็นพระ โยมเห็นพระ เพราะฉะนั้นเมื่อเราตั้งใจมั่นกันอย่างนี้แล้วก็จะต้องทำให้ได้ พยายามหมั่นฝึกฝนอบรมใจกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเราก็จะสมหวังกันอย่างแน่นอน เพราะพระก็มีอยู่แล้วในตัวของเรา พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ 3 อย่างนี้เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของเราและมวลมนุษยชาติทั้งหลาย

      การเข้าถึงก็ไม่ได้ยากอะไร อยู่ที่การฝึกใจให้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเราในระดับเหนือจากสะดือขึ้นมา 2 นิ้วมือ แล้วก็ทำใจให้หยุดนิ่ง ไม่ต้องมีวิธีการพิเศษอะไรเลย แค่ไม่ต้องคิดไม่ต้องพูด แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ให้ใจว่าง ๆ เดี๋ยวใจก็จะหยุดนิ่งไปเองพอถูกส่วนเดี๋ยวก็เห็นไปตามลำดับ เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งและสร้างบารมี เราจะตอกย้ำซ้ำเดิมกันทุกวัน เพราะมีสมาชิกใหม่อยู่เรื่อย ๆ เขาจะได้เข้าใจ แล้วก็แม้พวกเราได้ยินได้ฟังบ่อย ๆ ก็จะตอกย้ำซ้ำเดิมให้มันหนาแน่นขึ้นไปเรื่อยๆ เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง ก็แสดงว่าพระนิพพานมีอยู่แล้ว แต่คงจะถูกความมืดอะไรมาบดบังจึงทำให้ไม่เห็นพระนิพพาน แล้วก็ไม่รู้จักว่าพระนิพพานเป็นอย่างไร จึงไม่อยากจะไปกัน กลัวว่าจะไม่สนุก แต่ความสนุกก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับชีวิต แค่ให้รู้สึกเพลิน ๆ ไปวัน ๆ แล้วก็หมดเวลาของชีวิต
 
      เมื่อหมดเวลาของชีวิต เอาละสิ ตอนนี้เริ่มยุ่งแล้ว เพราะว่าชีวิตไม่ใช่ตื้น ๆ อย่างที่เราคิดเราเข้าใจ ยังมีอะไรที่สลับซับซ้อนที่เรายังไม่รู้อีกมากมายโดยเฉพาะชีวิตหลังความตาย ซึ่งโลกขาดแคลนความรู้ตรงนี้ จึงทำให้ชีวิตไม่สมบูรณ์ การดำเนินชีวิตผิดพลาด ตรงนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นการทำพระนิพพานให้แจ้งจึงเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เราเข้าถึงความสุขที่เป็นอมตะที่แท้จริงได้พระนิพพานมีอยู่แล้วในตัวเรา แต่เหมือนอยู่ในที่มืด ทั้ง ๆ ที่ท่านสว่างเหมือนมีเมฆมาบังดวงอาทิตย์ แม้ดวงอาทิตย์มีอยู่แต่ก็ไม่เห็นดวงอาทิตย์ต้องมีอะไรมาทำให้เมฆเคลื่อนที่ แล้วเราก็จะเห็นความกระจ่างนั้นเกิดขึ้นความมืดมนอนธการในใจของเรานี่แหละ เป็นสิ่งที่บดบังอยู่ เราจะต้องทำความมืดนี้ให้หายไป ซึ่งมีวิธีเดียวคือหยุดกับนิ่ง ใจที่วิ่งอยู่เอามาหยุดนิ่งเสีย เดี๋ยวความมืดในตัวก็จะค่อยๆ ล่มสลายหายไปเลย เดี๋ยวเราก็จะเห็นเส้นทางที่จะไปสู่อายตนนนิพพานได้ ตอนนี้เราทราบแล้วว่ามรรคผลนิพพานอยู่ในตัวของเรา เพราะฉะนั้นถ้าจะหาก็ต้องหาในตัว อย่าไปหานอกตัวพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสเหมือนกันหมดว่า นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา พระนิพพานเป็นเยี่ยม แล้วยังตรัสอีกว่า นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ พระนิพพานเป็นบรมสุข หมายความว่า สุขทั้งหลายมี สุขเล็ก สุขน้อย สุขปานกลาง สุขมาก จนกระทั่งถึงบรมสุข พระนิพพานเป็นบรมสุข เป็นสุขที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร ในภพสามไม่มีอะไรเป็นบรมสุข มีแต่สุกเกรียมสุกไหม้ ตราบใดที่ยังอยู่ในวัฏสงสาร คือ ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ ชีวิตยังตกอยู่ในอันตราย สุขก็ชั่วคราว ไม่จีรังยั่งยืน เขาเรียกว่าสุขกำมะลอ หรือสุขปลอม ๆ คือ สุขประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น อยู่ในสภาพที่สบายกายสบายใจประเดี๋ยวประด๋าวเพราะฉะนั้น พระนิพพานจึงต้องทำให้แจ้ง
 
พญามารกลัวกายมนุษย์

     การเกิดมาในภพสามนี้ ไม่ว่าจะเกิดไปเป็นอะไรก็แล้วแต่ล้วนชั่วคราวทั้งสิ้น และเราก็เกิดกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน หมุนเวียนเกิดกันมาเกือบครบทุกอย่างแล้วนะการเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ยากมาก ๆ พญามารเขากันนักกันหนาไม่อยากให้มนุษย์มาเกิด เขากลัวกายมนุษย์ เพราะกายมนุษย์แข็งแรง สามารถไปเชื่อมโยงกับผู้รู้ภายในและทำงานไปพร้อม ๆ กันได้ กลัวมนุษย์จะขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น แล้วจะไปเห็นสิ่งที่เขาบังคับสรรพสัตว์และสรรพสิ่งเอาไว้กลัวมนุษย์จะไปรู้ไปเห็นตรงนี้มาก ๆ เลย
 
560803-1.jpg 
พญามารกลัวกายมนุษย์ เพราะกายมนุษย์แข็งแรง
สามารถไปเชื่อมโยงกับผู้รู้ภายในและทำงานไปพร้อม ๆ กันได้ 
 
     เพราะฉะนั้น จึงพยายามทำทุกวิถีทางให้กายมนุษย์เสื่อมคุณภาพลงไปเรื่อย ๆ เอาตายได้เอาตาย เอาตายไม่ได้ก็เอาพิการ เอาพิการไม่ได้ก็เอาให้ลำบาก ให้วน ๆ เวียน ๆ กันลำบาก หรือให้เพลิน ๆ ตรึงให้ไปติดในรูปเสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ จะได้ไม่มีเวลาและอารมณ์มาทำหยุดทำนิ่ง เพราะถ้าขืนให้ทำหยุดทำนิ่ง ไม่ได้ เดี๋ยวสว่าง พอสว่างก็เห็น พอเห็นก็รู้พอรู้เดี๋ยวรวมกันลุยพญามารกลัวตรงนี้แหละ ดังนั้นทำให้เสื่อมด้วย และเอากฎแห่งกรรมมาบังคับอีก มาบังคับทางกาย ทางวาจา ทางใจ กระดิกกระเดี้ยกันไม่ได้เลยเพื่อให้ใจหมอง พอหมองแล้วเขาก็เซ็ตโปรแกรมดึงดูดไปสู่ภพภูมิของอบายในมหานรก อุสสทนรก ยมโลก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เป็นไปตามขั้นตอน กว่าจะหลุดพ้นมาได้ก็หืดขึ้นคอเลย ยาวนานมากแม้มาเป็นมนุษย์ก็ลำบาก ลำบากกันตั้งแต่เกิดเลย แต่ตอนนี้เราลืมกันไปแล้ว ต้องกิน ต้องนอน ต้องขับถ่าย ยิ่งโตขึ้นความลำบากก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ลำบากเรื่องการศึกษาเล่าเรียน ความเป็นอยู่ การทำมาหากิน การครองเรือนความแก่ ความชรา ความเจ็บไข้ได้ป่วย สารพัดเลยเราลองนึกดูให้ดี ชีวิตของเราล้วนแต่อุดมไปด้วยความทุกข์ทรมานรวยความทุกข์ทรมาน ถ้าความทุกข์นั้นหนักหนาตอนนั้นเราก็สาหัส แต่พอผ่านไปได้หน่อยเดียวเราก็ลืม จนชักจะเคยชิน แต่เดี๋ยวมันก็มาใหม่อีกแล้วกลุ้มอีกแล้ว ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ มีแต่หงุดหงิดกับเลิกหงุดหงิด ความสุขไม่ค่อยจะเจอ
 
      เพราะเหตุนี้เราจึงต้องทำพระนิพพานให้แจ้งแต่ถ้าจะอยู่ในวัฏสงสารต้องศึกษาให้เข้าใจว่า ในวัฏสงสารนี้มีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง เช่น กฎแห่งไตรลักษณ์ คือ ทุกสิ่งในโลกไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของต้องเจอสภาพความไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่เสื่อมสลายไป เปลี่ยนแปลงจากเด็กไปวัยรุ่น ไปหนุ่มสาว เข้าสู่วัยกลางคนจนกระทั่งวัยชรา แล้วก็ตายในที่สุด ตกอยู่ในโลกธรรม 8 คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีคนสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับว่า ถ้ามาอยู่ในวัฏฏะต้องเจออย่างนี้แล้วก็เจอกฎแห่งกรรมที่เขาทำเอาไว้ บังคับด้วยความโลภ ความโกรธความหลง ให้ฆ่า ให้ลักทรัพย์ ให้ประพฤติผิดในกาม ให้พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด ให้ดื่มสุราเมรัย ยาเสพติดต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นต้น และยังมีการพนัน มีอะไรอีกสารพัด ซึ่งมีภัยทั้งสิ้น แล้วก็มีภพมารองรับ และเราต้องเจออย่างนี้บ่อยๆ
 
      เพราะฉะนั้น ถ้าจะอยู่ในวัฏสงสาร เพราะกลัวว่าไปพระนิพพานแล้วไม่มันไม่ม่วน ซึ่งเราคิดไปเอง เพราะเราไม่รู้จักพระนิพพาน ที่จริงถ้าไปถึงตรงนั้นแล้ว เราจะรักพระนิพพานมาก ๆ เลย แต่จะไปถึงตรงนั้นต้องเบื่อในภพสามก่อน และถ้าจะอยู่ต้องอยู่ให้เป็น คือ ต้องละชั่ว ทำความดี และทำใจให้ใส ๆ ในระดับที่อยู่ในภพสามและสร้างบารมีเรื่อยไป มีมโนปณิธานที่ยิ่งใหญ่ คือจะไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
 
 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 
จากหนังสือบางสิ่งที่แสวงหา
โดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 

 


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ