ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ตำนานครุฑ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 03:58 PM


พวกเราคงได้ยินและเคยเห็นสัญญาลักษณ์ครุฑกันมาบ้างแล้วนะครับ คราวนี้เรามารู้ที่มาและตำนานของครุฑบ้างดีกว่า ครุฑเป็นเทพพาหนะของพระนารายณ์ครับ เป็นโอรสที่เกิดจากพระกัศยปมุนี(ฤษีตนหนึ่งในเจ็ดตน ที่เรียกว่า สัปตฤษี หรือพระประชาบดี) กับนางวินตาหรือนางทิติธิดา องค์หนึ่งของ พระทักษประชาบดี
พระทักษประชาบดีนี้ เป็นโอรสของพระพรหม และเป็นผู้มีภริยามาก มีธิดาถึง 50 องค์ ยกให้เป็นชายาพระยมเสีย 10 องค์ ยกให้พระจันทร์เสีย 27องค์(ที่เป็นที่มาของ 27 นักษัตร) และยกให้พระกัศยปเสีย 13 องค์ ในจำนวนธิดา 13 องค์นี้ที่เป็นชายาของพระกัศยปมีอยู่สององค์ คือนางวินตา มารดาของครุฑ และนางกทรู มารดาของพวกพญานาค
นางวินตามีโอรสสององค์ คือครุฑ และอรุณ ซึ่งต่อมาได้เป็นสารถีของพระสุริยเทพ เมื่อนางวินตาคลอดครุฑโอรสองค์แรกออกมานั้นเป็นฟองไข่ ครุฑจึงได้มีลักษณะคล้ายนกไป ส่วนนางกทรูมีโอรสพัน
องค์ล้วนเป็นพญานาคทั้งนั้น
ครุฑเมื่อแรกเกิดร่างกายขยายตัวออกใหญ่โตจนจดฟ้า ดวงตาเมื่อกะพริบเหมือนฟ้าแลบ เวลาขยับปีกที่ใด จะมีรัศมีพวยพุ่งออกจากกายมีลักษณะดั่งไฟไหม้ทั่วสี่ทิศ ทำให้เหล่าทวยเทพต้องตกใจ คิดว่าเป็นพระอัคนี ต่างพากันมาบูชาครุฑ เพื่อขอความคุ้มครองจากครุฑ บางตำราว่าครุฑนั้นมีรูปร่างและลักษณะดังนี้ เศียรจงอยปากปีและเล็บเป็นอย่างนกอินทรี ท่อนกายตัวและแขนขาเป็นอย่างคน มีหน้าเป็นสีขาว ปีกเป็นสีแดง(ตำราของจีนว่าปีกทอง) กายตัวเป็นสีทองมีโอรสชื่อสัมปาติ(สัมพาที) และชฎายุ(แต่บางตำราว่า สัมปาติและชฎายุเป็นโอรสของพระอรุณ....อันนี้ก็งงเหมือนกัน....อิ...อิ...อิ) มีชายาชื่ออุนนติหรือวินายกา ครุฑนั้นเป็นศัตรูกับพญานาคอย่างรุนแรง เหตุเกิดขึ้นเพราะ นางวินตามารดาครุฑทะเลาะกันกับนางกทรูมารดาพวกพญานาค ด้วยเรื่องเถียงและพนันกันถึงสีม้าที่จะเกิดขึ้นจากที่เหล่าทวยเทพและอสูรกวนน้ำอมฤตนั้นว่าจะเป็นสีอะไร


นับแต่นั้นมาครุฑ และพวกพญานาคก็ไม่ถูกกัน ต่างพยาบาทมาดร้ายกันอยู่ คราวเมื่อครุฑแต่งงาน พวกพญานาคเกรงว่า ถ้าครุฑมีผู้สืบเชื้อสายเมื่อใดก็จะเป็นภัยแก่พวกพญานาค และพวกลูกหลานของตน จึงยกพวกหวังไปสังหารครุฑ แต่ถูกครุฑฆ่าพวกพญานาคตายเกือบหมด คงเหลือรอดชีวิตอยู่เพียงตัวเดียว ซึ่งครุฑได้เอามาคล้องคอเป็นสังวาล ชาวฮินดูที่ถือความขลังความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจะเข้านอนมักออกชื่อครุฑเป็นอย่างบริกรรมมนต์ ถือว่าถ้าทำอย่างนี่จะพ้นภัยจากงูอสรพิษกัด
ในมหากาพย์มหาภารตะเล่าเรื่องต้นเหตุครุฑถ่ายโทษมารดาให้พ้นจากการเป็นทาสี(ทาสของนางกทรู และต้นเหตุที่มาเป็นเทพพาหนะของพระนารายณ์ดังนี้คือ เมื่อนางวินตามารดาครุฑ แพ้พนันเรื่องทายสีของม้าที่เกิดจากเกษียรสมุทรแล้ว ต้องตกเป็นทาสีของพี่สาวคือนางกทรู พวกพญานาคก็ปรารถนาจะเป็นอมร จึงทำความตกลงกับครุฑว่า ถ้าครุฑสามารถไปที่พระจันทร์ แล้วนำเอาน้ำอมฤตที่อยู่กับพระจันทร์(พระจันทร์มีแสงสว่างอยู่ได้ก็เพราะมีน้ำอมฤต) ก็จะปลดปล่อยให้มารดาครุฑพ้นจากความเป็นทาส ครุฑเมื่อตกลงเรื่องนี้กับพญานาคแล้ว และก่อนที่จะไปได้ไปขออาหารจากมารดา มารดาแนะนำว่าให้ไปที่ชายฝั่งทะเล เมื่อพบอะไรก็จะให้กินได้ แต่ขอร้องไว้อย่างหนักหนาว่าให้ระวังเป็นที่สุด ว่าอย่าไปกินพราหมณ์เข้าไป
ถ้าคราวใดรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรไหม้อยู่ในกระเพาะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน ก็จงรู้เถิดว่าเจ้าได้กินพราหมณ์เข้าไปแล้ว เมื่อได้รับคำเตือนจากมารดาแล้วครุฑก็ออกเดินทางไป ขณะผ่านมายังประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวประมง อารามที่หิว ครุฑก็เขมือบกินคนเหล่านั้นตลอดจนวัวควาย และสัตว์อื่นๆ รวมทั้งบ้านเรือน และต้นไม้เข้าไปด้วยทั้งหมด แต่ในจำนวนคนที่ครุฑกลืนกินเข้าไป มีพราหมณ์ปนอยู่ด้วยคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุทำให้ครุฑรู้สึกปวดแสบปวดร้อนท้องเป็นกำลัง เมื่อไม่สามารถจะทนได้ต่อไป ก็ร้องตะโกนอย่างรีบร้อนให้พราหมณ์นั้นออกมา พราหมณ์ไม่ยอมออกเว้นแต่จะให้ภรรยาของตนซึ่งเป็นบุตรสาวคนหาปลาตามออกมาด้วย ครุฑก็ต้องยอมทำตาม ถัดจากนั้นครุฑก็บินไปหาพระกัศยปผู้เป็นบิดา พระกัศยปแนะนำให้ครุฑระงับความหิว โดยไปที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง ซึ่ง ณ ที่นั้นมีช้างตัวหนึ่ง และเต่าตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่ เต่าตัวนั้นมีขนาดยาวได้ 8 โยชน์ และช้างตัวนั้น มีขนาดยาว 16 โยชน์ ครุฑถลาลงไปจับเต่าไว้ในอุ้งเล็บหนึ่ง และจับช้างไว้ในอีกอุ้งเล็บหนึ่ง จากนั้นบินขึ้นไปจับบนต้นไม้ใหญ่ ต้นหนึ่งสูง 80 โยชน์ ต้นไม้ทานน้ำหนักไม่ไหว ก็ทำท่าจะหักโค่นลงมา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น พวกพราหมณ์คนรู ที่ทำพิธีอยู่ที่กิ่งต้นไม้นั้น กิ่งหนึ่งก็จะต้องถูกต้นไม้ทับตายหมด ซึ่งครุฑตกใจกลัวว่าพราหมณ์เหล่านั้นจะตาย จึงคว้าต้นไม้ต้นนั้นไว้ในกรงเล็บ พร้อมทั้งช้างและเต่ายักษ์บินไปยังภูเขาแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในที่ไม่มีคนจึงกินช้างและเต่าแก้ความหิวได้


ครั้นแล้วก็บินขึ้นสวรรค์คว้าเอาพระจันทร์ซ่อนไว้ที่ใต้ปีก แต่ถูกพระอินทร์และทวยเทพติดตามมา เกิดสู้รบกัน ทวยเทพทั้งหมดแพ้ครุฑเว้นแต่พระนารายณ์เท่านั้นที่ไม่แพ้ แม้กระนั้นก็เกือบแย่ ต้องทรงขอทำความตกลงอย่ารบกับครุฑ ทรงสัญญาจะให้ครุฑเป็นอมรและให้อยู่ในตำแหน่ง สูงกว่าพระองค์ ส่วนครุฑก็ถวายสัญญาขอเป็นพาหนะของพระนารายณ์ และเป็นธงครุฑพ่าห์ สำหรับปักอยู่บนรถศึกของพระนารายณ์
ครุฑมีชื่อฉายาเรียกอยู่มากมายหลายชื่อ เช่น กาศยปิ และเวนไตย อันเป็นชื่อสืบมาจากกัศยป และวินตา ,สุบรรณและครุฑมาน คือเจ้าแห่งนก ,สิตามันมีหน้าขาว รักตปักษ์ มีปีกแดง ,เศวตโรหิต มีสีขาว และแดง ,สุวรรณกาย กายมีสีทอง ,คคเนศวร เป็นเจ้าแห่งอากาศ ,ขเคศวรผู้เป็นใหญ่แห่งนก ,นาคานตก และนาคนาศนะ ศัตรูแห่งนาค ,สรรปาราติ ศัตรูแห่งงู ,ตรสวินผู้เคลื่อนไปเร็ว ,รสายนะ ผู้เคลื่อนไปอย่างปรอท ,กามจารินผู้ไปตามอำเภอใจ ,กามายุส ผู้อยู่ด้วยความยินดีแห่งกาม ,จิราท ผู้กินนาน ,อมฤตาหรณ์และสุธาหร ผู้ลักน้ำอมฤต ,สุเรนทรชิต ผู้ชนะพระอินทร์ ,วัชรชิตผู้ปราบชนะสายฟ้า
ทางวรรณคดีพุทธศาสนากล่าวว่าครุฑ มีขนาดใหญ่มาก วัดจากปีกข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งกว้างได้ 150 โยชน์ เวลากระพือปีกสามารถทำให้เกิดเป็นพายุใหญ่ เกิดมืดมน และทำลายบ้านเมืองให้หมดสิ้นได้ ขนปีกของครุฑหนามาก แม้จะมีใครเข้าไปซ่อนอยู่ในระหว่างขนครุฑ ก็ไม่สังเกตทราบได้ ครั้งหนึ่งครุฑแปลงกายเป็นมาณพไปเล่นสกากับพระเจ้าแผ่นดิน แล้วลักพามเหสีของพระเจ้าแผ่นดินไปเช่นในเรื่องกากี สุสันธีชาดกและกาติชาดก ที่อยู่ของครุฑซึ่งเรียกว่า สุบรรณพิภพ เป็นวิมานอยู่บนต้นฉิมพลีหรือต้นงิ้ว ซึ่งอยู่ยังเชิงเขาพระสุเมรุ



เวลาผ่านไปตามอาคารสถานที่ราชการ จะเห็นว่ามีครุฑกางปีกประดับอยู่ด้านบนของอาคาร เช่นเดียวกับอาคารสำนักงานเอกชนบางแห่งก็มีเจ้าตัวนี้ประดับอยู่เช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่ของเอกชนมีคำว่า "โดยได้รับพระบรมราชานุญาต" อยู่ด้านล่างด้วย
รูปครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์ ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เนื่องจากเป็นความเชื่อในลัทธิสมมุติเทวราชที่ถือว่ากษัตริย์คืออวตารของพระนารายณ์ ที่ลงมาปกครองบ้านเมือง และเมื่อพระนารายณ์มีครุฑเป็นพาหนะของพระองค์ ครุฑจึงกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญไปด้วย การใช้รูปครุฑเป็นตราแผ่นดินและเครื่องหมายของทางราชการ กำหนดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้รูปครุฑรำหรือเรียกว่าพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ นอกจากนี้ ยังใช้ตราครุฑเป็นตราหัวกระดาษของหนังสือ หรือแบบฟอร์มในราชการอีกด้วย สำหรับภาคธุรกิจเอกชนที่มีเครื่องหมายครุฑพ่าห์ประดับอาคารได้นั้น ต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติ จึงจะได้รับพระราชทานตราตั้งหรือหนังสือรับรองการพระราชทานพระบรมราชานุญาต มีคำว่า "โดยได้รับพระบรมราชานุญาต" อยู่เบื้องล่างของตราครุฑนั้นเพื่อแสดงว่า เป็นผู้ได้รับพระราชทานให้ใช้ตราแผ่นดินในกิจการได้

Infomation from http://www.kachin.biz/main/index.php
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#2 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 04:03 PM

สาธุ
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#3 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 05:46 PM

พวกเราได้เรียนเรื่องครุฑ มาบ้างจากโรงเรียนอนุบาลแล้วนะครับ
ตอนพญานาคครับ ว่าครุฑมีกี่ประเภท พญานาคเอาชนะครุฑได้อย่างไร แล้วครุฑเองรู้ความลับของพญานาคได้อย่างไรครับ

#4 นับดาว

นับดาว
  • Members
  • 422 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 10:37 AM

ขอบคุณค่ะ

อนุโมทนาบุญนะคะ
ถ้าใจใส

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน

#5 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 03:42 PM

ผมสงสัยมานานแล้วครับ..

ผมเคยรู้จักความรู้อย่างหนึ่งจากท่านผู้พิพากษาท่านหนึ่งว่า

สมมุติท่านตัดสินคนถูกเป็นผิด ท่าจะไม่ได้รับกรรมเหรอครับ

ท่านตอบผมว่า มีตราครุฑ คอยป้องกันไว้แล้ว ผมก็ งง เหมือนกันว่า ป้องกันได้ด้วยเหรอครับ

ทัศนะผมคิดว่าคงไม่ได้ พี่น้องผู้รู้ ช่วยแนะนำ และช่วยปรับทัศนคติของเด็กนักเรียนอนุบาลฝันในฝันของผมให้มั่นคงด้วยครับ

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#6 SHO

SHO
  • Members
  • 15 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 19 December 2014 - 10:52 AM

ข้อความด้านบน เกี่ยวกับตำนานครุฑ ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ผมเชื่อมากที่สุดเฉพาะพระพุทธเจ้าและผู้มีรู้มีญาณเท่านั้น ส่วนแบบเทวนิยม ไม่ใคร่เชื่อเท่าไรครับ แต่ก็เป็นความเชื่อ ส่วนบุคคลครับ