ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พุทธบูชาพาพ้นทุกข์


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 kuna

kuna
  • Members
  • 780 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 24 February 2006 - 08:58 AM

[attachmentid=2645]

เราได้ทำสถูปไม้หอมคลุมปิดด้วยดอกมะลิ อันสมควรแก่พระพุทธเจ้า ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ได้ถวายบังคมพระพุทธเจ้าอัครนายกของโลก เช่นกับทองคำมีค่า ผู้รุ่งเรืองดังนิลอุบล เราได้ถวายของหอมและดอกไม้ ด้วยผลแห่งสักการะที่ทำแล้วในพระพุทธเจ้าโดยพิเศษนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย
เมื่อบุคคลปรารถนาสิ่งที่ดีงาม เป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อตัวเองทั้งในภพนี้ และภพเบื้องหน้า พึงกระทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ไม่ควรปล่อยประโยชน์ให้ล่วงเลยไป เพราะสิ่งที่ทรงคุณค่าเหล่านั้น หากเราปล่อยโอกาสผ่านไปแล้วก็ยากที่จะได้กลับคืนมา คำพูดที่ออกจากปาก ธนูที่ถูกยิงออกจากแล่ง เวลาที่สูญเสียไปและโอกาสที่ดีงาม ถ้าปล่อยผ่านไปแล้ว เราไม่อาจเอากลับคืนมาได้ เวลาที่มีคุณค่าที่สุดในตอนนี้ก็คือ เวลาแห่งการทำใจหยุดใจนิ่ง ทำใจให้บริสุทธิ์ มุ่งสู่เส้นทางสายกลางภายใน เพื่อให้เข้าไปถึงพระรัตนตรัย
มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ใน คันธมาลิยเถราปทาน ความว่า
“เราได้ทำสถูปไม้หอมคลุมปิดด้วยดอกมะลิ อันสมควรแก่พระพุทธเจ้า ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ได้ถวายบังคมพระพุทธเจ้าอัครนายกของโลก เช่นกับทองคำมีค่า ผู้รุ่งเรืองดังนิลอุบล เราได้ถวายของหอมและดอกไม้ ด้วยผลแห่งสักการะที่ทำแล้วในพระพุทธเจ้าโดยพิเศษนั้น ในกัปที่ ๙๔ แต่ในกัปนี้ เราไม่รู้จักทุคติเลย เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ครั้ง พระเจ้าจักรพรรดิเหล่านั้น มีพระนามเหมือนกันว่า “เทวคันธะ” คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว”
ผู้ที่ได้รับผลแห่งบุญ ย่อมบังเกิดความปีติในผลแห่งการกระทำนั้น จนต้องเปล่งถ้อยคำออกมาด้วยความปีติโสมนัสถึงผลแห่งบุญที่เกิดขึ้นจากการกระทำพุทธบูชา มหานิสงส์ใหญ่ได้บังเกิดขึ้นกับตัวท่าน ฉะนั้นการมีใจนอบน้อมบูชา มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ย่อมยังสิ่งดีๆ ให้บังเกิดขึ้นในชีวิต ยามใดที่หวนระลึกถึง หรือเมื่อทบทวนเรื่องราวการสร้างความดีของตนเอง ย่อมจะมีแต่ความปีติเบิกบานใจ อีกทั้งประวัติการสร้างความดีนั้น ยังเป็นแบบอย่างให้กับนักสร้างบารมีรุ่นต่อๆ ไปอีกด้วย


*เหมือนพระอรหันตเถระรูปนี้ ท่านมีนามว่า คันธมาลิยเถระ ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า สิทธัตถะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก (คนละองค์กับเจ้าชายสิทธัตถะของเรา) เราได้ยินพระนามท่านมาหลายครั้ง ประวัติของพระบรมศาสดาพระองค์นี้ ก่อนที่ท่านจะลงมาโปรดสัตวโลก ขณะที่สถิตอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ท่านได้ตรวจดูกาล ทวีป ประเทศ ตระกูล และมารดา เหมือนทุกๆ พระองค์ ช่วงนั้น เป็นช่วงที่มนุษย์มีอายุยืนถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี ตระกูลกษัตริย์ถือว่า เป็นตระกูลที่สูงที่สุด เมื่อตรวจดูพบว่า มีความพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว พระองค์ก็เสด็จมาบังเกิดในตระกูลกษัตริย์กรุงเวภาระ ซึ่งเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่โอฬาร มีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองกว่านครทั้งหลายในยุคนั้น ทรงมีพระราชบิดาพระนามว่า พระเจ้าอุเทน พระราชชนนีพระนามว่า สุผัสสา มีพระมเหสีพระนามว่า สุมนา มีพระโอรสพระองค์หนึ่ง พระนามว่า อนุปมะ พระองค์ทรงอยู่ครองเพศฆราวาสอยู่นานถึง ๑๐,๐๐๐ ปี
วันหนึ่ง ทรงเห็นนิมิต ๔ อย่าง คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ บุญเก่าในตัวกระตุ้นเตือน พระองค์จึงสละทุกสิ่งทุกอย่างออกผนวชด้วยพาหนะ คือวอทอง ทรงสละเพศฆราวาสแสวงหาที่บำเพ็ญเพียร จนไปเห็นต้นกรรณิการ์ต้นหนึ่ง มีร่มไม้ที่งดงามร่มรื่น ก็ตัดสินใจนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ตรงนั้น พระองค์ทรงใช้เวลาในการบำเพ็ญเพียรเพียง ๑๐ เดือน ก็ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อตรัสรู้แล้ว พระองค์ได้เสด็จไปประกาศพระสัทธรรมทั่วชมพูทวีป จนกระทั่งได้พระอัครสาวกทั้งสองท่าน มีนามว่า พระสัมพลเถระและพระสุมิตตเถระ มีพระเรวัตเถระเป็นพุทธอุปัฏฐาก มีคู่อัครสาวิกานามว่า พระสีวลาเถรีและพระสุรามาเถรี มีสุปปิยอุบาสกและสมุททอุบาสกเป็นคู่อัครอุปัฏฐาก มีรัมมาอุบาสิกาและสุรัมมาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา นักสร้างบารมีทุกๆ ท่านที่เอ่ยชื่อมานี้ ล้วนเคยตั้งความปรารถนาในตำแหน่งที่ตนได้รับ เมื่อบารมีเต็มเปี่ยม ทุกๆ ท่านต่างสมหวัง ดังความปรารถนาที่ตั้งไว้
ในยุคนั้น ผู้มีบุญลงมาเกิดกันจำนวนมาก พระคันธมาลิยเถระได้บังเกิดในตระกูลที่สมบูรณ์ด้วยทรัพย์ ท่านโชคดีที่เกิดในช่วงที่พระศาสนากำลังเจริญรุ่งเรือง พระธรรมคำสั่งสอนแผ่ขยายไปยังทุกชนชั้น
ท่านเติบโตในท่ามกลางความรุ่งเรืองของพระสัทธรรม โตขึ้นก็มีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ เกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่งในพระบรมศาสดา รู้ซึ้งถึงคุณค่าของการสร้างบารมี คิดอยู่ในใจว่า เราเป็นผู้ที่โชคดีอย่างมหาศาล ที่เกิดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มีโอกาสฟังพระสัทธรรม ทั้งตัวเราเองก็มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธองค์ผู้เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐสุด ในภพทั้งสาม อู่แห่งทะเลบุญปรากฏอยู่เบื้องหน้าเรา เราไม่ควรที่จะประมาทในการสร้างบุญ เพราะไม่ทราบว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร เราควรที่จะสั่งสมบุญพิเศษกับพระองค์ท่าน ก่อนที่มรณภัยจะมาถึง เราจะสร้างบุญพิเศษอันใดหนอกับพระบรมศาสดาผู้เป็นทักขิไณยบุคคล
เมื่อใคร่ครวญสักครู่หนึ่ง ก็คิดได้ว่า การบูชาด้วยของหอม เป็นสิ่งที่ทุกคนกระทำกันดีอยู่แล้ว เราจะต้องทำให้ประณีตและแตกต่างออกไป จะเห็นว่านักสร้างบารมีในสมัยก่อน ในใจของเขา คิดเอาแต่บุญพิเศษ แสวงหาวิธีการที่จะเพิ่มเติมบุญให้กับตนเอง ท่านจึงรวบรวมของหอมจำนวนมาก มีจันทน์ กำยาน การบูร และกฤษณา เป็นต้น สร้างเป็นสถูปของหอมถวายพระบรมศาสดา โปรยด้วยดอกมะลิไว้บนคันธสถูป และกระทำการนอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระบรมศาสดาทรงรับและตรัสชื่นชมอนุโมทนาว่า “ท่านเศรษฐีเป็นผู้รู้จักแสวงหาบุญพิเศษ เป็นแบบอย่างที่ดีงาม เป็นบัณฑิตที่ฉลาดในการหาบุญ ตัวท่านก็จะได้อานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ”
เศรษฐีได้ฟังพระดำรัสนั้นดีใจมีปีติแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย กลิ่นของสถูปได้หอมอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ ยังใจของมหาชนให้สดชื่นเบิกบาน ใครรับรู้รับทราบก็ได้มาอนุโมทนาบุญกับท่านเศรษฐี ยิ่งทำให้ท่านมีมหาปีติในบุญไม่มีที่สิ้นสุด
หลังจากละโลกไป ผลบุญได้ส่งผลให้ท่านไปเสวยสมบัติ ในเทวโลก และมนุษยโลกอย่างยาวนาน มีวิมานที่มีกลิ่นหอม ไปทั่วทุกสารทิศ จนมาถึงสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านมาบังเกิดในเรือนของเศรษฐี ซึ่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย ชนิดที่ว่ากินใช้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด พอเจริญวัยขึ้น มีความเลื่อมใสในพระบรมศาสดา จึงออกบวช ไม่นานก็บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ครั้นภายหลังท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน ยิ่งทำให้เกิดปีติโสมนัส ถึงกับเปล่งอุทานว่า
“เราได้ทำสถูปไม้หอมคลุมปิดด้วยดอกมะลิอันสมควรแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ได้ถวายบังคมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอัครนายกของโลก เช่นกับทองคำมีค่า ผู้รุ่งเรืองดังนิลอุบล แผดแสงดังพระอาทิตย์ ผู้องอาจดังพญาเสือโคร่ง ผู้ประเสริฐ มีชาติยิ่งเหมือนไกรสร ผู้เลิศกว่าสมณะทั้งหลาย ประทับนั่งแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ถวายของหอมและดอกไม้ ด้วยผลแห่งสักการะที่ทำไว้ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยบุญพิเศษนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ครั้ง มีพระนามเหมือนกันว่า “เทวคันธะ” ในกัปที่ ๓๙ แต่กัปนี้ ผลแห่งบุญนั้น ส่งให้เราถึงพร้อมด้วยคุณวิเศษทั้งหลายในภพชาตินี้”

เราจะเห็นว่า การทำสักการะเป็นพุทธบูชา นำพาให้พ้นทุกข์ ถ้าทำถูกเนื้อนาบุญ ย่อมมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ ส่งผลให้เราได้มหาสมบัติทั้งสาม คือ มนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ
การทำความดีถวายเป็นพุทธบูชาเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้เราได้เข้าถึงพระนิพพานได้อย่างรวดเร็ว จะเกิดไปกี่ภพ กี่ชาติก็ไม่ลำบาก เพราะบุญนี้ จะสนับสนุนส่งเสริมตลอดเวลา ให้สร้างบุญต่อบุญได้อย่างสะดวกสบาย บุญที่เราทำเป็นพุทธบูชามีความสำคัญมาก ดังนั้นจงหมั่นกระทำพุทธบูชาด้วยความเคารพเลื่อมใสกันทุกๆ คน

*มก. คันธมาลิยเถราปทาน เล่ม ๗๑ หน้า ๓๓๘

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  MO1_39__.jpg   103.65K   18 ดาวน์โหลด