ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

เพื่อนๆกัลยาณมิตรเว็บนี้มีคัยปราถนาพุทธภูมิบ้างหรอคับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 46 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#31 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 01 January 2006 - 05:38 PM

แล้วจะมีพระพุทธเจ้าในอนาคตองค์ไหนเป็นภาคปราบบ้างละครับ ขนาดพระศรีอารย์บำเพ็ยบารมีตั้ง80อสงไขยยังเป็นได้แค่โปรด แล้วถ้าปราบเค้าจะบำเพ็ญบารมีกันกี่อสงไขยครับ
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#32 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 03:23 PM

การบรรลุธรรมเป็นภาคปราบแม้เพียงระดับสาวกก็ต้องใช้ระยะเวลาชนิดที่เรียกว่า "อสงขัยอัปมาณัง" นับกันไม่ถ้วนทีเดียวครับ ที่สำคัญอย่าไปคิดว่ามันเยอะมากครับ เพราะพวกเราทุกคนเคยเจอพระพุทธเจ้ากันมาแล้วนับไม่ถ้วน พระพุทธเจ้าเข้าอายตนะนิพพานไปก็นับไม่ถ้วน ดังนั้นพวกเรานี่แหละครับคือพวก "อสงขัยอัปมาณัง" ครับ

ถามว่าจะมีองค์ไหนเป็นภาคปราบโดยสมบูรณ์
ตอบ อจินไตยครับ


หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#33 hmongkon

hmongkon
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 03:35 PM

รู้สึกจะตอบเกินคำถามที่ตั้งไว้ในกระทู้ มีคำถามเป็นลูกโซ่ ซึ่งหากตอบอีก อาจมีคำถามตามมาเรื่อยๆไม่รู้จบ เพราะมีรายละเอียดของคำตอบมากมาย ส่วนใหญ่พระอาจารย์รวมทั้งผู้รู้จะตอบเพื่อเป็นกำลังใจหรือกระตุ้นให้ขวนขวาย-ตั้งใจปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น

หากต้องการทราบรายละเอียด
-ทางอ้อมรู้จากฝันในฝัน
-ทางตรงรู้จากจริงในจริง หยุดในหยุด คือต้องเข้าถึงพระธรรมกายภายในและต้องอยู่ในระดับเป็นเนื้อเป็นหนัง(ทุกอณู)กับพระธรรมกาย มิใช่เพียงเห็นองค์พระในตัว แล้วท่านจะทราบคำตอบอย่างที่ไร้ความลังเลสงสัยว่า

- ที่มาของฝ่ายบุญ-ฝ่ายบาป คือ ทำไมต้องมารบกันในภพ3
- ฝ่ายบุญภาคปราบ-ภาคโปรดเป็นอย่างไร มีกิจอย่างไร
- ทำไมฝ่ายบุญอยู่แดนนิพพานแล้วยังต้องถอยพืดลงมาในภพ3
- โลกันต์เป็นอย่างไร ฝ่ายบาป-หมู่มารอยู่กันอย่างไร เขาทำอะไรกับฝ่ายบุญ และฝ่ายบุญต้องทำวิชชาปราบอย่างไร อะไรเป็นตัวชี้วัดว่าแพ้หรือชนะกัน
- พระพุทธเจ้าพระองค์แรกในแดนอายตนะนิพพาน คือ....องค์ต่อๆไป...
- กายมหาบุรุษมีประโยชน์อะไร ทำอย่างไรจึงจะได้กายนี้ แล้วฝ่ายบาปมีกายแบบนี้หรือไม่
- วงบุญพิเศษเกิดได้อย่างไร มีการจัดผังเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้นำวงบุญ... ทำไมต้องลงมาเกิดในภพมนุษย์ทุกกึ่งพุทธกาล

ขอให้ผู้ถามเข้าถึงพระธรรมกายในตัว หยั่งรู้คำตอบได้ด้วยตนเอง หมดความสงสัยในเร็ววันนะ

รูปของคุณธรรมจักร เคยเห็นที่วัดร่องขุน จ.เชียงราย วาดโดย อ.เฉลิมชัย

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  IMG_8091.jpg   52.18K   12 ดาวน์โหลด

แก้ไขโดย hmongkon 02 January 2006 - 11:08 PM


#34 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 10:07 PM

QUOTE
รูปของคุณธรรมจักร เคยเห็นที่วัดร่องขุน จ.เชียงราย วาดโดย อ.เฉลิมชัย
ถูกต้องแล้วคับ คุนพี่ hmongkon นอกจากจะเก่งธรรมะแล้ว ความรู้รอบตัวยังเยอะอีกตั้งหาก สาธุ อนุโมทนาในธรรมทานของทุกคนครับ


#35 DiamondZ

DiamondZ
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 09:33 PM

QUOTE
สงสัยจังเลยว่า
1. พระพุทธเจ้าภาคปราบเป็นอย่างไร มีหน้าที่อย่างไร อยู่แดนนิพพานแล้วยังต้องตามปราบมารอีกหรือ และปราบอย่างไร
2. พระพุทธเจ้าภาคปราบมีองค์ใดบ้าง ยกตัวอย่างได้ไหม
3. กายมหาบุรุษมีประโยชน์อะไรในการเข้าถึงนิพพาน ไม่ใช่จิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานหรอกหรือ ที่ทำให้ถึงซึ่งนิพพาน


ขอแสดงความคิดเห็นบ้างครับ :)
ตอบ 1. พระพุทธเจ้าเป็นทั้งภาคปราบ และ ภาคโปรด

ที่เป็น ภาคปราบ คือ ทรงปราบกิเลส (กิเลสมาร) ของพระองค์ให้หมดสิ้นไป เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน

ที่เป็น ภาคโปรด คือ แสดงธรรมสั่งสอนสัตว์ ชี้ทางให้สรรพสัตว์ ได้รู้ได้เข้าใจ ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) คือ ทำให้หมู่สัตว์ทั้งหลาย รู้จักบุญ รู้จักบาป รู้จักคุณ รู้จักโทษ รู้จักประโยชน์ และรู้จักสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์
ตลอดจนรู้จัก ทุกข์ (อันมาจาก ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความพลัดพราก ความผิดหวัง)
รู้จัก สาเหตุแห่งทุกข์ (ตัณหา ความทะยานอยาก)
รู้จัก ทางดับทุกข์ (นิโรธ)
รู้จัก ทางที่ปฏิบัติไปสู่ความพ้นทุกข์ (มรรคมีองค์ 8 หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา)

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงโปรดหมู่สัตว์ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) แล้ว ก็เท่ากับว่า พระองค์ทรงปราบมาร คือ กิเลสของหมู่สัตว์ให้เบาบางลงไปตามลำดับ เมื่อสรรพสัตว์เหล่านั้นมีความเห็นถูกตรง กิเลสเบาบางลง ก็เท่ากับได้ทรงเปลี่ยนมารทั้งหลาย ให้เป็นเทพ เป็นพรหม เป็นพระอริยเจ้าตามลำดับ

ถ้าชนเหล่านั้นสามารถตัดกิเลส (กิเลสมาร) ของตนได้หมด ก็เป็นพระอรหันต์ พ้นทุกข์ได้ในที่สุด

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน เข้าสู่แดนพระนิพพานแล้ว พระธรรม จะเป็นตัวแทนของพระองค์ในการปราบมารของสรรพสัตว์ ให้พ้นทุกข์จากวัฏฏะสงสาร ให้พ้นทุกข์จากบ่วงของมารทั้งหลาย

พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราพระตถาคต"
และก่อนพระองค์จะปรินิพพานทรงตรัสไว้ว่า "ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ"
(พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค - หน้าที่ 123)

ตอบ 2. พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ล้วนทั้งปราบมาร (ขันธมาร กิเลสมาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร เทวบุตรมาร ) เพราะทรงมุ่งหวัง สั่งสอนให้สรรพสัตว์พ้นจากทุกข์ พ้นจากวัฏฏะ พ้นจากบ่วงของมาร

บุคคลผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ยอมเสียสละตนบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวด ก็เพราะต้องการขนถ่ายสัตว์ รื้อขนสัตว์ออกจากวัฏฏะสงสาร ให้ไปถึงพระนิพพาน
เมื่อบารมีเต็ม ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ทรงปราบมาร ด้วยกันทั้งหมดทุกๆ พระองค์

QUOTE
ดังนั้นคำว่าพระพุทธเจ้าภาคปราบ ก็คือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตนั่นเองครับ
จะปราบได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกำลังบารมีของแต่ละพระองค์ครับ

เพราะการที่จะเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบโดยสมบูรณ์นั้นทุกพระองค์ก็ต้องผ่านการเป็นภาคโปรดไปในตัวด้วยอยู่แล้วครับ


ตอบ 3. ใช่อยู่ที่ว่า "จิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นจิตที่ถึงซึ่งพระนิพพาน"
แต่ กายมหาบุรุษ เป็นผลมาจากการบำเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่ ต้องเคยผ่านการบำเพ็ญบารมีจนถึงขั้นปรมัตถบารมี คือ สละชีวิตได้โดยไม่เสียดายมาแล้ว

กายมหาบุรุษ มีประโยชน์มาก ทำให้มีโอกาสในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะเปรียบเหมือน บุคคลที่แข็งแรง สุขภาพดี มีปัญญาเฉลียวฉลาด แคล่วคล่องว่องไว ย่อมสามารถทำการงานได้มากกว่า ดีกว่า มีประสิทธิภาพกว่า บุคคลผู้พิกลพิการ หรือบุคคลผู้ไม่แข็งแรง อ่อนแอเจ็บป่วย
นอกจากนี้ กายมหาบุรุษ ทำให้บุคคลเลื่อมใสได้ง่ายกว่า สามารถชักนำ ชักจูงบุคคลให้ศรัทธา ให้ประพฤติปฏิบัติตามได้ง่ายกว่า บุคคลผู้มีกายทราม คือ รูปร่างน่ารังเกียจ พิกลพิการ

ดังเช่น พระพุทธเจ้าของเรา เพราะแค่อาศัย รูป กายของท่าน ที่มีความงดงาม น่าเลื่อมใส แค่บุคคลผู้อาศัยรูปของพระองค์ ติดอยู่ในรูปของพระองค์ ถ้าตายลงในขณะนั้นสามารถไปจุติบนสวรรค์
หรือไม่ว่าจะเป็น เสียง อันไพเราะของพระองค์ บุคคลผู้อาศัยเสียงของพระองค์ ติดอยู่ในเสียงของพระองค์ ถ้าตายลงในขณะนั้น ก็สามารถไปจุติบนสวรรค์ได้เช่นกัน
เพราะอาศัยที่พระองค์เป็นบุคคลอัปมาโณ คือ คุณอันยิ่งใหญ่ มีบารมีอันบำเพ็ญมามากแล้ว

กายมหาบุรุษ ล้วนเป็นเหตุให้คนที่เลื่อมใสศรัทธาในพระองค์เข้าถึงซึ่งพระธรรมได้ง่าย เป็นเหตุให้คนเราบำเพ็ญบารมีตามที่พระองค์สั่งสอนได้ง่ายขึ้น
นั้นก็ได้ชื่อว่า กายมหาบุรุษเป็นประโยชน์ในการเข้าถึงพระนิพพาน ทั้งตนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยแท้จริง

#36 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 10:23 PM

ก่อนอื่นเกียรติก้องฯ ขอเรียนถามกับเจ้าของกระทู้ว่า คุณจะรู้ไปเพื่ออะไร? และเมื่อรู้แล้วได้อะไรขึ้นมาครับ? (เพราะการตั้งความปรารถนาเช่นนี้ ควรรู้กันเฉพาะในกลุ่มของผู้ปฏิบัติเท่านั้นนะครับ)

ปล.ไม่ควรเลย ที่ท่านจะนำมาตั้งเป็นประเด็นสนทนาอย่างเปิดเผย ในที่สาธารณะเช่นนี้


#37 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 01:01 AM

รู้ไว้ใช่ว่า ดีกว่าใส่บ่าแบกหามครับ
หากวิชาขั้นสูง ไม่มีการบันทึกเป็นตำรับตำรา ต่อไปในภายภาคหน้าวิชชาเหล่านี้จะสูญสลายหายไปได้ครับ การที่มีคนรู้เห็นหรืออ่านไปพบ หรือได้ยินเรื่องราวมากเท่าใดก็เท่ากับว่าเขาเหล่านั้นได้รู้เหลี่ยมคูของมารด้วยปัญญามนุษย์บ้างแล้ว เมื่อคนทั้งหลายทราบถึงความร้ายกาจของมาร 5 ฝูงมากเท่าใดก็จะได้เริ่มปฏิบัติตนเพื่อก้าวเข้าสู่การปราบมารที่แท้จริงในอนาคตครับ และถ้าแม้นว่ายุคใดจะไม่มีคนเข้าใจในวิชาขั้นสูง แต่ก็จะเป็นประโยชน์ให้กับอนุชนคนรุ่นหลังๆ ที่มีบารมีพอจะได้ศึกษาค้นคว้าต่อยอดต่อไปครับ
ที่สำคัญถ้าวิชาขั้นสูง หรือเรื่องของพระพุทธเจ้าเป็นความลับจริงในระดับพระอริยเจ้าแล้วผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนคงไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังคำสอนเหล่านี้แน่นอนครับ แต่การที่พวกเรายังได้ยินได้ฟังกันอยู่ก็เพราะพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านต้องการเอาชนะอวิชชาคือความไม่รู้ ต้องการให้สัตว์โลกทั้งหลายได้รู้ได้เห็นธรรม ได้เห็นภัยในสังสารวัฏ และได้เห็นลู่ทางหรือหนทางที่พอจะเป็นไปได้ในการรื้อวัฏฏะสงสารครับ ดังนั้นท่านใดที่ปรารถนาบำเพ็ญบารมีระดับใดก็ตามผมขอยินดีโมทนาด้วยคนครับ หากธรรมใดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบขอธรรมนั้นจงบังเกิดกับผู้ที่ปรารถนาสาวกภูมิ และพุทธภูมิในอนาคตกาลเทอญ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#38 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 09:11 AM

ขอบพระคุณพี่ xlmen มากๆ นะครับ แต่ ณ ปัจจุบัน เกียรติก้องฯ สนใจแต่เพียงว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถประคองธรรมะให้มั่นคงและเห็นชัดใสได้ตลอด อีกอย่างหนึ่งก็คือ เกียรติก้องฯ มีคติประจำใจอยู่ประการหนึ่งว่า "Who knows most says least" แปลว่า คนรู้จริง นิ่งเป็นใบ้ ครับ

#39 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 04:01 PM

ถ้าผู้รู้จริงเป็นใบ้ไม่เผยแผ่คำสอนถามว่า ณ วันนี้จะมีใครบ้างครับที่รู้จักพระนามของพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวกทุกคน
จะมีใครบ้างได้รู้จักหลวงปู่สด จะมีใครบ้างได้รู้จักวิชชาธรรมกาย และจะมีใครบ้างได้ฝึกสมาธิทำใจให้ใสได้ถ้าไม่มีพุทธะผู้รู้ คอยบอก ชี้แนะ
ถ้าคนรู้จริงนิ่งเป็นใบ้ ในความหมายของคุณก้องฯ ผมคิดว่าน่าจะหมายถึงปัจเจกบุคคล มากกว่าครับ ถ้าคุณก้องฯปรารถนาปัจเจกบุคคล ก็ตามแต่อัธยาศัยเถอะครับ สาธุโมทนาด้วยครับ

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#40 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 05:40 PM

ต่างคนต่างมีเหตุผล คนละมุมมองกันนะ

#41 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 05:59 PM

เข้าใจผิดแล้วกระมังครับ คนรู้จริงนิ่งเป็นใบ้ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงปัจเจกบุคคลอย่างที่พี่เข้าใจนะครับ (เป็นสำนวนอย่าไปแปลตามตัว) แต่หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นผู้รู้จริง เขาไม่เอาไปเที่ยวป่าวประกาศให้ใครต่อใครเขารู้หรอกว่าตัวน่ะเป็นผู้รู้มาก ทว่าจะพูดก็ต่อเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้นจึงพูด เรียกได้ว่า เป็นผู้รู้กาลใดควรพูด กาลใดไม่ควรพูด เพราะทราบดีแก่ใจตนเองอย่างถ่องแท้ว่า อะไรเป็นอะไร ต่างหากล่ะครับ

ปล.ทีหลังถ้าไม่เข้าใจความเห็นของผม ผมอนุญาตให้พี่ถามมาตรงๆ ก่อนเลยก็ได้ ไม่ว่ากันครับ


#42 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 12:42 AM

ประเด็นหลักที่เกียรติก้องฯ กำลังสงสัยและคาใจเป็นที่ยิ่งอยู่ ณ เวลานี้ก็คือ ผู้ซึ่งเป็นต้นในการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ว่าท่านมีวัตถุประสงค์อันใดกันแน่? จึงถามปัญหาเช่นนี้ ที่รู้สึกแปลกใจก็เพราะ เกียรติก้องฯ เองได้เคยสัมผัสกับบุคคลในสมัยของท่านเจ้าคุณหลวงปู่ฯ และในปัจจุบันท่านเหล่านั้น ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ เกียรติก้องฯ เองไม่เคยเห็นท่านเหล่านั้น เอาเรื่องในโรงงานทำวิชชาฯ มาเล่าให้ฟังแบบพร่ำเพรื่อฟั่นเฝือ เกียรติก้องฯ ไม่เคยเห็นท่านเหล่านั้น มาพูดกับเกียรติก้องฯ ในทำนองว่า ฉันปฏิบัติธรรมะ ได้ธรรมะ เป็นธรรมะถึงขั้นนั้นขั้นนี้แล้ว เกียรติก้องฯ ไม่เคยได้ยินท่านเหล่านั้น มาบอกกับเกียรติก้องฯ ว่า ฉันปรารถนาจะเป็นนั่นเป็นนี่ ไม่เคยนะครับ ไม่เคยเลยนะครับ ไม่เคยเลยจริงๆ นะครับ นะครับ จึงต้องขอถามอีกครั้งว่า เจ้าของกระทู้น่ะ คิดอย่างไร? และกำลังทำอะไรอยู่? อีกทั้งท่านเหล่านั้นยังย้ำสอนกับเกียรติก้องฯ เป็นหนักหนาว่า เรื่องเหล่านี้เขาเรียกว่า "อจินไตย" หลวงพ่อ (วัดปากน้ำฯ) ท่านห้ามไม่ให้พูดออกนอกโรงงาน กระผมก็เรียนถามท่านว่า ทำไมถึงพูดไม่ได้ล่ะครับ? ท่านตอบว่า "พูดไปแล้ว คนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติก็หาว่าเราบ้าน่ะสิหนู คนรู้จริงไม่พูด แต่คนพูด (หมายถึง คนช่างพูด (ขี้โม้)) น่ะไม่รู้" แค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ (ปล.อย่าลืมตอบข้อสงสัยของผมด้วยนะครับ ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะมาด่าหรือมาชวนทะเลาะนะครับ อย่าเข้าใจผิดอีก แต่ผมอยากรู้ อยากรู้จริงๆ ครับ ช่วยตอบด้วย)

#43 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 03:25 PM

ผมก้ต่ำต่อยด้อยปันยาคนนึง เรยโพสถามเรื่องนี้ซึ่งคุนเกียรติก้องอาจจะเหนเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ผมขอถามอีกสะหน่อย ว่าถ้าผมถามเพื่อให้คนแสดงตัวว่าปาดถะหนาพุทธพูมิแล้วผิด แล้วถ้างั้นพวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหลวงปู่สด หลวงพ่อธัมมชัยโย ท่านปราดถนาที่จะเป้นพระพุทธเจ้า ถ้าหากท่านไม่แสดงตัวหรือบอกกับคัย เพราะชะนั้นผมเห็นว่าการแสดงตัวเพื่อปราถนาพระโพธิยานไม่ใช่เรื่องผิด เพราะว่าคนอื่นเค้าจะได้อนุโมทนาในมหาปณิธานความตั้งใจดีของเราด้วย



#44 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 04:39 PM

กระผมเข้าใจและทราบดีว่าการปรารถนาพุทธภูมินั้น เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เป็น positive thinking อย่างหนึ่งที่น่าสรรเสริญและน่าอนุโมทนาสาธุการเป็นอย่างยิ่ง และเป็นไปโดยธรรมชาติที่ว่า ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมินั้น เมื่อถึงคราวที่บารมีเต็มเปี่ยมในระดับหนึ่งแล้ว ย่อมเปล่งวาจาเพื่อประกาศให้เหล่ามนุษย์ ทิพย์ ธรรม และสรรพสัตว์ทั้งหลายได้รับรู้และอนุโมทนา ข้อนี้กระผมทราบดี แต่ที่กระผมสงสัยก็คือ ตัวของคำถามของกระทู้นี้ เพราะไม่เคยเห็นใครเขาทำกัน ไม่เคยเห็นในที่นี้ หมายความว่า จู่ๆ ก็ไปเที่ยวถามคนโน้นคนนี้ในทำนองว่า คุณปรารถนาจะเป็นอย่างนั้นใช่ไหม? ไม่ได้เห็นว่าคำถามของคุณเป็นคำถามที่ไร้สาระนะครับ แต่ที่ถามว่าคุณจะรู้ไปทำไม? และรู้ไปเพื่ออะไร? ในตอนแรกนั้นก็เพราะ อยากทราบถึงวัตถุประสงค์ของการถาม เนื่องจากคำถามของความเห็นแรกของกระทู้นี้ ไม่ได้บอกให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการถาม แต่บอกเพียงแค่ว่าอยากรู้เท่านั้นเอง ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรไว้มากกว่านั้นครับ อีกประการหนึ่งก็คือ นับรบกองทัพธรรมในยุคสมัยของท่านเจ้าคุณหลวงปู่ฯ ที่กระผมได้อ้างถึงนั้น แน่นอนที่ท่านจะต้องมีความปรารถนาในเรื่องของการรื้อสัตว์ขนสัตว์ เช่นเดียวกันกับผู้ที่เป็นจอมทัพของท่าน แต่การที่ท่านจะเอ่ย/บอกกล่าวถึงความปรารถนานี้ ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งบุคคลใดทราบนั้น ท่านย่อมเลือกกาลในการบอกกล่าวหรือเปล่งวาจา พูดง่ายๆ ว่ารู้กาละ เทศะ และรู้บุคคลนั่นเอง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะบอกกับใครก็บอก อยากจะพูดกับใครก็พูด (เพราะพูดน่ะใครๆ ก็พูดได้ แต่สิ่งที่ปรารถนาจะสำเร็จหรือไม่นั้น ล้วนอยู่ที่การกระทำ หาใช่แค่คำพูด) ลองเทียบดูจากประวัติของการสร้างบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ในกาลก่อนก็ได้นะครับ เมื่อถึงระดับที่ท่านมีบารมีขนาดเปล่งวาจาได้นั้น ท่านก็ไม่ได้เที่ยวไปเปล่งวาจาอย่างเรื่อยเจื้อย ท่านเองก็รู้กาลและสถานที่อันเหมาะอันควรเช่นกัน อาทิ เปล่งวาจาเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวก เป็นต้น จากเหตุผลของผมที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้ หวังว่าคุณธรรมจักรคงจะเข้าใจถึงเจตนาของกระผมมากยิ่งขึ้นนะครับ

#45 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 08 January 2006 - 12:42 PM

ฮ่าๆโดนอีกแล้วเรา
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#46 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 11:38 PM

be cool ....don*t be hasting!.....nyfikenhet kan blir + och - ....
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#47 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 11:55 PM

พี่ Lil'Faery ครับ คนเขาอ่าน Swedish พี่ไม่ออกแน่ะ tongue.gif

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง