ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

นั่งสมาธิ นั่งวิปัสสนา และนั่งกรรมฐาน เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรหรือไม่ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราปฏิบัติได้ หรือทำสำเร็จแล้ว และผลของการปฏิบัติทั้งสา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 12:41 PM

นั่งสมาธิ นั่งวิปัสสนา และนั่งกรรมฐาน เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรหรือไม่ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราปฏิบัติได้ หรือทำสำเร็จแล้ว และผลของการปฏิบัติทั้งสามอย่างดังกล่าวเป็นอย่างไรจ๊ะ

#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 01:47 PM

QUOTE
นั่งสมาธิ นั่งวิปัสสนา และนั่งกรรมฐาน เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรหรือไม่

ตอบ ถ้าจะมองให้ต่างมันก็ต่างกันครับ ถ้าจะมองให้ไม่ต่างมันก็เหมือนกันครับ ข้อนี้ต้องถามวัตถุประสงค์ของคนนั่งว่าต้องการนั่งไปเพื่ออะไรครับ?? ถ้าต้องการนั่งไปเพื่ออิทธิฤทธิ ฌานสมาบัติ ก็เรียกว่า "นั่งสมาธิ" ก็ได้ ถ้านั่งเพื่อรู้แจ้งเห็นแจ้ง ก็เรียกว่า "นั่งวิปัสสนา" ก็ได้ ถ้านั่งเพื่อเข้าถึงกรรม การกระทำ กฎแห่งกรรม ก็เรียกว่า "นั่งกรรมฐาน" ก็ได้ แต่การนั่งทุกชนิดจะต้องมีฐาน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ตามลำดับเสมอไปครับ
*****เหมือนกันคือ ไม่ว่าจะนั่งแบบใด ถ้าวัตถุประสงค์ของผู้นั่งทุกคนคือ การกำจัดทุกข์ (กิเลส) เข้าถึงซึ่งความหลุดพ้น (นิพพาน) จะเรียกว่านั่งแบบไหนจุดหมายก็เหมือนกันครับ
QUOTE
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราปฏิบัติได้ หรือทำสำเร็จแล้ว

ตอบ ธรรมะเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ถ้าเราปฏิบัติวิธีใดแล้วปัญญาไม่เกิด ความรู้ไม่มี ความเห็นแจ้งไม่ปรากฏดุจลืมตาเห็น นั่นแสดงว่าเราเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเราปฏิบัติมาผิดวิธีครับ ให้ฝึกฝนต่อไปจนกว่าจะค้นพบทางหลุดพ้นครับ
QUOTE
ผลของการปฏิบัติทั้งสามอย่างดังกล่าวเป็นอย่างไร

ตอบ ผลเบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องปลาย
ผลเบื้องต้น การฝึกทุกชนิดที่ทำให้กุศลในจิตบังเกิดขึ้น จิตสงบ ระงับจากบาปอกุศลในระดับต้น สุคติเป็นที่หวังได้
ผลเบื้องกลาง การฝึกทุกชนิดที่ทำให้จิตเป็นสมาธิ สงบ หยุด นิ่ง ปราศจากการปรุงแต่งด้วยอารมณ์บาปอกุศล ย่อมเข้าถึงฌาน 1 2 3 4 ตามลำดับ พรหมโลกเป็นที่หวังได้
ผลเบื้องปลาย การฝึกทุกชนิดที่ทำให้จิตรู้แจ้ง-เห็นแจ้ง ในภพ 3 อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต รู้เหตุแห่งทุกข์ รู้ที่มาของทุกข์(สมุทัย) เข้าถึงนิโรธ(ความหยุดนิ่งของใจ) และมรรค(เห็นหนทาง ณ ภายในรู้แจ้ง ณ ภายใน) เพื่อกำจัดรากเหง้าของกิเลส ดังนั้นโลกุตรนิพพานย่อมเป็นที่หวังได้

#3 ยิ้ม

ยิ้ม
  • Members
  • 87 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 05:52 PM

เรามองว่าไม่ต่างกันเลยค่ะ เปรียบเหมือนเราเข้าโรงเรียน ก็ต้องเริ่มทำความรู้จักกับก.ไก่ ข.ไข่ก่อน จึงจะรู้จักคำ รู้จักประโยค แล้วก็อ่านหนังสือออก

ส่วนจะให้แต่งกลอน นั้นก็อีกไกลค่ะ ถ้ายังอ่านหนังสือไม่ออก

ทุกวันนี้ เราก็เลยยังเรียนชั้นอนุบาลอยู่ไง โฮๆๆ tongue.gif


#4 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 08:58 PM

ขอบคุณจ้า+++++++++
เราก็ยังเป้นอนุบาลน้องใหม่เหมือนกันจ๊ะ

#5 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 06 February 2007 - 02:58 PM

laugh.gif ผมว่านั่ั่งไปเถอะจะเรียกว่าอะไรก็ช่าง เหมือนคนที่อดข้าว เขามีข้าวให้ทาน ก็ทานเถอะ อย่าไปเลือกเลยว่าต้องเป็นข้าว กข. หรือ ข้าวไวแสง ข้าวพันธุ์หนัก พันธุ์เบา จะหอมมะลิ ข้าวเก่า ข้าวใหม่ การเดินทางนี้ยังอีกไกล เก็บแรงจากการกินข้าวนี้ เพื่อจะได้มีแรงในการเดินทาง ขออภัยถ้าผมยกตัวอย่างได้ไม่ชัดเจน กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ