ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

เอหิภิกขุอุปสัมปทาที่ไร้บาตรและจีวร..เป็นอย่างไรคะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 05:00 PM

สืบเนื่องจากโพสต์ของคุณทศพล
จากกระทู้บุญน้อยหรืออย่างไร

QUOTE
ดังมีมาในสมัยพุทธกาล ภิกษุที่บวชด้วยพระองค์จะมีบาตรจีวร เกิดขึ้นทันทีแต่ว่ามีอยู่รูป
หนึ่งได้เป็นพระอรหันต์ ภิกษุเอหิอุปสัมปัททาองค์นี้ ไม่มีบาตรจีวร ของพระภิกษุเกิดขึ้น
มาเองเลย ย้อนอดีตชาติไปแล้วท่านผู้นี้ไม่เคยทำบุญด้วย ผ้าไตรจีวรเลย สุดท้ายก็ต้อง
เสียชีวิตเพราะว่าเพศฆราวาสไม่สามารถรองรับความเป้นพระอรหันต์ได้



ขอรายละเอียดเพิ่มเติมจากท่านผู้รู้ค่ะ
เป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนค่ะ และจะหาอ่านได้จากไหนคะ




#2 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 05:18 PM

nerd_smile.gif ขอแนะนำให้ไปศึกษาประวัติของพระพาหิยทารุจิริยะ ผู้เป็นเอตทัคคะในด้านการตรัสรู้ฉับพลันครับ ท่านเป็นพระอรหันต์ที่มากด้วยปัญญา แต่ผ้ากาสายะสำหรับการบรรพชาอุปสมบทไม่มีแม้สักผืน ลอง search เองค้นเองดูก่อนนะครับ เพราะผมอยากให้คุณลงมือค้นคว้าด้วยตัวของคุณเองก่อน แล้วหากมีข้อสงสัยก็สามารถถามพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ สมาชิกที่เป็นผู้รู้บนบอร์ดนี้ได้เลยครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#3 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 05:40 PM

http://www.dhammatha...monk/monk23.php
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#4 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 06:16 PM

ขอบคุณคุณ...เรารักในหลวงค่ะ


#5 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 06:33 PM

เพิ่มเติมได้ที่

http://www.tipitaka.com/prapahiya.htm




#6 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 09:26 PM

อนุโมทนาบุญนะครับ

#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 10:11 PM

ขอแก้ข้อมูลให้สักเล็กน้อยนะครับ

คำว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ พระภิกษุที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้ ซึ่งจะมีสองแบบ คือ
1. ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และในอดีตที่สั่งสมบุญถวายบาตรจีวรมา พระพุทธเจ้าก็จะตรัสว่า "ขอเธอจงมาเป็นภิกษุเถิด" แล้วบาตรจีวรก็จะลอยมาจากนภากาศ มาสวมร่างชายคนนั้น เป็นพระภิกษุทันที

2. ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ยังไม่เป็นพระอรหันต์ และในอดีตสั่งสมบุญถวายบาตรจีวรมา พระพุทธเจ้าก็จะตรัสว่า "ขอเธอจงมาเป็นภิกษุเถิด จงทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง" แล้วบาตรจีวรจะลอยมานภากาศ มาคล้องไว้วงแขนของชายคนนั้น จากนั้น เขาก็นำบาตรและจีวรไปครองเองอีกทีหนึ่ง

แต่สำหรับ ท่านพาหิยะ ที่คุณทศพล นำมาเล่านั้น ท่านเป็นพระอรหันต์ ในร่างของผู้ครองเรือนครับ ทั้งนี้เพราะในอดีตไม่ได้สั่งสมบุญถวายบาตรจีวรมา พระพุทธเจ้าจึงให้ไปหาบาตรและจีวร แต่ถูกวัวขวิดตายก่อน สรุปว่า ท่านไม่ได้รับการบวชแบบ เอหิภิกขุอุปสัมปทา ครับ

(รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จาก VCD เรื่อง กฐิน)
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#8 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 11:05 PM

สาธุ อนุโมทนาบุญพี่หัดฝันที่ช่วย แก้ไขและขยายข้อมูลให้ได้รับทราบครับ

คราวนี้เห็นภาพเลยทุกอย่างสำเร็จด้วยบุญทำบุญมาจึงจะได้รับ

ถูกแล้วครับท่านเสียชีวิตก่อนที่จะได้บวช จึงยังเรียกว่าเอหิภิกขุอุปสัมปทาไม่ได้ ( แค่กำลังจะเป็นน่ะ )
หยุดคือตัวสำเร็จ

#9 danaiporn

danaiporn
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 11:42 PM

ถ้าไม่มีบาตร และจีวร ไม่สามารถบวชได้ เพราะว่า เป็นพระธรรมวินัย ว่า ต้องมีบาตร และผ้าไตรจีวรเป็นของตนเอง

แต่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะฉะนั้น ขึ้นต้นกระทู้ ก็สามารถตอบได้ว่า ไม่เคยมีในสมัยพุทธกาล

#10 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 03:32 PM

โอ..กระจ่างแจ้งค่ะ
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

#11 แก้วประเสริฐ

แก้วประเสริฐ
  • Members
  • 513 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 01:30 PM

อย่างนี้ ก็ต้องรีบมาร่วมงานบวชพระรุ่นเข้าพรรษา กันเยอะๆนะครับ เสาร์ ที่ 1 /7 /49 ที่วัดพระธรรมกาย

จะได้บุญสมตามความปราถนาตามที่ตัวเองต้องการ

#12 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 July 2006 - 09:28 PM

การจะบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทานั้น ผู้บวชจะต้องมีบุญเคยถวายบาตรและจีวรมาก่อนครับ เพราะก่อนที่พระพุทธองค์จะประทานการบวชแบบนี้ให้ ท่านจะตรวจดูก่อนว่า บุคคลผู้นี้เคยสั่งสมบุญในการถวายบาตรและจีวรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ทำการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทาไม่ได้ครับ

แบบที่หลายท่านยกตัวอย่าง คือ ท่านพระพาหิยะ เป็นต้น เพราะท่านไม่มีบุญด้านถวายบาตรและจีวรมาเลย พระพุทธองค์ถึงประทานการบวชแบบเอหิภิกขุไม่ได้ แม้ท่านจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม ท่านก็ต้องไปแสวงหาบาตรและจีวรก่อน ถึงจะทำการบวชได้ แต่ท่านถูกวิบากกรรมตัดรอนเสียก่อนครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#13 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 07 March 2007 - 04:33 PM

สาธุ

#14 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 18 July 2011 - 02:40 PM

เอหิภิกขุอุปสัมปทาคือการบวชที่พระพุทธเจ้าบวชให้ *_*