Case study
อดีตหมอนวด Osaka
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูก เกิดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง มีพอกินพอใช้ คุณพ่อ รับราชการตำรวจ ส่วน คุณแม่ รับราชการเป็นสาธารณสุขของอำเภอ  ในระหว่างที่คุณแม่ตั้งท้องลูก คุณพ่อตั้งความหวังว่าอยากได้ลูกชาย แต่พอคุณแม่คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิงทำให้คุณพ่อเสียใจมาก คุณแม่เล่าให้ลูกฟังบ่อยๆว่า คุณพ่อเป็นคนเจ้าชู้มาก แต่คุณพ่อและคุณแม่ก็อยู่ด้วยกันมาตลอดและมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยลูกเป็นคนที่สอง เมื่อลูกมีอายุได้ประมาณ 3 ขวบ คุณพ่อ-คุณแม่ก็ย้ายบ้านมาอยู่ที่จังหวัดแพร่ เพราะคุณพ่อมีภูมิลำเนาที่นั่น 
 
    ลูกมีความฝังใจอย่างหนึ่งว่า ลูกคนกลางนั้นพ่อแม่ไม่รัก  ประกอบกับในสมัยเด็ก คุณพ่อคุณแม่มักจะให้ลูกไปอยู่ที่บ้านญาติตลอด ซึ่งตอนนั้นลูกไม่ค่อยเข้าใจคุณพ่อ-คุณแม่ คิดแต่ว่าพ่อแม่ไม่รัก  และเริ่มประพฤติตัวเกเรมากขึ้นเรื่อยๆทำตัวเป็นหัวโจกในกลุ่มเพื่อนๆ ชอบทะเลาะวิวาทและมักแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ตนเองเข้มแข็งแบบผิดๆจนเป็นที่เอือมระอาของอาจารย์ ด้วยเหตุนี้ทำให้ลูกต้องเปลี่ยนโรงเรียนหลายแห่ง แต่ลูกก็ประคองตนเองจนสามารถเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้
 
   หลังจากจบม.3 ที่โรงเรียนประจำอำเภอแล้ว ลูกได้ขอคุณแม่สอบเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประจำจังหวัด แต่คุณแม่เห็นว่าถ้าลูกเรียนที่จังหวัดแพร่ก็คงจะไม่มีอนาคต จึงส่งลูกให้เรียนเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่กรุงเทพฯ  ซึ่งลูกเสียใจมากและคิดอยู่เสมอว่า คุณพ่อ-คุณแม่รำคาญลูกและต้องการให้ลูกไปอยู่ไกลๆท่าน และยิ่งฝังใจหนักขึ้นไปอีกว่า ลูกคนกลางนั้นพ่อแม่ไม่รัก  การได้มาเรียนเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่กรุงเทพฯนี้ ทำให้ชีวิตของลูกพลิกผันไปอย่างไม่น่าจะเป็น
 
    ลูกมาอยู่ที่กรุงเทพฯได้ประมาณ 6 เดือน (ตอนนั้นลูกอายุ 16 ปี) ก็ได้รู้จักกับ สามีคนแรก ในตอนนั้นลูกคิดว่าผู้ชายคนนี้ใช่แล้วสำหรับลูก  แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เขาบอกกับลูกว่า ตอนนั้นเขาไม่มีเงินเลย อยากให้ลูกช่วยเขาหน่อยโดยการไปนั่งคุยกับเฮียที่เขารู้จักและเฮียจะให้เงินมา ตอนนั้นลูกคิดว่าแค่นั่งคุยอย่างเดียวไม่เสียหายอะไร ดีเสียอีกไม่ต้องเหนื่อยเช็ดอุจจาระปัสสาวะคนไข้ก็ได้เงิน ก็เลยไปตามที่เขาบอก แต่สิ่งที่ลูกเจอคือ เฮียพาลูกไปที่โรงแรมม่านรูด ล็อคกลอนประตูและข่มขืนลูก พอเสร็จเฮียก็ให้เงินลูกมาเพียง 3,000 บาท ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ลูกเสียใจมาก ลูกจึงหมดรักหมดเยื่อใยกับสามีคนที่ลูกเคยบูชาและได้ตัดใจจากสามีไป
 
    หลังจากนั้น ลูกได้มาเจอเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง เธอบอกลูกว่า เธอมีงานสบายๆให้ลูกทำ งานนี้ไม่ต้องใช้สมอง  ออกแต่แรงกับพูดจาเพราะๆ รายได้ก็งาม แค่เพียงแต่งหน้าแต่งตัวสวย แล้วก็นั่งยิ้มติดเบอร์ในตู้กระจก ซึ่งก็คือ อาชีพหมอนวดนั่นเอง จากจุดนี้ทำให้ชีวิตของลูกเปลี่ยนไปอีก ลูกเริ่มติดทั้งยา  ทั้งบุหรี่  กัญชา ยานอนหลับงอมแงม การทำงานแบบนี้ลูกต้องรับแขกวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 4 คน และรายได้ที่ได้รับนั้นมากกว่า 5,000 บาทต่อวัน ซึ่งมากพอเหลือกินเหลือเที่ยว  เหลือซื้อยาเสพ (ตอนที่ลูกเริ่มงานนี้ ลูกมีอายุเพียง 17 ปีค่ะ) งานแบบนี้ทำให้ลูกต้องหลอกลวง เพื่อเอาเงินจากบรรดาผู้ชายทั้งหลาย ลูกทำงานนี้อยู่ 4 ปีเต็ม ตอนนั้นมีความสุขกับการเสพยามาก และมีความสุขกับการได้หลอกแขกไปวันๆ 
 
    วันหนึ่ง ลูกได้เจอผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมาเที่ยวที่ที่ลูกทำงานอยู่  เขาบอกว่า เขาชอบลูกมาก เขาขอให้ลูกเลิกอาชีพนี้ โดยเขาจะให้เงินลูกใช้เดือนละ 100,000 บาท ลูกก็ตอบตกลงไป ทั้งๆที่ไม่ได้รักเขาเลย  เพียงเพราะเห็นแก่เงินจำนวนนั้นเท่านั้น ลูกเริ่มมีเงินมากขึ้นและก็เริ่มติดยามากขึ้นด้วย ลูกลองเสพยาทุกอย่าง ที่จะทำให้เมาและรู้สึกเพลินไปวันๆ โดยไม่คิดเลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  ตอนนั้นชีวิตไม่มีแก่นสาร   กินและเที่ยวไปเรื่อยๆ  ต่อมาลูกได้รับฝากส่งยาบ้าจากเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน โดยที่ไม่ได้รับผลตอบแทนอะไร  รับฝากเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับลูกอีก  คราวนี้ลูกถูกตำรวจจับข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวน 47 เม็ด  ตอนนั้นตำรวจเรียกเงินจากลูก 20,000 บาท แต่ลูกไม่มีเงินและไม่กล้าโทรศัพท์ไปหาคนที่เขาให้เงินลูกใช้ด้วย เพราะถ้าเขารู้ว่าลูกติดยาเขาต้องเลิกให้เงินลูกแน่นอน  ลูกถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี 5 เดือน ในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ตอนแรกที่เข้าไปอยู่ในคุกลูกรู้สึกกลัวมาก เพราะข้างในนั้นทุกคนต้องเห็นแก่ตัว เราต้องแย่งชิงไม่อย่างนั้นเราต้องอด ความเห็นแก่ตัวของคนในนั้นน่ากลัวมากๆ แต่พออยู่ไปได้ระยะหนึ่งลูกก็เริ่มปรับตัวได้ ลูกเริ่มมีอาการอยากยา แต่เมื่อไม่มียาลูกก็จำเป็นต้องทน บางครั้งปวดจนเข้ากระดูก ตอนอยากยามากจะหงุดหงิดมากปวดหัวมาก หิวนํ้า แล้วก็ปวดตามข้อกระดูกต่างๆ แต่ลูกสามารถเลิกด้วยการหักดิบตัดใจ ในระหว่างที่ลูกอยู่ในเรือนจำ คุณพ่อ-คุณแม่ และคนที่เขาให้เงินลูกใช้ได้มาเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ
 
    พอพ้นโทษจากเรือนจำ ลูกดีใจมากที่ได้มีอิสรภาพอีกครั้งหนึ่ง  ลูกได้กลับบ้านที่จังหวัดแพร่ คิดว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่  แต่แล้วลูกก็มีเรื่องทะเลาะกับพี่สาวคนโต จากนั้นลูกเริ่มอยู่บ้านไม่ได้ เลยออกจากบ้านอีกครั้ง โดยไม่สนใจคำทัดทานของคุณพ่อ-คุณแม่เลย ลูกเดินทางมาถึงกรุงเทพฯวันแรก มีเงินติดตัวไม่ถึง 200 บาท ลูกเลยกลับไปทำงานเป็นหมอนวดอีกครั้ง  ลูกทำงานได้ประมาณ 2 เดือนก็ได้เจอกับ สามีคนปัจจุบัน (เป็นคนญี่ปุ่น) วันนั้นเป็นวันที่ร้านไม่มีแขกเลย  เด็กที่ทำงานทุกคนประมาณ 200 คนนั่งดูทีวีอยู่ในตู้ มีผู้ชายคนหนึ่งถือกระเป๋าเป้เดินเข้ามาคนเดียว สักครู่คนเชียร์แขกได้เข้ามาบอกให้ลูกออกไปทำงาน ทุกคนในตู้มองลูกว่า ทำไมถึงโชคดีได้แขกหน้าตาหล่อแบบนี้ แต่ตัวลูกไม่ได้รู้สึกดีใจเลย เพราะกำลังดูละครติดพันอยู่  หลังจากวันนั้นเขาก็มาหาลูกอีก 2 ครั้ง ลูกเห็นว่าเขาเป็นคนดีก็เลยนัดเจอกับเขาข้างนอกไม่ต้องไปเจอที่ร้าน  เขาคบกับลูกได้ 5 วัน เขาก็ขอลูกเป็นแฟน ตอนนั้นลูกมีแฟนอยู่แล้วเป็นทอมค่ะ (เรารู้จักกันตอนที่อยู่ในเรือนจำ)  ลูกก็เลยโกหกเขาว่า ก็ลองคบกันดูก็ได้ไม่เสียหายอะไร เราสื่อสารกัน โดยใช้ภาษาอังกฤษ  สื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่เราก็ไปด้วยกันได้เพราะสามีเป็นคนไม่พูด ส่วนลูกเป็นคนพูดเก่ง
 
    สามีอยู่กับลูกประมาณ 2 อาทิตย์ ก็เดินทางกลับญี่ปุ่น ลูกคิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีกเพราะมีเพียงเบอร์โทรศัพท์กับอีเมล์ของเขาเท่านั้น  และในตอนนั้นลูกก็ตั้งท้องโดยไม่รู้ตัว  ต่อมาอีก 2 เดือน  สามีก็กลับมาหาลูกที่ร้านอีก ลูกดีใจมากที่ได้เจอเขาอีก สามีพยายามบอกลูกว่า เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขารู้สึกปวดหัวและอยากอาเจียนโดยไม่รู้ว่าเป็นอะไร ลูกเองก็ไม่ทราบว่าลูกตั้งท้องเพราะไม่มีอาการแพ้ท้องเลย เพียงแต่รู้สึกอ้วนขึ้นเท่านั้น จากน้ำหนัก 45 กิโลกรัม เป็น 52 กิโลกรัม ก็คิดว่าตัวเองทานเยอะเลยอ้วน ตอนนั้นลูกก็ยังเสพยาอยู่ และไปทำงานตามปกติ พอท้องได้ประมาณ 5 เดือน ท้องก็โตขึ้นเยอะประกอบกับสรีระร่างกายเปลี่ยนแปลงไปหมด  ลูกก็เริ่มจะรู้ตัวว่าตั้งท้อง  จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ลูกในท้องไปดึงดูดคนที่เป็นพ่อให้กลับมาหาแม่ ที่คิดอย่างนี้เพราะลูกทํางานกลางคืน ลูกไม่รู้ว่าลูกพลาดกับใครบ้าง และแล้วสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น  สามีของลูกเขามาเมืองไทยเพื่อมาหาลูก เขาบอกว่าคิดถึงลูกมาก 
 
    ชีวิตลูกก็ถึงจุดเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง สามีรับเป็นพ่อของลูกในท้องโดยที่ไม่ได้ระแวงสงสัยเลยว่าไม่ใช่ลูกของเขา เขารับลูกเป็นภรรยาโดยไม่ได้สนใจอดีตของลูกเลยว่าจะผิดพลาดเลวร้ายอย่างไร  ตั้งแต่วันนั้นสามีคนปัจจุบันก็คือสุดที่รักของลูก ลูกรักเขาสุดหัวใจ เพราะเขาฉุดดึงลูกออกจากนรกบนโลก  ลูกเริ่มเปลี่ยนแปลงตนเอง หักดิบเลิกบุหรี่เลิกยาเสพติดทุกชนิด ใช้ชีวิตกลางวันอย่างคนธรรมดาทั่วไป เริ่มทานเยอะทานทุกอย่างที่ขวางหน้า เพราะตอนนั้นอุ้มท้องลูกสาวได้ 6-7 เดือนแล้ว ลูกย้ายกลับไปอยู่บ้านที่จังหวัดแพร่เพื่อเตรียมตัวคลอด  ตอนลูกตั้งท้องลูกสาวแต่ยังไม่รู้ตัวนั้น ลูกฝันว่า มีเทวดาลงมาหาแล้วให้ลูกเลือกระหว่างชุดเด็กผู้หญิงทรงสุ่มสวย กับชุดเด็กผู้ชายผูกเนคไทสากล  ลูกเลือกชุดเด็กผู้หญิงและหลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ ลูกก็ฝันเห็นว่า นางฟ้าองค์หนึ่งแต่งตัวด้วยชุดสีขาวเกล้าผมแบบไทยประยุกต์ เข้ามาขออยู่ด้วยและจะตามมาดูแลลูกตลอดไป  ตอนที่ฝันลูกรู้สึกตัวพยายามที่จะขยับตัวแต่ก็ทำไม่ได้ พอคลอดลูกคนนี้ออกมาก็ได้ลูกสาวสมใจสามี จากนั้นสามีได้ดำเนินการให้ลูกได้เดินทางมาอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ ที่ญี่ปุ่นนี้ลูกได้รู้จักกับกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง   ทำให้ลูกได้รู้จักวัด และได้เข้ามาทำบุญที่ศูนย์สาขาของวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2547 ที่ผ่านมา ปัจจุบันลูกอายุได้ 25 ปี  ลูกมีความตั้งใจอยากสร้างบารมีกับหมู่คณะจนถึงที่สุดแห่งธรรม และทุกภพทุกชาติไปค่ะ
 
ขอกราบเรียนถามครูไม่ใหญ่ดังนี้
 
1.ลูกทำกรรมอะไรมา จึงต้องมีชีวิตอยู่ในวงจรที่ต้องผิดศีลข้อ 3 ทำไมลูกถึงต้องไปทำงานเป็นหมอนวด และลูกจะต้องทำอย่างไรจึงจะพ้นจากบ่วงกรรมนี้ได้คะ
 
2.ผู้ชายที่เขาเคยส่งเสียลูกทำกรรมอะไรร่วมกันมาจึงนำเงินมาให้ลูกใช้ และจะต้องทำอย่างไรคะ ถึงจะได้ไม่ต้องไปเจอกันอีกในชาติต่อๆไป ลูกทำกรรมอะไรมาถึงต้องถูกจำคุกทั้งๆที่ยานั้นไม่ใช่ของลูกเลย
 
3.ลูกกับสามีคนปัจจุบันทำบุญอะไรร่วมกันมาค่ะ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันคนละประเทศ คนละภาษาก็ยังได้มาเป็นสามีภรรยากันในชาตินี้ และควรอธิษฐานอย่างไรจึงจะให้ได้เกิดร่วมบุญเป็นสามีภรรยากับสามีไปทุกภพทุกชาติคะ การที่สามีกลับมาหา เป็นเพราะแรงอธิษฐานให้ลูกในท้องไปดึงดูดผู้ที่เป็นพ่อมาหรือเปล่าค่ะ
 
4.ตอนเด็กลูกมีนิสัยชอบเถียงคุณพ่อ-คุณแม่เสมอ  พอได้ฟังคำสอนของครูไม่ใหญ่ ทำให้ลูกกลัวว่าจะต้องไปอบาย ลูกควรทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องไปรับกรรมส่วนนี้คะ
 
5.ลูกสาวของลูกขณะนี้มีอายุ 1 ปี 8 เดือน พูดภาษาไทยไม่ได้เลย เธอชอบดูรายการจากจานดาวธรรมมากค่ะ  วันไหนที่ไม่ได้ดูจะสังเกตได้ว่าเธอจะมีอาการหงุดหงิดงอแง ลูกสาวทำบุญอะไรร่วมกับหมู่คณะมาคะ เธอถึงได้มีความผูกพันกับวัดพระธรรมกายมาก และควรสนับสนุนเธออย่างไรให้เธอได้เข้าถึงองค์พระในตัว
 
6.ลูกสาวของลูกคือ นางฟ้าที่ลูกฝันว่ามาขออยู่ด้วยใช่หรือไม่คะ  และลูกกับลูกสาวทำบุญอะไรร่วมกันมา ถึงได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันในชาตินี้คะ
 
7.ทำไมลูกถึงได้มารู้จักกับหมู่คณะช้า มารู้จักตอนที่มาอยู่ประเทศญี่ปุ่นแล้วคะ และลูกจะได้ไปอยู่ดุสิตบุรีหรือไม่คะ ลูกควรทำอย่างไร จึงจะได้กลับไปอยู่ดุสิตบุรีกับหมู่คณะคะ ลูกกับกัลยาณมิตรเคยทำบุญร่วมกับหมู่คณะมาอย่างไร และทำบุญอะไรร่วมกันมา  ลูกถึงมีกัลยาณมิตรคนนี้คอยประคับ ประคองให้ลูกอยู่ในบุญคะ
 
กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1.ที่ลูกต้องผิดศีลข้อ 3 รวมทั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เพราะกรรมในอดีตลูกเกิดเป็นผู้ชาย อยู่ในตระกูลที่มีฐานะดี แต่มีนิสัยเจ้าชู้ คือชอบจีบผู้หญิง และชอบเที่ยวกลางคืน ใช้บริการหญิงโสเภณีในยุคนั้นทั้งๆที่มีครอบครัวแล้ว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2.บุญที่เคยทำกับหมู่คณะมาจึงทำให้มีอาเสี่ยมาคอยเลี้ยงให้เงินใช้
 
 
 
 
3.ที่ได้มาเจอสามีญี่ปุ่น เพราะบุญที่ทำไว้กับหมู่คณะแล้วอธิษฐานในชาตินั้นว่า “ขอให้พ้นจากวงจรอุบาทว์นี้”
 
 
 
 
 
 
 
 
4.ตอนเด็กเถียงพ่อแม่เสมอ ทั้งๆที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี จะทำให้มีวิบากกรรม คือ ถ้าใจเศร้าหมองก่อนตาย แล้วเห็นภาพเหล่านี้ ก็จะไปตกมหานรกขุม 4 อย่างกลางก็ไปเกิดเป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม
 
 
 
 
 
 
5.ลูกสาวของลูกเป็นเด็กดีที่ลูกต้องประคับประคอง และต้องอบรมสั่งสอนให้เธอเป็นคนดีต่อไป โดยลูกต้องเป็นต้นแบบที่ดีของลูกสาวตลอดไป ที่ลูกปลูกฝังลูกสาวด้วยการให้ดูจานดาวธรรมตั้งแต่เยาว์วัย ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม
 
 
6.การที่ลูกฝันถึงนางฟ้ามาขออยู่ด้วย ก็เกิดจากบุญบันดาลให้ได้คนดีมาเกิด แต่ต้องประคับประคองให้ดี ดังที่กล่าวมาแล้ว
 
 
7.ลูกมาเจอหมู่คณะในชาตินี้เมื่อลูกอายุ 25 ปี ก็ถือว่าไม่ช้า แม้จะอยู่คนละประเทศก็ตาม เพราะชาติที่ผ่านมาเมื่อพุทธันดรที่แล้วลูกมาเจอหมู่คณะช้ากว่านี้อีกมาก มาตอนปั้นปลายชีวิตแล้ว โดยในชาตินั้นก็ได้กัลยาณมิตรคนนี้แหละ เป็นคนชวนมา
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2547-09-04.html
เมื่อ 19 มีนาคม 2567 16:01
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv