ราชองครักษ์ชาตินักรบ
ตอนที่ 12
คำถาม
2.พุทธันดรที่ผ่านมา กระผมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร บุพกรรมใดที่ทำให้ได้มาเทศน์สอนให้คนเข้าใจวัดและการสร้างบารมีของหมู่คณะครับ
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
เมื่อเสบียงอาหารเริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ลูกจึงให้ลูกน้องส่วนหนึ่งออกไปล่าสัตว์มาทำอาหาร ส่วนพวกชาวบ้านก็ออกไปรื้อตามยุ้งฉางที่เสียหาย เอาอาหารบางส่วนที่ยังดีอยู่นำมาทำอาหารเลี้ยงทุกๆคนที่ประสบภัย ส่วนชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บตอนนี้ทุกคนก็ล้วนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างมาก ทุกคนช่วยเหลือแบ่งปันสิ่งของซึ่งกันและกัน
-
ยิ่งได้ลูกน้องเพื่อนรักเพื่อนสนิททั้งสองคนของลูกช่วยพูด ยิ่งทำให้บรรยากาศต่างๆที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง และเพราะลูกน้องเพื่อนสนิทของลูกทั้งสองคนนี้เอง ทีมงานทุกคนจึงพลอยเบิกบานคลายเครียดไปด้วย โดยภาพรวมก็ถือว่าเป็นบรรยากาศงานบุญที่สนุกสนานทีเดียว แม้ว่าจะอ่อนล้ามาหลายวันแล้วก็ตาม
-
ในการออกไปขุดรื้อค้นหาผู้รอดชีวิตในวันต่อมา ความหวังที่จะเจอผู้รอดชีวิตก็ยังมีอยู่ ลูกน้องคนหนึ่งของลูกก็ได้ยินเสียงเคาะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ล้มซ้อนๆทับกองๆกันอยู่ และลูกน้องของลูกก็ได้บอกกับลูกว่าได้ยินเสียง ป๊อกๆ น่าจะมีใครรอดชีวิตอยู่ บ้างก็บอกได้ยินจากทางนี้ทางโน้น และลูกก็ได้ยินเช่นกัน จึงรีบระดมลูกน้องให้มาช่วยกันทางนี้ก่อน
-
ลูกน้องคนหนึ่งได้ขุดลงไปในดินโคลนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ล้มทับกันอยู่ ในที่สุดก็เห็นเป็นร่างคนที่จมอยู่ในโคลนครึ่งตัว ซึ่งอยู่ในระหว่างช่องของต้นไม้ที่ทับๆกัน
-
แต่โชคร้าย ดินโคลนเกิดการทรุดตัวลง เนื่องจากอุ้มน้ำจนเละมาก ไม้ที่ค้ำเอาไว้ไม่สามารถกั้นโคลนเอาไว้ได้ ต้นไม้ที่ถูกค้ำเอาไว้ก็ทำท่าว่าจะทรุดตัวไถลลงไปทับลูกน้องของลูกที่อยู่ข้างล่างด้วย
-
ลูกเห็นดังนั้น จึงกระโดดไปกอดไม้ค้ำที่ยันไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเอาไว้ทั้งตัว โดยไม่กลัวว่าจะโดนต้นไม้ต้นอื่นๆกลิ้งล้มลงมาบดทับตัวลูกเลย ที่ลูกทำอย่างนี้ก็เพราะลูกเป็นห่วงลูกน้องของลูกมากกว่าตัวเอง
-
เมื่อลูกน้องคนอื่นๆเห็นดังนั้น ก็ได้ช่วยกันเอาไม้มาค้ำและช่วยกันยันเอาไว้ แต่ตัวลูกก็ยังต้องกอดไม้ค้ำเอาไว้ เพราะเป็นจุดเสี่ยงที่ท่อนไม้ที่ถูกค้ำอยู่นี้สามารถไถลลงไปทับลูกน้องกับผู้ที่รอดชีวิตได้ แล้วลูกก็ตะโกนบอกให้ลูกน้องคนหนึ่งรีบไปลากคนออกมาก่อน ตนเองจะยันเอาไว้ให้ ลูกน้องคนอื่นๆต่างก็รีบมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ
-
แต่เนื่องจากเป็นไม้ใหญ่ ท่อนไม้ที่ลูกกับพรรคพวกช่วยกันนำมาเป็นไม้ค้ำ เริ่มเกิดอาการน่าเป็นห่วง เพราะไม้ค้ำนั้นเกิดการโก่งตัวจนทำท่าเหมือนกำลังจะหัก ลูกก็ได้แต่เร่งให้ไปช่วยคนก่อน โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเลย
-
ลูกน้องที่กำลังพยายามลากคนที่ติดอยู่ใต้ต้นไม้ออกมา ก็เอาเชือกผูกที่ตัเองก่อน จากนั้นก็นำไปผูกกับตัวของชาวบ้านที่ติดอยู่ใต้นั้น แล้วออกแรงดึง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ขยับเลย จนชาวบ้านคนนั้นหมดสติ ลูกน้องของลูกก็รีบไปโกยเอาโคลนที่อยู่ข้างๆชาวบ้านคนนั้นออก และเห็นว่ามีกิ่งไม้เกี่ยวเสื้อของเขาเอาไว้ ลูกน้องของลูกจึงพยายามเอามีดไปตัดเสื้อออกจากิ่งไม้นั้น ในขณะเดียวกันลูกก็ตะโกนบอกว่า “เร็วเข้า เรามีเวลาเหลืออีกไม่มาก ไม้ค้ำจะหักแล้ว”
-
ลูกน้องอีกคนหนึ่งก็ตะโกนเสริมมาว่า “ถ้าไม้ค้ำท่อนนี้หักมีหวังได้ตายกันหมดแน่ รีบๆหน่อยจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”
-
แล้วลูกน้องคนนั้นก็หันมาบอกกับลูกว่า อย่าห่วง ให้ลูกปล่อยไม้ค้ำ เดี๋ยวตัวเขาจะเข้าไปกอดไม้ค้ำเอาไว้เอง
-
ตัวลูกก็หันไปบอกว่า “ถ้ายอมให้คนอื่นมากอดไม้ค้ำไว้แทนแล้วล่ะก็ ผู้บังคับกองพันคงไม่คิดที่จะวิ่งมากอดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ถ้าจะตายก็ตายพร้อมกันนี่แหละ”