ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 195
 

    จากตอนที่แล้ว มโหสถได้เล่าเรื่องที่ตนกังวลให้พระแม่เภรีทราบว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า การที่เจ้าเหนือหัวโปรดพระราชทานยศแก่เกล้ากระผมในครั้งนี้ เป็นเพราะทรงโปรดปรานกระผมอย่างแท้จริง หรือเป็นเพียงอุบายอย่างหนึ่งเท่านั้น ขอพระแม่เจ้าโปรดใช้อุบายอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อหยั่งน้ำพระทัยของพระราชาว่า พระองค์ทรงโปรดปรานกระผมเพียงไร ขอพระแม่เจ้าได้โปรดอนุเคราะห์กระผมสักครั้งเถิดขอรับ”

    พระแม่เภรีรับคำว่า “เอาเถอะ อาตมาภาพจะลองหยั่งพระทัยของพระราชาดู”

    วันรุ่งขึ้น พระแม่เภรีเข้าไปฉันในวังตามปกติ พระเจ้าจุลนีนมัสการพระนางแล้ว พระแม่เภรีจึงได้ขอโอกาสทูลถามปัญหาว่า “มหาบพิตร อาตมาภาพมีปัญหาข้อหนึ่งจะทูลถามพระองค์ หากมิทรงขัดข้อง โปรดประทานอนุญาตแก่อาตมาภาพด้วย ขอถวายพระพร”
 
    พระเจ้าจุลนีตรัสว่า “เชิญพระแม่เจ้าถามได้ตามสะดวก หากฉันทราบ ฉันก็จะตอบ”

    พระแม่เภรีจึงทูลถามว่า “ขอถวายพระพร มหาบพิตร สมมติว่ามีผีเสื้อน้ำตนหนึ่ง แสวงหาเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร วันหนึ่งพระองค์ลงเรือไปในมหาสมุทรพร้อมด้วยผู้ติดตามอีกหกคน คือ พระชนนี พระนางนันทา พระอนุชาติขิณมนตรี พระสหายธนูเสกข์ ปุโรหิตเกวัฏ และมโหสถบัณฑิต ปรากฏว่าเรือของมหาบพิตรแล่นเข้าไปในเขตของผีเสื้อน้ำตนนั้น มันจึงระเบิดน้ำในมหาสมุทรออกมา แล้วฉุดเรือของมหาบพิตรไว้ ครั้นแล้วจึงข่มขู่มหาบพิตรว่า ท่านจะต้องส่งคนทั้งหกให้เรากินเสีย ตามลำดับ เราจึงจะปล่อยท่านไป...

    อาตมาภาพขอถามมหาบพิตรว่า เมื่อเหตุการณ์เป็นดังนี้ พระองค์จะทรงส่งใครให้แก่ผีเสื้อน้ำเป็นคนแรก คนที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า และที่หก ตามลำดับ มหาบพิตรทรงพอพระทัยอย่างใด ก็โปรดตรัสอย่างนั้นเถิด ขอถวายพระพร”

    พระเจ้าจุลนีทรงสดับปัญหาของพระแม่เภรีแล้ว ก็ตรัสตอบทันทีโดยไม่ทรงลังเลพระทัย “พระแม่เจ้า หากว่าเป็นเช่นนั้น ฉันก็จะให้พระมารดาก่อนเป็นลำดับแรก แล้วจึงให้แม่นันทาเทวีของฉันเป็นลำดับที่สอง ต่อจากนั้นฉันก็จะให้น้องชายติขิณมนตรี ให้ธนูเสกข์ และปุโรหิตเกวัฏตามลำดับ”

    “แล้วคนสุดท้ายล่ะ คือ มโหสถบัณฑิตอย่างนั้นรึ” พระแม่เภรีทูลถาม

   พระเจ้าจุลนีทรงปฏิเสธว่า “หามิได้พระแม่เจ้า ถึงตอนนั้น ฉันก็จะบอกผีเสื้อน้ำว่า เจ้าจงอ้าปากของเจ้า เมื่อมันอ้าปากแล้ว ฉันก็จะกระโดดเข้าปากของมันไป โดยจะไม่ยอมให้มโหสถของฉันต้องถูกเคี้ยวกินเป็นอันขาด ที่ฉันกล่าวมานี้ ฉันกล่าวตามความพอใจของฉันเอง”

    ปัญหาที่พระแม่เภรีทูลถามพระราชานั้น เป็นอุบายที่จะหยั่งน้ำพระทัยของพระองค์ได้เป็นอย่างดี เพราะหากจะถามกันตรงๆว่า มหาบพิตรทรงมีความรักในมโหสถบัณฑิตเพียงไร จริงอยู่ อาจจะถามได้ แต่พระดำรัสที่ตรัสตอบนั้น แม้จะตอบว่า รักยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เอง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจประกาศความรักและความปรารถนาดีที่พระองค์ทรงมีต่อมโหสถได้อย่างชัดแจ้งเป็นรูปธรรม
 
    ด้วยเหตุนี้เอง พระแม่เภรีจึงคิดผูกเป็นปริศนาขึ้นทูลถาม ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการอันแยบยล และแสดงถึงความเป็นผู้มีปัญญาอย่างแท้จริง ซึ่งก็ตรงกับพระอัธยาศัยของพระเจ้าจุลนีที่เป็นคนตรงไปตรงมา หากทรงโปรดหรือไม่ทรงโปรดผู้ใด ก็ตรัสตามพระอัธยาศัย และเพราะเหตุที่ทรงพอพระทัยมโหสถบัณฑิตอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดพระองค์จึงทรงโปรดพระราชทานตำแหน่งเสนาบดีและตำแหน่งผู้สำเร็จราชการให้แก่มโหสถในคราวเดียวเหมือนจะทรงทับถมให้

    พระแม่เภรีได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว ก็เป็นอันได้ทราบถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าจุลนีอย่างถ่องแท้ว่า ท้าวเธอทรงมีความรักท่านมหาบัณฑิตเสียยิ่งกว่าตน แต่ทว่าคุณความดีของท่านมหาบัณฑิต จักปรากฏด้วยถ้อยคำเพียงเท่านี้ก็หาไม่ ยังน้อยนักหากจะรู้กันเพียงแค่สองคน
 
    ดังนั้น พระแม่เภรีจึงคิดว่า “เราควรแถลงเกียรติคุณของมโหสถให้ปรากฏในที่ประชุมชน เมื่อนั้นคุณความดีของมโหสถก็จักปรากฏเด่นชัด ดุจดวงจันทร์เพ็ญที่ลอยเด่นในท้องฟ้า ฉะนั้น”

    พระแม่เภรีดำริแล้ว จึงกราบทูลพระเจ้าจุลนีว่า “ขอถวายพระพร มหาบพิตรทรงซาบซึ้งในคุณงามความดีของมโหสถบัณฑิตมากเพียงใด ก็สมควรประกาศคุณความดีเหล่านั้นให้ปรากฏในท่ามกลางมหาชนตามเหตุผลที่มหาบพิตรได้ประจักษ์แล้ว อาตมาภาพใคร่ขอประทานพระราชวโรกาส ให้บรรดาข้าราชบริพารทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ได้มาประชุมพร้อมกัน...
 
    เมื่อนั้นอาตมาภาพก็จะทูลถามมหาบพิตรเช่นเดียวกับที่ได้ทูลถามแล้วเมื่อสักครู่ ขอให้มหาบพิตรตรัสตอบพร้อมด้วยทรงอธิบายเหตุผลให้กระจ่าง มหาชนทั้งหลายเมื่อได้ฟังจากพระโอษฐ์ของมหาบพิตรเอง ก็ย่อมเห็นประจักษ์ในคุณงามความดีของมโหสถบัณฑิตอย่างแน่นอน ขอถวายพระพร”
 
    พระเจ้าจุลนีทรงดีพระทัย ตรัสว่า “พระแม่เจ้าดำริชอบแล้ว เรื่องนี้ ฉันยินดีทีเดียวและพร้อมที่จะตอบตามที่ฉันเห็นจริง พระแม่เจ้าเองก็ทราบอยู่มิใช่หรือว่า อัธยาศัยของฉันน่ะ ไม่เคยมีความตระหนี่ที่จะกล่าวถึงความดีของบัณฑิตเลย และเช่นกัน ฉันจะไม่ยอมปิดบังความชั่วของใครเป็นอันขาด ใครชั่วฉันก็ว่าชั่ว ใครดีฉันก็ว่าดี นี่แหละอัธยาศัยของฉัน”
 
พระแม่เภรีรับว่า “ข้อนั้นอาตมาทราบดี มหาบพิตร”
“ถ้าเช่นนั้น พระแม่เจ้าก็อย่าได้รอช้าอยู่เลย จงเร่งดำเนินการตามที่เห็นสมควรเถิด”

     เมื่อเห็นว่าพระเจ้าจุลนีทรงอนุวัตตามด้วยดี พระแม่เภรีก็ยิ่งมีความปลื้มใจ ถือเอาพระราชดำรัสของท้าวเธอ ประกาศเชิญให้เหล่าข้าราชบริพารทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในมาประชุมพร้อมกัน ณ ท้องพระโรง

    เมื่อเหล่าข้าราชบริพารทั้งหมดมาประชุมพร้อมกันแล้ว พระแม่เภรีจึงถือโอกาสทูลถามปัญหานั้นทันที พระเจ้าจุลนีทรงสดับคำถามแล้ว ก็มีพระดำรัสตอบดังที่ได้ตรัสแล้ว

    ฝ่ายพระแม่เภรี ต้องการจะทราบเหตุผลที่ท้าวเธอทรงตัดสินพระทัย ส่งพระมารดาให้ผีเสื้อน้ำกินเป็นลำดับแรก จึงได้ทูลถามว่า “ขอถวายพระพร มหาบพิตร ธรรมดาว่ามารดานั้นย่อมมีคุณแก่บุตรเป็นอันมาก คนอื่นถึงจะมีอุปการะมากเพียงไร ก็ไม่อาจเทียบเท่าคุณของมารดาได้เลย โดยเฉพาะพระราชชนนีของมหาบพิตรนั้น ทรงมีพระคุณแก่มหาบพิตรสุดที่จะประมาณได้ ทรงเลี้ยงดูอุ้มชูมหาบพิตรมา ตลอดกาลอันยาวนาน...

    แม้ในคราวที่ฉัพภิพราหมณ์คิดจะปลงพระชนม์มหาบพิตร พระมารดาพระองค์นี้มิใช่หรือ ที่ทรงเปลื้องมหาบพิตรให้รอดพ้นจากการถูกปลงพระชนม์ในครั้งนั้น...

    ขอมหาบพิตรโปรดทรงพระอนุสรณ์ด้วยเถิด พระราชชนนีของมหาบพิตรทรงพระคุณมากล้นถึงเพียงนี้ แต่ไฉนมหาบพิตรจึงตรัสว่า จะทรงมอบพระมารดาให้ผีเสื้อน้ำกินก่อนใครๆ หรือเป็นเพราะทรงเห็นโทษอันใดของพระนางเล่า ขอมหาบพิตรจงตรัสตอบให้กระจ่างเถิด”
 
    ส่วนว่าพระเจ้าจุลนีจะตรัสอธิบายอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita195.html
เมื่อ 25 เมษายน 2567 17:03
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv