สัมมาสมาธิกับมิจฉาสมาธิจำแนกตามฐานที่ตั้งของใจ
 
    การฝึกสมาธิที่มีการฝึกหรือสอนกันโดยทั่วไปนั้น หากจะจำแนกประเภทตามหลักปฏิบัติของการวางจุดที่ตั้งมั่นของใจหรือฐานของใจ เราสามารถจัดแบ่งเป็นได้ 2ประเภท คือ การกำหนดตั้งฐานที่ตั้งของใจไว้ภายในกาย และภายนอกกาย
 
    ซึ่งการกำหนดใจไว้ภายในหรือมีฐานที่ตั้งของใจภายในกายนี้ สอดคล้องกับหลักของสัมมาสมาธิ ที่จะต้องกำหนดใจให้ตั้งมั่นอยู่ภายใน ไม่ฟุ้งซ่าน หรือไม่ปล่อยใจไปเกาะเกี่ยวกับกามคุณทั้งหลาย
 
    ส่วนมิจฉาสมาธิ จะเป็นการกำหนดฐานที่ตั้งของใจไว้ภายนอก ปล่อยใจให้ซัดส่าย ฟุ้งซ่าน หรือมุ่งจรดจ่ออยู่กับกามคุณหรือสิ่งที่เป็นอกุศล เป็นต้น
 
 
สัมมาสมาธิ
 
    เป็นสมาธิที่มีฐานที่ตั้งของใจอยู่ภายในกาย สามารถทำให้กิเลสต่างๆเบาบางลง หรือลดถอยไปจากใจของเราได้ และเป็นสมาธิที่ถูกทาง เพราะเพื่อจุดหมายในทางหลุดพ้น และเป็นไปเพื่อปัญญาที่รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง มิใช่เพื่อผลในทางสนองความอยากของตัวตน เช่น จะอวดฤทธิ์ อวดความสามารถ เป็นต้น
 
    สัมมาสมาธินี้ พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ อธิบายว่า เป็นสมาธิในพระพุทธศาสนา เกิดขึ้นจากการน้อมจิตเข้าไปตั้งอยู่ในกายของตนเอง อันจะทำให้จิตจะสะอาด สงบ ว่องไว และมีความเห็นถูก ซึ่งจะแตกต่างจากสมาธิของพวกที่มิใช่พระพุทธศาสนา หรือพวกฤๅษีชีไพร ที่เกิดจากการประคองรักษาจิตไว้ที่นิมิตนอกกาย แม้บางครั้งจะทำให้เกิดความสว่างได้บ้าง แต่ยังมีความเห็นที่ผิดอยู่ เพราะไม่ใช่วิธีการที่จะทำให้พ้นทุกข์ได้1
 
มิจฉาสมาธิ
 
    คือ สมาธิที่มีฐานที่ตั้งใจอยู่นอกกาย คือ การตั้งใจไว้ผิดที่ กล่าวคือ เอาใจไปตั้งไว้ผิดตำแหน่ง คือ มีการกำหนดใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำเหมือนกัน แต่ว่าผิดที่ซึ่งจะสามารถทำให้เกิดปัญญานำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ เป็นสมาธิที่นำมาซึ่งความร้อนใจ
 
    ตัวอย่างเช่น เวลามือปืนรับจ้างจะยิงคน หรือจะฆ่าคน เวลาเขายกปืนขึ้นมาเล็ง เพื่อจะยิงเหยื่อที่จะสังเวยกระสุน เล็งปืนที่กลางหน้าผาก ตอนนั้นใจของเขาไม่ได้คิดวอกแวกไปเรื่องอื่นเลย ใจคิดอย่างเดียวว่า จะต้องให้เข้าตรงกลางหน้าผากของผู้ที่เป็นเป้าหมายให้ได้ ใจจดจ่อกับสิ่งที่ทำเหมือนกัน แต่ว่าจดจ่อด้วยจิตที่ถูกกิเลสเข้าหุ้มใจ นำมาซึ่งความร้อนใจ ความทุกข์ใจ
 
    แม้ดังเช่น คนเล่นไพ่ นั่งเล่นไพ่อยู่ ใจจรดจ่อกับไพ่ที่เล่นเช่นเดียวกัน บางทีเกิดความรู้สึกปวดปัสสาวะ แต่สามารถกลั้นได้ตั้งสามชั่วโมงสี่ชั่วโมง บางทีไม่ต้องกินข้าว หรือบางทีนั่งเล่นตั้งแต่มืดจนสว่างก็ไม่มีอาการง่วง ไม่เมื่อย หรือลืมเมื่อย
 
    ไม่ว่าจะเป็น นักบิลเลียดกำลังแทงลูกบิลเลียด มือปืนกำลังจ้องยิงคู่อาฆาต คนทรงกำลังเชิญผีเข้า พวกเสพติดกำลังสูบกัญชา และพวกร้อนวิชากำลังปลุกเสก หรือพวกโจรกำลังมั่วสุมวางแผนก่อโจรกรรม ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ต่างมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขากำลังทำทั้งสิ้นๆ ไม่ว่ารอบตัวบริเวณนั้นจะมีเหตุการณ์อย่างใดเกิดขึ้น ก็ยากที่จะทำให้เขาเหล่านั้นเบี่ยงเบนความสนใจได้
 
    หลายคนจึงมีความเข้าใจผิดว่า บุคคลดังกล่าวเหล่านี้มีสมาธิมั่นคงดี แต่หาใช่เป็นสัมมาสมาธิไม่ เพราะสมาธิในพระพุทธศาสนาหมายถึงการที่สามารถทำใจให้ตั้งมั่น หนักแน่น ไม่วอกแวกและต้องก่อให้เกิดความสงบเย็นกายเย็นใจด้วย การกระทำให้ใจวอกแวก มีความโลภเพ่งเล็งอยากได้สิ่งที่ตนปรารถนาอย่างแน่วแน่และรุนแรง หรือมีใจตั้งมั่นในความพยาบาท กรณีเช่นนี้ ในทางพระพุทธศาสนาถือว่าใจเป็นสมาธินอกลู่นอกทาง หรือที่เรียกว่า มิจฉาสมาธิ เพราะใจยังมีความหมกมุ่นอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งที่เป็นอกุศล
 
    มิจฉาสมาธินี้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรสนใจ และไม่ควรฝึกอย่างเด็ดขาด เพราะมีแต่โทษฝ่ายเดียว
 
 
1 พระเผด็จ ทตฺตชีโว, [2537] คนไทยต้องรู้, กรุงเทพฯ, หน้า 41

      

<< back     next >>

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/meditation/meditation05.html
เมื่อ 19 มีนาคม 2567 13:19
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv