ชาดก 500 ชาติ
อกาลราวิชาดก-ชาดกว่าด้วยไก่ขันไม่ถูกเวลา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้ท่องบ่นไม่เป็นเวลารูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้คราวนั้นมีภิกษุบวชใหม่รูปหนึ่งเป็นกุลบุตรชาวพระนครสาวัตถี บรรพชาในพระศาสนาแล้ว มีความมุ่งมั่นที่จะศึกษาพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า“ต่อไปเจ้าต้องตั้งใจศึกษาพระธรรมของพระพุทธองค์นะ”กุลบุตรชาวสารวัตถีได้เข้ามาบรรพชาในพระพุทธศาสนา“ครับ อาจารย์ ข้าจะต้องตั้งใจ” ด้วยความที่เป็นภิกษุใหม่ ภิกษุหนุ่มจึงไม่รู้เวลา ว่าเวลาใดควรทำวัตร เวลาใดควรปรนนิบัติ เวลาใดควรเล่าเรียน เวลาใดควรท่องมนต์จึงได้ส่งเสียงดังในขณะที่ตนตื่นขึ้น “เอาล่ะ วันนี้จะท่องบทสวดไหนดีนะ” ภิกษุหนุ่มส่งเสียงดังรบกวนภิกษุรูปอื่นๆ อย่างไม่รู้เวลา ทั้งในปฐมยาม มัชฌิมยามและในปัจฉิมยาม ทำให้ภิกษุทั้งหลายไม่เป็นอันได้หลับนอนภิกษุผู้บวชใหม่ขยันท่องพระธรรมคำสอนแม้ในขณะที่พระรูปอื่นจำวัตรกันแล้ว“โอ้ย อะไรกันนี่ ดึกดื่นขนาดนี้ ใครยังสวดมนต์อยู่ได้” “สงสัยจะเป็นภิกษุบวชใหม่ ยังไม่รู้เวลา ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเตือนก็แล้วกัน” ไม่เพียงแต่ส่งเสียง
รบกวนภิกษุรูปอื่น แม้ในยามทำวัตร ภิกษุนั้นก็ทำกิจอื่น ไม่มาร่วมทำวัตรกับภิกษุรูปอื่นๆ “ทำไม ภิกษุใหม่ยังไม่มาทำวัตรอีก”
“ไม่รู้สิ สงสัยคงจำวัตรอยู่มั้ง เมื่อคืนก็ส่งเสียงดังทั้งคืน จนข้าไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย”
บรรดาภิกษุทั้งหลายเริ่มระอากับการกระทำที่ไม่เหมาะสมของภิกษุบวชใหม่“พวกท่านก็ได้ยินเหมือนกันรึ แบบนี้ไม่ไหว ต้องตักเตือนกันบ้างแล้ว” เรื่องที่ภิกษุใหม่ไม่รู้วัตรหรือสิกขานี้ เป็นที่กล่าวถึงในหมู่ภิกษุที่อยู่ในธรรมสภา
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันกล่าวโทษภิกษุใหม่นั้น “ใช่เจ้ารึปล่าว ที่ส่งเสียงตอนดึกๆ ทุกคืน” “เออๆ ข้าแค่ท่องคำสอนของพระศาสดาเท่านั้นเอง”
“หนอย ยังไม่สำนึกอีก เจ้าไม่รู้ตัวรึ ว่าทำให้พวกเราไม่ได้นอนทั้งคืน”ภิกษุทั้งหลายได้ว่ากล่าวตักเตือนภิกษุหนุ่มผู้บวชใหม่“เจ้าบวชเป็นพระแล้ว ยังไม่รู้จักแยกแยะ เวลาไหนควรทำอะไร เวลาไหนไม่ควรทำอะไรอีกรึ” พระศาสดาเสด็จผ่านมา เห็นภิกษุทั้งหลายกำลัง
กล่าวโทษภิกษุใหม่อยู่ จึงทรงตรัสถามภิกษุเหล่านั้น “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร” “พวกเรากำลังตักเตือน
ภิกษุใหม่ เรื่องปฏิบัติกิจไม่ถูกเวลาอยู่พระเจ้าข้า” “ภิกษุใหม่นี้ทำให้พวกหม่อมฉัน ไม่ได้หลับทั้งคืนเลยพระเจ้าข้า”พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่ภิกษุนี้ส่งเสียงไม่เป็นเวลา แม้ในกาลก่อนก็ส่งเสียงไม่เป็นเวลาเหมือนกัน และเพราะความ
ที่ไม่รู้กาล หรือมิใช่กาล จึงถูกบิดคอถึงสิ้นชีวิต” พระศาสดาตรัสกับภิกษุทั้งหลายแล้ว จึงทรงนำอดีตนิทานมาสาทกดังนี้ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี ครั้งนั้นพระโพธิ์สัตว์บังเกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์อาจารย์ทิศาปาโมกข์ผู้มีชื่อเสียงและมีบรรดาศิษย์มากมายเมื่อพระโพธิ์สัตว์เจริญวัยแล้ว ได้ศึกษาศิลปะวิทยาจนสำเร็จทุกอย่าง แล้วได้เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในพระนครพาราณสีนั่นเอง
“ความรู้ที่เราร่ำเรียนมา เราจะจะถ่านทอดให้ผู้อื่นได้มีความรู้ เหมือนเรา” พระโพธิ์สัตว์เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
กันดีในกรุงพาราณสี มีมานพฝากตัวเป็นศิษย์ประมาณห้าร้อยคน “ข้าขอฝากตัวเป็นศิษย์อยู่รับใช้ท่าน ขอรับ”
“ดีแล้ว เจ้าจงตั้งใจศึกษาร่วมกับมานพทั้งหลายเถิด”ไก่น้อยพลัดหลงเข้ามายังสำนักของพระโพธิสัตว์และถูกเลี้ยงไว้อย่างดีครั้งนั้นมีลูกไก่ตัวหนึ่งพลัดหลงเข้ามายังสำนักของพระโพธิ์สัตว์ มานพทั้งหลายจึงเลี้ยงลูกไก่นั้นไว้ “ลูกไก่นี่ มาจากไหนกันนะ” “สงสัยจะหลงเข้ามาน่าสงสารจริง เราเลี้ยงมันไว้ดีกว่า” “เลี้ยงไว้ทำไม เปลืองข้าวเปลือกเปล่าๆ ตัวเล็กแค่นี้ กินก็ไม่ได้” “ก็เพราะกินไม่ได้นะสิ ถึงต้องเลี้ยงไว้ให้มันโตจนเอามากินได้ ฮ่าๆๆๆ ” เจ้าลูกไก่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากพวกมานพ จนมันโตขึ้น ทุกๆ เช้าเจ้าไก่จะขันเพื่อปลุกมานพทั้งหลายให้ตื่นมาศึกษาศิลปวิทยามานพหนุ่มทั้งหลายตื่นนอนด้วยการปลุกของเสียงไก่ขันในตอนเช้า“อ้าว ตื่นๆๆๆ ไก่ขันแล้ว เตรียมตัวไปเรียนกันดีกว่า” “แหม ขันปลุกข้าทุกเช้าแบบนี้ เลี้ยงไว้ไม่เสียข้าวเปลือกจริงๆ” “นั่นสินะ นี่ถ้ามันไม่มีประโยชน์พวกเราก็คงได้กินไก่ย่างแน่ๆ” หลังจากทำหน้าที่ขัน ปลุกมานพทั้งหลายอยู่หลายปี เจ้าไก่นั้นก็ได้ตายลง ทำให้มานพทั้งหลายตื่นสาย ส่งผลให้การเรียนแย่ลง “เอ้อ ตื่นสายอีกแล้ว ตั้งแต่ เจ้าไก่นั้นตายไป” “ข้าก็ตื่นสายทุกวันเลย”ไก่น้อยได้ทำการขันปลุกเหล่ามานพอยู่หลายปีจนมันตายจากไปในที่สุด“ข้าว่า เราน่าจะหาไก่ตัวใหม่มาทำหน้าที่ปลุกพวกเราแทนนะ” “พวกเจ้านี่ใช้ไม่ได้เลย แค่ไม่มีไก่ ก็ตื่นสายกันแล้วรึ” “เอาแบบนี้สิ เดี๋ยวข้าจะปลุกพวกเจ้าเอง” “ทำพูดดีไป เมื่อเช้าตอนพวกข้าไปเรียน เจ้ายังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ” พวกมานพเที่ยวแสวงหาไก่ตัวใหม่มาแทน จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่พวกมานพกำลังหาฟืนอยู่ในป่าช้าก็พบไก่ตัวหนึ่ง “พวกเรา นั่นไก่” “ไหนๆ ดีเลย ตัวอ้วนๆ แบบนี้ ย่างกินกันอร่อยแน่”เหล่ามานพพากันวางแผนจับไก่ในป่าช้าเพื่อนำมาเลี้ยง“เจ้านี่ คิดแต่เรื่องกิน ไก่นั่นหน่ะ น่าจะขันปลุกพวกเราตอนเช้าได้” “พวกเรา มาช่วยกันจับไก่ดีกว่า” พวกมานพช่วยกันจับไก่ใส่กรง แล้วนำกลับมาเลี้ยงยังสำนัก แต่ไก่ตัวนั้น ก็ไม่ได้รู้ว่าควรขันในเวลาใด เพราะมันเติบโตในป่าช้า บางคราวก็ขันดึกเกินไป บางคราวก็ขันเอาเวลาอรุณขึ้น“เอ้าตื่นได้แล้วพวกเราเช้าแล้ว รีบไปเรียนกันดีกว่า” “ทำไมเช้าเร็วนักล่ะ ข้ารู้สึกว่าเพิ่งนอนเมื่อตะกี้นี้เอง”
มานพจับไก่ตัวใหม่จากป่าช้านำมาเลี้ยงไว้ที่สำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์“นั่นสิ เอ้ ดูสิ ยังมืดอยู่เลยเจ้าไก่นี่ขันผิดเวลา” “ถ้าอย่างนั้นก็นอนต่อแล้วกัน สงสัย มันยังไม่ชินกับที่นี่” “ข้ากำลังฝันเพลินๆ อยู่เลย นี่จะฝันต่อจากเมื่อกี้ได้อีกหรือเปล่านี้ เฮ้อ” เมื่อถึงเวลาที่มานพทั้งหลายตื่นมาเพื่อเตรียมตัวเรียนหนังสือ เจ้าไก่นั้นกลับไม่ขันบอกเวลา กลับส่งเสียงขันในยามเที่ยงแทน “อ้าว ตื่นๆๆ นี่ข้า ต้องพูดแบบนี้อีกกี่รอบเนี่ย” “เช้าแล้วรึ ข้ารู้สึกหลับสบายจริงๆ”เหล่ามานพต้องตื่นมาในยามดึกเพราะคิดว่าเช้าแล้วเนื่องจากได้ยินเสียงไก่ขัน“เฮ้ย นี่มันเที่ยงแล้ว พวกเรานอนหลับกันไม่รู้เรื่องเลย” “โธ่ เจ้าไก่นั้น ทำพิษอีกแล้ว” มานพทั้งหลาย คิดว่าไก่นั้นยังคงไม่ชิน ที่ต้องมาอยู่ในสำนักจึงขันผิดเวลา จึงพยายามอดทนอยู่หลายวัน แต่เจ้าไก่นั้น ก็ยังขันผิดเวลาอยู่ทุกครั้ง จนมานพทั้งหลายเริ่มทนไม่ไหว “เจ้าไก่นั่น มันขันผิดเวลาตลอดเลย”“นี่ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ มันเล่นขันปลุกทุกคืนแบบนี้ ข้านอนไม่หลับเลย” “ข้าก็เหมือนกัน มันขันตอนเที่ยง ทำให้ข้าอดเรียนตอนเช้าเลย”เจ้าไก่ตัวใหม่ขันในเวลาที่ไม่ควรขันสร้างความวุ่นวายเกิดขึ้นในสำนัก“ไหนว่าเจ้าเป็นคนตื่นเช้ายังไงล่ะ” เจ้าไก่ตัวนี้ ทำให้พวกมานพไม่มาศึกษา บางคนหลับเวลาเรียน บางคนท่องจำได้แล้วก็กลับลืม ต่างก็คิดว่าหากเลี้ยงไก่ตัวนี้ไว้ คงทำให้เสียการเรียนเป็นแน่ “ถ้าเราเก็บไก่ตัวนี้ไว้ เราคงไม่ได้เรียนเป็นแน่” “นั่นสิ เราเอามันไปปล่อยดีกว่า” “ปล่อยก็โง่สิเลี้ยงมาขนาดนี้แล้ว ข้าว่า เราเอามาย่างกินกันดีกว่า” “เจ้าเห็นแก่กินอีกแล้ว” “ถ้างั้น ข้ากินคนเดียวก็ได้”เจ้าลิงน้อยทำถั่วดำที่อยู่ในมือร่วงลงจากต้นไม้ 1 เม็ดเมื่อเห็นว่าไก่ตัวนี้ไม่สามารถขันบอกเวลาได้ หนำซ้ำยังทำให้เสียการเรียน พวกมานพจึงฆ่าไก่ แล้วนำไก่มาย่างกินเป็นอาหาร “อ้าว สุกหรือยังข้าหิวแล้วนะ” “นี่ไงสุกแล้ว มากินกันเถอะ” “หือ อร่อยๆ ฝีมือย่างไก่ของเจ้านี่ ข้ายกนิ้วให้เลย อร่อยๆ ” “แหม ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่กินซะอีกว่าแต่ข้าเห็นแก่กิน ดูเจ้าสิ กินเอาๆ ไม่รอใครเลย” หลังจากนำไก่ไปย่างกินกันแล้ว วันต่อมามานพทั้งหลาย ก็กลับมาศึกษาเล่าเรียนกันได้ตามปกติกับอาจารย์ แล้วจึงรายงานกับอาจารย์
อาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้บอกถึงเหตุผลที่ไก่ขันไม่เป็นเวลาให้แก่เหล่ามานพ
“มานพทั้งหลาย พวกเธอมาเรียนกันได้ตามปกติแล้วหรือ” “ขอรับอาจารย์ พวกเราได้จัดการต้นเหตุของปัญหาไปแล้ว” “จัดการซะ อิ่มแปล้เลยขอรับ”“พวกเราฆ่าไก่ แล้วจัดการย่างกินไปแล้วขอรับ” “มานพทั้งหลายเอ๋ย ที่ไก่นี้ต้องถึงแก่ความตาย เพราะมันเจริญเติบโตโดยไม่ได้รับการสั่งสอนไม่ได้เติบโตอยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้อยู่ในสำนักอาจารย์ ย่อมไม่รู้จักกาลที่ควรขัน และไม่ควรขัน” พระโพธิสัตว์แสดงเหตุนี้แล้ว ก็ดำรงชีพอยู่ตลอดอายุขัย แล้วไปตามยถากรรม พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทสนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่าไก่ที่ขันไม่เป็นเวลาในครั้งนั้น กำเนิดเป็นภิกษุนี้พวกมาณพ กำเนิดเป็น พุทธบริษัทอาจารย์ เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
อกาลราวิชาดก ชาดกว่าด้วยไก่ขันไม่ถูกเวลา
ในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้ท่องบ่นไม่เป็นเวลารูปหนึ่ง คราวนั้นมีภิกษุบวชใหม่เป็นกุลบุตรชาวพระนครสาวัตถี บรรพชาในพระศาสนาแล้ว มีความมุ่งมั่นที่จะ... https://dmc.tv/a21560
บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ[ 1 ก.ค. 2559 ] - [ ผู้อ่าน : 18273 ]
บทความอื่นๆ ในหมวด
ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งเกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ