พุทธพยากรณ์ ๑

พระพุทธชินเจ้ามีพระวาจาไม่เป็นสอง มีพระวาจาไม่เปล่าประโยชน์ พระพุทธเจ้าไม่ตรัสคำไม่จริง เราจักได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน เปรียบเหมือนก้อนดินที่โยนขึ้นไปบนอากาศ ย่อมตกลงมาสู่พื้นดินอย่างแน่นอน https://dmc.tv/a15161

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมะเพื่อประชาชน
[ 12 ก.พ. 2556 ] - [ ผู้อ่าน : 18267 ]
พุทธพยากรณ์ ๑
 
 
 
     ทางลัดที่สุดที่จะทำให้เกิดความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ คือ การฝึกฝนใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่งควบคู่ไปกับการสั่งสมบุญบารมีในทุกรูปแบบ ถ้ามีความบริสุทธิ์มากบุญกุศลย่อมเกิดขึ้นมาก ถ้ามีความบริสุทธิ์น้อยบุญกุศลก็ลดหย่อนลงไป ความบริสุทธิ์เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม ความสุขและความบริสุทธิ์นี้สั่งสมได้ด้วยการหมั่นเจริญภาวนาทุกๆ วัน พระบรมศาสดาของเราทรงดำรงตนเป็นแบบอย่างในการสร้างบารมีให้ชาวโลกได้ดำเนินตาม  ดังนั้นเราจึงควรหมั่นเจริญสมาธิภาวนา เพื่อให้ชีวิตของเราเข้าถึงความสุขและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง
 
มีสุภาษิตที่สุเมธดาบสโพธิสัตว์ ได้กล่าวชื่นชมพระพุทธเจ้าไว้ว่า
 
                         “อเทฺวชฺฌวจนา พุทฺธา    อโมฆวจนา ชินา
                          วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ        ธุวํ พุทฺโธ ภวามิหํ
                          ยถา ขิตฺตํ นเภ เลณฺฑํ    ธุวํ ปตติ ภูมิยํ

 
     พระพุทธชินเจ้ามีพระวาจาไม่เป็นสอง มีพระวาจาไม่เปล่าประโยชน์ พระพุทธเจ้าไม่ตรัสคำไม่จริง เราจักได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน เปรียบเหมือนก้อนดินที่โยนขึ้นไปบนอากาศ ย่อมตกลงมาสู่พื้นดินอย่างแน่นอน
 
     การทำนายของพระผู้มีพระภาคเจ้า เรียกว่า พุทธพยากรณ์ เป็นการทำนายที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริง เป็นการเห็นด้วยญาณทัสสนะที่บริสุทธิ์ของธรรมกาย ไม่ใช่เกิดจากการนึกคิด ด้นเดา หรือเลียบเคียงจากตำราที่หมอดูทั่วไปทำนายกัน ซึ่งอาจทายถูกบ้างผิดบ้าง โดยอาศัยสถิติหรือเหตุการณ์ใกล้เคียงที่สอดคล้องกันเข้ามาวิเคราะห์วิจารณ์ แล้วทำนายในลักษณะของความน่าจะเป็นตามตรรกวิทยา
 
     ส่วนพุทธทำนายนั้น เป็นความจริงแท้ที่พระพุทธองค์ทรงเห็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ว่าประกอบเหตุเช่นนี้ ในอนาคตผลจะเป็นอย่างไร ทรงรู้แจ้งหมดทั้งโลก ตลอดนิพพาน ภพสาม โลกันต์ ไม่มีสิ่งใดปิดบังญาณทัสสนะอันบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ได้ และหากทรงพยากรณ์เรื่องใด เรื่องนั้นจะเป็นจริงตามที่พยากรณ์ทุกประการ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ ในส่วนหยาบๆ พระพุทธองค์ทรงมีสัจจะ มีวาจาสัตย์ ตรัสอย่างไรเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นไม่ว่าจะทรงทำนายเรื่องใดจึงไม่มีผิดพลาดแน่นอน
 
     * ดังเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล คืนหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเห็นพระสุบินนิมิตซึ่งไม่เคยพบมาก่อน ทรงตกพระทัยตื่นบรรทม ครั้นรุ่งเช้าพระองค์ตรัสเล่าความฝันให้พราหมณ์ปุโรหิตฟัง พวกพราหมณ์พากันจับยามดู แม้อาศัยหลักโหราศาสตร์ก็วิเคราะห์ไม่ได้ ครั้นจะทูลว่าไม่รู้ก็กลัวจะเสียภูมิโหราจารย์ จึงกราบทูลแบบเดาสุ่มไปว่า
 
     "ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พระสุบินนี้ร้ายกาจนัก อันตรายจะบังเกิดขึ้นแก่ราชสมบัติ แต่พวกข้าพระองค์จักพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อแก้ไขอันตรายในครั้งนี้ โดยจะต้องบูชายัญด้วยสัตว์แต่ละประเภทอย่างละ ๔ ตัว"  พระราชาทรงกลัวมรณภัยมาก จึงรับสั่งให้จัดพิธีบูชายัญทันที พวกพราหมณ์ออกคำสั่งให้ทำหลุมบูชายัญที่นอกเมือง และให้จับฝูงสัตว์ทั้ง ๒ เท้า ๔ เท้า อีกทั้งสัตว์ปีกมามัดไว้ที่หลักบูชายัญ
 
     เมื่อพระนางมัลลิกาเทวีเห็นการบูชายัญใหญ่โตเช่นนั้น ได้รีบเข้าไปทูลถามเรื่องราวทั้งหมดกับพระราชา เนื่องจากพระนางเป็นคนฉลาดมีปฏิภาณดี จึงทูลแนะนำพระราชาว่า “ข้าแต่มหาราชเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ชื่อว่าเป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งโลก เป็นยอดของพราหมณ์ทั้งหลายในโลก ขอเชิญพระองค์เสด็จไปทูลถามพระพุทธองค์เถิด”
 
     จากนั้นพระนางทูลขอให้หยุดการทำบูชายัญไว้ก่อน แล้วพาพระราชาเสด็จไปถวายบังคมพระบรมศาสดา พระราชากราบทูลเรื่องพระสุบิน และการทำนายของพวกพราหมณ์แด่พระพุทธองค์ แล้วทูลขอให้พระพุทธเจ้าทำนายมหาสุบินข้อที่หนึ่ง ที่ว่า “โค ๔ ตัวแสดงอาการจะชนกัน วิ่งมาจากทิศทั้งสี่สู่ท้องพระลานหลวง มหาชนเห็นเช่นนั้นพากันมาดูโคชนกัน โคบันลือเสียงคำรามลั่น แต่ไม่ชนกัน ต่างถอยออกไป นี้เป็นมหาสุบินเรื่องแรก ความฝันนี้หมายความว่าอย่างไร พระเจ้าข้า”
 
     พระบรมศาสดาทรงทำนายว่า “ผลของสุบินข้อนี้ จักไม่มีในปัจจุบัน แต่ในอนาคตเมื่อโลกหมุนไปถึงจุดเสื่อม ในรัชกาลของพระราชาผู้กำพร้า ผู้มิได้ครองราชย์โดยธรรม และในสมัยของมนุษย์ผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม กุศลธรรมลดน้อยถอยลง อกุศลธรรมหนาแน่นขึ้น ฝนจักแล้ง ทุพภิกขภัยจักบังเกิดขึ้น มหาเมฆตั้งขึ้นจากทิศทั้งสี่ ฝ่ายหญิงรีบเก็บข้าวเปลือกที่นำออกผึ่งแดดเข้าที่ร่ม ฝ่ายชายถือจอบถือตะกร้าพากันออกไปเพื่อก่อคันกั้นน้ำ ฝนก็ตั้งเค้าจะตก ดังกระหึ่ม ฟ้าแลบ แต่ไม่ตก เมฆลอยหายไป เหมือนโคตั้งท่าจะชนกันแล้วไม่ชนกัน นี่เป็นผลของมหาสุบินที่จะเกิดในอนาคต”
 
     พระราชาทูลเล่ามหาสุบินข้อที่สองว่า “ต้นไม้เล็กๆ และกอไผ่แทรกแผ่นดินเพียงคืบหนึ่งบ้าง ศอกหนึ่งบ้าง ต่างผลิดอกออกผลไปตามๆ กัน”   พระบรมศาสดาทรงทำนายว่า “มหาบพิตร มหาสุบินข้อนี้ จักมีในกาลที่โลกเสื่อม สมัยที่มนุษย์มีอายุน้อยกัปไขลง สัตว์ทั้งหลายในอนาคตจักมีราคะกล้า กุมารีมีวัยยังไม่สมบูรณ์ จักสมสู่กับบุรุษ พากันจำเริญด้วยบุตรและธิดา  เสมือนต้นไม้เล็กๆ มีดอก ฉันใด กุมารีเหล่านั้นเจริญด้วยบุตร และธิดา เหมือนต้นไม้เล็กๆ มีผล ฉันนั้น”
 
     พระราชาทูลถามมหาสุบินข้อทีสามต่อไปว่า “หม่อมฉันได้เห็นแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิดในวันนั้น อะไรเป็นผลแห่งสุบินนั้น พระเจ้าข้า” “มหาบพิตร แม้ผลของสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคตเช่นกัน คือ จะมีผลในเวลาที่พวกมนุษย์พากันละทิ้งเชษฐาปจายิกกรรม คือ ความเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ เพราะในอนาคตฝูงสัตว์จักไม่เคารพยำเกรงในพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ คนแก่ๆ จะพากันหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนก็ไม่ได้ ต้องง้อพวกเด็กๆ เลี้ยงชีพ เป็นเหมือนแม่โคใหญ่ พากันดื่มนมลูกโคที่เกิดในวันนั้น”
 
     พระราชาทูลถามมหาสุบินข้อที่สี่ต่อไปอีกว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้เห็นข้าวสุกที่คนหุงในหม้อใบเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่สุกทั่วกันทั้งหม้อ พ่อครัวจึงแยกเป็น ๓ ส่วน คือ ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี อะไรเป็นผลแห่งสุบินข้อนี้ พระเจ้าข้า”  พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า “มหาบพิตร ผลของสุบินข้อนี้ จักมีในอนาคตเช่นกัน ด้วยในกาลภายหน้า ผู้นำแผ่นดินจักไม่ดำรงอยู่ในธรรม ข้าราชการพราหมณ์และคฤหบดี รวมไปถึงชาวเมืองทั้งหมด นับแต่สมณะและพราหมณ์ จักพากันไม่ตั้งอยู่ในธรรม เหมือนฝูงโคที่ข้ามน้ำไปไม่ถึงฝั่งเพราะได้จ่าฝูงไม่ดี
 
     แม้เทวดาที่เคยดูแลรักษามนุษย์ก็จักไม่ทรงธรรม ไม่ลงรักษาอีกต่อไป ลมจักพัดไม่สม่ำเสมอ พัดแรงเกินไป ทำให้วิมานในอากาศของเทวดาสั่นสะเทือน วิมานของรุกขเทวาก็หักโค่นลง เมื่อวิมานถูกลมพัด หมู่เทวดาต่างพากันโกรธ แล้วจักไม่ให้ฝนตก ถึงแม้จะตกก็ตกไม่ทั่วฟ้า บางปีไม่ตกเลยทำให้เกิดความแห้งแล้ง อดอยากยากแค้น ตรงไหนมีฝนดี ข้าวกล้าก็อุดมสมบูรณ์ ในบางพื้นที่ตกหนักเกินไป ข้าวกล้าก็เสียหาย ภัยชนิดนี้จะยังไม่มีแก่มหาบพิตร แต่จะบังเกิดขึ้นในอนาคต”
 
     นี่เป็นพุทธทำนายที่พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ถึงอนาคตไว้ โดยปรารภเหตุมหาสุบินของพระราชาผู้ทรงธรรมในสมัยก่อน ซึ่งเมื่อกาลเวลาผ่านมาถึง ๒,๕๐๐ กว่าปี พุทธพยากรณ์นั้นก็ปรากฏเป็นความจริง เช่นที่เราได้เห็นภัยอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากสภาวะโลกปัจจุบันเริ่มเสื่อมถอย ธรรมะเริ่มถูกเบียดบัง คนประพฤติอธรรมพากันทำความเสื่อมให้เกิดขึ้นเสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันนำศีลธรรมกลับคืนมาให้ได้ ก่อนที่ภัยพิบัติใหญ่จะบังเกิดขึ้น ให้รีบสั่งสมบุญกันให้เต็มที่ อย่าประมาทในชีวิต ให้ชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันเป็นไปเพื่อการประพฤติธรรม สั่งสมบุญบารมี ให้ทานรักษาศีลเจริญภาวนากันให้เต็มที่ทุกๆ คน  ส่วนพุทธทำนายข้อต่อไปจะเป็นอย่างไร มีใกล้เคียงหรือตรงกับเหตุการณ์ในโลกยุคปัจจุบันอย่างไรบ้าง ไว้ติดตามกันครั้งต่อไป

 
พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหา มุนี
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
 
* มก. เล่ม ๕๖ หน้า ๒๑๖
 
 

http://goo.gl/AcQ2C


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - อานิสงส์ทำบุญทอดกฐิน
      หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
      โสฬสญาณ
      เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
      พระอรหันต์รู้ได้ยาก
      ความวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา
      พระอรหันต์มีจริง
      พระอริยเจ้า
      ผลแห่งการชวนคนมารู้จักพระรัตนตรัย
      คนดีที่โลกต้องการ
      นักสร้างบารมีพันธุ์อาชาไนย
      เวสารัชชธรรม ๔
      ต้นแบบแห่งความดี




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related