CASE STUDYโหยหวนวันพระเรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพ
ลูก มาวัดตั้งแต่วัยยังละอ่อน...สมัยเป็นนักศึกษาชมรมพุทธฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528_ทำบุญทุกบุญโดยไม่เคยตกบุญใดๆเลย ปัจจุบันมาทำงานอยู่ที่อเมริกา ชีวิตของลูกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน แต่ลำบากพอสู้ เพราะลูกต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย และรับภาระในบ้านแทนพ่อ-แม่ทั้งหมด เพื่อให้ท่านได้ทำบุญและปลดภาระในการดูแลลูกลูกมีความตั้งใจว่า แม้ตัวเองจะลำบากแต่ขอให้พ่อ-แม่สุขสบาย เมื่อไม่นานมานี้ ชีวิตของลูกก็ได้พบกับเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัส จนสุดจะทานทน พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไร ลูกก็มีอาการปวดหัว จนไมเกรนขึ้นมาทุกที...ก่อนที่อาการของลูกจะหนักไปกว่านี้ เพราะหาทางออกไม่ได้ ลูกจึงตัดสินใจส่ง Case Study เพื่อกราบขอความเมตตา มายังพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฝันในฝัน ให้ดังนี้ค่ะคุณพ่อของลูก เคยบวชเป็นพระอยู่สิบพรรษา ที่วัดของหลวงปู่ขาว แล้วจึงลาสิกขาออกมาอยู่ทางโลก ต่อมาก็ได้พบรักกับคุณแม่และร่วมชีวิตกันจนมีลูก 5คน คุณพ่อมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนามาก ท่านปฏิบัติตนอย่างสม่ำเสมอในการทำบุญ โดยทั้งสองท่านจะไปวัดทำบุญและตักบาตรทุกวัน ในวันพระก็ชักชวนกันรักษาอุโบสถศีล รวมทั้งไม่เคยขาดการสวดมนต์และนั่งสมาธิเลยแม้แต่วันเดียวแต่ในสมัยที่ลูกยังเล็กๆ คุณพ่อประกอบอาชีพด้านการเกษตรซึ่งรวมไปถึงการเพาะเลี้ยงลูกวัวเอาไว้ส่งขายบ้าง คุณพ่อทำอาชีพนี้อยู่หลายปีก่อนที่จะเลิกไป เพราะลูกส่งเงินให้ท่านใช้จ่ายอย่างพอเพียงแม้คุณพ่อจะไม่ดื่มเหล้า แต่ท่านก็สูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 11ปี และเลิกสูบอย่างเด็ดขาดได้ตอนอายุ 60ปี ปัจจุบันคุณพ่ออายุ 76ปีแล้ว สุขภาพไม่สมบูรณ์นัก เริ่มตั้งแต่ มีอาการต่อมลูกหมากโต รวมทั้งอาการหูไม่ได้ยินมาเป็นสิบปี ลูกได้พาท่านไปหาหมอและทำเครื่องช่วยฟังมาช่วยขยายการฟังให้ท่าน แต่น่าแปลกที่ว่า เมื่อทำเครื่องช่วยฟังกลับมาถึงบ้านแล้ว ลูกงงมากค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคุณพ่อกลับได้ยินเป็นปกติ จนไม่ต้องใช้เครื่องช่วยฟังอีกเลยความแปลกที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้นะคะ เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา คุณพ่อมีอาการไอหนักมากจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้และนอนไม่หลับ หมอรักษาก็ไม่หาย คุณพ่อผ่ายผอมอ่อนแรงจนเหมือนนอนรอความตาย ลูกเสียใจมากเพราะคิดว่า อยากเลี้ยงดูให้ท่านสบาย และอยากให้ท่านได้ทำบุญมากๆ แต่คุณพ่อก็จะมาจากไปเสียแล้วลูกไม่ทราบจะทำอย่างไร จึงไปที่หน้าภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ กราบและอธิษฐานบอกท่านว่า...“หลวงปู่เจ้าขา พ่อของลูกป่วยหนัก ไม่ทราบว่าจะเดินทางออกจากร่างวันไหน ลูกยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณของพ่ออย่างที่ตั้งใจไว้เลย กราบขอพรจากหลวงปู่ช่วยพ่อให้รอดชีวิต เพื่อลูกจะได้ดูแลและชวนคุณพ่อทำบุญ”ลูกกราบพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯไปก็น้ำตาซึม และหลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็หายป่วยอย่างอัศจรรย์ ลูกนั้นซาบซึ้งในความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯมากๆ...ลูกขอน้อมดวงใจก้มกราบบูชาเจ้าค่ะจนอีกเกือบสิบปี คุณพ่อมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบและเป็นอัมพาตทั้งตัว ต้องนอนอยู่กับที่ โดยมีคุณแม่เป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ในระยะแรกคุณพ่อยังสามารถตอบโต้โดยการพยักหน้า หรือขยิบตาได้บ้าง แต่ต่อมาก็ทำได้เพียงขยับนิ้ว แม้ร่างกายจะเป็นอัมพาตไปแทบทุกส่วน แต่น่าแปลกที่กล่องเสียงของท่านยังทำงานได้ดีอย่างน่าทึ่ง และนี่แหละค่ะ คือปัญหาที่ทำให้ลูกเครียดจนไมเกรนขึ้นทุกครั้งที่ได้ยิน หรือแม้แต่แค่นึกถึงเพราะคุณพ่อ จะเปล่งเสียงร้องอย่างโหยหวนก้องกังวาน ทุกๆสองนาที โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ เสียงร้องของท่านฟังแล้วเหมือนเสียงของวัวที่ร้องด้วยความโหยหวนทุกข์ทรมาน ความดังที่เปล่งออกมายากจะคำนวณได้ว่ากี่เดซิเบล ลูกทราบแต่เพียงว่า ได้ยินกันอย่างถ้วนทั่วทั้งหมู่บ้าน เสียงของท่านดังมากจนคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เครียดมาก โดยเฉพาะคุณแม่ซึ่งต้องดูแลคุณพ่ออยู่ตลอดเวลา และเสียงจะยิ่งดังและถี่มากเป็นพิเศษในวันพระลูกเคยจ้างคนมาช่วยดูแล แต่ทุกคนก็เผ่นหนีหมด ในเวลาที่คุณพ่อไม่ได้ร้อง ลูกเคยคุยกับท่านว่า “พ่อจ๋า...อย่าร้องได้ไหม สงสารแม่ จะเอาอะไร เจ็บตรงไหนก็ขยับนิ้วบอก” คุณพ่อก็ทำท่ารับรู้ แต่อีกสักครู่ก็จะร้องเหมือนเดิมอีกจนทุกคนอ่อนใจ ในช่วงที่ป่วยแรกๆก็ยังมีคนมาเยี่ยม แต่ต่อมาไม่มีใครมาเยี่ยมอีกเลย เพราะชาวบ้านรังเกียจเสียงร้องที่ดังมากๆ ลูกเองก็อึดอัดใจจนอยากจะร้องเสียงดังๆออกมาบ้างค่ะคุณแม่ของลูก เป็นภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด แต่ท่านก็เป็นคนแปลกค่ะ เพราะตั้งแต่ลูกจำความได้ ลูกมักจะเห็นคุณแม่มีวิญญาณมาเข้าร่างเสมอ บ่อยครั้งที่คุณแม่จะตัวสั่นเทิ้ม กลายเป็นคนอื่นทั้งเสียงพูด และกริยาท่าทาง ซึ่งวิญญาณที่มาเข้าร่างคุณแม่ส่วนใหญ่ มักจะบอกว่าเป็นญาติ เมื่อถูกถามว่าเป็นใครก็ไม่ยอมบอก แต่บางครั้งก็บอกว่าเป็นคุณตาหรือคุณยายที่เสียไปแล้ว พร้อมกับทักทายลูกหลาน พอทักทายจนหนำใจแล้วจึงออกไป คุณแม่ก็จะหงายหลังล้มตึง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นจะจำอะไรไม่ได้เลย อาการของคุณแม่นี้ ถือเป็นเรื่องปกติประจำวันในครอบครัวของเราไปแล้วค่ะนอกจากนี้นะคะ ลูกก็นึกสงสัยว่า เพราะเหตุใด ลูกจึงต้องเป็นผู้รับภาระในการดูแลคนทั้งครอบครัว ลำพังคุณพ่อและคุณแม่ ลูกก็เต็มใจดูแลเต็มที่ เนื่องจากท่านคือผู้ให้กำเนิด แต่ความรับผิดชอบของลูกได้เลยเถิดไปจนถึงครอบครัวของพี่ชาย พี่สาว และน้องๆด้วยนี่ซิคะ ลูกไม่เข้าใจเลย เพราะตั้งแต่ลูกเรียนจบ ลูกก็ต้องคอยสนับสนุนจุนเจือ รวมทั้งจัดการเรื่องในครอบครัวของพี่ๆน้องๆอยู่เรื่อยตั้งแต่ พาพี่ชายไปรักษาตัวจากอาการติดเหล้า ส่งเงินช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขา เพื่อให้หลานได้เรียนหนังสือ บางครั้งคิดๆดูแล้วลูกรู้สึกท้อแท้ใจเหลือเกินค่ะ เพราะหาเงินได้เท่าไหร่ก็ดูจะไม่เพียงพอ แต่พอนึกถึงคุณพ่อกับคุณแม่ก็ทำให้ลูกมีแรงสู้ต่อไปค่ะ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกปนเศร้านะคะส่วนเรื่องแปลกเรื่องต่อไปก็คือ บ้านที่คุณพ่อคุณแม่อยู่ในตอนนี้ ซึ่งเป็นบ้านสองหลังติดกัน เดิมเป็นของคุณตาคุณยายและมีป้าอยู่ด้วย ปัจจุบันท่านทั้งสามเสียชีวิตไปแล้ว บ้านสองหลังนี้สภาพค่อนข้างเก่า เมื่อลูกกลับจากอเมริกาก็ตั้งใจที่จะรื้อบ้านหลังเก่าออก และปลูกหลังใหม่มาแทนที่ แต่ในวันที่จะรื้อบ้าน คุณแม่ก็มีอาการขาแข็ง ก้าวขาไม่ออก และคนในครอบครัวก็เจอเรื่องต่างๆ ที่ทำให้รู้โดยทั่วกันว่า ห้ามรื้อบ้านเด็ดขาดและเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อนฝรั่งของลูกมาพักที่บ้าน เขาถามลูกว่า “เห็นผู้หญิงที่นุ่งซิ่นไหม ที่เดินมาดูเขาบ่อยๆ เดินลอยไปลอยมาเหมือนเท้าไม่ติดพื้น คือใคร” และเขายังเห็นคนอีกหลายคนที่เดินลอยๆแบบนี้อยู่ในบ้านด้วยค่ะ ลูกฟังแล้วก็รู้สึก...ขนแขนลุกซู่...และเนื่องจากเพื่อนคนนี้เป็นนักสะสมผ้าพื้นเมืองของเอเชีย เมื่อมาเมืองไทย เขาจึงขอร้องให้ลูกพาไปยังแหล่งทอผ้า โดยมีคุณแม่ของลูกตามไปด้วยเราไปดูกันหลายที่ เขาก็ยังบอกกับลูกว่า เขาชอบผ้าของพม่ามากกว่า แต่เมื่อเดินมาถึงร้านๆหนึ่ง เขากลับเลือกผ้าไหมไทยมาหนึ่งผืน เขาจ่ายเงินไป 1,500บาท โดยไม่ต่อรองราคาแม้แต่คำเดียว เมื่อกลับมาถึงบ้านลูกถามเขาว่า “ไหนยูว่าชอบผ้าพม่ามากกว่าและยังไม่ถูกใจผืนไหนเลย ทำไมจึงซื้อผ้านี้มาโดยไม่ต่อราคาล่ะ ผ้าก็ไม่เห็นจะสวยเด่นอะไรเป็นพิเศษสักนิด”เขาตอบว่า “เป็นเพราะผู้ชายคนที่มากับแม่ของยูที่นั่งอยู่ด้านหลัง บอกให้ไอซื้อ แถมบอกว่า ไม่ต้องต่อราคา ไอก็ทำตามน่ะซิ” ลูกฟังแล้วก็ถึงกับประมาณอึ้งไปเลย แล้วลูกก็ถามตัวเองว่า “อะไรกันนี่” เพราะวันนั้นเราไปกันแค่สามคน ไม่ทราบว่าคนที่สี่ซึ่งเพื่อนเห็นมาจากไหน ถามแบบนี้จะตอบเองก็คงตอบไม่ถูกดังนั้น จึงขอตั้งคำถามมายังคุณครูไม่ใหญ่ดังนี้ค่ะ1.คุณพ่อของลูกเป็นอะไรคะ ทำไมจึงร้องได้อย่างโหยหวน และมีอาการมากเป็นพิเศษในวันพระ เป็นเพราะวิบากกรรมเช่นไร ทำอย่างไรท่านจึงจะหยุดร้องคะ2.คุณแม่ของลูกเล่าว่า เมื่อต้นปีก่อนที่คุณพ่อจะอาการทรุดหนัก ท่านเห็นภาพคุณพ่อลุกขึ้นเดิน พร้อมกับหิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน ลูกจึงตั้งข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จริงๆแล้ว คุณพ่ออาจจะเสียชีวิตไปแล้ว และคนที่ร้องโหยหวนอยู่ในร่างของท่านคือคนอื่นคะ3.ในสมัยบวช คุณพ่อเคยเรียนวิชาวิทยาธร สามารถรักษาอาการงูสวัด หรือคอพอกได้ โดยการเป่าเพียงครั้งเดียว แต่ท่านไม่ได้รับรักษาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่หากใครมาหาท่านก็จะช่วย เป็นไปได้ไหมคะ ที่อาจารย์วิทยาธรจะทำอะไรคุณพ่อ4.คุณตาคุณยายและคุณป้าของลูกตายแล้วไปไหนคะ ยังอยู่ที่บ้านจริงหรือไม่ ท่านทั้งหลายมาเข้าร่างคุณแม่จริงๆหรือไม่คะ ทำไมคุณแม่ของลูกจึงมีวิญญาณมาเข้าร่างบ่อยๆ ลูกจะช่วยคุณแม่ได้อย่างไรคะ5.บ้านสองหลังของลูก มีอาถรรพ์อะไรหรือไม่ ทำไมจึงรื้อไม่ได้ ลูกควรทำอย่างไรคะ6.คนที่เดินเท้าไม่ติดพื้นในบ้าน ซึ่งเพื่อนฝรั่งของลูกมองเห็นนั้นคือใคร และคนที่นั่งรถไปซื้อผ้าไหมพร้อมเพื่อนลูกและสั่งให้เพื่อนซื้อโดยไม่ต่อราคาคือใคร ทำไมเพื่อนของลูกจึงต้องทำตามคำสั่งของเขาคะ7.ลูกมักได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลรอบข้างมากมายในทุกๆเรื่อง เช่น มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งถึงกับถามทุกครั้งที่ลูกโทรศัพท์ไป ก่อนที่ลูกจะเอ่ยปากว่า “What can I do for you?” และให้ความช่วยเหลือเกินความคาดหมายทุกครั้ง ลูกสงสัยว่า เหตุใดจึงมีผู้ช่วยเหลือลูกในลักษณะเช่นนี้หลายคน อานิสงส์นี้เกิดจากบุญเลี้ยงดูบิดามารดาอย่างดีและสงเคราะห์ญาติใช่หรือไม่คะ8.พ่อสามีของน้องสาว ที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และไม่เชื่อเรื่องบุญ ท่านตายแล้วไปไหนคะ ถ้าท่านไปในที่ไม่ดี จะช่วยท่านได้อย่างไรคะ9.พ่อสามีของน้องสาว ตอนมีชีวิตอยู่ ท่านรักหลานคนเล็กมาก เมื่อท่านเสียชีวิต ปรากฏว่าหลานคนเล็กมักจะตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนเหมือนมีใครมาเล่นด้วย และร้องโยเยไม่ยอมนอนในตอนกลางคืนมาเป็นเวลากว่าปีแล้ว การที่หลานไม่ยอมนอนตอนกลางคืนเป็นเพราะคุณปู่มาเล่นด้วย หรือเกิดจากวิบากกรรมของหลานคะ10.หลานคนนี้ปัจจุบันอายุ 2ขวบ เป็นเด็กเลี้ยงยาก ตอนเกิดมาฝ่าเท้าทั้งสองพับเข้าหาส้นเท้า ต้องรักษาอยู่นาน ปัจจุบันหายเกือบเป็นปกติแล้ว สามารถเดินได้แต่ฝ่าเท้ายังงอโค้งอยู่ หลานมีวิบากใดจึงเลี้ยงยากมาก เกิดมามีฝ่าเท้าพับทั้งสองข้างคะ11.ลูกและคุณพ่อ คุณแม่ เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรคะ ลูกมีผังในการอธิษฐานประพฤติพรหมจรรย์มาบ้างหรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะตั้งตัวได้ ลูกอยากทำบุญเยอะๆ เพื่อจะได้ไม่ลำบากเหมือนในชาตินี้ค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ที่เมตตาฝันในฝันให้ลูกและครอบครัวค่ะ
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ทีแล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ1.คุณพ่อร้องโหยหวน เพราะกรรมในอดีต เคยฆ่าวัวเพื่อขายและเพื่อส่งให้เขาฆ่าเป็นประจำ มาส่งผล ที่ร้องก็ไม่รู้ตัว แต่กรรมบังคับ
มีอาการมากเป็นพิเศษในวันพระ เพราะฆ่าวัวเป็นประจำดังกล่าว ไม่เว้นแม้วันพระ ทั้งๆที่คนห้ามแล้วก็ไม่ฟัง เจตนาที่แรงกล้านี้จึงเป็นกรรมพิเศษ
จะแก้ไข ก็ให้ทำบุญแทนท่านในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตอุทิศบุญนี้ไปยังสัตว์ที่ท่านฆ่าบ่อยๆ และอธิษฐานให้บุญนี้ไปตัดรอนวิบากกรรมดังกล่าว2.คุณแม่เห็นภาพของคุณพ่อ ลุกขึ้นพร้อมกระเป๋า ออกจากบ้านเมื่อต้นปีก่อนที่คุณพ่อจะมีอาการทรุดหนักนั้น ก็เป็นเรื่องคิดไปเอง เพราะคุณแม่มีเชื้อสิงๆทรงๆ จึงทำให้เห็นเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย
3.ในสมัยบวช คุณพ่อเคยเรียนวิชาวิทยาธร สามารถรักษาอาการของงูสวัด และคอพอกได้ โดยการเป่าเพียงครั้งเดียวนั้น อาการร้องโหยหวนของคุณพ่อก็ไม่เกี่ยวกับอาจารย์วิทยาธร แต่เป็นเพราะวิบากกรรมดังกล่าว จึงทำให้ท่านมีอาการดังนั้น และไม่รู้ตัวด้วย4.คุณตาตายแล้ว ก็เป็นภุมมเทวาอยู่ที่บ้าน
- คุณยายตายแล้ว ก็เป็นภุมมเทวาอยู่ที่บ้าน
- คุณป้าตายแล้ว ก็เป็นภุมมเทวาอยู่ที่บ้าน
- ท่านทั้งสามก็มาเข้าร่างคุณแม่จริง
- คุณแม่ของลูกมีวิญญาณมาเข้าร่างบ่อยนั้น เพราะกรรมทรงเจ้าเข้าผีแบบพื้นบ้าน
ตัวลูกจะช่วยท่านได้ก็ต้องให้ท่าน ทำทาน รักษาศีล5 ศีล8 เจริญภาวนา แล้วเลิกยินดีที่คนเหล่านี้มาเข้า โดยฝืนทางกายแล้วภาวนา "สัมมา อะระหัง" ไม่ยอมให้เข้า ก็จะแก้ได้5.บ้านสองหลังดังกล่าว รื้อไม่ได้ เพราะคุณตา คุณยาย คุณป้า ทั้งสามท่านไม่อยากให้รื้อ เพราะเป็นที่อยู่ของท่านเหล่านั้น
ดังนั้นก็ไม่ต้องรื้อ แต่ปรับปรุงพัฒนาให้แข็งแรง ถ้าจะสร้างใหม่ก็ต้องสร้างอีกที่หนึ่ง6.ฝรั่งเห็นคนเดินไม่ติดพื้นที่บ้านนั้น ก็คือ คุณตา คุณยาย คุณป้า ท่านมาทักทาย
คนที่นั่งรถไปซื้อผ้าไหมพร้อมเพื่อนลูก และสั่งให้เพื่อนซื้อโดยไม่ต่อราคานั้น คือ คุณตา เพื่อนลูกต้องทำตามคำสั่ง เพราะโดนฤทธิ์ของคุณตาที่เป็นภุมมเทวา สะกดให้ทำตาม7.ตัวลูกมักได้ความช่วยเหลือ จากคนรอบข้างมากมายในทุกเรื่อง เช่น มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ถึงกับถามทุกครั้งที่ลูกโทรศัพท์ไป ก่อนที่ลูกจะเอ่ยปากว่า "What Can I do for you?" และให้ความช่วยเหลือเกินความคาดหมายทุกครั้งนั้น เพราะบุญสงเคราะห์ญาติและเลี้ยงดูบิดามารดา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มารวมกันส่งผล
8.พ่อสามีของน้องสาว เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพราะกรรมปาณาติบาตฆ่าสัตว์ทำอาหารและดื่มเหล้าสูบบุหรี่ หลายๆชาติ มารวมกับกรรมที่เคยรับราชการและได้งุบงิบของราชการ มาส่งผล
- ตายแล้วก็ไปเป็นภุมมเทวาชั้นล่าง วนเวียนอยู่ที่บ้านของตนเอง
9.พ่อสามีของน้องสาว ตอนมีชีวิตอยู่จะรักหลานคนเล็กมาก เมื่อท่านเสียชีวิตแล้ว หลานคนเล็กมักจะตื่นขึ้นในเวลากลางคืน เหมือนมีคนมาเล่นด้วย และร้องโยเยในเวลากลางคืน มาเป็นเวลากว่าปีแล้วนั้น เพราะคุณปู่ที่อยู่ที่บ้านมาเล่นด้วย ไม่ได้เกิดจากวิบากกรรมใดของหลาน10.หลานคนนี้ปัจจุบันอายุ 2ขวบ เป็นเด็กเลี้ยงยาก ตอนเกิดมาฝ่าเท้าทั้งสองพับเข้าหาส้นเท้า ต้องรักษาอยู่นาน ปัจจุบันหายแล้วเกือบเป็นปกติ สามารถเดินได้แต่ฝ่าเท้ายังโค้งงออยู่ เพราะกรรมในอดีต เคยเกิดในครอบครัวชาวจีนโบราณ ชอบบังคับลูกหลานให้รัดเท้า เพื่อให้เท้าเล็กให้ถูกรสนิยมของคนในสมัยนั้น จนเท้าของลูกหลานบางคนผิดรูปร่าง มาส่งผล
แต่เกือบหายเป็นปกติ เพราะกรรมเริ่มเบาบาง และมีบุญเลี้ยงดูบิดามารดาและสงเคราะห์ญาติ มาส่งผลทำให้อาการดีขึ้น หลานเลี้ยงยาก เพราะกรรมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว11.ลูกแลคุณพ่อ-คุณแม่ เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา คุณพ่อ-คุณแม่ มีสายบุญกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียงแต่น้อยกว่าตัวลูก
ลูกก็มีผังในการอธิษฐาน ที่จะประพฤติพรหมจรรย์มาบ้างเหมือนกัน เพราะชาติก่อนเบื่อการครองเรือน เนื่องจากมีความทุกข์มาก จึงอธิษฐานจิตที่จะประพฤติพรหมจรรย์ แต่ผังยังไม่หนาแน่น
จะตั้งตัวได้ ลูกต้องสั่งสมบุญทุกบุญให้มากๆ อีกทั้งพยายามสร้างธุรกิจที่จะเป็นของตัวเอง ด้วยความรอบคอบด้วย
ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย
http://goo.gl/gkhpp