ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2553 ช่วงที่ 2.1ธุดงค์ธรรมชัยตอนทุกย่างก้าวของพระธุดงค์ เปรียบดังลมหายใจของพระพุทธศาสนาการเดินธุดงค์ของพระธรรมทายาท เพื่อพลิกวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งเพื่อมุ่งฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาการเดินธุดงค์ของพระธรรมทายาท ภาคฤดูร้อน รุ่นที่38 ที่มุ่งหน้าไปยังวัดหนองปรือนั้น ทุกรูปต่างก้าวไปด้วยอาการสงบสำรวม แม้ตลอดระยะทางกว่าสิบกิโลเมตร จะเต็มไปด้วยไอแดดที่แผดจ้า และพระธุดงค์จะถูกแสงแดดแผดเผาอย่างไรก็ไม่หวั่น ทุกรูปยังคงก้าวไปด้วยใจที่มุ่งมั่น ที่จะไปช่วยกันฟื้นฟูและพัฒนาวัดให้กลับมารุ่งเรือง ตลอดเส้นทางการดินธุดงค์ ก็จะมีชาวบ้านออกมานั่งคุกเข่าพนมมือรับ และมองตามพระธุดงค์ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา อีกทั้งตลอดทางก็จะมีชาวบ้านนำน้ำเย็นๆและปานะมาคอยถวาย พอเดินไปใกล้แหล่งชุมชนก็มีชาวบ้านตะโกนถามกันจากอีกฟากหนึ่งของถนนว่า “นี่ๆ...พระมาจากไหนเยอะแยะเลย แล้วท่านจะไปไหนกันหรือ” อีกคนก็ตะโกนกลับไปบอกว่า “พระมาธุดงค์ จะไปที่วัดหนองปรือจ้า” แล้วก็มีเสียงตะโกนตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้นอีกว่า “จริงเหรอ ดีจริงๆเลย พรุ่งนี้ฉันจะได้เตรียมของใส่บาตรเอาไว้เยอะๆ”ชาวบ้านก้มลงเช็ดเท้าพระด้วยความเคารพอย่างสูงสุดบางคนที่กำลังถีบจักรยานมาด้วยความเมามัน เมื่อเจอคณะพระธุดงค์ก็ถึงกับกระโดดลงจากรถจักรยานในทันที เพื่อจะลงมานั่งกับพื้นยกมือไหว้พระธุดงค์ เมื่อไปถึงวัดหนองปรือ พระธุดงค์ก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นจำนวนมากมาคอยตั้งแถวรับ โดยมีการจัดเตรียมน้ำสะอาดลอยดอกมะลิเอาไว้ เพื่อประกอบพิธีล้างเท้าพระ ชาวบ้านพากันนั่งอย่างเป็นแถวเป็นแนว และค่อยๆรินน้ำลงบนเท้าทั้งสองข้างของพระธุดงค์ แล้วบรรจงใช้ผ้าสะอาดเช็ดเท้าตามอีกที เป็นภาพที่สร้างความปีติยินดีกันไปถ้วนหน้า เพราะเมื่อชาวบ้านเห็นพระธุดงค์ที่เต็มไปด้วยความสำรวมก็มีความเคารพเลื่อมใส ส่วนพระธุดงค์ที่เห็นความศรัทธาของชาวบ้านก็เกิดความปีติใจพระครูสุนันทโชติ (เจ้าอาวาสวัดหนองปรือ) ให้โอวาทกับพระธุดงค์พระครูสุนันทโชติ(เจ้าอาวาสวัดหนองปรือ)อายุ 80กว่าปี ได้เมตตาออกมาต้อนรับคณะพระธุดงค์ด้วยตนเอง ท่านกล่าวว่า “หลวงพ่อบวชมา 50พรรษา ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่ประจำที่วัดนี้มาตลอด อยู่มาตั้งแต่ยังไม่มีโบสถ์ ไม่มีศาลา ก็ค่อยๆพัฒนาวัดมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ชราภาพมากแล้ว หลวงพ่อปลื้มมากๆที่มีโอกาสได้ต้อนรับพระธุดงค์เยอะๆแบบนี้ เห็นเด็กหนุ่มๆมาบวชกันอย่างนี้ทำให้หัวใจของหลวงพ่อพลอยมีกำลังไปด้วย ถ้าอย่างไรก็อยู่ต่อที่นี่สักสี่ถึงห้ารูปนะ มาช่วยกันทำวัดและชุมชนให้สว่าง”พื้นที่หน้าโบสถ์ก่อน และหลังพัฒนาตามซอกตามมุมก่อน และหลังการพัฒนาเมื่อพระธุดงค์มาถึงวัดแล้วก็ไม่รอช้า ช่วยกันพัฒนาวัดในทันที โดยวันแรกช่วยกันพัฒนาระบบไฟฟ้า ทำความสะอาดห้องน้ำที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำและหยากไย่ วันที่สองพัฒนาโบสถ์และศาลาที่เต็มไปด้วยมูลนก ขี้ฝุ่นและขี้ดิน พระธุดงค์ทำกันอย่างขยันขันแข็ง สะอาดหมดจด จนชาวบ้านบอกกันว่า “หลวงพี่นี่สุดยอดเลยครับ ผมไม่เคยเห็นวัดที่ไหนจะสะอาดอย่างนี้มาก่อนเลย หลวงพี่ทำได้อย่างไร ขนาดใต้ถุนศาลายังไม่เหลือฝุ่น เอาเสื่อมาปูนอนใต้ศาลายังได้เลยนะครับ”พระลูกวัด อดีตกองพลเจ็ดพันตำบล ที่กลับมาบวชใหม่อีกครั้งที่วัดหนองปรือก็กล่าวว่า “หลวงพี่ดีใจมากๆ ที่มีคณะพระธุดงค์มาจากวัดพระธรรมกาย มาช่วยพัฒนาวัด ทำให้หลวงพี่มีแรงบันดาลใจ และมีแนวร่วมในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในชุมชน เพราะลำพังตัวหลวงพี่เองก็คิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นอย่างไร มีพระธุดงค์มาช่วยกันอย่างนี้ รู้สึกมีแรงใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ” ชาวบ้านใส่บาตรด้วยความปีติใจในช่วงเช้า เมื่อพระธุดงค์ออกบิณฑบาต ก็สร้างความฮือฮากันไปทั้งบาง โดยมีชาวบ้านออกมาใส่บาตรกันมากมาย ชาวบ้านชอบใส่บาตรมากๆ มาใส่บาตรกันแทบทุกบ้าน และทุกคนก็ตั้งใจว่าจะต้องใส่ให้ครบกับจำนวนพระที่มาบิณฑบาตอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครเตรียมของออกมาไม่พอก็จะวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อนำภัตตาหารออกมาเพิ่ม เมื่อบิณฑบาตไปที่ตลาด พ่อค้าแม่ขายก็พากันมาตั้งแถวใส่บาตรด้วยความคึกคัก หลายคนบ่นว่า “ไม่รู้เลยว่าจะมีพระมาบิณฑบาตเยอะอย่างนี้ ฉันเลยเตรียมของไม่ทัน”พระธุดงค์นำชาวบ้านนั่งสมาธิรอบอุโบสถก่อนประกอบพิธีเวียนเทียนครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่อุโบสถหลังนี้กลับมาสว่างไสวอีกครั้งแต่ขนาดบ่นว่าเตรียมตัวไม่ทัน ก็ยังสามารถหาภัตตาหารมาใส่บาตรจนครบทุกองค์ ด้วยศรัทธาของสาธุชนทำให้พุทธบุตรต้องหารถกระบะขนอาหารใส่บาตรกลับวัด ซึ่งแต่ละวันจะต้องใช้รถกระบะเป็นจำนวน 4-5คันกันเลยทีเดียว นอกจากการพัฒนาวัดแล้ว พระธุดงค์ยังเป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านอีกด้วย โดยในช่วงค่ำก่อนที่จะประกอบพิธีจุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ชาวบ้านก็จะมาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น และนั่งสมาธิกับคณะพระธุดงค์ คุณลุงท่านหนึ่งบอกว่า “หลายปีแล้วครับที่ไม่มีการเวียนเทียนรอบโบสถ์แบบนี้ ถ้าไม่มีพระธุดงค์มา พวกผมก็คงไม่ได้มาสร้างบุญสร้างกุศลกันแบบนี้หรอกครับ”
http://goo.gl/3pk6O