ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2555
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 1
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 1
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาประพฤติปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนาธุดงค์ปีใหม่ถือเป็นกิจกรรมบุญบันเทิงที่เรา จะได้มาร่วมกันแสวงหาความสุขที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายๆ ด้วยการตั้งใจมาประพฤติปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา และร่วมกิจกรรมงานบุญที่วัด เพื่อเตรียมต้อนรับสิ่งที่ดีๆ ที่จะหลั่งไหลเข้ามาในชีวิต ซึ่งการอยู่ธุดงค์ปีใหม่ในปีนี้...ลูกๆ ทุกคนก็จะได้มาร่วมกันสั่งสมบุญใหญ่ เพื่อเป็นเฉลิมฉลองต้อนรับศักราชใหม่แห่งปีมะโรง (จะเฮงใหญ่) นั่นก็คือ...การทำบุญทอดผ้าป่าธรรมชัย นั่นเอง
นอกจากลูกๆ จะได้บุญใหญ่จากการมาอยู่ธุดงค์และทอดผ้าป่าธรรมชัยกันแล้ว ลูกๆ ทุกคนก็ยังจะได้บุญใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยการร่วมกันต้อนรับพุทธบุตรคณะพระธุดงค์จำนวน 1,127 รูป ซึ่งจะเดินธุดงค์เป็นปฐมเริ่มในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์อีกด้วย (เรียกได้ว่า...การเปิดศักราชปีใหม่ปีนี้ ลูกๆ ทุกคนจะได้รับบุญใหญ่กันหลายชั้นเลยทีเดียว)
“ ธุดงค์ ” แปลว่า...องค์คุณเครื่องกำจัดและเมื่อลูกๆ ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องการอยู่ธุดงค์และการเดินธุดงค์กันแล้ว ลูกๆ ก็คงอยากที่จะทราบว่า การอยู่ธุดงค์และการเดินธุดงค์ซึ่งจะต้องถือธุดงควัตรนั้นได้อานิสงส์อย่างไร แต่ก่อนที่คุณครูไม่ใหญ่จะเล่าถึงอานิสงส์ดังกล่าว เราก็มาศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของการถือธุดงควัตรกันก่อน คำว่า “ ธุดงค์ ” แปลว่า...องค์คุณเครื่องกำจัดกิเลส หมายถึง ข้อวัตรปฏิบัติที่มีความเข้มงวดเป็นพิเศษ ที่จะช่วยกำจัดกิเลสให้หลุดร่อนออกไปจากใจได้อย่างดีเยี่ยม
ฝึกให้เราเป็นผู้รักความสงบ
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการถือธุดงควัตรนั้น ก็เป็นไปเพื่อ
1. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความมักน้อย
2. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความสันโดษ
3. ฝึกให้เราได้ขัดเกลากิเลสให้เบาบาง
4. ฝึกให้เราเป็นผู้รักความสงบ
5. ฝึกให้เราเป็นผู้รักการแสวงหาสิ่งที่เป็นสาระที่แท้จริงของ ชีวิต (ซึ่งก็คือ...ธรรมะหรือ พระธรรมกายภายใน นั่นเอง)
การถือธุดงควัตรนี้ก็ไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้เฉพาะพระภิกษุสงฆ์สำหรับเรื่องการถือธุดงควัตรนี้ก็ไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้เฉพาะพระภิกษุสงฆ์ แม้คฤหัสถ์ก็สามารถที่จะปฏิบัติได้เป็นบางข้อตามความเหมาะสมกับตัวเอง แต่การถือธุดงควัตรสำหรับคฤหัสถ์จะต้องปฏิบัติอย่างไรนั้น เราควรที่จะมาทำความรู้จักกับข้อปฏิบัติของธุดงควัตรทั้งหมดกันก่อน
ธุดงควัตรนั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 13 ข้อ และแต่ละข้อก็ยังแบ่งออกเป็น 3 ระดับ (สำหรับผู้ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ อย่างกลาง และอย่างเบา) ดังต่อไปนี้คือ1. ปังสุกูลิกังคะ คือการถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร หมายถึง การใช้แต่ผ้าที่ไม่มีเจ้าของ หรือผ้าที่เขาทิ้งเอาไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ตามกองขยะ หรือข้างถนน เป็นต้น เท่านั้น โดยจะไม่ใช้ผ้าที่ทายกถวายเป็นอันขาด
จะใช้แต่ผ้าที่เขาทิ้งเอาไว้ในป่าช้าหรือผ้าที่ห่อศพเท่านั้นโดยพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ (หรือ อย่างเข้มงวด) จะใช้แต่ผ้าที่เขาทิ้งเอาไว้ในป่าช้าหรือผ้าที่ห่อศพเท่านั้น สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลาง จะใช้ผ้าที่ผู้มีบุญทอดเอาไว้ด้วยความตั้งใจว่า... “ เมื่อพระภิกษุผ่านมาเห็น จะถือเอาผ้านี้ไปใช้เป็นจีวร ” ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบา สามารถที่จะรับผ้าที่ผู้มีบุญได้มาวางทอดไว้ที่ใกล้เท้าได้ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบา สามารถที่จะรับผ้าที่ผู้มีบุญได้มาวางทอดไว้ที่ใกล้เท้าได้สำหรับวัตถุประสงค์ของการถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตรนั้น ก็เป็นไปเพื่อ
1. ไม่ต้องลำบากในการรักษาจีวร และไม่ต้องกลัวโจรผู้ร้ายจะมาขโมยจีวรไป
2. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความมักน้อยและสันโดษ คือมีความยินดีในจีวรที่ตัวเองหามาได3. เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีงามแก่อนุชนรุ่นหลัง เป็นต้น
การถือผ้าไตรจีวรเป็นวัตร หมายถึง การใช้ผ้าแค่เพียงสามผืนเท่านั้น2. เตจีวะริกังคะ คือการถือผ้าไตรจีวรเป็นวัตร หมายถึง การใช้ผ้าแค่เพียงสามผืนเท่านั้น (ได้แก่...ผ้าสบง, จีวร และสังฆาฏิ) โดยพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ (หรือ...อย่างเข้มงวด) เมื่อจะทำการย้อมผ้า ก็จะนำเอาจีวรที่ยังไม่ได้ย้อมมานุ่งห่ม เพื่อทำการย้อมผ้าสบงเป็นอันดับแรกเมื่อย้อมผ้าสบงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำผ้าสบงที่ย้อมแล้วมานุ่ง เพื่อทำการย้อมผ้าจีวรต่อไป เมื่อย้อมผ้าทั้งสองเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยย้อมผ้าสังฆาฏิเป็นลำดับสุดท้าย
สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลาง เมื่อจะทำการย้อมผ้าในโรงย้อม จะนุ่งห่มจีวร (ซึ่งเป็นของส่วนกลาง) ที่มีอยู่ในโรงย้อม แล้วก็ทำการย้อมผ้าไตรจีวรของตัวเอง ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบา เมื่อจะทำการย้อมผ้า จะนุ่งห่มจีวรของพระเพื่อนหรือใช้ผ้าอื่นๆ เช่น ผ้าปูนอน ที่มีอยู่ในที่พักมานุ่งห่ม เป็นต้น ก็ได้ จากนั้น ก็ทำการย้อมผ้าไตรจีวรของตัวเอง
สำหรับวัตถุประสงค์ของการถือผ้าไตรจีวรเป็นวัตรนั้น ก็เป็นไปเพื่อ
1. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความสันโดษ หรือ...มีความยินดีในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ และเมื่อเรามีความสันโดษแล้ว...ก็จะทำให้เราไปไหนมาไหนได้โดยสะดวกและไม่มีความกังวล (ประดุจดั่งนกน้อยที่โผบินไปในอากาศ ฉะนั้น)
2. ฝึกให้เราเป็นผู้ไม่สะสมผ้า
3. กำจัดความโลภ (หรือ...ความอยากได้) อติเรกจีวร (หรือ...จีวรที่นอกเหนือจากผ้าไตรจีวรทั้ง 3 ผืน)
4. ฝึกให้เราเป็นผู้รู้จักประมาณในการใช้สอย
5. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความมักน้อย เป็นต้น
การถือบิณฑบาตเป็นวัตร หมายถึง...การฉันภัตตาหารที่ได้รับมาจากการบิณฑบาตเท่านั้น3. ปิณฑะปาติกังคะ คือการถือบิณฑบาตเป็นวัตร หมายถึง...การฉันภัตตาหารที่ได้รับมาจากการบิณฑบาตเท่านั้นโดยพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ (หรือ...อย่างเข้มงวด) จะรับภัตตาหารเฉพาะในช่วงที่ออกเดินบิณฑบาตเท่านั้น สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลาง เมื่อนั่งและลงมือฉันภัตตาหารแล้ว ก็ยังสามารถที่จะรับภัตตาหารจากญาติโยมในระหว่างที่ฉันได้ ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบา ถ้าหากมีญาติโยมมานิมนต์ให้ไปรับบิณฑบาตในวันถัดไป ก็สามารถที่จะรับนิมนต์ของญาติโยมได้
จะรับภัตตาหารเฉพาะในช่วงที่ออกเดินบิณฑบาตเท่านั้นสำหรับวัตถุประสงค์ของการถือบิณฑบาตเป็นวัตรนั้นก็เป็นไปเพื่อ
1. ขจัดความเกียจคร้านให้หมดไป (คือ...พระภิกษุที่ถือธุดงควัตรข้อนี้จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อบิณฑบาตไปโปรดญาติโยม)
2. เพื่อจะได้เป็นเนื้อนาบุญให้แก่ผู้มีบุญทั้งหลายโดยไม่จำกัดตระกูลและไม่เลือกชนชั้นวรรณะ
3. กำจัดมานะ (หรือ...ความถือตัว) ที่มีอยู่ในตน (เช่น...จากที่ตัวเองเคยได้ฉันภัตตาหารที่ประณีต แต่ก็ยอมที่จะฉันภัตตาหารเท่าที่ได้มาจากบิณฑบาต ซึ่งบางครั้งก็น้อย บางครั้งก็มาก บางครั้งอาจจะประณีต หรือบางครั้งอาจจะไม่ประณีตก็ได้ เป็นต้น)
4. เพื่อไม่ให้ติดในรสชาติอาหาร คือ...อร่อยหรือไม่อร่อยก็ฉัน แล้วก็จะฉันเท่าที่บิณฑบาตมาได้เท่านั้น
5. เพิ่มพูนนิสัยที่ดีงามที่มีอยู่ในตัวเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
6. เพื่อเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีงามแก่อนุชนรุ่นหลัง เป็นต้น
การรับบิณฑบาตไปตามลำดับบ้านโดยไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง4. สะปะทานะจาริกังคะ คือการถือบิณฑบาตตามลำดับบ้านเป็นวัตร หมายถึง...การรับบิณฑบาตไปตามลำดับบ้านโดยไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง ไม่ว่าจะเป็น...บ้านของคนจนหรือบ้านของคนรวย เป็นต้น โดยพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ (หรือ...อย่างเข้มงวด) จะรับบิณฑบาตที่หน้าบ้านของญาติโยมเท่านั้น (คือ...ไปถึงบ้านไหนก็จะรับที่บ้านนั้น) สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลาง สามารถที่จะรับภัตตาหารจากญาติโยมในระหว่างทางที่กำลังเดินบิณฑบาตหรือกำลังเดินกลับวัดได้ ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบา สามารถที่จะนั่งคอยเพื่อรอรับภัตตาหารจากญาติโยมได้
ปฏิบัติอย่างกลาง สามารถที่จะรับภัตตาหารจากญาติโยมในระหว่างทางที่กำลังเดินบิณฑบาตหรือกำลังเดินกลับวัดได้สำหรับวัตถุประสงค์ของการถือบิณฑบาตตามลำดับบ้านเป็นวัตรนั้นก็เป็นไปเพื่อ
1. ฝึกให้เราไม่ติดในตระกูลทั้งหลาย
2. เพื่อจะได้เป็นเนื้อนาบุญให้แก่ผู้มีบุญทั้งหลายอย่างเท่าเทียมกัน...โดยไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง
3. ช่วยขจัดความตระหนี่ของมหาชนที่อยู่ในตระกูลทั้งหลาย
4. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความมักน้อย เป็นต้นส่วนว่า...ธุดงควัตรข้อต่อไปจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไปอานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 2, ตอนที่ 3, ตอนที่ 4, ตอนที่ 5, ตอนที่ 6, ตอนที่ 7, ตอนที่ 8, ตอนที่ 9, ตอนที่ 10, ตอนที่ 11, ตอนที่ 12, ตอนที่ 13
http://goo.gl/Y52Lu