รู้ทันความขี้เกียจ

ศัตรูตัวสำคัญของมนุษย์ คือ ความขี้เกียจ เป็นตัวบั่นทอนความเจริญในชีวิตของเราทำให้เราไม่เจริญก้าวหน้า แต่เราสามารถแก้ไขความขี้เกียจของเราได้อย่างไรบ้าง? https://dmc.tv/a16696

บทความธรรมะ Dhamma Articles > Review รายการ
[ 28 ก.ย. 2556 ] - [ ผู้อ่าน : 18269 ]

ข้อคิด รอบตัว

รู้ทันความขี้เกียจ



รู้ทันความขี้เกียจ
เรียบเรียงมาจากรายการ ข้อคิด รอบตัว ที่ออกอากาศทางช่องDMC




 ความขี้เกียจ   อุปสรรคตัวสำคัญของมนุษย์
 หากชีวิตคนเราไม่เดินไปข้างหน้าแล้ว
 ความหวัง  ความฝันที่ตั้งไว้ ก็คงไม่มีวันเป็นจริง
 เพราะถูก ความขี้เกียจ กัดกินจนหมดสิ้น


 
ต้นตอของความขี้เกียจคืออะไร?
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
นิวรณ์ทั้ง 5 ประการ
 
 
     ถ้าหากดูจากนิวรณ์สิ่งที่กีดขวางมนุษย์จากการที่ใจนิ่งเป็นสมาธิ พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่ามี 5 อย่าง

1.กามฉันทะ ได้แก่ ความเพลิดเพลินไปในเบญจกามคุณทั้ง ๕ รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัส เมื่อไปเพลิดเพลินในสิ่งเหล่านี้มากเท่าไหร่จะบั่นทอนความวิริยะ อุตสาหะของเราลงทันที และเกิดเป็นอาการเกียจคร้าน
 
2.พยาบาท ได้แก่ เมื่อมีความโกรธแค้นใคร ส่งผลให้ทำงานไม่รู้เรื่อง หูอื้อ ตาลาย คิดอะไรไม่ออก ต้องทำใจเราให้โปร่งๆ เพราะถ้าพยาบาทเมื่อไหร่จะทำให้ใจเราเสียคุณภาพของใจ              
 
3.ถีนมิทธะ ได้แก่ ความท้อถอย หดหู่หรือความง่วงหงาวหาวนอน เมื่อมีอาการง่วงๆ ทำให้ความขยันลดลงหรือช่วงที่ใจกำลังหดหู่มีความรู้สึกว่าทำไม่ได้ ทำไม่ไหวความรู้สึกที่ต้องต่อสู้กับงานจึงถอย
 
4.อุทธัจจกุกกุจจะ ได้แก่ ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ถ้าเราอยู่ในช่วงที่มีเรื่องฟุ้ง กังวล คิดไปสารพัด ทำให้ไม่ได้งานเพราะมัวแต่ใจลอยคิดมากทำให้งานไม่เกิด
 
5.วิจิกิจฉา ได้แก่ ความลังเล สงสัย เมื่อจะทำงานก็มีความลังเลไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร ไม่รู้จะไปทางไหนดี

 
     นิวรณ์ทั้ง 5 นี้คือเครื่องกีดขวางความสำเร็จและเป็นเหตุให้เราเกิดความขี้เกียจขึ้นมา


หลักธรรมใดที่ช่วยแก้ไขความขี้เกียจได้บ้าง?
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ เมื่อใดที่ประโยชน์ชัดเจนความพากเพียรจะตามมา
 
 
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์กล่าวไว้ว่า อิทธิบาท 4 คือ หนทางนำไปสู่ความมีฤทธิ์หรือความสำเร็จ

1.ฉันทะ ความรัก ความเต็มใจที่จะทำงาน
2.วิริยะ ความพากเพียร อุตสาหะ
3.จิตตะ ความมีใจจดจ่อ
4.วิมังสา ความเข้าใจในงานที่ทำ

     ทั้ง 4 อย่างนี้คือสิ่งที่จะทำให้เราเอาชนะความขี้เกียจและนำไปสู่ความสำเร็จ เริ่มจากฉันทะ ท่านกล่าวไว้ว่า จะเกิดขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ เมื่อรู้ว่าทำแล้วเราจะได้ประโยชน์อย่างไรก็จะเกิดความอยากทำขึ้นมา เช่น ถ้ามีประชุมคน 100 คน ขอรับสมัครคนทำงานก่อนสักชั่วโมงให้ค่าตอบแทนแสนบาท  เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ทำมีประโยชน์และคุ้มค่าจึงเกิดความตั้งใจที่จะทำงาน
 
    แต่มีข้อเปรียบเทียบแบบให้เห็นชัดเจนว่า เมื่อใดที่ประโยชน์ชัดเจนคนจะมีความรู้สึกอยากทำ แต่ถ้าเป็นประโยชน์แบบไกลๆ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ความรู้สึกอยากทำก็น้อยลง เช่น เด็กเรียนหนังสือรู้หรือไม่ว่าจบมาแล้วจะมีงานดีๆทำ  ถ้าเรียนก็จะทำให้มีอนาคตที่ดีซึ่งรู้กันอยู่ทุกคน แต่ต้องใช้เวลากว่าหลายปีจึงทำให้รู้สึกท้อบ้าง แต่ถ้าขยันชั่วโมงเดียวสำเร็จทั้งชีวิตคงขยีนกันหมดทั้งโลก  เมื่อระยะเวลาที่นานอาจทำให้ขยันบ้างไม่ขยันบ้าง แต่โดยสรุปแล้วคือ  เมื่อใดก็ตามที่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจน  รวดเร็วเท่าไหร่ฉันทะจะเกิดและวิริยะความพากเพียรจะตามมา
 

อยากประสบผลสำเร็จเรื่องการเรียน มีเคล็ดลับอย่างไร?
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
ทำตารางชีวิตเราให้เป็นระเบียบ
 
 
     เรื่องการเรียนทุกคนต้องมีประสบการณ์ที่ผ่านมาค่อนข้างคล้ายกัน คือ เมื่อสอบไล่ปลายภาคและเกรดออกต้องดูเกรดก่อน  พอผลที่ออกมาไม่ค่อยด๊ก็ตั้งใจว่าเทอมหน้าต้องตั้งใจเริ่มใหม่  เมื่อเปิดเทอมใหม่ก็ตั้งใจจะขยันอ่านหนังสือตามความตั้งใจแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะเห็นเพื่อนๆไปเที่ยวเล่นสนุกสนาน คิดว่าไม่อ่านวันนี้คงไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อคงไม่เป็นไร  จึงปล่อยผ่านไปทุกวันๆ จนกระทั่งตอนสอบจึงค่อยมาอ่านเมื่อผลก็ออกมาก็เป็นเหมือนเดิม ปรากฏว่าเป็นแบบนี้ทุกเทอมตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัย
 
     ซึ่งเด็ก 80-90% ส่วนใหญ่เป็นกัน พบว่าการอ่านหนังสือแต่ละครั้งต้องใช้กำลังเป็นอย่างมาก แต่ความจริงมีวิธีที่ดีกว่านั้น คือ ทำตารางชีวิตเราให้เป็นระเบียบทั้งเรื่องการบ้าน เรื่องงาน อ่านหนังสือ ทบทวนวิชาเรียน  เมื่อทำได้เป็นประจำจนติดเป็นนิสัยจะพบว่าเมื่อถึงเวลาเราจะทำเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งใช้ความพยายามในตอนต้นเท่านั้น แต่ใครที่ไม่มีกิจวัตรประจำวันแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโต  ทุกครั้งที่หยิบหนังสือมาอ่านต้องใช้กำลังใจอย่างยิ่งยวดทุกครั้งมากกว่าการทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน  ทำให้คุ้นเป็นนิสัยซึ่งจะติดตัวเราไปตลอดเราก็จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ        
 
 
เรียนไม่รู้เรื่อง จะแก้ไขอย่างไรดี?


รู้ทันความขี้เกียจ
แม้เราจะไม่เก่ง แต่ให้เรามีความตั้งใจ
 
 
     มีตัวอย่างของคนที่ไม่ชอบเรียนในบางวิชา แต่ต่อมาอีก 1-2 ปี กลับเป็นคนที่ชอบวิชานั้นไปได้ เมื่อดูจะพบว่าสาเหตุเกิดจากการดูว่าตนเองทำได้หรือไม่ เพราะวิชาไหนที่ทำได้ก็จะชอบเป็นพิเศษคิดว่าเรียนสู้คนอื่นได้  ฉะนั้นการรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องบางครั้งอยู่ที่จุดเริ่มต้น เช่น เรียนวิชานั้นตอนต้นมาแล้วมีเหตุไม่สบาย  ไม่ได้ไปโรงเรียนหรือไปสนใจสิ่งอื่นกระทั่งละเลยไป
 
     ทำให้พื้นฐานไม่พอทำให้เป็นวิชาที่ไม่ค่อยชอบส่งผลให้คะแนนไม่ดี ถ้าหากเราทุ่มเทมากขึ้นสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ยิ่งทุ่มเทเป็นพิเศษ และดูแบบจริงจังจนกระทั่งรู้เรื่อง จะพบว่าเราพ้นจากโรคภูมิแพ้วิชานั้นแล้ว กลายเป็นวิชาที่ชอบหรือเป็นวิชาโปรดแทน ต้องเอาใจจดจ่อและมีความเข้าใจในการศึกษาในการเรียนต้องอดทนผ่านไปให้ได้  ถึงแม้เราจะไม่เก่ง แต่ให้เรามีความตั้งใจ ทำอย่างเต็มที่ความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า
 

ทำไมคนจีนจึงได้ชื่อว่าเป็นคนขยัน?
 

รู้ทันความขี้เกียจ
หล่อหลอมจนฝังเป็นวัฒนธรรมของชาติ
 
 
     เรารู้ประวัติศาสตร์ของจีนมาค่อนข้างมาก ทุกคนที่โตมาต้องสู้กันทุกคน เป็นชีวิตที่ต้องปากกัด ตีนถีบเพราะมีคู่แข่งมาก ฉะนั้นคนจีนจึงถูกสถานการณ์แวดล้อมหล่อหลอมจนฝังเป็นวัฒนธรรมของชาติ ทุกคนใฝ่ฝันความสำเร็จ ปลุกฝังกระทั่งว่าแม้แต่ขอทานยังสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ นำตัวอย่างที่ดีจากประวัติศาสตร์มาสอน เช่น จูหยวนจาง ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิง  อดีตเป็นแค่คนขอทานต่อมาไปเป็นหลวงจีนและศึกมามีภรรยาและลูกของหัวหน้าโจร สู้จนกระทั่งขับไล่มองโกลออกจากประเทศได้สำเร็จ  จึงสถาปนาราชวงศ์หมิงครองอำนาจในจีนอยู่เป็นเวลา 300 ปี
 
     คนจีนจึงนำมาสอนกันว่า แม้แต่ขอทานยังก้าวมาเป็นฮ่องเต้ได้ แล้วทำไมลูกฉันจะเป็นฮ่องเต้ไม่ได้ คนจีนทุกคนเกิดมาพ่อแม่จึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับลูก อนาคตลูกต้องเป็นสุดยอดในสังคมจีน เด็กจีนทุกคนจึงมีความใฝ่ฝันและมีความทะเยอทะยาน ทำถูกหลักในการปลูกฝังฉันทะ  เพราะล้วนมีความฝันสูงและหนทางของความฝันคืออะไรที่จะทำให้ก้าวไปตรงนั้น จำเป็นต้องมีความรู้ จึงจ้องพยายามเรียนหนังสือ เมื่อมีโอกาสมาเมื่อไหร่ต้องทุ่มเท
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
ปลูกฝังลูกให้ประสบความสำเร็จ
 

     มีตัวอย่างเล่าต่อกันมา สมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าบางคนครอบครัวยากจนมากทั้งวันต้องชายงานในสวน ไร่นาพ่อแม่ ตกกลางคืนจะอ่านหนังสือเพราะไม่มีเวลาอ่านกลางวันบางคนต้องปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่ออ่านหนังสือ  บางคนไปจับจิ้งหรีดมาห่อผ้าไว้เพื่ออาศัยแสงจากจิ้งหรีดเพราะไม่มีเงินซื้อแม้กระทั่งเทียนไข  คนจีนมีเรื่องเล่ามากมายที่มาเล่าให้ลูกหลานฟังตั้งแต่ยังเล็กทำให้เด็กจีนถูกปลูกฝังมาตลอด พ่อแม่จีนแต่ละคนจะมีคำติดปากว่า "สิ่งใดที่ข้าพเจ้ายังทำไม่สำเร็จ จะทุ่มเทให้ลูกมาทำให้สำเร็จ" ซึ่งถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ความหวังของพ่อแม่จึงฝากไว้กับลูก  ตนเองทำสุดชีวิตยังไม่สำเร็จไม่เป็นไรเพราะลูกจะมารับภาระนี้แทน จึงฝึกลูก ดูแลและให้ได้รับการศึกษาอย่างดีที่สุด เพราะชีวิตคนเราสั้นจึงต้องมีคนมารับผิดชอบต่อ
 
      คนจีนจึงมีคติที่ว่า อกตัญญูมีอยู่ 3 ไร้ทายาท จัดอยู่อันดับหนึ่ง ไม่มีทายาทถือเป็นการอกตัญญูจึงต้องพยายามมีลูกและถ่ายทอดความฝันให้แก่ลูก  เพื่อให้มาสร้างชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ลูกหลานทุกคนต้องคำนึงถึงพ่อแม่และบรรพบุรุษ เพื่อพยายามทำให้ดีที่สุด ซึ่งฝากกันมารุ่นต่อรุ่น ในภาวะสังคมที่แข่งขันกันมาก ทุกคนต้องสู้ดังนั้นเมื่อใครที่ให้โอกาสแก่เขา เขาจะรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากและเห็นคุณค่าของโอกาส ตระหนักสำนึกในพระคุณ คนจีนจึงมีคติว่าบุญคุณต้องทดแทน ของไทยเราจึงไม่เข้มแข็งเท่ากับของจีน ทำให้ประเทศจีนพัฒนาประเทศได้รวดเร็ว ตั้งแต่ที่เติ้ง เสี่ยวผิงเปิดประเทศใช้ระบบการตลาดเข้ามาถือเป็นโอกาสที่ดี จึงทำให้ทุกคนทุ่มเทสุดชีวิต สังคมโดยรวมจึงเกิดการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องตามหลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 

ขยันเกินกลัวเครียด จะขยันอย่างไรให้มีความสุข?


รู้ทันความขี้เกียจ
การทำงานในแบบ Active
 
 
     คนที่ทำงานอย่างนี้เขามีความสุขที่ได้ทำงาน ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่ได้ทำงานจะเฉามาก บางคนทำงานมาทั้งชีวิต อายุ 70-80 ก็ยังทำเพราะทำถึงมีความสุข เมื่อไหร่ที่ลูกบอกให้อยู่บ้านเพราะอายุมากแล้วเกิดอาการเฉาชีวิตได้  คนที่เป็นนักทำงานระหว่างที่ทำงานหนักๆเขามีความสุข
 
   ขึ้นอยู่กับว่าเราทำแบบเป็นผู้กระทำหรือถูกบังคับให้กระทำ ถ้าทำงานอย่าง Active ทำแบบเป็นผู้กระทำเราเป็นเจ้าของงาน ควบคุมการทำงานว่าทำมากทำน้อยเราจะไม่เครียด แต่ถ้าทำแบบ Passive เป็นการฝืนใจบังคับ ฝืนใจให้กระทำ เจ้านายเร่งมาไม่ทำก็ต้องโดน เมื่อเจองานมากๆเข้ายิ่งทำให้เครียดเพราะถูกบังคับให้ทำ
 

เทคโนโลยีปัจจุบัน มีส่วนทำให้เราขี้เกียจไหม?
 

รู้ทันความขี้เกียจ
รู้จักการเพาะปลูกเพื่อผลผลิตที่มากขึ้น
 
 
    ทำให้เราสะดวกมากขึ้นแต่จะขี้เกียจหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าเราดูสัตว์ที่หากินเองตามธรรมชาติไม่ใช่สัตว์เลี้ยง สัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติทั้งวันอยู่กับการหาอาหาร มนุษย์ในยุคโบราณที่ยังเป็นลักษณะเร่ร่อนอยู่ก็คล้ายๆสัตว์ อาศัยอยู่ในถ้ำ ถือตะบองตระเวนไปหาผลไม้ป่าหรือล่าสัตว์มาบ้างเพื่อเป็นอาหารซึ่งก็วุ่นอยู่กับการหาอาหาร
 
     การปฏิวัติครั้งใหญ่ของมนุษย์คือการปฏิวัติเกษตรกรรม เราเคยได้ยินแต่ปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่การปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่กว่าคือเกษตรกรรม เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์รู้จักการเพาะปลูก จะกินก็ไม่ต้องไปเดินหาในป่าแต่ปลูกสวนผลไม้ ปลูกข้าวซึ่งได้มากกว่าการหาเก็บ เมื่อเกิดการปฏิวัติทำให้มนุษย์ผลิตอาหารได้คราวละมากๆ  มากจนเพียงพอที่จะกินแล้วเหลือทำให้มีคนบางกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องผลิต  เพราะถ้าทุกคนทำนาทั้งหมดทำให้ข้าวเหลือกิน บางส่วนจึงแยกมาทำไร่สวนผลไม้ที่เหลือก็ไปเป็นช่างฝีมือ ประดิษฐ์ประดอยข้างของเครื่องใช้ ทอผ้าและต่างๆ
 
     มีชนชั้นปกครองอยู่ลงไปเป็นเมืองเกิดขึ้น บางคนก็ใช้เวลาทั้งวันในการแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนและสร้างวรรณกรรมซึ่งถ้าเป็นยุคเร่ร่อนไม่สามารถทำได้เพราะทุกคนต้องตั้งหน้าตั้งตาหาอาหารเท่านั้น  แต่เมื่อมีการปฏิวัติทางการเกษตรเกิดขึ้นจึงสามารถกันคนส่วนหนึ่งของสังคมที่ไม่ต้องทำงานอย่างคนอื่น  แต่มาใช้สร้างสรรค์อารยธรรมของมนุษย์ในยุคของเกษตรกรรมอารยธรรมจึงเกิดขึ้นอย่างจริงจัง
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
 

     เมื่อเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็เป็นการต่อยอด ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีการพัฒนาสิ่งต่างๆเพื่อให้สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ชีวิตง่ายขึ้น  ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ทำให้เราขี้เกียจหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เวลาทำอะไร  คนในยุคนี้ยุ่งกว่ายุคก่อนมากเพราะต้องมีการติดตามข้อมูลข่าวสารให้ทัน  เพื่อแข่งขันกันถ้าไม่ตามเดี๋ยวไม่ทันสู้คนอื่นไม่ได้
 
     เทคโนโลยีความสะดวกทำให้ชีวิตเราเองง่ายขึ้นแต่เมื่อง่ายขึ้นไม่ใช่คนจะขี้เกียจขึ้นแต่กลายเป็นยั่งกว่าด้วยซ้ำ  จะขี้เกียจหรือขยันขึ้นอยู่กับนิสัยของคนๆนั้นว่าจะใช้เวลาที่เหลือทำอะไร  แต่ถ้าใช้เวลาที่เหลือที่ประหยัดได้ไปทำกิจที่เป้นประโยชน์อย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาความรู้หรือทำงานเพิ่มเติมก็ตาม เป้นการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกวิธี ทำให้เราเองใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
 
 
 
รับชมวิดีโอ
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ



http://goo.gl/mYsPD3


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      วันลอยกระทง 2566 ประเพณีและประวัติวันลอยกระทง วิธีทำกระทงง่ายๆ
      วันตรุษจีน 2566 ประวัติวันตรุษจีน การ์ดและคำอวยพรตรุษจีน
      วันครูแห่งชาติ 2567 ประวัติความเป็นมาของวันครู กิจกรรมวันครู
      วันพ่อแห่งชาติ 2566 ประวัติความเป็นมาความสำคัญ กลอนวันพ่อ การ์ดวันพ่อ
      วันปิยมหาราช ประวัติและความสำคัญของวันปิยมหาราช
      วันแม่แห่งชาติ 2566 กลอนวันแม่ ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวันแม่แห่งชาติ
      กลอนวันแม่ กลอนวันแม่สั้นๆ ซึ้งๆ จากใจลูกน้อย
      วันสื่อสารแห่งชาติ 2566 ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของการสื่อสาร
      วันภาษาไทยแห่งชาติ 2566 ประวัติ ความสำคัญของวันภาษาไทยแห่งชาติ
      วันสิ่งแวดล้อมโลก World Environment Day
      วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม 2566 World No Tobacco Day
      วันครอบครัว 14 เมษายน ประวัติความเป็นมาและความสำคัญ
      วันสตรีสากล ประวัติความเป็นมาความสำคัญของวันสตรีสากล




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  
  
  
  
  
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related