2012 วันสิ้นโลก มีจริงหรือ?

เราคงเคยได้ยินข่าวการคำทำนายว่า ในปี ค.ศ. 2012 หรือปี พ.ศ. 2555 นี้ จะเป็นปีแห่งการสิ้นโลก จึงเป็นเหตุให้เกิดความสับสนไปทั่วโลก 2012 วันสิ้นโลก มีจริงหรือ? https://dmc.tv/a14272

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ข้อคิดรอบตัว
[ 14 ธ.ค. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18278 ]

2012 วันสิ้นโลก

 
2012 วันสิ้นโลก

เรียบเรียงจากรายการข้อคิดรอบตัว
ตอน 2012 จะเป็นปีแห่งการสิ้นโลกจริงหรือ
 
 
โดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ
เรียบเรียงจากรายการนานาเทศนา ทาง DMC
 

สถานการณ์โลกปัจจุบัน ก่อนถึงวันสิ้นโลก 

        เราคงเคยได้ยินข่าวการคำทำนายว่า ในปี ค.ศ. 2012 หรือปี พ.ศ. 2555 นี้ จะเป็นปีแห่งการสิ้นโลก(วันสิ้นโลก) มีผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านได้อ้างอิงจากปฏิทินของชนเผ่ามายา ซึ่งเป็นปฏิทินแบบการคำนวณระยะยาว แบ่งออกเป็น 5 ยุค และในยุคนี้ก็ถือเป็นยุคที่ 5 ซึ่งเริ่มต้นมายาวนานกว่า 5 พันปี และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555 แต่ในปฏิทินก็ไม่ได้บ่งบอกถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นเหตุให้เกิดความสับสนไปทั่วโลก เพราะการตีความที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าเป็นวันสิ้นโลก บ้างก็ว่าเป็นวันสิ้นยุค หรือจะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นยุคใหม่ และอนาคตของโลกจะเป็นไปในทิศทางใด
 
ปี ค.ศ. 2012 จะเป็นวันสิ้นโลก หรือจะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นยุคใหม่กันแน่
ปี ค.ศ. 2012 จะเป็นวันสิ้นโลก หรือจะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นยุคใหม่กันแน่
 
        มายา เป็นชนเผ่าในอเมริกาใต้ ซึ่งเขามีปฏิทินดาราศาสตร์ที่น่าสนใจ เพราะทำได้ละเอียดมากและแม่น ขนาดนอสตราดามุส นั้นก็ยังอ้างอิงปฏิทินมายา ทีนี้วงรอบปฏิทินมายามันก็ไปจบและสิ้นสุดลงที่ปี ค.ศ. 2012 วันที่ 21 ธันวาคม คนก็ฮือฮากันใหญ่ สงสัยว่าวันนี้จะเป็นวันสิ้นโลกแล้วกระมัง ยิ่งมีข่าว มีหนังอะไรออกมา คนก็ยิ่งตกใจไปกันใหญ่ ประกอบกับช่วงนี้ก็เห็นว่าอะไรๆ มันก็แปรปรวนไปมากทั้งดินฟ้าอากาศ กระแสเรื่องนี้จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
 
        ความจริงถ้าดูดีๆ แล้ว 21 ธันวาคม นั้นคือวันคล้ายวันเกิดพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว และในปี พ.ศ. 2555 นี้ท่านก็อายุครบ 72 ปีพอดี จริงๆ มันไม่ใช่วันสิ้นโลกหรอก แต่เป็นวันที่จะเป็นการเปลี่ยนยุคต่างหาก แล้วจะเปลี่ยนอย่างไร มันก็มีเหตุทั้งหยาบและละเอียด เริ่มต้นเอาของที่เราเองเข้าใจได้ง่ายๆ คือของหยาบก่อนแล้วค่อยวกมาที่เรื่องละเอียดที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของภายใน เรื่องบุญกุศลต่างๆ นั้นอย่างไร
 

สาเหตุที่จะทำให้โลกสิ้น คืออะไรกันแน่?

 
        มีคำถามว่าทำไมช่วงนี้ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นฤดูอะไรกันแน่ บางวันก็มีทั้ง 3 ฤดูในวันเดียวกัน รู้สึกว่ามันดูแปลกๆ กว่าที่ผ่านมา อย่างในอเมริกาปีที่ผ่านมาเกิดทอนาโดขึ้นมาตั้ง 200 กว่าลูก ทอนาโดลูกเดียวก็น่ากลัวมากแล้ว แต่เกิดที 200 กว่าลูก อะไรจะขนาดนั้น แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นก็หนักที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมเมืองไทยที่ว่าปลอดภัยก็เริ่มเจอภัยธรรมชาติจนมีคนเสียชีวิต ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว รู้สึกว่าภัยธรรมชาติมันถี่ขึ้น
 
สภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวน ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นฤดูอะไรกันแน่ บางวันก็มีทั้ง 3 ฤดูในวันเดียวกัน
สภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวน ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นฤดูอะไรกันแน่ บางวันก็มีทั้ง 3 ฤดูในวันเดียวกัน
 
        ลองย้อนมาดูเศรษฐกิจบ้านเราก็จะเห็นว่าอะไรๆ ก็จะแพงขึ้น ทั้งยางพารา น้ำมัน แล้วเศรษฐกิจของไทยกับทั้งโลกจะเป็นอย่างไร จริงๆ สิ่งเหล่านี้ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกันแต่ความจริงคือมันเกี่ยวกันหมดเลย เป็นไปตามกฎแห่งเหตุและปัจจัยในพระพุทธศาสนา เพราะมีเหตุนี้เกิดขึ้นถึงมีสิ่งนี้เกิดขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ ทุกอย่างจะเกี่ยวโยงกันหมด สาเหตุสำคัญประเทศที่เป็นต้นเหตุมากที่สุดก็คือ จีน ถึงได้ชื่อว่าเป็น China Effect ถัดจากจีนก็มีประเทศอื่นตามมาอีกมาก เช่น อินเดีย บราซิล รัสเซีย แอฟริกาใต้ หรืออาเซียนเองก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เหล่านี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างเร็ว ผลคือทำให้เกิดการบริโภคพลังงานมหาศาล อย่างในจีนนั้นการส่งออกแต่ละปีโตขึ้นมากกว่า 30% การผลิตเพิ่มขึ้นมาก และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จีนก็จะสามารถผลิตรถยนต์ได้อีกปีละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคัน ที่อเมริกายังได้แค่ 10 กว่าล้านคัน แต่ที่จีนนั้นกำลังเร่งสร้างโรงงานเอาไว้รองรับแล้ว หลายๆ เจ้ารวมกันเข้าก็มากมายมหาศาล และรถนั้นมันก็ต้องใช้น้ำมันแล้วก็ปล่อยไอเสียออกมา โรงงานที่ผลิตมากๆ ก็ใช้น้ำมันแล้วก็ปล่อยไอเสียออกมา ส่งผลให้มีการบริโภคพลังงานมาก สินค้าโภคภัณฑ์ก็มีการบริโภคมหาศาล เหล็ก แร่ธาตุต่างๆ ยางพาราก็ใช่ ทั้งหมดที่มีการสร้างมามากมาย จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมราคายางถึงได้ขึ้นพรวดพราดขนาดนั้น แต่จริงๆ จีนเขาฉลาดนะ เพราะทำอย่างนี้แล้วจะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตต่อไป และผู้นำของจีนเวลาคิดและมองอะไรก็จะมองให้ลึกและกว้าง สามารถควบคุมบริหารจัดการผู้นำเศรษฐกิจต่างๆ ในประเทศของตนเองได้
 
        เมื่อปริมาณการใช้และการผลิตมหาศาลอย่างนั้น ทุกอย่างก็เลยต้องขึ้นราคา ทั้งน้ำมัน สินแร่ เหล็ก ยางพารา เมื่อมีการใช้มากก็ต้องมีการปล่อยไอเสียออกมามาก ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ถ้าจะเปรียบโลกตอนนี้ก็เหมือนคนกำลังเป็นไข้ ถ้ามากไปกว่านี้มันก็แย่ได้ มันพร้อมจะแปรปรวนได้ตลอด นี้คือภาวะของโลกปัจจุบัน
 
        ทำไมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แล้วโลกร้อน และทำไมเวลาเราขึ้นไปบนยอดเขาอากาศมันถึงเย็นทั้งที่บนเขามันก็เข้าใกล้พระอาทิตย์มากกว่า เมื่อใกล้พระอาทิตย์มากกว่ามันก็น่าจะร้อนกว่า จริงๆ เป็นเพราะว่าที่เรารู้สึกร้อน พลังงานแสงอาทิตย์มาจากอานุภาพโฟตอน วิ่งเข้ามาบนโลกแล้วเจออานุภาพของอากาศ เจอฝุ่นละอองอะไรต่างๆ มันก็จะวิ่งกระแทก อานุภาพอากาศสะท้อนไปสะท้อนมา ที่ไหนอากาศหนาแน่นมันจะสะท้อนหลายครั้งจึงทำให้ร้อน แต่บนเขาอากาศเบาบางมันจึงสะท้อนน้อยครั้งจึงทำให้อากาศเย็น ยิ่งขึ้นสูงก็ยิ่งเย็น
 
ภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน
 
        ฉะนั้นการที่โลกร้อน เมื่อเราปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปก็เป็นเพราะว่า คาร์บอนไดออกไซด์ 1 โมเลกุลมีคาร์บอน 1 ตัว และมีออกซิเจน 2 ตัว(2 อะตอม) ซึ่งมันหนักกว่าออกซิเจน แต่ออกซิเจนอย่างเดียว 1 โมเลกุลมีแค่ออกซิเจน 2 อะตอม ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์มันมีแถมคาร์บอนไดออกไซด์คาร์บอนไปอีก 1 อะตอม มันก็เลยหนัก พอหนักมันก็จะอยู่ใกล้โลก พอแสงแดดส่องมามันก็จะวิ่งไปวิ่งมาทำให้โลกร้อน คล้ายๆ เวลาอยู่ในเมืองหนาว ปกติจะปลูกพืชผักไม่ได้ แต่ถ้าปลูกในเรือนกระจกที่มุงด้วยกระจกหรือพลาสติกก็ตามนั้น ก็จะสามารถปลูกพืชผักได้ เพราะข้างในนั้นจะมีไอน้ำมีอากาศหนาแน่นกว่า พอแดดส่องมันก็วิ่งกระทบไปมาก็จะทำให้อุณหภูมิสูงกว่าข้างนอกหลายองศา จึงทำให้ปลูกพืชผักได้ โลกเราเวลาปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามาก จะทำให้เกิดภาวะคล้ายๆ ในเรือนกระจกอย่างนั้น ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น สูงขึ้นแค่ 1 องศานั้นก็แย่แล้ว สามารถทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายได้ พอน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นเป็นเมตร ประเทศบางประเทศอาจจะจมน้ำได้ แค่อุณหภูมิขึ้น 1-2 องศานั้น ผลกระทบมหาศาล จะเกิดพายุมากขึ้นเป็นสิบๆ เท่า แรงขึ้น มากขึ้น ถามว่าเพราะอะไร ก็ต้องถามต่อว่าพายุเกิดได้อย่างไร ทอนาโดเกิดได้อย่างไร เราคงเคยได้ยินคำว่า ไต้ฝุ่น เฮอริเคน ไซโคลน แล้วมันต่างกันอย่างไร ความจริงก็คือเหมือนกันหมด เรียกชื่อต่างกันตามแหล่งกำเนิดของพายุ ถ้าเกิดในแปรซิฟิกเรียกว่า ไต้ฝุ่น(Typhoon) เกิดในมหาสมุทรอินเดียเรียกว่า ไซโคลน(Cyclone) อย่างที่เข้าพม่าที่มาจากมหาสมุทรอินเดียเรียกว่า ไซโคลน ถ้าเกิดที่มหาสมุทรแอตแลนติกเรียกว่า เฮอริเคน(Hurricane) แต่ความที่มันเข้าอเมริกาบ่อยมาทางมหาสมุทรแปรซิฟิกเข้าฝั่งอเมริกา ก็เรียกเฮอริเคน
 
พายุทอร์นาโดพัดถล่มอเมริกาหลายลูก
พายุทอร์นาโดพัดถล่มอเมริกาหลายลูก
 
        แล้วพายุเกิดอย่างไร คือเวลาที่มีอากาศร้อนและแดดส่องลงมาในพื้นที่ราบๆ แล้วเวลาอากาศร้อนๆ มันลอยขึ้นพร้อมๆ กัน และอากาศด้านข้างที่เย็นกว่าจะไหลเข้ามาแทนที่ พอมาชนกันเข้าก็จะหลบกันตามสนามแม่เหล็กโลก หมุนบิดเป็นเกลียวเลยเกิดเป็นลมพายุขึ้นมา ถ้าพื้นที่ราบๆ ไม่กว้างใหญ่นักอย่างสนามฟุตบอลมันก็เป็นเกลียวเล็กๆ ถ้าที่ไหนราบกว้างๆ อย่างในอเมริกาพื้นทุ่งหญ้ากว้างมหาศาลขึ้นมาทีก็เลยกลายเป็นทอนาโด ยิ่งในมหาสมุทรพื้นน้ำยิ่งกว้างใหญ่ไพศาล ลอยขึ้นทีเป็นพันๆ กิโล ก็เลยกลายเป็นไต้ฝุ่นขึ้นมา ความรุนแรงของไต้ฝุ่นนั้นดูได้ตรงที่ว่าความแตกต่างระหว่างความกดอากาศ ถ้าไต้ฝุ่นลูกนั้นความกดอากาศตรงกลางมันต่างจากปกติกี่ปาสคาล ยิ่งความแตกต่างของความกดอากาศมากเท่าไหร่ ไต้ฝุ่นยิ่งแรงเท่านั้น อุณหภูมิต่างกันแค่ไม่กี่องศา ไต้ฝุ่นจะแรงขึ้นมหาศาล เพราะมันไหลขึ้นมาเป็นพันๆ กิโล ยิ่งไหลยิ่งเร็วขึ้นๆ พอมาเจอตรงกลางก็บิดเป็นเกลียว คราวนี้มีพลังมหาศาลเลย นี่คือกระบวนการในการเกิดพายุ อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นมาแค่ 1 องศา โอกาสเกิดลมพายุแรงขึ้นมาอีกเป็นสิบๆ เท่า ดังนั้นในบ้านเราที่มันเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแปรปรวนไปหมด เป็นเพราะว่าโลกเรากำลังจะเป็นไข้ ถ้าปล่อยให้แย่ไปกว่านี้ก็จะทนไม่ไหวแล้ว
 
โลกเราขณะนี้กำลังจะเป็นไข้ ถ้าปล่อยให้แย่ไปกว่านี้ก็จะทนไม่ไหวแล้ว
โลกเราขณะนี้กำลังจะเป็นไข้ ถ้าปล่อยให้แย่ไปกว่านี้ก็จะทนไม่ไหวแล้ว
 
        ถามว่าแล้วอะไรจะเกิดขึ้นตามมา ตอบได้เลยว่า สถานการณ์จะบีบบังคับให้ผู้นำทั้งโลกต้องหันหน้าเข้าหากัน แล้วตั้งกติกาของโลกใหม่ จากเดิมที่เคยตั้งตราสารเกียวโตแล้วมาประชุมกัน แต่สุดท้ายแล้ว จอร์ช บุช ไม่ยอมเซ็นต์ เพราะเมื่อเซ็นต์แล้วธุรกิจในอเมริกาต้นทุนการผลิตจะเพิ่ม ถ้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต้องมีต้นทุนคือเสียเงิน คาร์บอนเครดิต คนไหนปลูกป่าดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะขายคาร์บอนเครดิตได้ ทุกอย่างอยู่ที่กติกา เมื่อกติกาเปลี่ยน ธุรกิจของโลก ความคิดของคนก็จะเปลี่ยน อย่างตอนนี้ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือ การซื้อขายเงินตรา วันเดียวคิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 60 ล้านๆ บาท แค่ซื้อขายกัน 10 วันก็มากกว่าเศรษฐกิจในอเมริกาทั้งประเทศเลย ทั้งที่การซื้อขายเงินตราเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานมานี้เอง เพราะมีคนหัวใสคิดทำธุรกิจนี้ขึ้นมา ก็เกิดธุรกิจการซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นมา
 
        ต่อไปข้างหน้าก็จะเกิดธุรกิจที่เราคาดไม่ถึง ใครจะไปคิดว่าคาร์บอนไดออกไซด์นั้นจะสามารถเอามาขายกันได้ ปลูกป่าดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จะได้มีคนมาซื้อคาร์บอนเครดิตจากเรา ถ้าเราทำธุรกิจอะไรที่มีการปล่อยแก็สพิษปล่อยไอเสียออกไปแล้ว ถ้าเกินกำหนดก็ต้องไปจ่างค่าคาร์บอนเครดิต รัฐบาลในประเทศๆ หนึ่งจะมีอำนาจในการกำหนดสิ่งต่างๆ ในประเทศตัวเองเหลือน้อยลง เพราะหลายๆ อย่างจะเป็นกติกากลางของโลก เพราะประเทศหนึ่งเกิดอะไรขึ้นมันกระทบกระเทือนไปถึงประเทศอื่นด้วย ระเบียบของโลกมันจะเกิดขึ้นทำให้ทุกคนต้องยอม ถ้ารัฐบาลไหนไม่สนไม่ยอมจะถูกต่อต้านจากคนทั้งโลก การส่งออกนำเข้าทำไม่ได้ก็จะอยู่ไม่ได้ ก็ต้องยอมตามกระแสโลก ภาวะจะบีบบังคับให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา
 
        จุดที่จะเป็นจุดชี้ขาดคือ เมื่อคนอดข้าว ตัวอย่างในรัสเซียซึ่งเคยเป็นประเทศส่งออกข้าวสาลีที่สำคัญประเทศหนึ่ง มันเกิดฮีทเวฟขึ้นมา คลื่นความร้อนรุนแรงมาก ผลผลิตข้าวสาลีในรัสเซียหยุดไป รัฐบาลมอสโคต้องประกาศห้ามส่งออกทั้งหมด ให้คนในประเทศตัวเองมีกินก่อน จึงทำให้ราคาข้าวสาลีขึ้นพรวดพราดเลย ถ้าฮีทเวฟนี้ไปเกิดขึ้นที่อเมริกา ปริมาณข้าวสาลีจะหายไปจากโลกเป็น 100 ล้านตัน เพราะอเมริกาผลิตข้าวสาลีมากกว่ารัสเซียมาก จะเกิดภาวะข้าวยากหมากแพงขึ้นทั้งโลกเลย และเมื่อมีความผันผวนของดินฟ้าอากาศ เดี๋ยวพายุ น้ำท่วม ฝนแล้ง ปีหนึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเรื่อง พอกระทบกระเทือนกับผลผลิตแล้วถึงตอนนั้นจะพบว่า คำว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” เมื่อเกิดภาวะวิกฤตขนานใหญ่ขึ้นมาจริงๆ เมื่อไหร่ที่คนอดแล้วอะไรก็คุมไม่อยู่
 
ขุมพลังงานแห่งอนาคต
ขุมพลังงานแห่งอนาคต
 
        ต่อไปข้างหน้า พลังงานสะอาด คือพลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานจากลม จะบูมขนานใหญ่ และต้นทุนจะถูกลง ตอนนี้มันยังแพงกว่าผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติหลายเท่า แต่ต่อไปพอผลิตมากๆ เทคโนโลยีจะดีขึ้นแล้วราคาจะถูกลง พอราคามันใกล้เคียงกันเมื่อไหร่ แถมมีต้นทุนเรื่องคาร์บอนเครดิตด้วย ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ เอาแสงอาทิตย์มาใช้เป็นพลังงานแสงไฟฟ้าจะได้ค่าคาร์บอนเครดิต แต่ถ้าใช้น้ำมันใช้ถ่านหินต้องจ่ายค่าคาร์บอนเครดิต ถึงจุดนี้จะเริ่มสูสีกัน แล้วจะเกิดการบูมขนานใหญ่ของพลังงานสะอาด โดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่มีเหลือเฟือ พอใช้กันได้ทั้งโลก
 
        ต่อไปจะเกิดรถยนต์ไฟฟ้าบูมขนานใหญ่แทนการใช้รถยนต์ที่เติมน้ำมัน จะบูมเร็วกว่าที่คาดไว้ด้วย อัตราการเพิ่มของการใช้น้ำมันก็จะหยุด แต่จะไปเพิ่มที่ไฟฟ้าแทน และแหล่งที่มาไฟฟ้าก็จะมาจากแหล่งพลังงานสะอาดมากขึ้นๆ ราคารถไฟฟ้าก็จะถูกลงๆ และแกนเศรษฐกิจของโลกก็จะเคลื่อนตัวไปสู่สมดุลใหม่
 
        ประเทศไทยนั้นมีต้นทุนทางสังคมสูงมาก ในภาวะอย่างนี้บอกได้เลยว่าข้าวปลาอาหารจะแพง พืชพันธุ์ธัญญาหารจะได้ราคาดี ถ้าบริหารจัดการดีๆ ประเทศไทยจะทำเงินได้มหาศาลเลย ทรัพยากรธรรมชาติพื้นฐานที่สำคัญที่สุดก็คือดินกับน้ำ ซึ่งประเทศไทยมีเหลือเฟือ แถมอุณหภูมิพอเหมาะ สามารถปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ทั้งปี ถ้าจัดการดีๆ ก็จะรวยมหาศาลเลย แถมการท่องเที่ยวอีกถ้าทำดีๆ ก็จะรวยมหาศาลเหมือนกัน จะเห็นว่าเรามีต้นทุนมหาศาลอยู่แล้ว และผู้คนมีศีลมีธรรมด้วย เป็นแบบอย่างให้ผู้คนเห็นว่า เศรษฐกิจและจิตใจไปคู่กันได้จริงๆ
 
        ดังจะเห็นได้จากการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านจัดให้มีงานบุญใหญ่ๆ ต่างๆ ขึ้นมาตลอด เพื่อจะเร่งเอาบุญค้ำจุนประเทศชาติให้รอดพ้นจากวิกฤตภัยธรรมชาติต่างๆ ได้ ใจมนุษย์นั้นสามารถส่งผลต่อเนื่องเกี่ยวข้องกันกับสภาพดินฟ้าอากาศ ถ้าช่วงไหนที่ใจมนุษย์มีความโกรธเจ้าโทสะเข้าครอบงำมากเข้าๆ จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกเลย ถ้ามีราคะความโลภเป็นตัวเหนี่ยวนำมากก็จะเกิดน้ำบรรลัยกัลป์ล้างโลก ถ้ามีความลุ่มหลงมัวเมามากๆ จะทำเกิดลมบรรลัยกัลป์ล้างโลก ใจคนจะเป็นตัวควบคุมบรรยากาศรอบตัว ฉะนั้นเมื่อเอาคนมานึกถึงการทำความดี นึกถึงบุญกุศลมากๆ จะช่วยคลี่คลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันจะส่งผลเนื่องกันหยาบกับละเอียด ฉะนั้นประเทศไทยเราเองมีภารกิจที่สำคัญยิ่งคือ เราต้องเป็นต้นแบบให้กับชาวโลก ทำในยุคของเรานี่แหละ จะส่งผลให้ประเทศไทยเรานั้นสงบร่มเย็น เจริญก้าวหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 

http://goo.gl/b7p0T


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำไมจีวรพระต้องเป็นสีเหลือง
      ขอไม่นับถือพระสงฆ์
      ข้อคิดธรรมะของพระสุธรรมญาณวิเทศ (สุธรรม สุธมฺโม) จากหนังสือ "หน้าสุดท้าย"
      I can’t respect monks, can I?
      กราบไหว้ทำไม งมงาย !
      Why do people have to pay homage? Ignorant!
      โซเดียม อันตรายใกล้ตัว
      บวชให้สุก
      พลังหญิง
      ตักบาตรใส่บุญ(ตอนที่2)
      ตักบาตรใส่บุญ (ตอนที่1)
      ปัญหามรดก
      ยิ่งใหญ่ในรายละเอียด




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related