กายนิพพินทชาดก ชาดกว่าด้วยความเบื่อหน่ายร่างกาย

รุ่งเข้าวันหนึ่ง ชายป่วยได้ตื่นเช้ากว่าปกติ เขาหันหน้าออกไปทางหน้าต่างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ เขามองออกไปดูวิถีชีวิตของชาวบ้าน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นพระภิกษุสงฆ์ออกมาบิณฑบาต แล้วเขาก็เกิดความคิดอย่างหนึ่ง “ จริงสินะ ชีวิตมันไม่เที่ยงจริง ๆ สังขารย่อมร่วงโรยเป็นธรรมดา ถ้าเราหายจากโรคนี้เราจะบวช ” https://dmc.tv/a25809

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 13 ก.พ. 2563 ] - [ ผู้อ่าน : 18278 ]

ชาดก 500 ชาติ

กายนิพพินทชาดก-ชาดกว่าด้วยความเบื่อหน่ายร่างกาย

เมืองสาวัตถี นครที่ผู้คนต่างดำเนินชีวิตกันอย่างมีความสุข

เมืองสาวัตถี นครที่ผู้คนต่างดำเนินชีวิตกันอย่างมีความสุข
  
     ในกาลสมัย ณ เมืองสาวัตถี นครที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนต่างดำเนินชีวิตด้วยความปกติสุข ท่ามกลางความปกครองขององค์เจ้าเหนือหัว ผู้ตั้งอยู่ในทศพิศราชธรรม
เรียกได้ว่า ณ เมืองนั้นผู้คนต่างดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสุข
 
บุรุษผู้หนึ่งป่วยเป็นโรคผอมเหลืองนอนติดเตียงเดินเหินไปไหนไม่ได้
 
บุรุษผู้หนึ่งป่วยเป็นโรคผอมเหลืองนอนติดเตียงเดินเหินไปไหนไม่ได้
 
     แต่ในความสุขนั้นก็ย่อมหลีกหนีไม้พ้นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากการเจ็บป่วยซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ดังบุรุษคนหนึ่งเป็นผู้เดือดร้อนด้วยโรคผอมเหลือง “ เฮ้อทรมานจริง ๆ
จะเดินเหินไปไหนอย่างใครเขาก็ไม่ได้ วัน ๆ ได้แต่นอนหมดเรี่ยวแรง เฮ้ย ”
 
ภรรยาและลูกของชายป่วยโรคผอมเหลืองเที่ยวเสาะแสวงหาหมอเพื่อนำยามารักษาสามีของเธอ
 
ภรรยาและลูกของชายป่วยโรคผอมเหลืองเที่ยวเสาะแสวงหาหมอเพื่อนำยามารักษาสามีของเธอ
 
     ภรรยาของชายป่วยนี้ได้ตระเวนหาหมอฝีมือดีไปทั่ว เมื่อได้ยินใครที่ไหนพูดกันว่ามีหมอดี แม้จะอยู่ไกลเพียงใด เธอก็สามารถตามตัวมารักษาได้ “ โรคนี้มันก็แปลก ๆ อยู่เหมือนกัน ตั้งแต่เป็นหมอมา
ฉันก็ไม่เคยเห็นใครหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างนี้สักที อย่างมากก็แค่เบื่ออาหารสองสามวัน ”

ภรรยาชายป่วยเป็นโรคผอมเหลืองได้นำยามาต้มเพื่อนำไปให้สามีของตนได้ดื่มกิน
 
ภรรยาชายป่วยเป็นโรคผอมเหลืองได้นำยามาต้มเพื่อนำไปให้สามีของตนได้ดื่มกิน
 
      “ แล้วมีหนทางรักษาได้บ้างไหมจ๊ะ ” “ นี่เป็นยาบำรุงขนานใหม่ลองต้มให้เขากินดูแล้วกัน เผื่อจะเจริญอาหารแล้วกลับมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาบ้าง ” เมื่อได้รับยาจากหมอแล้ว ผู้เป็นภรรยา
และลูกก็รีบนำมาต้มตามคำสั่งของหมด “ แม่ แม่ว่าพ่อกินยานี้แล้วจะหายไหมจ๊ะ ”
 
ชายผู้ป่วยเป็นโรคผอมเหลืองได้ดื่มยาจากหมอหลายๆ ท่าน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น
 
ชายผู้ป่วยเป็นโรคผอมเหลืองได้ดื่มยาจากหมอหลายๆ ท่าน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น
 
      “ เฮ้อ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอเองเค้าก็บอกว่าเป็นแค่ยาบำรุงเท่านั้น ไม่ได้รักษาอะไร ” ชายผู้เป็นโรคเหลืองได้ทานยาของหมอแล้วหลายวัน อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ความหวังใน
การหายจากโรคของเขาได้สูญสิ้นไปอีกครั้ง อาการป่วยของเขาแม้แต่พวกแพทย์ก็ไม่ยอมรักษา
 
ชายผู้ป่วยเป็นโรคผอมเหลืองเริ่มท้อใจกับอาการป่วยของตนเอง
 
ชายผู้ป่วยเป็นโรคผอมเหลืองเริ่มท้อใจกับอาการป่วยของตนเอง
 
     แม้บุตรและภรรยาของเขาก็คิดว่า ไม่มีใครจะสามารถปฏิบัติพยาบาลผู้นี้ได้ “ พอเถอะไม่ต้องต้มยามาให้กินอีกแล้ว กินไปตั้งหลายวันแล้วไม่เห็นดีขึ้นเลย ” “ โธ่ พี่ก็อย่าเพิ่งท้อสิจ๊ะ
มันอาจจะต้องใช้เวลารักษากันบ้างละน่ะ ” “ ช่างเถอะพี่คงจะต้องตายด้วยโรคนี้จริง ๆ
 
ชายผู้ป่วยเป็นโรคผอมเหลืองมองออกไปนอกหน้าต่างได้เห็นผู้คนกำลังใส่บาตรแก่พระภิกษุ
 
ชายผู้ป่วยเป็นโรคผอมเหลืองมองออกไปนอกหน้าต่างได้เห็นผู้คนกำลังใส่บาตรแก่พระภิกษุ
 
     หมอกี่คนต่อกี่คนแล้วล่ะ ไม่เห็นจะมีใครรักษาได้สักคน ” “ โธ่พ่อ ลูกจะช่วยพ่ออย่างไรดี ” รุ่งเข้าวันหนึ่ง ชายป่วยได้ตื่นเช้ากว่าปกติ เขาหันหน้าออกไปทางหน้าต่างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์
เขามองออกไปดูวิถีชีวิตของชาวบ้าน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นพระภิกษุสงฆ์ออกมาบิณฑบาต แล้วเขาก็เกิดความคิดอย่างหนึ่ง
 
ชายป่วยเป็นโรคผอมเหลืองอาการดีขึ้นเริ่มกลับมาทานอาหารได้ตามปกติ
 
ชายป่วยเป็นโรคผอมเหลืองอาการดีขึ้นเริ่มกลับมาทานอาหารได้ตามปกติ
     
     “ จริงสินะ ชีวิตมันไม่เที่ยงจริง ๆ สังขารย่อมร่วงโรยเป็นธรรมดา ถ้าเราหายจากโรคนี้เราจะบวช ” ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเหตุอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ชายผู้นี้อาการดีขึ้นตามลำดับ
เขาสามารถทานอาหารได้ตามปกติ มีเรี่ยวแรงลุกยืนนั่ง แล้วความสุขก็เกิดขึ้นในครอบครัวนี้อีกครั้ง

ครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้งหลังจากที่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวหายป่วยไข้
 
ครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้งหลังจากที่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวหายป่วยไข้
 
     อาการที่ดีขึ้นตามลำดับของชายผู้นี้ได้สร้างความแปลกใจให้กับภรรยาและบุตรของเขามาก จนวันหนึ่งภรรยาของเขาเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ จึงได้เอ่ยปากถามขึ้นในวันหนึ่ง
“ พี่จ๊ะ ฉันดีใจที่พี่ดีขึ้นนะ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ที่ผ่านมา มีหมอโน่นหมอนี่ มารักษาพี่มากมาย
 
ภรรยาได้สอบถามถึงเหตุที่ทำให้อาการป่วยของสามีหายได้แม้ไม่ได้กินยา
 
ภรรยาได้สอบถามถึงเหตุที่ทำให้อาการป่วยของสามีหายได้แม้ไม่ได้กินยา
 
     แต่ก็ไม่เห็นมีใครรักษาได้ แล้วทำไมอยู่ ๆ วันหนึ่ง พี่ก็อาการดีขึ้นได้เองละจ๊ะเนี่ย ” “ ว่าแล้วมันก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะ เช้าวันนั้นพี่ได้มองออกไปเห็นพระภิกษุ พี่เลยได้พูดว่า ถ้าวันใด
พี่หายจากโรคนี้ พี่จะออกบวช ตั้งแต่วันนั้นมา พี่ก็รู้สึกดีขึ้น มีเรี่ยวแรง ”
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาถึงเรื่องของชายที่หายป่วยจากโรคผอมเหลืองออกบวช
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาถึงเรื่องของชายที่หายป่วยจากโรคผอมเหลืองออกบวช
  
     “ พี่จะออกบวช งั้น ก็แสดงว่าเราก็จะไม่ได้อยู่กันเป็นครอบครัวเหมือนเดิมนะสิ โธ่ ” วันเวลาล่วงไปสองสามวัน บุรุษผู้นั้นได้ความสบายเล็กน้อย จนเป็นผู้ไม่มีโรค จึงไปยังพระเชตะวันมหาวิหาร
ทูลขอบรรพชากับพระศาสดา เขาได้บรรพชาและอุปสมบทในสำนักของพระศาสดาแล้ว
 
พระศาสดาทรงนำอดีต กายนิพพินทชาดก ขึ้นมาสาทกแก่เหล่าภิกษุสงฆ์    

พระศาสดาทรงนำอดีต กายนิพพินทชาดก ขึ้นมาสาทกแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
     ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหันต์ อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภา ได้นำเรื่องของชายป่วยนี้มาถกกันว่า “ ดูก่อนอาวุโสทั้งหลายบุรุษผู้มีโรคผอมเหลือง
ชื่อโน้นคิดว่า ถ้าเราหายจากโรคนี้จักบวช ครั้นหายโรคแล้วจึงบวชแล้วบรรลุพระอรหันต์ ช่างน่าแปลกเหลือเกิน ”

นางแมวป่าเข้ามาพูดคุยกับเจ้าไก่หนุ่มด้วยความสนิทสนมและเป็นกันเอง
 
นางแมวป่าเข้ามาพูดคุยกับเจ้าไก่หนุ่มด้วยความสนิทสนมและเป็นกันเอง
  
     พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถาม เมื่อรู้ว่าภิกษุเหล่าภิกษุทั้งหลายได้สนทนาธรรมในเรื่องนี้จึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บุรุษผู้นี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนบัณฑิตทั้งหลายก็กล่าวอย่างนี้
ครั้นหายจากโรคผอมเหลืองแล้วบวช ได้ทำความเจริญแก่ตน ” บัดนั้นพระองค์ทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทกดังต่อไปนี้
 
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มีอาชีพเป็นพ่อค้า
 
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มีอาชีพเป็นพ่อค้า
 
     ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบัติ ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ทำงานค้าขาย พราหมณ์ผู้เป็นคนขยันหมั่นทำมาหากิน เขาและเพื่อนๆ
ของเขา มักออกเดินทาง  ค้าขาย นำของอีกเมืองหนึ่งไปขายอีกเมืองหนึ่ง
 
ภรรยาสาวของพราหมณ์หนุ่มไม่ต้องการให้สามีของเธอเดินทางไปค้าขายในที่ห่างไกล
 
ภรรยาสาวของพราหมณ์หนุ่มไม่ต้องการให้สามีของเธอเดินทางไปค้าขายในที่ห่างไกล
 
     เมื่อได้กำไรอันสมควร ขากลับก็แวะเที่ยวหาของเพื่อนำกลับมาขายในเมืองที่อยู่อาศัย การเดินทางเพื่อการค้าขายของสามี แม้จะได้กำไรมากมาย แต่ภรรยาสาวก็ไม่ได้สบายใจเสียทีเดียว
การต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง กับการต้องเฝ้าเป็นห่วงผู้เป็นสามี ทำให้เกิดความทรมานใจแก่เธอยิ่งนัก

พราหมณ์หนุ่มได้ออกเดินทางซื้อสินค้าต่างเมืองเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อนำมาขายที่บ้านเมืองของตน
 
พราหมณ์หนุ่มได้ออกเดินทางซื้อสินค้าต่างเมืองเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อนำมาขายที่บ้านเมืองของตน
 
     “ พี่จ๊ะ เมื่อไหร่พี่จะเลิกเดินทางเสียทีละจ๊ะ เราทำมาค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่ในบ้านเราไม่ได้เหรอจ๊ะ ” “ โธ่เอ้ย ทูนหัวของพี่ เจ้าคงจะเหงาละสิ เอาเถิดพี่ขอไปอีกครั้งเดียว ครั้งนี้พี่จะหาสินค้า
มาตุนไว้เยอะ ๆ เลย แล้วจากนี้พี่ก็จะได้อยู่กับเจ้าตลอดไปไงจ๊ะ ดีไหมจ๊ะ ”
 
พราหมณ์หนุ่มเริ่มป่วยเป็นโรคประหลาดผอมเหลือง ทานข้าวปลาอาหารไม่ได้
 
พราหมณ์หนุ่มเริ่มป่วยเป็นโรคประหลาดผอมเหลือง ทานข้าวปลาอาหารไม่ได้
 
     เมื่อได้ให้สัญญากับผู้เป็นภรรยาไว้แล้ว ชายผู้นี้จึงได้ตระเตรียมเดินทางในครั้งสุดท้ายของเขาเป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้สินค้ากลับมาได้มากตามความต้องการ พราหมณ์ผู้นี้กับเพื่อน
เดินทางค้าขายจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งจนได้กำไรงาม แล้วก็เดินทางกลับ
 
พราหมณ์หนุ่มเริ่มหมดแรงลุกเดินไปไหนมาไหนไม่ได้
 
พราหมณ์หนุ่มเริ่มหมดแรงลุกเดินไปไหนมาไหนไม่ได้
 
     เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ต่อจากนั้นอีกไม่นานนัก พราหมณ์ผู้นี้ก็ได้เกิดเป็นโรคประหลาด โรคผอมเหลือง อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายไม่อยากอาหาร หมดเรี่ยวแรง “ เป็นอะไรไปละจ๊ะพี่
น้องทำกับข้าวไม่อร่อยอย่างเคยเหรอจ๊ะ ทำไมพี่ไม่ทานเลยล่ะ ”

หมอที่มารักษาพราหมณ์ต่างพากันแปลกใจกับอาการที่ตนไม่เคยพบเห็นในผู้ป่วยรายใดมาก่อน
 
หมอที่มารักษาพราหมณ์ต่างพากันแปลกใจกับอาการที่ตนไม่เคยพบเห็นในผู้ป่วยรายใดมาก่อน
 
     “ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แต่พี่รู้สึกไม่สบายตัวยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากทานอะไร อยากแต่จะนอนจ๊ะ ” เมื่อไม่ได้ทานอะไรเลย นานวันเข้าชายผู้นี้ก็อาการทรุดลง วัน ๆ เขาไม่สามารถลุกเดิน
ไปไหนได้เลย เอาแต่นอนซมอยู่ในห้อง เมื่อเห็นสามีอาการไม่ดีขึ้น
 
ภรรยาสาวของพราหมณ์หนุ่มได้เสาะแสวงหาหมอจากทุกที่ที่มีคนแนะนำเพื่อมารักษาสามีของตน
 
 
ภรรยาสาวของพราหมณ์หนุ่มได้เสาะแสวงหาหมอจากทุกที่ที่มีคนแนะนำเพื่อมารักษาสามีของตน
 
      ภรรยาสาวจึงเที่ยวหาหมอมารักษา แต่ไม่ว่าจะเป็นหมอคนไหนในหมู่บ้าน ก็ไม่มีใครรักษาอาการเขาผู้นี้ได้เลย “ เฮ้อ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะรักษายังไง อาการอย่างนี้ก็ไม่เคยพบ
เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เอายาอะไรให้กินก็ไม่หายสักที เฮ้อ จนปัญญาหมออย่างฉันแล้วจริง ๆ ”
 
หมอได้มอบยาให้กับภรรยาสาวของพราหมณ์
 
หมอได้มอบยาให้กับภรรยาสาวของพราหมณ์
 
     รุ่งขึ้นภรรยาของเขาก็ออกเดินทางกับเพื่อนบ้านแต่เช้า เพื่อตามหมอที่ได้รับความร่ำลือว่าเก่งกาจ มารักษาผู้เป็นสามี เมื่อหมอผู้นั้นมาถึงก็ตรวจอาการโรคที่ชายผู้นี้เป็น แต่ไม่ว่าจะเทียบ
กับตำราใด ๆ  ที่เคยศึกษามา เขาก็ไม่พบวิธีรักษาได้เลย “ หมอได้ตรวจดูอาการแล้ว เอายานี้ให้เขากินเถิด คงจะช่วยรักษาอาการป่วยให้หายได้ ”
 
พราหมณ์หนุ่มได้ฝืนดื่มยาที่ภรรยานำมาให้
 
พราหมณ์หนุ่มได้ฝืนดื่มยาที่ภรรยานำมาให้
 
      เมื่อได้รับยาจากหมอแล้ว ผู้เป็นภรรยาก็รีบเร่งนำไปต้ม เพื่อนำมาให้สามีชายพราหมณ์ได้ดื่มกินด้วยความหวังว่าจะทำให้หายจากโรคเหลืองนี้ได้ “ พี่นี่จ๊ะ ยาจากหมอ พี่ดื่มหน่อยนะ
เค้าว่ากันว่าหมอคนนี้เก่ง ยานี้คงจะทำให้พี่อาการดีขึ้นได้ แข็งใจดื่มหน่อยนะจ๊ะ ”  ชายป่วยผู้นี้ดื่มยาของหมอจนผ่านไปได้ 2-3 วัน
 
อาการป่วยของพราหมณ์หนุ่มทรุดหนักลงทุกวัน
 
อาการป่วยของพราหมณ์หนุ่มทรุดหนักลงทุกวัน
 
       อาการของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น อาการป่วยของชายคนนี้ทรุดลงทุกวัน แม้หมอไหน ๆ ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ “ โธ่ ฉันจะทำยังไงดีละเนี่ย ทำยังไงถึงจะทำให้พี่หายจากโรคนี้ได้
เมื่อก่อนเราก็เคยมีความสุขกันแท้ ๆ ถึงแม้พี่จะออกเดินทางบ่อยไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่ได้อยู่กับพี่ทุกวัน แต่พี่ต้อง..พี่ต้องมาจมกับความทุกข์ทรมานกับโรคแบบนี้ ”
 
พราหมณ์หนุ่มได้มองเห็นการใช้ชีวิตของผู้คนในเช้าวันหนึ่งจากหน้าต่างห้องนอนของเขา
 
พราหมณ์หนุ่มได้มองเห็นการใช้ชีวิตของผู้คนในเช้าวันหนึ่งจากหน้าต่างห้องนอนของเขา
 
    ชายผู้เป็นโรคเหลืองได้นอนซมอยู่ในห้องด้วยความหมดหวังที่จะรอดพ้นจากโรคร้าย แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้เกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นกับเขา เมื่อวันหนึ่งเขาได้มองออกไปเห็นผู้คนดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
ดังที่เขาเคยมี “ เฮ้อ ครั้งหนึ่งเราก็เคยมีความสุขอย่างนี้สินะ เมื่อก่อนเราก็ค้าขายเช่นนี้ เป็นคนร่างกายแข็งแรง แต่อยู่ ๆ ก็เป็นโรคขึ้นมาได้ ความสุขนี้มันไม่เที่ยงสินะ ถ้าเราหายจากโรคนี้เมื่อไหร่
เราจะออกบวช ”
 
พราหมณ์หนุ่มเริ่มมีอาการดีขึ้นหลังจากที่คิดได้ว่าสังขารนี้มันไม่เที่ยง
 
พราหมณ์หนุ่มเริ่มมีอาการดีขึ้นหลังจากที่คิดได้ว่าสังขารนี้มันไม่เที่ยง
 
     ถัดจากวันนั้นมาไม่กี่วันอาการป่วยของชายผู้นี้ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ เขาสามารถทานข้าวได้ตามปกติ เรี่ยวแรงก็ตามมา หน้าตาแจ่มใส ภรรยาของเขารู้สึกดีใจเป็นยิ่งนักที่สามีดีขึ้นมาได้ “ พี่จ๊ะ ทานนี่สิ อร้อย
อร่อยนะ ฉันทำสุดฝีมือเลย อันนี้อีกจ๊ะพี่จ๋า เดี๋ยวตามด้วยของหวานดีไหมจ๊ะ ” “ เฮอะ ๆ ๆ พี่ว่า พอหายจากโรคนี้อาจจะเป็นโรคอ้วนตามมาได้นะเนี่ย ” เมื่ออาการดีขึ้นจนสามารถใช้ชีวิตได้เกือบปกติแล้ว
วันหนึ่งพราหมณ์ผู้นี้จึงบอกกล่าวความตั้งใจของเขาให้กับภรรยาได้รับรู้ “
 
พราหมณ์หนุ่มได้ลาภรรยาของเขาเพื่อออกบวชเป็นฤาษี
 
พราหมณ์หนุ่มได้ลาภรรยาของเขาเพื่อออกบวชเป็นฤาษี
 
        ทูนหัวของพี่ เจ้าจงฟังพี่เถิด ที่พี่หายจากโรคนี้ได้เพราะว่า พี่เคยพูดไว้ ว่าถ้าหายจากโรคนี้เมื่อไหร่ พี่จะออกบวช นี่พี่ก็ดีขึ้นแล้ว พี่คิดว่าคงถึงเวลาสะที ที่พี่จะได้ทำตามที่พี่เคยได้พูดไว้ ” “ เมื่อเป็นอย่างนั้น
ก็ตามใจพี่เถอะนะจ๊ะ เมื่อพี่หายจากโรคนี้แล้ว น้องเองก็เป็นสุขใจจ๊ะ ไม่ต้องการอะไรอีก เชิญพี่ทำตามที่ต้องการเถอะนะจ๊ะ ” หลังจากนั้นเมื่อพราหมณ์ได้ความสบายขึ้นมาบ้าง จนเป็นผู้ไม่มีโรค จึงเข้าป่าหิมพาน
บวชเป็นฤาษี ทำสมาบัติและอภิญญาให้เกิดขึ้น แล้วอยู่ด้วยความสุขในฌานตลอดไป ครั้งนั้นเขาได้กล่าวคาถาขึ้นมาว่า
 
ฤาษีหนุ่มได้เจริญพรหมวิหาร 4 จนตลอดชีวิต และเป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไป
 
ฤาษีหนุ่มได้เจริญพรหมวิหาร 4 จนตลอดชีวิต และเป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไป
 
     “ เมื่อเราถูกโรคอย่างหนึ่งถูกต้อง ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัส อันทุกขเวทนาเบียดเบียนอยู่ ร่างกายนี้ก็ซูบผอมอย่างรวดเร็ว ดุจดอกไม้ที่ทิ้งตากแดดไว้ในที่ทราย ฉะนั้นรูปร่างอันไม่น่าพอใจ
ถึงกาลนับว่าน่าพอใจ ที่ไม่สะอาด สมมุติว่าเป็นของสะอาด เต็มด้วยซากศพต่าง ๆ ปรากฏแก่คนพาล ผู้ไม่พิจารณาเห็นว่าเป็นของน่าพอใจ น่าติเตียน กายอันเปื่อยเน่า กระสับกระส่าย
น่าเกลียด ไม่สะอาด มีความป่วยไข้เป็นธรรมดา เป็นที่ที่หมู่สัตว์ผู้ประมาทหมกมุ่นอยู่ ย่อมยังหนทางเพื่อเข้าถึงสุขคติให้เสื่อมไป

     พระมหาสัตว์กำหนดพิจารณาภาวะอันไม่สะอาด และภาวะอันกระสับกระส่ายเป็นนิจโดยประการต่าง ๆ ด้วยประการดังนี้อยู่ เบื่อหน่ายในกาย จึงเจริญพรหมวิหาร 4 จนตลอดชีวิต ได้เป็นผู้มีพรหมโลก
เป็นที่ไปในเบื้องหน้า พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะในเวลาจบสัจจะ ชนเป็นอันมากได้บรรลุโสดาปัตติผลเป็นต้น แล้วทรงประชุมชาดกว่า 
 
 
พระดาบสในครั้งนั้น คือเราตถาคต ฉะนี้แล
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ