ทุพภิยมักกฏชาดก ชาดกว่าด้วยการคบคนชั่ว

ท่านพราหมณ์ ท่านได้ยินหรือได้เห็นที่ไหน ว่าลิงรู้คุณคน มีมารยาท มีศีล มีอยู่ เราจะถ่ายคูถรดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แหละ แล้วจึงจะไป นี่เป็นธรรมดา นี่เป็นสภาพโดยกำเนิดของพวกเรา ผู้ชื่อว่าเป็นลิง https://dmc.tv/a24373

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 21 ธ.ค. 2561 ] - [ ผู้อ่าน : 18275 ]

ชาดก 500 ชาติ

ทุพภิยมักกฏชาดก-ชาดกว่าด้วยการคบคนชั่ว

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน
  
     ครั้งเมื่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน เหล่าภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรม ถึงความอกตัญญู ความประทุษร้ายมิตรของพระเทวทัต
ด้วยเหตุเกิดจาก เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เหล่าพระญาติก็เกิดความเลื่อมใสออกบวชตาม
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาถึงเรื่องความประทุษร้ายมิตรของพระเทวทัต
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาถึงเรื่องความประทุษร้ายมิตรของพระเทวทัต
 
     เจ้าชายเทวทัตก็ขอร่วมออกบวชด้วย และเหล่าพระญาติก็ได้บรรลุมรรคผลในเวลาต่อมา แต่พระเทวทัตกลับได้แต่ญาณขั้นต่ำ แค่สำแดงฤทธิ์ได้เพียงบางอย่าง
พระเทวทัตมีใจอิจฉาพระพุทธเจ้าที่ทรงเหนือกว่าตนทุกอย่าง จึงมุ่งร้ายและคิดทำลายพระพุทธองค์ถึงสามครั้ง
 
เจ้าชายสิทธัตถะ ณ กรุงกบิลพัสดุ์
 
เจ้าชายสิทธัตถะ ณ กรุงกบิลพัสดุ์
 
     ครั้งแรกพระเทวทัตได้ว่าจ้างพรานธนูให้ไปลอบสังหารพระพุทธเจ้ายังที่ประทับ “ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหลบลูกธนูจากเราได้พ้นหรอก งานนี้ได้ค่าแรงงามนัก
เราต้องทำให้สำเร็จจงได้” แต่เมื่อนายธนูนั้นแลเห็นพระพุทธองค์ กลับมีอาการอ่อนเปลี้ย กลับยกธนูไม่ขึ้น

เจ้าชายสิทธัตถะได้ออกบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
 
เจ้าชายสิทธัตถะได้ออกบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
 
     จิตใจอันเหี้ยมโหดของพรานนั้นก็กลับกลายอ่อนโยนด้วยอำนาจพุทธบารมี ทิ้งธนูคลานเข้าไปกราบบาท พระพุทธองค์จึงแสดงเทศนาจนพรานนั้นแลเห็นทางธรรม 
เมื่อแผนแรกไม่สำเร็จ พระเทวทัตก็วางแผนชั่วครั้งที่สอง คือให้พนักงานเลี้ยงช้าง ปล่อยช้างดุร้ายซึ่งกำลังตกมัน
 
พระเทวทัตมีความอิจฉาริษยาที่พระพุทธเจ้ามีฤิทธิ์เหนือตนทุกประการ
 
พระเทวทัตมีความอิจฉาริษยาที่พระพุทธเจ้ามีฤิทธิ์เหนือตนทุกประการ
 
     ชื่อนาฬาคีรีออกไปหมายให้เหยียบแล้วใช้งาทิ้มแทงพระพุทธเจ้าในขณะออกบิณฑบาต ช้างนาฬาคีรีวิ่งตรงไปหมายทำร้ายพระพุทธเจ้า แต่เมื่อเข้าไปใกล้
พระพุทธองค์แล้ว ช้างนาฬาคีรีกลับไม่ทำร้าย แล้วยังหมอบชูงวงถวายความเคารพพระพุทธองค์ สร้างความเจ็บใจให้แก่พระเทวทัตยิ่งนัก  

พรานธนูได้รับการว่าจ้างจากพระเทวทัตให้ลอบสังหารพระพุทธเจ้า
 
พรานธนูได้รับการว่าจ้างจากพระเทวทัตให้ลอบสังหารพระพุทธเจ้า
 
     ครั้งที่สามพระเทวทัตขึ้นไปบนเขาคิชฌกูฏ แล้วกลิ้งหินลงมา หมายให้หล่นทับพระพุทธเจ้า ขณะทรงดำเนินผ่านช่องเขาข้างล่าง “ ครั้งนี้ เราจะลงมือฆ่าท่าน
ด้วยตัวของเราเอง ไม่มีทางรอดไปได้หรอก ”
 
พรานธนูกลับใจทิ้งธนูลงหมอบกราบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
พรานธนูกลับใจทิ้งธนูลงหมอบกราบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
     เมื่อพระเทวทัตกลิ้งหินนั้นลงไป หินนั้นเกิดไปกระแทกกับก้อนหินตามทางลาดแตกกระจายเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยและสะเก็ดหินก้อนหนึ่ง ปลิวลอยมา
กระทบพระบาทของพระองค์จนช้ำห้อพระโลหิต
 
ช้างนาฬาคีรีถูกปล่อยในขณะที่กำลังตกมันเพื่อให้ไปทำร้ายพระพุทธเจ้า
 
ช้างนาฬาคีรีถูกปล่อยในขณะที่กำลังตกมันเพื่อให้ไปทำร้ายพระพุทธเจ้า
     
     แผนร้ายทั้งสามของพระเทวทัตเป็นการกระทำอันชั่วร้าย เมื่อผู้ใดได้รู้ได้เห็นก็เกิดความเกลียดชัง กล่าวติเตียนการกระทำเหล่านี้ ไม่เว้นแม้แต่
เหล่าพระภิกษุสงฆ์ที่ยกการประทุษร้ายมิตรเป็นพระญาติตนเองของพระเทวทัต มาเป็นหัวข้อในการสนทนาธรรมกัน
 
ช้างนาฬาคีรีไม่ทำร้ายพระพุทธเจ้าแต่กลับหมอบชูงวงถวายความเคารพ
 
ช้างนาฬาคีรีไม่ทำร้ายพระพุทธเจ้าแต่กลับหมอบชูงวงถวายความเคารพ
 
     เมื่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องที่เหล่าภิกษุสงฆ์สนทนาธรรมกัน จึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุ เทวทัต เป็นผู้อัตกตัญญูประทุษร้ายมิตร มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้น
แม้เมื่อก่อนก็ได้เป็นเช่นนี้ ” ลำดับนั้นพระพุทธองค์จึงทรงนำอดีตนิทานมาเล่าดังต่อไปนี้
 
พระเทวทัตกลิ้งหินก้อนใหญ่หมายจะให้ตกทับพระพุทธเจ้า
 
พระเทวทัตกลิ้งหินก้อนใหญ่หมายจะให้ตกทับพระพุทธเจ้า
 
     ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี มีป่าใหญ่แห่งหนึ่งในหมู่บ้านกาสี ป่านี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ ดอกไม่นานาพันธ์ เป็นที่อยู่อาศัย
ของสิงสาราสัตว์มากมาย แต่ในความอุดมสมบูรณ์นั้น ก็ยังขาดแหล่งน้ำ
 
สะเก็ดหินได้กระเด็นมากระทบพระบาทพระพุทธองค์จนห้อพระโลหิต
 
สะเก็ดหินได้กระเด็นมากระทบพระบาทพระพุทธองค์จนห้อพระโลหิต
  
     สิ่งจำเป็นของเหล่าสัตว์อยู่ เนื่องจากในป่าใหญ่แห่งนี้มีเพียงบ่อน้ำลึกซึ่งอยู่ที่ชันใหญ่เท่านั้น สัตว์ทั้งหลายในป่าไม่สามารถลงไปดื่มน้ำในบ่อใหญ่นี้ได้
“โอ๊ยๆๆ หิวน้ำๆ น้ำในบ่อใสแจ๋วน่ากินจังเลย ” “ นั่นนะสิใครจะกล้าลงไปกินละ บ่อน้ำลึกจะตาย ชันก็ชัน ลงไปมีหวังจมน้ำตายกันพอดี ”
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงการกระทำอันชั่วร้ายของพระเทวทัต    

เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงการกระทำอันชั่วร้ายของพระเทวทัต
 
     “ สักวัน คงมีใครมาช่วยเราได้แหละ ตอนนี้ก็อาศัยกินน้ำค้างจากต้นไม้ ผลไม้ไปก่อนแล้วกัน ” วันหนึ่งมีชาวบ้านเข้ามาในป่าเพื่อหาไม้ใหญ่ตัดไปทำที่อยู่อาศัย
ได้เดินผ่านบ่อน้ำนั้นเข้าพอดี จึงแวะพักล้างหน้าล้างตา ดื่มน้ำกันพอให้หายเหนื่อย
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า ทุพภิยมักกฏชาดก แด่หมู่ภิกษุสงฆ์
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า ทุพภิยมักกฏชาดก แด่หมู่ภิกษุสงฆ์
  
     “ เฮ้อ เดินมากันตั้งไกลพักกันหน่อยเถอะพวกเรา เดี๋ยวค่อยขนไม้กันต่อ ” “ ก็ดีเหมือนกัน ขอกินน้ำกินท่าให้หายเหนื่อยหน่อยเถอะ ” เหล่าสัตว์ที่อยู่ในป่า
เมื่อเห็นชาวบ้านกลุ่มนั้นตักน้ำออกมาใช้กันชื่นใจ ก็ประสงค์จะดื่มกินน้ำเหล่านั้นบ้าง จึงเดินออกมาจากที่หลบตัว
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี
 
      “ ดูนั่นสิพวกเรา มีคนตักน้ำในบ่อนั้นออกมากินด้วย ” “ โห เห็นแล้วอยากกินจัง ไปขอน้ำเขากินกันไหมพวกเรา ” “ เฮ้ยดูนั่นสิ สัตว์ป่าเยอะแยะเลย ออกมาทำอะไรกันนี่ ”
“ มันคงจะหิวน้ำละมั่ง ดูสิกินกันใหญ่เลย ” “ บ่อน้ำนี้ถ้าจะลึกเกินไป พวกมันคงจะลงมากินกันไม่ได้แน่ ”
 
ณ ป่าใหญ่มีบ่อน้ำซึ่งลึกมากบรรดาสัตว์ทั้งหลายไม่สามารถลงไปดื่มกินได้
 
ณ ป่าใหญ่มีบ่อน้ำซึ่งลึกมากบรรดาสัตว์ทั้งหลายไม่สามารถลงไปดื่มกินได้
 
    “ น่าสงสารจัง พวกเราช่วยตักน้ำให้มันกินหน่อยดีไหม นี่คงหิวกันมากละสิ มองตาละห้อยเลย ” ด้วยความสงสาร ชาวบ้านกลุ่มนั้นจึงช่วยกันทำรางไม้ใส่น้ำ
แล้วตักน้ำในบ่อน้ำนั้นใส่ในรางจนเต็ม เพื่อให้พวกสัตว์ได้ดื่มกิน “เอ้า ตักน้ำขึ้นมาให้แล้วนะ พวกเจ้าออกมากินกันเถอะ ไม่ต้องกลัวพวกเราหรอก ”
 
ชาวบ้านเข้ามาในป่าเพื่อตัดไม้ไปทำที่อยู่อาศัย
 
ชาวบ้านเข้ามาในป่าเพื่อตัดไม้ไปทำที่อยู่อาศัย
 
     เมื่อช่วยกันตักน้ำใส่จนเต็มรางแล้ว เหล่าชาวบ้านใจบุญก็เดินทางกลับ ปล่อยให้พวกสัตว์ป่าได้ออกมาดื่มกินน้ำ หลังจากนั้นเมื่อมีชาวบ้านเข้ามาในป่านี้ครั้งใด
ทุกครั้งที่พวกเขาได้แวะพักที่บ่อน้ำแห่งนี้ก็จะช่วยกันตักน้ำใส่ราง ให้สัตว์น้อยใหญ่ในป่าได้ดื่มกินกันเสมอ
 
ชาวบ้านแวะตักน้ำในบ่อเพื่อดื่มกินแก้กระหาย
 
ชาวบ้านแวะตักน้ำในบ่อเพื่อดื่มกินแก้กระหาย
 
       “ รางน้ำนี้คงมีคนทำไว้ใส่น้ำให้สัตว์ในป่าได้ดื่มกินสินะ เอ้า พวกเรา มาช่วยกันตักน้ำใส่รางน้ำนี้กันเถอะ แล้วค่อยไปกันต่อนะ ” พวกสัตว์ป่าได้ดื่มกินน้ำกัน
อย่างมีความสุข ด้วยมีมนุษย์ใจบุญเมตตา สัตว์ต่างๆ ในป่า เมื่อรู้ว่ามีคนตักน้ำใส่รางให้ ก็ทยอยกันออกมากินน้ำ
 
ชาวบ้านช่วยกันตักน้ำใส่รางเพื่อให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ดื่มกิน
 
ชาวบ้านช่วยกันตักน้ำใส่รางเพื่อให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ดื่มกิน
 
      เวลาผ่านไป น้ำในรางก็เหลือเพียงน้อยนิด เมื่อไม่มีชาวบ้านเข้ามาในป่า ก็ไร้ผู้ช่วยเหลือ ตักน้ำออกจากบ่อนี้ให้พวกมันได้อาศัยดื่มกิน “ โอ๊ย เห็นไหม
น้ำหมดอีกแล้ว ต้องเป็นเพราะเจ้ากวางแน่เลย กินเยอะ ”

บรรดาสัตว์น้อยใหญ่พากันออกมากินน้ำที่ชาวบ้านตักใส่รางไว้ให้
 
บรรดาสัตว์น้อยใหญ่พากันออกมากินน้ำที่ชาวบ้านตักใส่รางไว้ให้
 
     “ เจ้าอย่ามาว่าใครเขาเลยกลุ่มลิงของเจ้านั่นแหละ กินน้ำกันหกเลอะเทอะเต็มพื้น เพราะพวกเจ้านั่นแหละน้ำจึงหมดเร็ว” วันหนึ่งมีพราหมณ์ผู้ทรงศีลเดินสัญจรผ่าน
ณ บ่อน้ำนั้น เมื่อเดินทางมาไกลจนเหนื่อยล้า จึงนั่งพักและตักน้ำขึ้นมาเพื่อดื่มกิน
 
เวลาผ่านไปน้ำในรางก็หมดสัตว์ทั้งหลายต่างพากันอดน้ำ
 
เวลาผ่านไปน้ำในรางก็หมดสัตว์ทั้งหลายต่างพากันอดน้ำ
 
     “ เฮ้ย พวกเรา ดูนั่นสิ มีฤาษีมากินน้ำในบ่อนั้นแล้ว ครั้งนี้เขาจะตักน้ำใส่รางให้พวกเรากินไหมนะ ” “ รออย่างนี้ไม่ไหวแล้ว ออกไปขอน้ำกินกันดีกว่า ” เหล่าลิงในป่านั้น
เมื่อเห็นมีคนมาดื่มกินน้ำในบ่อก็ดีใจ หวังจะให้ผู้ทรงศีลตกน้ำให้พวกมันได้ดื่มกินบ้าง

พราหมณ์ผู้ทรงศีลเดินทางผ่านมายังบ่อน้ำลึกในป่าใหญ่
 
พราหมณ์ผู้ทรงศีลเดินทางผ่านมายังบ่อน้ำลึกในป่าใหญ่
 
      พวกมันปีนลงมาจากต้นไม้ ทำท่าทางน่าสงสารเพื่อให้พราหมณ์เห็นใจ “ อ้าวเจ้าพวกลิงนี้มานั่งทำหน้าทำตาน่าสงสาร น่าเห็นใจ คงจะหิวน้ำกันละสิ
บ่อน้ำนี้ก็ลึกนัก พวกเจ้าคงปีนไปกินกันไม่ไหวละสิ มามะ เราจะตักน้ำใส่รางให้พวกเจ้าดื่มกินนะ ” ด้วยความเห็นใจ พราหมณ์ตักน้ำใส่รางจนเต็ม
พวกลิงเมื่อเห็นน้ำเต็มรางก็ดีใจ ลงมากินน้ำ บ้างก็กระโดดโลดเต้นมากินน้ำ จนน้ำกระเซ็น
 
พราหมณ์ได้ตักน้ำในบ่อลึกมาดื่มแก้กระหาย
 
พราหมณ์ได้ตักน้ำในบ่อลึกมาดื่มแก้กระหาย
 
      เจ้าลิงซุกซนไม่รู้ค่าของน้ำ ไม่สำนึกบุญคุณของผู้ทรงศีลด้วยไม่เห็นว่ามีสัตว์อื่นใดมากินน้ำด้วยกับพวกมัน “ เฮ้ สนุกจังเลย เย็นๆๆๆ ชื่นใจ ” ทางด้านพราหมณ์
ครั้นตักน้ำใส่รางให้พวกลิงจนเสร็จแล้ว คิดจะพักผ่อน จึงนั่งลงที่โคนไม้ต้นหนึ่ง “ เฮ้อ ขอพักตรงนี้สักหน่อยเถอะ ดูสิ เจ้าลิงพวกนี้ เมื่อไม่มีน้ำก็ทำท่าน่าสงสาร
น่าเห็นใจ แต่พอมีน้ำจนเต็มรางแล้วก็ชะล่าใจเล่นน้ำกันยกใหญ่ ไม่คิดที่จะแบ่งปันให้สัตว์อื่นกินบ้างเลย”
 
บรรดาลิงทั้งหลายหิวน้ำต่างพากันมานั่งทำตาละห้อยข้างๆ พราหมณ์
 
บรรดาลิงทั้งหลายหิวน้ำต่างพากันมานั่งทำตาละห้อยข้างๆ พราหมณ์
 
     เมื่อเจ้าลิงกินน้ำกันจนพอใจ พวกมันก็เลิกเล่นน้ำในรางน้ำนั้น หันมามองพราหมณ์ที่นั่งพักใต้ต้นไม้ แล้วทำหน้าล่อกแล่กหลอกล่อพราหมณ์ “จะให้นั่งพักดีๆ ไม่ได้หรอก
ต้องแกล้งกันสักหน่อย ไม่อย่างนั้นจะผิดธรรมชาติลิงอย่างพวกเรา เจี๊ยกๆๆๆ ” “ เจ้าวายร้าย ลิงอัปปรีย์พวกเจ้ากระหายเหน็ดเหนื่อยมา เราก็ให้น้ำดื่มแก่เจ้า
บัดนี้เจ้าทำหน้าล่อกแล่กหลอกเราได้ น่าอนาถใจที่เราให้ความช่วยเหลือสัตว์ชั่วๆ อย่างพวกเจ้าไม่มีประโยชน์เลย ลิงผู้ประทุษร้ายมิตร ”
 
พราหมณ์ได้ตักน้ำให้พวกลิงจนเต็มราง
 
พราหมณ์ได้ตักน้ำให้พวกลิงจนเต็มราง
 
      “ ฮ่าๆๆ เจี๊ยกๆๆ ท่านพราหมณ์ ท่านได้ยินหรือได้เห็นที่ไหนว่า ลิงรู้คุณคน มีมารยาท มีศีล มีอยู่ เราจะถ่ายคูถรดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แหละ แล้วจึงจะไป นี่เป็นธรรมดา
นี่เป็นสภาพโดยกำเนิดของพวกเรา ผู้ชื่อว่าเป็นลิง คือถ่ายคูถรดหัวผู้มีอุปการะ เจี๊ยกๆๆๆๆ ” พราหมณ์ผู้ทรงศีลครั้นได้ยินดังนั้นจึงเตรียมจะลุกไป ขณะนั้นเอง
ลิงกระโดดจากกิ่งไม้ ทำคล้ายจะห้อยโหน ถ่ายรดศีรษะพราหมณ์ แล้วร้องเข้าป่าไป
 
ลิงทั้งหลายดื่มน้ำแล้วก็ถ่ายคูถรดหัวพรามณ์แล้วก็จากไป
 
ลิงทั้งหลายดื่มน้ำแล้วก็ถ่ายคูถรดหัวพรามณ์แล้วก็จากไป
 
     “ เจี๊ยกๆๆๆ นี่ไง ธรรมชาติของลิง นี่แหละคือการตอบแทนที่ท่านตักน้ำให้พวกเรา ฮ่าๆ เจี๊ยกๆๆๆ ” พราหมณ์นั้น เมื่อเห็นธรรมชาติของลิง จึงเข้าใจมิได้ติดใจเอาโทษ
เมื่อได้ชำระล้างร่างกายเสร็จก็ออกเดินทางต่อ ประพฤติตนรักษาศีลจนสิ้นอายุขัย “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตไม่รู้จักคุณมิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็ไม่รู้จักคุณ
ที่เราทำไว้เหมือนกัน ” พระพุทธเจ้าทรงนำพระเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดกว่า
 

ลิงในครั้งนั้น ได้เป็นเทวทัต ในครั้งนี้
ส่วนพราหมณ์ ได้เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า


รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ