อลีนจิตตชาดก ชาดกว่าด้วยกัลยาณมิตร

ณ นครสาวัตถีมีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อบวชแล้วก็ไม่สามารถบรรลุในพระธรรมได้สักที ภิกษุรูปนี้หมดความหวัง ละความเพียรที่จะปฏิบัติธรรมอีกต่อไป https://dmc.tv/a10249

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 4 มี.ค. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18258 ]

ชาดก 500 ชาติ

อลีนจิตตชาดก ชาดกว่าด้วยกัลยาณมิตร

ช้างอาชานัยพระสหายของพระเจ้าพรหมทัต
 
ช้างอาชานัยพระสหายของพระเจ้าพรหมทัต
 
    ณ นครสาวัตถีมีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อบวชแล้วก็ไม่สามารถบรรลุในพระธรรมได้สักที ภิกษุรูปนี้หมดความหวัง ละความเพียรที่จะปฏิบัติธรรมอีกต่อไป “เฮ้อไม่ว่าเราจะปฏิบัติธรรมเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นผล เราไม่บรรลุธรรมสักที” “ไม่เป็นไรน่า ของอย่างนี้จะไปเร่งรีบก็ไม่ดี ต้องค่อยเป็นค่อยไป” “ใช่แล้วหล่ะท่านอย่าเพิ่งละความเพียรเลย”
 
ภิกษุหนุ่มผู้คลายความเพียรในการปฏิบัติธรรม 
 
ภิกษุหนุ่มผู้คลายความเพียรในการปฏิบัติธรรม
 
    สมเด็จพระบรมศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันได้ทราบถึงความหมดหวังของภิกษุหนุ่ม จึงทรงรับสั่งให้ภิกษุนั้นเข้าเฝ้าและกล่าวกับภิกษุนั้นว่า “เธอคลายความเพียรจริงหรือ ในอดีตเธอได้ทำความเพียรจนมีชัยชนะยึดเอาราชสมบัติแห่งกรุงพาราณสี ถวายราชกุมารน้อยได้สำเร็จแล้วบัดนี้เหตุใดจึงมาละความเพียรเสียเล่า
 
เหล่าภิกษุต่างให้กำลังใจภิกษุหนุ่มผู้ยังไม่บรรลุธรรม
 
เหล่าภิกษุต่างให้กำลังใจภิกษุหนุ่มผู้ยังไม่บรรลุธรรม
 
    เหล่าภิกษุที่นั่งเฝ้าเกิดความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องราวอดีตของภิกษุรูปนี้ จึงอาราธนาให้องค์พระศาสดาตรัสเล่า พระพุทธเจ้าเมื่อทรงรับอาราธนาแล้ว จึงตรัสเล่าอลีนจิตตชาดกดังนี้
 
พระศาสดาทรงตรัสเล่าอลีนจิตตชาดก
 
พระศาสดาทรงตรัสเล่าอลีนจิตตชาดก
 
    กาลครั้งหนึ่งเหล่าช่างไม้แห่งกรุงพาราณสีของพระเจ้าพรหมทัต พากันตัดไม้ในป่าเพื่อมาสร้างบ้านเรือนปราสาทพระราชวังเป็นประจำ วันหนึ่งในขณะที่ช่างไม้ กำลังตัดไม้อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของช้างป่า ช่างไม้จึงเดินไปตามเสียงแล้วก็พบช้างป่าเหยียบโดนตอตะเคียน ที่เท้ามีแผลลึกเลือดไหลโชก
 
บรรดาช่างไม้แห่งกรุงพารณสีเข้าไปตัดไม้ในป่าเพื่อสร้างปราสาท
 
บรรดาช่างไม้แห่งกรุงพาราณสีเข้าไปตัดไม้ในป่าเพื่อสร้างปราสาท
 
     “เฮ้ย พวกเราช่วยกันหน่อย แผลลึกน่าดูเลยเนี่ย” “เดินยังไงถึงไปเหยียบต่อไม้เข้าได้ละเนี่ย คงเจ็บน่าดูเลย” “ดีนะ ที่พวกเราพกยามาด้วยเป็นประจำ เท้าบวมเบ่งเลย” ช้างนั้นมีความกตัญญูรู้คุณผู้ช่วยชีวิต เมื่อช่างไม้เข้ามาทำงานในป่า ช้างป่่าตัวนี้ก็จะออกมาช่วยงานเสมอ
 
ช่างไม้เจอช้างเหยียบตอไม้ เท้ามีแผลลึกเลือดไหลโชก 
 
ช่างไม้เจอช้างเหยียบตอไม้ เท้ามีแผลลึกเลือดไหลโชก
 
    “โอ้ว ช้างตัวนี้มันรู้คุณคน ชั่งกตัญญูจริงๆ” “นั่นซินะ ตั้งแต่พวกเราช่วยมันในครั้งนั้นนะ มันก็มาช่วยพวกเราขนไม้ทุกวันเลยนะ” “เบาแรงขึ้นตั้งเยอะ สบายจัง ไม่ต้องขนไม้หนักๆ อีกแล้ว” ต่อมาเมื่อช้างป่าแก่ตัวลง ไม่สามารถช่วยเหลืองานช่างไม้ได้อย่างเดิม จึงได้นำลูกของตน เป็นลูกช้างอาชานัยมาช่วยงานแทน
 
ช้างป่าเมื่อแก่ตัวก็ได้นำลูกช้างมาช่วยงานช่างไม้แทนตน
 
ช้างป่าเมื่อแก่ตัวก็ได้นำลูกช้างมาช่วยงานช่างไม้แทนตน
 
    “เราแก่มากแล้วช่วยงานพวกท่านต่อไปคงไม่ไหว จึงมอบลูกช้างน้อยนี้เป็นเครื่องตอบแทนพระคุณที่รักษาพยาบาลให้” “ลูกเอ่ย เจ้าต้องเป็นช้างที่ดีนะ ช่วยเหลืองานของช่างไม้แทนพ่อด้วยนะลูก” “ได้ครับพ่อ” ลูกช้างน้อยรับช่วยงานแทนพ่อ
 
ลูกช้างเป็นสัตว์น่ารักว่านอนสอนง่ายเป็นที่รักของบรรดาช่างไม้
 
ลูกช้างเป็นสัตว์น่ารัก ว่านอนสอนง่ายเป็นที่รักของบรรดาช่างไม้
 
    ลูกช้างเป็นสัตว์ว่านอนสอนง่ายเป็นที่รักของบรรดาช่างไม้และลูกๆของพวกเขา ธรรมชาติของอาชานัยทั้งหลายไม่ว่าช้าง ม้า หรือคนก็ตามจะไม่ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะลงในน้ำ เพราะฉะนั้นลูกช้างนี้จึงถ่ายในที่ห่างจากน้ำเท่านั้น "ฮืบ...ฮ้า..สบายจัง แถวนี้คงไกลแม่น้ำพอแล้วนะ”
 
ลูกช้างได้ถ่ายคูตบนตลิ่งไกลจากท่าน้ำพอสมควร
 
ลูกช้างได้ถ่ายคูตบนตลิ่งไกลจากท่าน้ำพอสมควร
 
    บังเอิญวันหนึ่งฝนตกหนัก คูตลูกช้างที่แห้งก็ถูกซัดไหลลงสู่แม่น้ำไปติดอยู่ที่พุ่มไม้ใกล้ท่าน้ำในกรุงพาราณสี ครั้งนั้นพวกควาญช้าง นำช้างจำนวน 500 เชือก จะไปอาบน้ำ แต่พอได้กลิ่นคูตของลูกช้างอาชานัย ก็ไม่กล้าลงน้ำสักเชือกเดียว พากันหนีไปจนหมด
 
ฝนตกหนัก คูตลูกช้างที่แห้งก็ถูกซัดไหลลงสู่แม่น้ำ
 
ฝนตกหนัก คูตลูกช้างที่แห้งก็ถูกซัดไหลลงสู่แม่น้ำ
 
     “เฮ้ย เป็นอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นนี่ ช้างตื่นหนีไปหมดเลย โอ๊...โอ๊ว..จะโดนช้างเหยียบไหมเนี่ย เจ้าตกใจอะไรกัน” ในที่สุดนายหัตถาจารย์ก็ค้นพบคูตช้างอาชานัย เอามาผสมน้ำรดทั่วตัวช้างทุกเชือกจนมีกลิ่นหอม ช้างเหล่านั้นจึงลงอาบน้ำกันได้
 
นายหัตถาจารย์ค้นหาคูตช้างจนเจอ และเอามาผสมน้ำรดทั่วตัวช้างทุกเชือก
 
นายหัตถาจารย์ค้นหาคูตช้างจนเจอ และเอามาผสมน้ำรดทั่วตัวช้างทุกเชือก
 
    เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงทราบเรื่อง จึงเสด็จลงเรือขนานแล่นขึ้นไปต้นน้ำถึงที่อยู่ของพวกช่างไม้ “เราขอช้างอาชานัยนั่นเถิด” “ถ้าเป็นพระราชประสงค์ของพระองค์หม่อมฉันก็ยินดีพระเจ้าค่ะ” ถึงแม้ช่างไม้จะยินดีมอบช้างอาชานัยให้พระเจ้าพรหมทัต
 
พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาด้วยพระองค์เอง เพื่อขอลูกช้างอาชานัยกับช่างไม้
 
พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาด้วยพระองค์เอง เพื่อขอลูกช้างอาชานัยกับช่างไม้
 
    แต่ลูกช้างอาชานัยนั้นก็ไม่ยอมไป ด้วยกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยงานของช่างไม้ พระเจ้าพรหมทัตพระราชทานค่าเลี้ยงดูแก่ช่างไม้เป็นจำนวนมาก และแม้จะพระราชทานสิ่งของแก่เหล่าช่างไม้ ตลอดจนเสื้อผ้าแก่หมู่ภรรยาก็ยังไม่ยอมไป ในที่สุดก็พระราชทานเครื่องเล่นเครื่องใช้สำหรับเด็กหญิงเด็กชายที่เป็นเพื่อนเล่นของลูกช้าง
 
ลูกช้างอาชานัยยอมจากไปด้วยความรักและอาลัยต่อครอบครัวช่างไม้
 
ลูกช้างอาชานัยยอมจากไปด้วยความรักและอาลัยต่อครอบครัวช่างไม้
 
    ลูกช้างจึงยอมไปด้วยความรักและอาลัย พระเจ้าพรหมทัตทรงโปรดปรานช้างอาชานัยนี้เป็นที่สุด ทรงทำการอภิเษกยกขึ้นเป็นราชยานพาหนะ ทรงตั้งไว้ในฐานะเป็นพระสหาย ทรงเลี้ยงดูเสมอด้วยพระองค์ นับแต่ได้ช้างอาชานัยนี้มา ราชสมบัติในชมพูทวีปได้ตกอยู่ในเอื้อมพระหัตของพระราชาโดยสิ้นเชิง
 
ลูกช้างเติบโตเป็นพญาช้างที่สง่างามและเป็นสหายที่รักของพระเจ้าพรหมทัต
 
ลูกช้างเติบโตเป็นพญาช้างที่สง่างามและเป็นสหายที่รักของพระเจ้าพรหมทัต
 
    “เจ้านี่ชั่งเป็นช้างคู่ทุกข์คู่ยากของเราจริงๆ" "องค์เหนือหัวทรงรักเราขนาดนี้ เราก็ต้องทดแทนคุณด้วยชีวิต” ต่อมาพระเจ้าพรหมทัตทรงสวรรคต ในขณะที่พระมเหสีทรงครรภ์แก่ พวกคนเลี้ยงช้างพยายามปิดข่าวไม่ให้พญาช้างรู้ ด้วยเกรงว่าพญาช้างจะเสียใจจนหัวใจแตกสลาย
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงสวรรคต
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงสวรรคต
  
    ฝ่ายพระเจ้าโกศลทรงสดับข่าวสวรรคตของพระเจ้าพรหมทัต จึงคิดจะโจมตีหวังยึดครองเมืองพาราณสี “ทหารเตรียมไพร่พลให้พร้อมเราจะโจมตีเมืองพาราณสี เฮ้อๆ ฮ้าๆ ฮ่าๆ เมื่อขาดเจ้าเมืองแล้วใครจะกล้ามาทำศึกกับเรา พาราณสีต้องตกเป็นของเราแน่ๆ ฮ่าๆ ฮ้าๆ” เมื่อพระเจ้าโกศลยกกองทัพมาล้อมเมืองพาราณสี
   
พระเจ้าโกศลคิดจะโจมตีกรุงพาราณสี
 
พระเจ้าโกศลคิดจะโจมตีกรุงพาราณสี
 
    ชาวเมืองก็ปิดประตูป้องกันอย่างดี ส่งสารถวายพระเจ้ากรุงโกศลขอรอให้พระอัครมเหสีคลอดเสียก่อนจึงจะพร้อมทำศึก ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงโกศลทรงรับตกลง เวลาผ่านไปเจ็ดวัน พระมเหสีให้กำเนิดโอรสนามว่า อลีนจิตตราชกุมาร เพราะทรงช่วยให้จิตท้อแท้ของมหาชนมีฝันดีขึ้น
 
พระมเหสีให้กำเนิดโอรสนามว่า อลีนจิตตราชกุมาร
 
พระมเหสีให้กำเนิดโอรสนามว่า อลีนจิตตราชกุมาร
 
    “ลูกแม่ ชื่นใจเหลือเกิน” เมื่อพระโอรสประสูติแล้วทหารและชาวเมืองพาราณสีก็เริ่มออกสู้รบแต่มักพ่ายแพ้กลับมาเนื่องๆ อำมาตย์และพระเทวีจึงเห็นว่าควรบอกเรื่องราวทั้งหมดแก่พญาช้างอาชานัย จึงพากันไปยังโรงพญาช้าง
 
พญาช้างอาชานัยได้รับข่าวการสวรรคตของพระเจ้าพรหมทัต
 
พญาช้างอาชานัยได้รับข่าวการสวรรคตของพระเจ้าพรหมทัต
 
     “บัดนี้พระเจ้าพรหมทัตได้สวรรคตลงแล้ว บ้านเมืองก็ระส่ำระสาย ทหารออกรบคราใดก็พ่ายแพ้กลับมา ท่านอย่าปล่อยให้พระโอรสของสหายท่านตายเสียเลยนะ” พญาช้างเอางวงลูบคลำกุมารน้อยไว้เหนือกระพอง ร้องไห้คร่ำครวญแล้ววางโอรสให้บรรทมในพระหัตถ์ของพระเทวีดังเดิม
 
พญาช้างพร้อมออกศึกหวังจะไปจับพระเจ้าโกศลเพื่อปกป้องพระโอรส
 
พญาช้างพร้อมออกศึกหวังจะไปจับพระเจ้าโกศลเพื่อปกป้องพระโอรส
 
    ช้างอาชานัยหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็ฮึกเฮิมหวังจะไปจับพระเจ้าโกศลเพื่อปกป้องโอรสองค์น้อย พวกทหารอำมาตย์รีบสวมเกราะพากันห้อมล้อมพญาช้างออกจากประตูเมืองไป “เราพร้อมจะทำศึกแล้ว ทหารทั้งหลายออกไปรบปกป้องโอรสกันเถอะ เราจะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายโอรสสหายเรา"
 
พญาช้างใช้งวงคว้าตัวพระเจ้าโกศลมาถวาย ณ เบื้องบาทของพระราชกุมาร
 
พญาช้างใช้งวงคว้าตัวพระเจ้าโกศลมาถวาย ณ เบื้องบาทของพระราชกุมาร
 
    พญาช้างแผดเสียงโกญจนาทจนข้าศึกแตกตื่นกลัว พากันหนีจนหมด เมื่อทหารฝ่ายตรงข้ามฝันหนีดีฝ่อ พญาช้างจึงใช้งวงคว้าพระเจ้าโกศลไว้ แล้วนำตัวมาวาง ณ เบื้องบาทของพระราชกุมารน้อย เมื่อเหล่าทหารจะรุมกันฆ่าพระเจ้าโกศล พญาช้างก็ห้ามปรามไว้ “ครั้งนี้พวกเราจะปล่อยท่านกลับไป ถึงแม้โอรสจะยังเป็นเด็ก แต่ท่านอย่าได้ประมาทว่าสามารถจะชนะโอรสของเราได้”
 
หลังการศึก นครพาราณสีก็มีแต่ความสงบร่มเย็น
 
หลังการศึก นครพาราณสีก็มีแต่ความสงบร่มเย็น
 
    ตั้งแต่นั้นมานครพาราณสีก็ไม่มีข้าศึกมาโจมตีอีกเลย พระราชกุมารได้รับการอภิเษกเมื่อพระชนม์ได้เจ็ดพรรษาทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมตลอดพระชนม์ชีพ เมื่อสวรรคตก็ได้เสด็จอุบัติในเมืองสวรรค์
  
พระราชกุมารได้รับการอภิเษกเมื่อพระชนม์ได้เจ็ดพรรษาทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม
 
พระราชกุมารได้รับการอภิเษกเมื่อพระชนม์ได้เจ็ดพรรษาทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม
 
ชาวเมืองและช้างอาชานัย ถือเอาอลีนจิตตกุมารเป็นที่พึ่ง ไม่ย่อท้อเพียรสู้รบจนได้ชัยชนะ
 
ภิกษุผู้คลายความเพียร ได้สติเร่งความเพียรจนบรรลุพระอรหัตผล
 
ภิกษุผู้คลายความเพียร ได้สติเร่งความเพียรจนบรรลุพระอรหัตผล
 
    เหมือนภิกษุที่มีพระบรมศาสดาเป็นที่พึ่ง เร่งความเพียรจนชนะกิเลสเถิด ในบัดนั้นพระภิกษุผู้คลายความเพียร จึงเกิดสติเร่งความเพียรจนบรรลุพระอรหัตผล
 
พระมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต ได้มาเป็น พระนางสิริมหามายา
พระเจ้าพรหมทัต ได้มาเป็น พระเจ้าสุทโธทนะ
พญาช้างอาชานัย ได้มาเป็น ภิกษุผู้คลายความเพียร
พ่อของพญาช้าง ได้มาเป็น พระสารีบุตร
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 

http://goo.gl/RTtyA


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ