อัสสกชาดก ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย

ณ นครสาวัตถี มีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อได้บวชแล้วก็ไม่สามารถตัดกิเลสได้ แต่ละวันได้แต่คิดถึงภรรยาจนไม่สามารถปฏิบัติกิจสงฆ์ได้ https://dmc.tv/a22492

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 15 มิ.ย. 2560 ] - [ ผู้อ่าน : 18255 ]

ชาดก 500 ชาติ

อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ นครสาวัตถี

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ นครสาวัตถี
  
     ณ นครสาวัตถี มีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อได้บวชแล้วก็ไม่สามารถตัดกิเลสได้ แต่ละวันได้แต่คิดถึงภรรยาจนไม่สามารถปฏิบัติกิจสงฆ์ได้ “ ป่านนี้น้องนางของพี่
จะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะกินจะอยู่อย่างไร จะคิดถึงพี่บ้างหรือเปล่า ” “ ตั้งแต่ภิกษุรูปนี้บวชมา เราก็ไม่เคยเห็นกิจสงฆ์เลยสักนิด ”
“ นั่นนะสิ แล้วอย่างนี้จะบรรลุธรรมได้อย่างไร ”
 
ภิกษุผู้บวชใหม่เฝ้าครุ่นคิดถึงภรรยาของตน
 
ภิกษุผู้บวชใหม่เฝ้าครุ่นคิดถึงภรรยาของตน
 
     “ พวกเราเองก็ออกบวชมาก่อน น่าจะตักเตือนเค้าได้บ้างนะท่าน ” “ ทำไมท่านไม่ปฏิบัติกิจสงฆ์ละ การนั่งสมาธิจะทำให้จิตใจท่านสงบเยือกเย็นได้นะ ” “ ผมทำอย่างไร
ก็ไม่สามารถตัดกิเลสออกไปจากใจได้ พอหลับตาครั้งใด จิตใจก็เฝ้าแต่คำนึงถึงน้องนางที่รัก ” “ ท่านไม่ลองพยามยามดูอีกครั้งหรือท่าน ” “ ไม่ไหวแล้วละ ผมตัดสินใจ
แล้วว่าจะสึก ”
 
เหล่าภิกษุได้ทัดทานภิกษุผู้บวชใหม่ไม่ให้ลาสิกขา
 
เหล่าภิกษุได้ทัดทานภิกษุผู้บวชใหม่ไม่ให้ลาสิกขา
 
     “ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปอย่างนั้นเลย เราไปเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันเถิด พระองค์ต้องมีข้อชี้แนะให้เราแน่ๆ ” เมื่อองค์พระศาสดา
ทรงทราบเรื่องทั้งหมด จึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุ หญิงนั้นไม่ได้ทำให้เธอโหยหาแต่ในครั้งนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อน เธอก็ได้รับทุกข์ใหญ่หลวงเพราะหญิงนั้น
เหมือนกัน ” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า อัสสกชาดก ดังนี้ 
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า อัสสกชาดก
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า อัสสกชาดก
 
     ณ แคว้นกาสี พระเจ้าอัสสกะผู้ครองนครปาฏลิมีอัครมเหสีรูปโฉมงดงามพระนามว่า อุพพรี เป็นที่รักใคร่โปรดปรานของพระราชาอย่างยิ่ง “ ไหนขอพี่ชื่นชม
ใบหน้าที่งดงามของเจ้าหน่อยสิจ๊ะ ” “ แหม ท่านพี่ก็อยู่ๆ ก็ตรัสชมกันอย่างนี้ หม่อมฉันอายนะเพค่ะ ” “ จะอายทำไมเล่า ที่พี่พูด ล้วนแต่เป็นความจริง ” 
 
แคว้นกาสีซึ่งมีพระเจ้าอัสสกะเป็นผู้ครองนครปาฏลิ
 
แคว้นกาสีซึ่งมีพระเจ้าอัสสกะเป็นผู้ครองนครปาฏลิ
 
     พระนางอุพพรีพยายามบำรุงรูปโฉมและรักษาพระฉวีวรรณให้สดใสเปล่งปลั่งยิ่งกว่าพระมเหสีองค์อื่นๆ เพื่อผูกพระทัยพระราชาให้หลงใหลพระนางแต่เพียงผู้เดียว
“ พวกเจ้าช่วยขัดผิวเราให้เนียนหน่อยนะ แล้วอย่าลืมใส่ดอกไม้หอมๆ ลงไปเยอะๆ ละ กลิ่นกายเราจะได้หอม อย่าใช้ดอกไม้ที่กลิ่นฉุนเกินไปละ เสด็จพี่ไม่ชอบ ”
 
พระนางอุพพรีเป็นพระมเหสีที่พระเจ้าอัสสกะทรงรักและโปรดปรานมาก
 
พระนางอุพพรีเป็นพระมเหสีที่พระเจ้าอัสสกะทรงรักและโปรดปรานมาก
 
     “ โอ๊ย พระมเหสีนี่ ผิวเนียนสุกใสกว่าพระมเหสีองค์อื่นๆ อีกนะเพค่ะ ” “ ใช่ ทั้งรูปโฉมและรูปกาย ได้สัดส่วน สวยไปหมด สมแล้วที่เป็นที่โปรดปรานของพระราชา ”
“ เสด็จพี่ต้องโปรดปรานแต่เราคนเดียวเท่านั้น ” “ เสด็จพี่เพค่ะ หม่อมฉันได้ยินหมอหลวงบอกว่า ทางใต้ของเมืองเรามียาดีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสอ่อนวัย
หม่อมฉันอยากจะลองนำมาใช้ดูเสด็จพี่จะว่ากระไรเพค่ะ ” 
 
พระนางอุพพรีทรงมีความงดงามที่สุดในบรรดาพระมเหสีทั้งหลายของพระเจ้าอัสสกะ
 
พระนางอุพพรีทรงมีความงดงามที่สุดในบรรดาพระมเหสีทั้งหลายของพระเจ้าอัสสกะ
 
     “ ถ้าน้องหญิงอยากได้ พี่จะสั่งให้ทหารไปเสาะหามาให้ อะไรก็ตามที่น้องหญิงต้องการพี่จะหามาให้จ้า ” “ หม่อมฉันก็ทำเพื่อให้เสด็จพี่พอพระทัยเพค่ะ ถ้าเกิดวันหนึ่ง
หม่อมฉันไม่สวย เสด็จพี่ก็คงไม่พอใจ ” “ อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ อย่างเจ้านะเหรอ จะมีวันไม่สวยไม่มีหรอก ” ไม่ว่าพระนางอุพพรีจะต้องการยาวิเศษใดๆ มาบำรุงรูปโฉม
ให้งดงาม หรือแม้จะต้องใช้วิธีใดๆ ก็ตาม พระราชาก็ทรงยอมรับของความปรารถนาของพระนางทั้งสิ้น
 
พระเจ้าอัสสกะทรงทำตามพระทัยพระนางอุพพรีทุกอย่างตามที่พระนางต้องการ
 
พระเจ้าอัสสกะทรงทำตามพระทัยพระนางอุพพรีทุกอย่างตามที่พระนางต้องการ
  
     วันหนึ่งพระนางอุพพรีสิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่รู้สาเหตุ พระราชาตกพระทัยอย่างยิ่ง ทรงโศกเศร้าเสียพระทัย เสวยทุกข์โทมนัสเป็นที่สุด “ ทำไมน้องหญิงจากพี่
ไปเร็วอย่างนี้ พี่จะอยู่ได้อย่างไรหากขาดเจ้า ” พระเจ้าอัสสกะทรงให้สร้างโลงแก้วใส่พระศพของพระนางอุพพรีซึ่งหล่อน้ำมันไว้แล้วยกไปตั้งข้างแท่นบรรทม
ทรงอดพระกระยาหาร คร่ำครวญกรรแสงถึงพระนางด้วยปริเวทนาการไม่เป็นอันทำสิ่งใด
 
พระนางอุพพรีทรงสิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 
พระนางอุพพรีทรงสิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 
     “ พี่คิดถึงเจ้าอุพพรี ไม่น่าจากพี่ไปเลย ไม่มีเจ้า แล้วพี่จะมีจิตใจทำอะไร ” แม้พระราชบิดา พระราชมารดา พระญาติพร้อมด้วยอำมาตย์และข้าราชบริพาร
ทั้งหลายจะปลอบอย่างไรก็ไม่สามารถให้พระองค์สร่างโศกได้ “ เจ้าอย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย ยังไงๆ นางก็จากเจ้าไปแล้ว หักห้ามใจไว้บ้างเถอะลูก ”
 
 พระเจ้าอัสสะทรงเก็บพระศพของพระนางอุพพรีไว้ในโลงแก้ว
 
พระเจ้าอัสสะทรงเก็บพระศพของพระนางอุพพรีไว้ในโลงแก้ว
 
     “ เลิกโศกเศร้าได้แล้ว เจ้าควรจะห่วงงานบ้านงานเมืองบ้างนะ ” “ หม่อมฉัน ยังทำใจไม่ได้เลยเสด็จพ่อเสด็จแม่ หม่อมฉันไม่มีจิตใจที่จะทำอะไรได้ ” 
พระเจ้าอัสสกะทรงเศร้าโศกถึงพระนางอุพพรีอยู่เช่นนั้นล่วงไปถึงเวลา 7 วัน “ ทำไมเจ้าต้องจากพี่ไปด้วย พี่รักเจ้ามากแค่ไหนเจ้าก็รู้ ”
 
พระดาบสอาจารย์ของพระเจ้าอัสสะทรงประทับอยู่ในป่าหิมพานต์
 
พระดาบสอาจารย์ของพระเจ้าอัสสะทรงประทับอยู่ในป่าหิมพานต์
  
     ในกาลนั้นพระดาบสสำเร็จอภิญญาและสมาบัติ เป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอัสสกะอยู่ในป่าหิมพานต์ เจริญอาโลกสินตรวจดูชมพูทวีปด้วยทิพยจักษุ
เห็นพระราชาทรงปริเวทนาการอยู่อย่างนั้น จึงเป็นห่วง “ เฮ้อ เราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ ปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ดีแน่ ” พระดาบสคิดได้ดังนั้น
จึงตัดสินใจเหาะมายังพระราชอุทยาน หวังช่วยพระเจ้าอัสสกะให้พ้นความโศกเศร้า
 
พระดาบสได้เหาะมายังพระราชอุทยานนครปาฏลิ    

พระดาบสได้เหาะมายังพระราชอุทยานนครปาฏลิ
 
     เมื่อถึงอุทยานแล้ว พระดาบสจึงตรัสถามเรื่องราวจากมหาดเล็ก “ ตั้งแต่พระมเหสีอุพพรีสิ้นพระชนม์ พระเจ้าอัสสกะทรงโศกเศร้าอยู่อย่างนี้ นี่ก็ล่งมา 7 วันแล้วขอรับ ”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านไปกราบทูลเชิญพระองค์มาที่อุทยานนี้ด้วยเถิด เราจะช่วยจะช่วยพระราชาให้หายจากความโศกเศร้าและให้พระองค์ทรงรู้ความจริงซะที " 
 
พระดาบสทรงให้มหาดเล็กนำความไปแจ้งต่อพระเจ้าอัสสกะ
 
พระดาบสทรงให้มหาดเล็กนำความไปแจ้งต่อพระเจ้าอัสสกะ
  
     ด้วยความเคารพและเกรงใจดาบส พระเจ้าอัสสกะจึงทรงยินยอมเสด็จมาพบที่พระราชอุทยาน “ มหาบพิตร จะมัวเศร้าโศกถึงพระนางทำไม บัดนี้พระนางได้ไป
เกิดใหม่แล้วนะท่าน ” “ น้องอุพพรี มเหสีของหม่อมฉันไปเกิดใหม่แล้วรึ ที่ไหนพระคุณเจ้า ” “ เนื่องจากเมื่อตอนที่เป็นมนุษย์ พระนางทรงมัวเมาในรูปโฉม ไม่ทรง
ทำความดี ด้วยความหลงมัวเมานี้ จึงนำไปเกิดเป็นด้วงขี้ควาย ”
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสด็จมาพบพระดาบสที่พระราชอุทยาน
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสด็จมาพบพระดาบสที่พระราชอุทยาน
 
     “ หม่อมฉันไม่เชื่อ พระมเหสีของหม่อมฉันเมื่อตอนเป็นมนุษย์สิริโฉมงดงาม เมื่อเกิดใหม่ความงามนั้นก็น่าจะคงอยู่ จะไปเกิดเป็นด้วงขี้ควายได้อย่างไร ” “ ถ้าพระองค์
ไม่ทรงเชื่อ อาตมาจะพาไปให้เห็นความจริง ตามอาตมา มาเถิด เมื่อไปถึงท้ายอุทยานพระองค์จะทรงทราบด้วยพระองค์เอง ” พระดาบสเสด็จนำพระเจ้าอัสสกะไปยัง
ท้ายพระราชอุทยาน เมื่อมาถึงท้ายอุทยานก็พบกองมูลควาย ทั้งสององค์ก็นั่งลงข้างกองมูลควาย
 
พระดาบสทรงนำพระเจ้าอัสสกะมายังท้ายพระราชอุทยาน
 
พระดาบสทรงนำพระเจ้าอัสสกะมายังท้ายพระราชอุทยาน
 
     พระเจ้าอัสสกะยังทรงไม่เชื่อตามคำที่พระดาบสบอก แต่ก็ทรงทราบว่าพระดาบสนี้มีอภิญญารู้ภาษาสัตว์ และสามารถเสกให้บุคคลฟังภาษาสัตว์ได้ระยะหนึ่ง สักพัก
พระเจ้าอัสสกะทรงเริ่มได้ยินเสียงสัตว์รอบข้างสนทนากัน พระองค์ก็รู้พระองค์ทันทีว่าพระดาบสได้เสกให้พระองค์ได้ยินเสียงสัตว์เรียบร้อยแล้ว “ วันนี้อากาศดีจริง
จะบินไปออกหากินที่ไหนดีนะ ”

พระดาบสทรงเสกให้พระเจ้าอัสสกะฟังภาษาของสัตว์ได้
 
พระดาบสทรงเสกให้พระเจ้าอัสสกะฟังภาษาของสัตว์ได้
 
     “ ไปทางด้านเหนือโน่นไหม ฉันได้ข่าวมาว่าที่นั่นมีอาหารอุดมสมบูรณ์มากๆ เลยนะ ผลไม้เต็มไปหมดเลย ” “ ดีสิ ไปกันเลย ” “ แม่ด้วงเอ้ย ออกมาเถิด ” เมื่อร่ายคาถา
ให้มนุษย์ได้ฟังเสียงสัตว์ได้เสร็จสิ้นแล้ว พระดาบสจึงเริ่มสนทนากับพระนางอุพพรีที่เกิดใหม่เป็นด้วงมูลควาย “ ไหนๆๆ อึบๆๆ ขอโผล่ออกมาก่อน พระดาบสนั่นเอง มีธุระ
อะไรกับเจ้านะ ไปๆ ออกมาพบท่านก่อนก็แล้วกัน ”
 
แมลงคุยกันถึงเรื่องการออกไปหาอาหารในยามเช้า
 
แมลงคุยกันถึงเรื่องการออกไปหาอาหารในยามเช้า
 
     “ จ๊ะพี่ อึบๆ เฮ้อ โผล่ออกมาได้สะที ” “ แม่ด้วง ชาติที่แล้วเจ้าเป็นอะไรกัน ” “ ข้าพเจ้าเป็นมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ ชื่อ อุพพรีเจ้าค่ะ ” “ เมื่อครั้งเจ้าเป็นมเหสีนั้น
ทรงเป็นที่สนิทเสน่หาอย่างยิ่งของพระราชาใช่ไหม ” “ ใช่เจ้าค่ะ ” “ ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ เจ้าจะเป็นน้องอุพพรีของข้าได้อย่างไร ” พระเจ้าอัสสกะยังไม่ตกลงปลงใจเชื่อ
เสียแต่ทีเดียว พระดาบสจึงถามคำถามที่มีแต่พระเจ้าอัสสกะกับพระมเหสีเท่านั้นที่รู้
 
ด้วงขี้ควายซึ่งอดีตชาติคือพระนางอุพพรีพระมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ
 
ด้วงขี้ควายซึ่งอดีตชาติคือพระนางอุพพรีพระมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ
 
     “ แม่ด้วงเมื่อตอนเจ้าเป็นมเหสี พระเจ้าอัสสกะให้ความรักดูแลเจ้าดีหรือไม่ อย่างไรกัน ” “ พระเจ้าอัสสกะทรงดูแลข้าพเจ้าเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการสิ่งใด
เพื่อบำรุงความงามของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะต้องไปหาที่ไหน ด้วยวธีใด พระเจ้าอัสสกะก็จะหามาให้ สนองตามความปรารถนาของข้าพเจ้าทุกครั้ง ” “ น้องหญิง เจ้าคือมเหสี
ของข้าจริงๆ ด้วย พี่ดีใจเหลือเกินที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ”
 
พระดาบสและพระเจ้าอัสสกะทรงสนทนากับด้วงซึ่งอดีตคือพระนางอุพพรี
 
พระดาบสและพระเจ้าอัสสกะทรงสนทนากับด้วงซึ่งอดีตคือพระนางอุพพรี
 
     พระเจ้าอัสสกะเมื่อได้ยินคำตอบจากด้วงมูลความแล้วก็ปักใจเชื่อทันทีว่า คือ พระมเหสีของพระองค์ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันสองพระองค์ “ บัดนี้พระเจ้าอัสสกะ
ได้มาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าจะกลับไปเป็นมเหสีสุดที่รักของพระองค์อีกหรือไม่ ” พระเจ้าอัสสกะ ได้ยินคำถามจากพระดาบสก็ดีพระทัย หวังจะให้นางด้วงตอบรับ
เผื่อพระดาบสจะเสกให้นางด้วงกลับเป็นพระนางอุพพรีที่ทรงฟื้นคืนชีพเป็นพระมเหสีสุดรักตามเดิม
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสียพระทัยมากที่ด้วงอดีตพระนางอุพพรีได้ลืมความรักที่มีกับตนไปหมดสิ้น
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสียพระทัยมากที่ด้วงอดีตพระนางอุพพรีได้ลืมความรักที่มีกับตนไปหมดสิ้น
 
     “ ไม่เจ้าค่ะ ในครั้งนั้น พระราชาเป็นพระสวามีของข้าพเจ้าก็จริง แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีสามีใหม่เป็นที่รักยิ่งแล้ว แม้จะให้สังหารพระเจ้าอัสสกะเอาโลหิตจากพระศอ
มาล้างเท้าสามีใหม่ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ทำได้ ” “ โธ่ แม่ด้วง ทูนหัวของพี่ด้วงเจ้านี่เป็นภรรยาที่ดีของข้าจริงๆ ” “ เจ้าพูดเช่นนี้ได้ยังไง เจ้าลืมไปแล้วรึ ครั้งยังเป็น
สามีภรรยาข้าดีต่อเจ้าเพียงใด รักเจ้าเพียงใด ”
 
พระเจ้าอัสสกะทรงโกรธแค้นด้วงอดีตพระนางอุพพรีเป็นอย่างยิ่ง
 
พระเจ้าอัสสกะทรงโกรธแค้นด้วงอดีตพระนางอุพพรีเป็นอย่างยิ่ง
 
     “ ความสุขและความทุกข์เก่า ถูกความทุกข์และความสุขใหม่บดบังเสียแล้ว ฉะนั้นเจ้าด้วงจึงเป็นที่รักของข้าพเจ้ายิ่งกว่าพระองค์ร้อยเท่าพันเท่า ” “ ที่ผ่านมาข้าอุตส่าห์
เฝ้าคิดถึงเจ้า หวังให้เจ้ากลับมาอยู่กับข้าดังเดิม แต่ดูเจ้าสิ กลับเห็นด้วงมูลควายดีกว่าข้า ” 
 
พระเจ้าอัสสกะทรงกราบลาพระดาบสแล้วเสด็จกลับสู่ห้องบรรทมของพระองค์
 
พระเจ้าอัสสกะทรงกราบลาพระดาบสแล้วเสด็จกลับสู่ห้องบรรทมของพระองค์
 
     พระมเหสีอุพพรีบัดนี้ได้เกิดใหม่เป็นตัวด้วงมูลควาย เมื่อเห็นพระเจ้าอัสสกะทรงโกรธ ก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด มุดกองมูลความหายไปพร้อมกับด้วงสามีใหม่
พระเจ้าอัสสกะกริ้วสุดขีดได้แต่ทรงแค้นพระทัย แล้วก็ไหว้ลาพระดาบสแล้วกลับคืนสู่ห้องพระบรรทม สั่งมหาดเล็กให้ย้ายศพพระนางอุพพรีออกไปจากห้อง
 
พระเจ้าอัสสกะทรงอภิเษกพระอัครมเหสีพระองค์ใหม่
 
พระเจ้าอัสสกะทรงอภิเษกพระอัครมเหสีพระองค์ใหม่
 
     ต่อมาไม่นานพระเจ้าอัสสกะก็ลืมความโศกเศร้าเสียใจครั้งพระมเหสีสิ้นพระชนม์ ทรงอภิเษกพระอัครมเหสีใหม่ และทรงครองราชสมบัติโดยธรรม พระบรมศาสดา
ทรงเล่าจบแล้ว ภิกษุผู้ตัดกิเลสไม่ขาด ที่เฝ้าแต่คิดถึงภรรยาก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล
 
 
 
พระเจ้าอัสสกะ ได้กำเนิดเป็น ภิกษุผู้ตัดกิเลสไม่ขาด
พระดาบส เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ