พระบรมธาตุ
ลักษณะของพระบรมธาตุ
ลักษณะของพระบรมธาตุ
ภาพประกอบใช้เพื่อการสื่อความหมาย
วรรณะ
ผิวพรรณหรือวรรณะของพระบรมธาตุนั้น เมื่อสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแตกต่างจากกวดทรายทั่วไป คือจะมีวรรณะงดงาม เปล่งปลั่งกว่า นำมาส่องกล้องจุลทรรศน์บางครั้งจะเป็นรุ้งสีทองแวววาวน่าชม บางครั้งมีละอองทองหรือเงินคล้ายกากเพชรหรือผงทองคำเปลวเกาะอยู่
รูปทรง
มีหลายลักษณะ
- เม็ดข้าวสารหัก
- เมล็ดถั่วแตก
- เมล็ดพันธุ์ผักกาด
- เม็ดกรวดเม็ดทราย
- ดอกมะลิตูม (สีพิกุล) (ในตำนานว่ามี 6 ทะนาน)
- แก้วมุกดา (สีผลึก) ในตำนานว่ามี 5 ทะนาน)
- ผงทองคำ (จุณ) (ในตำนานว่ามี 5 ทะนาน) อาจเรียกว่า สีทองอุไร (กิมซัว)
- รูปทรงอื่นๆ ที่ไม่ตรงตามตำราก็มี
ขนาด
ขนาดเล็ก เท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด มักมีสีเหลืองดอกมะลิตูม
ขนาดกลางหรือค่อนข้างใหญ่ เท่าเม็ดข้าวสารหักกลาง มีสีเหมือนแก้วมุกดาหรือไข่มุก
ขนาดใหญ่ ขนาดเมล็ดถั่วเขียวผ่ากลาง ถั่วเหลืองหรือถั่วมุคคะสีเหมือนทองคำหรือทองอุไร
สี (ทางกายภาพ)
- สีเนื้อแก้วใสงาม หรือเหมือนเพชร
- สีขาว
- สีดอกพิกุลแห้ง
- สีครึ่งขุ่นครึ่งใส
- เนื้อมัน สีต่างๆ
- เทา ดำเป็นมัน
- สีเขียวไข่นกการะเวก
- สีชมพุใส
- ขาวอมแดง แดงเป็นจุดหรือเป็นบริเวณ
- สีใส มีเกล็ดเงิน ทองมาเกาะ
พลังงาน
วิมุตติธรรมจากองค์พระบรมธาตุหาใช่นามธรรมล้วนไม่ พลังงานที่กระจายออกจากพระบรมธาตุมีอยู่ตลอดเวลาและมีมากเป็นพิเศษในบางโอกาส ผู้มีจิตสะอาด สงบ สว่างถึง ระดับหนึ่ง จะสัมผัสกับพลังงานดังกล่าวได้ คุณประโยชน์ของวิมุตติธรรมจากองค์พระบรมธาตุนั้นมีมากมายมหาศาลอเนกอนันต์ หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์แห่งสิงห์บุรีเคยกล่าวว่าวิมุตติธรรมอันเป็นของแท้นั้น จะว่าเป็นรูปธรรมก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นนามธรรมก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นนามธรรมก็ไม่ใช่ ตรงนี้สำหรับปุถุชนทั่วไปไม่ใช่ง่ายเลยที่จะเข้าใจ เพราะตามระบบการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันนั้น ถ้าไม่ใช่รูปธรรมก็จะต้องเป็นนามธรรม ไม่ใช่นามธรรมก็จะต้องเป็นรูปธรรม ที่เป็นเช่นนี้เพราะความเข้าใจในเรื่องของธรรมจักร สูญญํ อนุสัยและอาสวะกิเลส รวมถึงความเข้าใจแยกแยะสมมุติวิมุตติ นั้นได้เสื่อมถอยลงไปมาก
รัศมี
เกิดจากพลังธรรมจักร อันเป็นเหตุแห่งพระธาตุและหล่อเลี้ยงดำเนินเป็นธรรม (สมาบัติ) อยู่ภายในและรอบนอกขององค์พระธาตุ เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญมีปฏิสัมพันธ์ หรือกระทบกับอธิษฐานบารมีของผู้มีบุญญาธิการวิมุตติธรรมอันเป็นธรรมหล่อเลี้ยงทุกอณูอยู่จะเหวี่ยงตัวสมาบัติรุนแรงขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ปรากฏการแผ่รัศมีออกไปในวงกว้างกว่าเดิม เป็นแสงสีอันประณีต บางครั้งมีการเสด็จของพระบรมธาตุ พร้อมกับการแผ่รัศมีด้วยสีของรัศมีหรือฉัพพรรณรังสีที่ปรากฏมีหลายสี เป็นรัศมีที่ประณีตละเอียดอ่อนกว่าแสงสีใดในโลกรวมทั้งแสงสีที่มนุษย์สามารถประดิษฐ์ขึ้นมาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม
ความสว่าง ความแรง หรือ momentum ของพลังงานที่หล่อเลี้ยงพระบรมธาตุขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง
1. ธาตุสาวกกับพระบรมธาตุ : พระบรมธาตุจะสว่างกว่า มี momentum ของพลังงานสูงกว่าเพราะมีการสั่งสมบารมีมามากกว่า มีปฏิสัมพันธ์กับธาตุธรรมในจักรวาลต่างๆ มากมายหลากหลายลึกซึ้งกว่า มีความเป็นต้นกำเนิดหรือความดั้งเดิม (originality) สูงกว่า เพราะเป็นผู้ถ่ายทอดให้ธรรมจักรแก่พระสาวกอีกทีหนึ่ง)
2. ปริมาณขององค์พระธาตุ : ยิ่งมาก ยิ่งแรง ยิ่งสว่าง (โดยกำหนดให้ปัจจัยอื่นๆ คงที่)
3. จิตของผู้เคารพบูชา : หากมีศรัทธามากเคารพนอบน้อมซาบซึ้งมาก กระแสจิตจะไปกระทบกระตุ้นให้พลังงานศักย์ที่หล่อเลี้ยงแต่ละอณูของพระธาตุอยู่กระจายออกมาเป็นพลังงานจลน์มากกว่าผู้ศรัทธาน้อย
4. บารมีของผู้เคารพบูชาหรืออธิษฐาน : หากผู้บุชาหรืออธิษฐานต่อพระบรมธาตุมีบารมี (กำลังใจ) สูง จะมีปฏิสัมพันธ์และสัมผัสพลานุภาพของพระธาตุได้มากกว่า และมีโอกาสที่พระธาตุจะกระจายพลังรัศมี หรือฉัพพรรณรังสีออกมามากกว่า
รูปแบบ (format) ในการกระจายตัวของรัศมี
กระจายออกจากศูนย์กลาง (องค์พระธาตุ) ไปโดยรอบ บางครั้งแสงรัศมีนั้นจะวนเวียนทักษิณาวัตร (เวียนขวา) รอบองค์พระเจดีย์จากล่างขึ้นบน บนลงล่าง วนรอบตัวผู้มีบุญญาธิการเหตุแห่งการเป็นพระบรมธาตุพระอริยะหรืออริยบุคคลที่ปฏิบัติธรรมถูกหลักธรรมจักรฯ นั้น กายและใจของท่านจะได้รับการซักฟอก ชำระล้างด้วยวิมุติธรรม (ธาตุธรรมอันบริสุทธิ์แม้อยู่ระหว่างรูปกับนาม อยู่เหนืออนิจจังแห่งภพสาม) อนุสัย และอาสวะกิเลสทั้งหลายจะค่อยๆ ถูกขจัดออกไปจากส่วนต่างๆ ทั้งกายและใจ (ทุกส่วนของขันธ์ 5) ส่วนต่างๆ ที่ลมปราณเคยผ่านไปถึงจึงค่อยๆ กลายเป็นพระธาตุไป กล่าวอย่างย่อก็คือว่าจิตอันบริสุทธิ์ของพระอรหันต์นั้น มีอำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ให้เป็นธาตุอันบริสุทธิ์ จึงเกิดเป็นพระธาตุได้ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก ต.บ้านป่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พระอริยะสำคัญสายพระอาจารย์มั่นและเป็นสหายร่วมธุดงค์ของหลวงปู่แหวนสุจิณโณ ได้เคยกล่าวไว้ว่า “อำนาจตบะที่อริยบุคคลได้ตั้งหน้าบำเพ็ญเพียร เพื่อขัดเกลากิเลสนั้น มิได้แผดเผาชำระล้างเฉพาะกิเลสเท่านั้น หากแต่ได้แผดเผา ชำระล้าง ซักฟอกกระดูกในร่างกายให้กลายเป็นพระธาตุไปด้วยในขณะเดียวกัน”จาก : หนังสือพระบรมธาตุ เขียนโดย : อ.บริภัทรพิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2539
http://goo.gl/AlKHLu