วงจรชีวิตการบริหารเวลาถ้าพิจารณาดีๆ ได้ฝึกนิสัยตามรอยพระบรมโพธิสัตว์ ตั้งแต่ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมีทั้ง 10 ประการในแต่ละวัน ทำไปเรื่อยๆ จากวัน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายๆปี จนตลอดชีวิต กลายเป็นนิสัยดีๆ หนาแน่นติดข้ามชาติไป ที่เรียกว่าสันดาน จะไปเกิดในสิ่งแวดล้อมใดๆนิสัยดีๆที่ฝังแน่นแล้ว ก็จะสอนตัวเองให้อยู่ในเส้นทางแห่งความดีไปทุกภพทุกชาติ ไม่พลัดไปอบายจนกระทั่งเข้าสู่พระนิพพานข้ออ้างมักจะได้ยินได้ฟังเสมอ คือ ไม่มีเวลา พระอาจารย์เคยชมสื่อการฝึกอบรมเรื่องการบริหารเวลา วิทยากรเอาถังพลาสติกทรงกระบอกใสๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ซ.ม. มาวางบนโต๊ะ 2 ใบใบแรกเป็นถังเปล่าๆใบที่ 2 ใส่ทราย 3 ใน 4 ส่วนของถัง และมีก้อนหินโตเท่าฝ่ามือประมาณ 10 ก้อน วางอยู่รอบถัง โจทย์ คือ ให้เอาหินใส่ในถังที่มีทรายให้หมด ไม่ให้ล้นปากขอบถัง แล้วเชิญผู้เข้าอบรมมาเป็นตัวแทนเอาหินใส่ในถัง จะใส่อย่างไรหินก็ล้นขอบถังขึ้นมาวิทยากรยืนยันว่า หินกับทรายในถัง สามารถรวมอยู่ด้วยกันโดยไม่พ้นขอบถัง ผู้แสดงจึงเอาหินย้ายไปใส่ในถังเปล่า โดยเอาหินใส่ไว้ข้างล่างแล้วเอาทรายในถังเดิมเทใส่ในถังเปล่า โดยมีหินอยู่ข้างล่าง เททรายไปก็ขยับถังไปด้วย ให้ทรายแทรกเข้าไปในรอยต่อของหิน พอเททรายหมดปรากฏว่า ทรายไม่ล้น พอดีขอบปากถังวิทยากรจึงสรุปว่า เวลาในแต่ละวันของทุกคนมีเท่ากัน อุปมาเหมือนช่องว่างในถัง แตกต่างกันตรงที่เอาเวลาไปใช้กับเรื่องอะไรก่อนทรายหมายถึงเรื่องสัพเพเหระ ไม่มีสาระ จะทำหรือไม่ทำก็ไม่มีผลต่อชีวิต ส่วนหินหมายถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด มีคุณค่าต่อชีวิตถ้าเราใส่ทรายก่อน ใส่หินทีหลังจะใส่หินไม่หมด หมายถึงเวลาในแต่ละวันถ้าใช้ไปกับเรื่องสัพเพเหระ เรื่องไร้สาระก่อน เวลาจะไม่พอสำหรับทำเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตวิทยากรถามต่อว่า คุณเคยคิดไหมว่า อะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิต ถ้าคิดไม่ออกให้สมมติว่า เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนจะสิ้นลมหายใจ 5 นาที คิดทบทวนไปในอดีตว่า ได้ทำอะไรไปบ้าง ที่คิดว่าเกิดมาชาตินี้คุ้มค่า ลองเขียนไว้สัก 3 ข้อ แล้วเริ่มทำตั้งแต่วันนี้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เมื่อถึงวาระสุดท้ายอย่างไรก็ต้องได้สิ่งที่ตั้งเป้าหมายเอาไปบ้างแต่ถ้าไม่เคยคิดเลยว่า เกิดมาชาตินี้จะเอาอะไรติดตัวไปบ้างเมื่อถึงวาระสุดท้ายก็คงจะมีแต่ความเสียดาย ว่าเกิดมาชาตินี้ ไม่ได้อะไร หายใจฟรีนอกจากบุญ และนิสัยดีๆ ที่จะนำติดตัวไปภพชาติเบื้องหน้าแล้ว อีกประการหนนึ่งที่จะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่า ชีวิตของเราจะปลอดภัยในวัฏสงสาร คือ มีสายบุญกับครูบาอาจารย์ที่มีบุญบารมีมากๆอย่างเรื่องขององคุลีมาล ก่อนบวชท่านมีนามว่า อหิงสกะ เพราะวันที่ท่านเกิด อาวุธในคลังสรรพาวุธเกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น พระราชาทรงตกพระทัย พวกโหราจารย์ที่ทำหน้าที่ทำนายบอกว่าทารกที่เกิดในวันนี้ จะเป็นโจรที่มีอานุภาพมาก พ่อของทารกเป็นปุโรหิต จึงทูลกับพระราชาว่า จะให้ฆ่าหรือจะเลี้ยงไว้ พระราชาจึงตรัสถามโหราจารย์ โหราจารย์ทูลตอบว่า เป็นแค่โจรมีชื่อ พระราชาเห็นว่าเป็นแค่โจร ไม่เป็นอันตรายต่อราชสมบัติ จึงให้ไว้ชีวิต ต่อมาทารกก็ได้ชื่อเป็นสิริมงคลให้ว่า อหิงสกะ แปลว่าผู้ไม่เบียดเบียนเมื่อถึงวัยศึกษาศิลปะ อหิงสกะเข้าไปเรียนวิชากับอาจารย์ ทิศาปาโมกข์ เรียนได้เร็วกว่าเพื่อนร่วมสำนัก เป็นที่รักของอาจารย์ ได้รับใช้ใกล้ชิด เพื่อนและพี่ๆ ร่วมสำนักเกิดริษยา จึงใส่ความอหิงสกะว่าจะเป็นภัยต่ออาจารย์ จนอาจารย์คล้อยตาม จึงออกอุบายให้อหิงสกะไปฆ่าคน 1,000 คน เพื่อจะถ่ายทอดวิชาสำเร็จเป็นใหญ่ในโลดให้ โดยคิดว่า อีกหน่อยพระราชาจะส่งราชบุรุษมาจับอหิงสกะไปฆ่าเองอหิงสกะเที่ยงออกฆ่าคนโดยตัดนิ้วมาร้อยเก็บเอาไว้นับจำนวนได้ 999 คน จึงได้ชื่อว่าโจรองคุลีมาล คนที่ 1,000 เป็นมารดา พระราชาทรงจัดเตรียมกองกำลังออกมาจัดการกับโจรองคุลีมาล มารดาขององคุลีมาลทราบข่าวจึงรีบมาบอกองคุลีมาลให้หลบหนีไปพระบรมศาสดาตรวจดูเห็นองคุลีมาลเข้ามาในข่ายพระญาณของพระองค์ ทรงเห็นว่าถ้าองคุลีมาลฆ่ามารดา จะเป็นอนันตริยกรรมปิดทางสวรรค์ และมรรคผลนิพพาน จึงเสด็จไปโปรดองคุลีมาลจนยอมออกบวช ในที่สุดท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องไปรับทัณฑ์ทรมานอีกยาวนานในมหานรกองคุลีมาลเป็นโจรฆ่าคนเอานิ้วเพื่อเรียนวิชา เพราะถูกอาจารย์หลอกให้ทำบาปกรรม มีชนอีกจำนวนมากไม่ได้ฆ่าคนอย่างองคุลีมาลแต่ทำไมองคุลีมาลเข้ามาในข่ายพระญาณของพุทธองค์ ทำให้พระองค์เสด็จไปโปรดองคุลีมาลโดยเฉพาะ แม้จะอยู่ไกลเพียงใดที่เป็นเช่นนี้เพราะในอดีตชาติ องคุลีมาลเคยร่วมสร้างบารมีมากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งเป็นพระโพธิ์สัตว์ มีสายบุญกันมา เมื่อพระโพธิ์สัตว์มาบังเกิดก็ตามมาสร้างบารมี ถึงแม้จะถูกบาปอกุศลและคนพาลชักนำไปในทางที่ผิด ก็ได้ครูบาอาจารย์ คือ พระบรมศาสดามาช่วยนำกลับเข้าสู่หนทางสว่าง ได้บรรลุมรรคผลนิพพานเพราะรอยต่อระหว่างภพ คือเมื่อตายจากมนุษย์ก็ไปบังเกิดในเทวโลก พอกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ลืมความรู้ และมโนปณิธานเดิมที่ตั้งความปรารถนาไว้การมีครูบาอาจารย์ที่มีบุญบารมีมากๆจึงเป็นความจำเป็น เมื่อเวลามาเกิดจะได้ตามท่านลงมาสร้างบารมี จะผิดพลาดเพราะความไม่รู้ในวัยต้น เมื่อบุญได้ช่องส่งผลจะนำมาพบครูบาอาจารย์ มาสร้างบารมี ทำให้บุญคุ้มครองรักษา ให้ผลก่อนบาปอกุศลที่อาจผิดพลาดทำไปอุปมาหินก้อนเล็กโยนลงน้ำก็จม แต่หินก้อนโต อาศัยเรือเดินมหาสมุทรก็สามารถบรรทุกข้ามทะเลไปสู่ฝั่งได้การมีครูบาอาจารย์ที่มีบุญมากๆจึงเป็นโชคอันประเสริฐที่จะทำให้ชีวิตมีความปลอดภัยในวัฏสงสารมากขึ้นสรุป สิ่งที่ดีเราควรจะนำติดตัวไปในโลกหน้า เพื่อเป็นหลักปะกันว่า ชีวิตจะปลอดภัยในวัฏสงสาร มีอย่างน้อย 3 ประการ คือ1. บุญ คือ ผลของการทำความดี เกิดจากการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาที่ต้องทำทุกวัน2. นิสัยดีๆ คือ การที่ย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำแต่เรื่องดีๆ จนกลายเป็นนิสัยติดตัวข้ามชาติไปกลายเป็นจริตหรือสันดาน ตามรอยบาทพระบรมศาสดา คือ บารมี 10 ประการ ตั้งแต่ทานบารมีจนไปถึงอุเบกขาบารมี3. มีสายบุญ ด้วยการสร้างบุญกับครูบาอาจารย์ที่มีบุญบารมีมากๆ และตั้งใจอธิษฐานให้ติดตามท่านไปสร้างบารมีทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพานถ้าได้สร้างบุญอย่างเต็มกำลัง ได้พัฒนานิสัยดีๆ จนกลายเป็นสันดานติดตัวข้ามชาติไป และมีสายบุญกับครูบาอาจารย์ที่มีบารมีมากๆ ครบทั้ง 3ประการ คือ กำไรที่แท้จริงที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา เป็นหลักประกันว่าจะได้เกิดสร้างบารมีอยู่แต่ในมนุษย์โลกและเทวโลกไม่พลัดไปสู่อบาย จนกว่าจะเข้านิพพานเช่นเดียวกับพระอรหันต์ทั้งหลายที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา มีปรากฏในพระไตรปิฏก
http://goo.gl/tdwwd