

การซื้อขายสัตว์
#1
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 12:54 AM

#2
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 07:50 AM
ผิดศีลครับบาปมากครับ
#3
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 08:17 AM
หนึ่งในอาชีพที่พระพุทธองค์ท่าน "ไม่ทรงสรรเสริญ" คือการค้าชีวิตครับ
ไม่ว่าจะค้าเพื่อเอาไปฆ่าบริโภค หรือค้าเพื่อเอาไปเลี้ยงเป็นเพื่อน เพื่อสวยงามก็ตาม
เพราะยังไง อย่างน้อยสุดก็จะได้วิบากกรรมกักขังเป็นของตอบแทนอย่างแน่นอน
แม้คุณจะบอกว่า จะเลี้ยงดูอย่างดียังไง สัตว์เหล่านั้นก็ยังขาดอิสระ เราเองแม้มีบ้านอยู่ บางวันเราก็ยังอยากออกไปเจอผู้คน ออกไปเพลิดเพลินกับสิ่งต่างๆ สัตว์ก็เหมือนกันแหละครับ บ้านผมเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน เลี้ยงดีขนาดนอนบนเตียงเดียวกัน(ไม่ได้เชิญครับ แต่ไล่แล้วไม่ยอมลง) กินเหมือนกัน(บางอย่าง หมายถึงบางอย่างผมก็กินไม่เหมือนเขานะครับ) มีพื้นที่บริเวณบ้านกว่า ๑๐๐ ตารางวาให้วิ่งเล่น(หญ้างามมาก เพราะได้ปุ๋ยมูลสัตว์อย่างดี) แต่ถ้าเผลอเมื่อไหร่ เขาก็จะคอยวิ่งออกไปหาอิสระข้างนอกอยู่เสมอ
ที่พระพุทธศาสนาไม่เห็นด้วยกับการค้าชีวิต น่าจะมาจากที่ว่า เมื่อเราเห็นชีวิตคนอื่นเป็นเหมือนสิ่งของ สามารถค้าขายได้ตามอำเภอใจ ก็จะทำให้ใจเราหยาบขึ้น ขาดเมตตา ขาดกรุณา ขาดความละเอียดอ่อน เป็นที่รองรับของ อกุศลกรรม อื่นๆที่จะเกิดพอกพูนตามมาได้ง่าย
ผมมีเพื่อนคนนึง ดีกรีระดับโอเวอร์ดอกเตอร์ เงินเดือน เดือนละสองแสน(ไม่รวมเงินพิเศษอื่นๆ-เห็นรายได้แล้วตกใจเลยหล่ะ) อยู่ๆวันร้ายคืนร้ายก็เปิดร้านขายสุนัขพันธุ์เล็ก จับมาขังกรงเรียงไว้เป็นชั้นๆทั้งที่บ้านและที่ร้าน แรกๆมีน้อยตัว ก็ปล่อยออกมาวิ่งไปมาบ้าง อุ้มเล่นบ้าง ใส่สายจูงพาออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง พอมีเยอะขึ้นก็ไม่ปล่อยอีก ด้วยข้ออ้างสารพัด ขี้เกียจบ้าง กัดกันบ้าง ติดเชื้อบ้าง ฯลฯ ขังกรงไว้ตลอดดูแลง่ายกว่า
เมื่อกิจการไปได้ด้วยดี ทุนหนาขึ้นก็เปิดฟาร์มเพาะพันธุ์เองเลย วันๆก็ยุ่งอยู่แต่การบำรุงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ติดต่อลูกค้าเอาสัตว์ของตัวที่มีรางวัลออกไปเที่ยวรับจ้างผสมพันธุ์กับสัตว์ของลูกค้า
จากนั้น ที่เคยให้ความเมตตาเลี้ยงดูเอง ก็เริ่มให้เด็กลูกจ้างเข้ามาดูแล ซึ่งเด็กลูกจ้างก็ทำเหมือนหุ่นยนต์ ทำไปตามหน้าที่ให้เสร็จไปวันๆ ผมเคยเห็นเขาดุลูกจ้างที่ล้างจานใส่อาหารไม่สะอาด เคยไล่ลูกจ้างออกเพราะแค่แปรงขนสุนัขแล้วมีขนร่วงติดมาเยอะ กลายเป็นคนจู้จี้ อารมณ์ร้าย ลูกจ้างคนไทยไม่มีใครอยู่ทนเลย ตอนนี้ทั้งฟาร์มมีแต่ลูกจ้างพม่าที่ไม่มีทางไปทั้งนั้น(ลักลอบเข้ามา-ออกไปพ้นฟาร์มไม่ได้ ไม่ต่างกับสัตว์ที่เขาเลี้ยงนั่นแหละ)
เมื่อก่อนสัตว์ป่วย สัตว์อายุเยอะ ท่านด็อก....เตอร์ ก็จะดูแลกันไปตามสมควร แต่หลังๆ ถ้ามีสัตว์ป่วยติดเชื้อในฟาร์มหรือแก่มากแล้วใช้ทำพันธุ์ไม่ได้แล้ว แกก็จะทำ "เมตตาฆาต" ทันที ด้วยเหตุผล จะเก็บเอาไว้ทำไม ทั้งทำเองและสั่งลูกจ้างทำ ผมเคยเห็นกับตาครั้งนึง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเจอหน้าท่านด็อก...เตอร์ท่านนี้ เลิกไปมาหาสู่กันเลยครับ เลิกแบบหักดิบเลย ลบเบอร์โทร.ออกจากโทรศัพท์วันนั้นเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
เป็นไงครับ ยังอยากจะเลี้ยงสัตว์เพื่อ "ค้า" อีกหรือเปล่าครับ
อาชีพอื่นมีอีกเยอะครับ ลองทำใจใสๆ อธิษฐานกับพระธรรมกาย กับพระเดชพระคุณหลวงปู่ คุณยายอาจารย์ เดี๋ยวเราก็จะเห็นทางเองแหละครับ
ถ้าเราอยากเป็นนักสร้างบารมีแล้วหล่ะก็ สิ่งไหนที่พระพุทธศาสนาเห็นว่าไม่ถูกไม่ควร ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะละเลย ดูเบาได้นะครับ ค่อยๆไตร่ตรอง พิจารณา พระพุทธศาสนาเป็นความจริง เป็นเหตุเป็นผล ไม่มีการกล่าวเรื่องใดลอยๆอยู่แล้วครับ
#4
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 08:32 AM
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 10:18 AM
ค้ามนุษย์
ค้าชีวิตสัตว์เพื่อนำไปฆ่า
ค้าอาวุธ ได้แก่ ยาพิษ ยาเสพติด ศาสตราวุธ ต่างๆ
จัดเป็นมิจฉาอาชีวะ
แต่ถ้าค้าลูกหมา เพาะลูกหมาขาย อาจจะไม่ได้จัดว่าเป็นมิจฉาอาชีวะ แต่จะติดวิบากกรรม พรากลูกพรากแม่ ขังสัตว์ หรือบางที หากผู้ค้าบางคน ปล่อยปละละเลย ไม่ดูแล ไม่ฉีดยา ไม่ให้อาหารมันดีๆ เพราะกลัวจะขาดทุน บ้างก็ต้องจับมันมาผสมพันธุ์ โดยไม่ยินยอม ก็เข้าข่าย ทรมาณสัตว์ แล้วถ้าขายไม่ได้ ต้องเลี้ยงมันจนโต ฟ้าร้างไม่แน่ใจว่าเขาทำยังไง กับหมาโต ที่ขายไม่ได้นะคะ ถ้าหากฆ่าทิ้ง เพราะมันมีรายจ่ายมาก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ผิดศีลเต็มๆ
ฟ้าร้างชอบหมา แต่ไม่เลี้ยงหมา เพราะกลัวติดวิบากกรรม น้องหมามันผูกโกรธ มันจองเวรได้นะคะ จำเอาไว้
ตอนไปเดินดูหมา ในจตุจักร ไม่ได้คิดจะซื้อ แต่เป็นคนชอบหมา พอเห็นแล้วกลับสงสารทั้งหมา ทั้งพ่อค้า ก็ไม่รู้จะจองเวร กันไปถึงไหน สลับกันมาขาย ตายเกิด ตายเกิด วนเวียน ไม่จบสิ้น
สรุปว่า อย่าทำเลย อาชีพนี้ ได้ไม่คุ้มเสียหรอกนะคะ จิตใจผูกพันธ์กับหมา ตายไป ก็เห็นแต่ภาพหมาวนเวียนอยู่ตอน 3 เฮือกสุดท้าย เพราะทำเป็นอาจิณกรรม ก็ดิ่งไปเกิดในท้องหมาเลยค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#6
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 12:23 PM
#7
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 12:56 PM
ขายเฉพาะอาหารสัตว์จะปลอดภัยกว่า...ขอให้เลือกทางชีวิตที่ "อยู่ในบุญ" ค่ะ
...SMILE.... SMILE.... SMILE...
...ยิ้ม... ใส... ปิ๊ง...
#8
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 01:03 PM
#9
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 05:08 PM


ไฟล์แนบ
#10
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 07:26 PM




เจ้าโตโต้เป็นหมาใจงาม มองโลกในแง่ดี ไม่มีนิสัยดุเลย แต่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ก่อนชอบไปเล่นไกล ไปทั่วทุกซอยของหมู่บ้าน ขนาดเจ้าโบโบ้ พันธุ์โกลเด้น เพื่อนตรงข้ามบ้านโตโต้ยังต้องวิ่งกลับก่อนไม่กล้าตามโตโต้ไปด้วย ชาวบ้านในหมู่บ้านจะรู้จักโตโต้ดีกว่าเจ้าของอีก (ขณะเราเดินเล่นในหมู่บ้าน บางคนเรียกเราว่า "คุณเจ้าของโตโต้ค่ะ " ???

เจ้าโตโต้คิดว่าหมาตัวอื่นเป็นเพื่อนเขาหมด ทำให้ถูกหมาตัวอื่นรังแก่เอาหนักหลายต่อหลายครั้ง มีแผลเย็บทั่วตัว (จนเราแซวมันเล่นๆว่า โตโต้หมาเทคนิก




เจ้าโตโต้กับเราตอนนี้อยู่กันคนละประเทศคิด ถึงเจ้าโตโต้จังเลย




#11
โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 08:29 PM
ส่วนคุณเจ้าของกระทู้ เอาไปเลยครับ เกณฑ์ในการตัดสินว่าสิ่งไปไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ
1.สิ่งไหนที่ทำไปแล้ว ร้อนเรา ร้อนเขา สิ่งนั้น ไม่ควรทำ
2..สิ่งไหนที่ทำไปแล้ว ไม่ร้อนเรา แต่ร้อนเขา สิ่งนั้น ไม่ควรทำ
3..สิ่งไหนที่ทำไปแล้ว ไม่ร้อนเขา แต่ร้อนเรา สิ่งนั้น ไม่ควรทำ
4..สิ่งไหนที่ทำไปแล้ว ไม่ร้อนเรา ไม่ร้อนเขา สิ่งนั้น ควรทำ
#12
โพสต์เมื่อ 18 November 2008 - 12:03 AM
#13
โพสต์เมื่อ 18 November 2008 - 09:30 AM
...SMILE.... SMILE.... SMILE...
...ยิ้ม... ใส... ปิ๊ง...
#14
โพสต์เมื่อ 18 November 2008 - 11:13 AM
