ปฏิบัติอย่างธรรมกายบรรลุรึปล่าว
#1
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 07:30 PM
#2
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 07:51 PM
http://www.kalyanami...ing.asp?catid=1
ส่วนหน้านี้เป็นวิธีฝึกสมาธิ ตามแนววิชชาธรรมกาย และหลักฐานวิชชาธรรมกายซึ่งเป็นคำสอนดั้งเดิมแท้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
http://www.dhammakay...ditation_th.php
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าลองทำดู คุณทำได้ถ้าได้ทำ คุณทำไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำ พูดไปก็สองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง ลองศึกษาดูนะครับ..
หลวงปูท่านกล่าวว่า "ของจริง คู่กับคนจริง" ถ้าเราเป็นคนไม่จริงก็อย่ามาว่าของอย่างอื่นว่าไม่จริงเลย
ขออนุโมทนาสาธุ..
#3
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 08:17 PM
ธรรมกาย เป็นชืื่อ ของสภาวะธรรม ที่พ้นโลก ผู้ทรงสภาวะนี้ คือ พระอริยะบุคคลในระดับต่างๆ จนถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
#4
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 09:31 PM
ได้เรื่อง
บรรลุครับ
#5
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 11:51 PM
ของจริง คู่กับคนจริง เท่านั้นครับ
ได้ผลเป็นยังไง อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 07:44 AM
#7
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 08:36 AM
#8
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 09:13 AM
อ้อ ที่สำคัญนะครับ ขอบอกไว้ก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติธรรมแบบไหน สายใด จะสำเร็จได้ ต้องมีใจรัก และตั้งใจหมั่นฝึกฝนอย่างจริงจังครับ ถ้าไม่มีใจรักและไม่ตั้งใจหมั่นฝึกฝน ต่อให้เป็นแนวทางที่ดีเลิศเพียงใดก็ไม่สามารถทำให้เห็นผลได้หรอกครับ
เปรียบได้เหมือนกับการศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ ถ้ามีใจรักและตั้งใจขยันหมั่นเพียรรําเรียนฝึกฝน ก็สามารถจบการศึกษาได้เหมือนกันบางคนขยันมากก็เรียนจบเร็วบางคน2ปีครึ่งก็จบแล้ว บางคนก็3ปี บางคนอาจได้เกียรติ์นิยม แต่ถ้าไม่มีใจรัก ไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและไม่หมั่นฝึกฝน บางคนก็จบช้ากว่าจะจบก็ใช้เวลา 7-8ปีบางคนไม่จบเอาซะงั้น ยิ่งกว่านั้น บางคนถึงขนาดโดนไทร์เลยก็มี การปฏิบัติธรรมก็เช่น บางคนรักการปฏิบัติธรรมตั้งใจปฏิบัติฝึกฝนทุกวัน จนเห็นผลเร็ว ได้เข้าถึงธรรมะภายในได้เร็วโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน บางคนฝึกไปงั้นๆเห็นเขาบอกว่าดีก็มาลอง ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง พอฝึกไปได้สักพักไม่เห็นผลก็โทษเอาว่าวิธีนี้ไม่เห็นจะดีเลย วิธีนั้นไม่เห็นผลเลย นี่มันเป็นอย่างนี้ครับ
จะปฏิบัติธรรมให้เห็นผลนั้น วิธีไหนก็เหมือนกันหมดครับ จะเห็นผลไม่เห็นผลจะช้าหรือเร็วอยู่ที่ตัวคุณเจ้าของกระทู้มากกว่าครับ ว่าจะมีใจรัก ตั้งใจหมั่นฝึกฝนปฏิบัติหรือเปล่า
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#9
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 12:44 PM
#10
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 01:26 PM
ที่จริงใช้วิธีไหนก็ได้ครับ ถ้าใจหยุดเป็นต้องเข้าถึง เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นหลักสากล ถ้าเป็นคนต้องทำได้ครับ
#11
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 02:33 PM
ตอบค่ะ
ครูใคร ใครก็รักเคารพ ใครก็เทิดทูนบูชาค่ะ
ชีวิตในวัฏฏะสงสารก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ
ยากที่จะเลี่ยงการไม่เบียดเบียนกัน
แม้เราไม่เบียดเบียนเขา
เขาก็อาจมาเบียดเบียนเรา
ขออนุญาตเตือน จขกท. ด้วยความปรารถนาดีนะคะ
หากว่ามีเจตนาในทางลบในการมาตั้งคำถามนี้
ก็ขอเตือนว่า ให้รีบ ขอขมา ด่วน!!! ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#12
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 03:00 PM
เรื่องธรรมภาคปฏิบัติ ไม่ว่าด้วยวิธีใดในกรรมฐาน ซึ่งมีมากมายหลายวิธี
ว่าโดยย่อ 40 วิธี ตามที่ระบุในคัมภีร์วิสุทธิมรรค นั้น
1 ) หากท่านต้องการ รู้ แค่ทำความเข้าใจ คลายสงสัย
ก็สามารถศึกษาเรียนรู้ ผ่านการอ่าน จากตำรา การฟังจากคนอื่น (ที่เป็นนักปฏิบัติ / ที่เป็นนักคิด )
ก็พอได้แค่เป็นความรู้ ความเข้าใจ(บ้าง) เท่านั้น พอเรียกได้ว่า แค่รู้จำ ฟังคำเขามา เท่านั้น
แต่ไม่ได้ลิ้มรสแห่งธรรมปฏิบัติ ด้วยตนเอง
2 ) หากท่านต้องการ รู้จริงด้วยตนเอง ว่า ฝึกสมาธิดีหรือไม่ อย่างไร วิธีไหนถูกอัธยาศัย
ท่านก็ต้องพิสูจน์ด้วยการหมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เจริญกรรมฐาน ด้วยตนเองแล้วครับ
จึงพอเรียกได้ว่า รู้จริง บ้างตามสมควรแก่ความเพียรในปัจจุบัน และสมควรแก่บุญกุศลที่สั่งสมมาในกาลก่อน
สำหรับการปฏิบัติธรรม เจริญกรรมฐาน ที่เรียกกันว่า แบบธรรมกาย หรือ วิธีการปฏิบัติภาวนา ให้เข้าถึง ธรรมกาย นั้น
ที่จริงก็เป็นวิธีเจริญกรรมฐาน วิธีหนึ่งในมากมายหลายวิธี ที่บรรพชนเคยปฏิบัติกันมา
สรุปว่า
หากเจ้าของกระทู้ แค่อยากรู้ ก็ลองค้นคว้า หาข้อมูลในรูปแบบ ตัวอักษร
ศึกษาก็ได้ครับ เพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับ การปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงธรรมกาย อยู่มากมายใน network
หากเจ้าของกระทู้ ต้องการรู้จริง แบบ เห็นเอง รู้ด้วยตนเอง เป็น ปัตจัตตัง
ท่านก็ต้องพิสูจน์ด้วยการหมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เจริญกรรมฐาน ด้วยตนเองแล้วครับ
ขอให้บุญรักษา พระคุ้มครอง ให้เจ้าของกระทู้ได้พิสูจน์
ด้วยการหมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เจริญกรรมฐาน ด้วยตนเอง
และได้เข้าถึงสภาวะธรรม ถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริง
ตามรอยธรรม ของพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยเจ้า ในกาลก่อน นะครับ
#13
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 03:35 PM
#14
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 07:48 PM
ความคลางแคลงนี้เปรียบเสมือนตอผุดขึ้นมาค้ำยันไม่ให้เข้าถึงธรรม ท่านจึงสอนให้ผู้คลางแคลงลดทิษฐิถ้าปรารถนาจะบรรลุ
จริง นั่นคือให้ทำใจให้ว่างอย่างไม่มีอหังการ์มมังการ คำว่าอหังการ์มมังการนั้นหมายถึงการไม่หมิ่น ไม่ดูแคลนในคำตอบ ไม่ตั้งคติว่าอย่างนี้ถูกอย่างนั้นผิด ปัญหาของนักปฏิบัติอยู่กันที่ตรงนี้ อหังการ์มมังการก็เปรียบเหมือนไม่ได้อยากรู้คำตอบแต่จะถามเพื่อจับผิด เพราะตอมันผุดแทงใจให้อึดอัดคับข้อง เนื่องจากเป็นคนไม่มีปรโตโฆษะ ถามอยากพ้นทุกข์ อยากหาหนทางให้ตัวเอง แต่ถามเพื่อตรวจสอบว่าใครจะหลงเข้ามาในกับดักที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ตอนั้นย่อมขยายค้ำความคิดความรู้สึกให้ปฏิบัติที่ตัวเองเชื่อว่าดี ก็ไม่สำเร็จ
#15
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 09:50 PM
หลวงปู่สด เป็นผู้พบวิธีน้งสมาธิ ที่สามารถเจริญได้จริง หลักฐานดูได้จาก ที่หลวงปู่เองได้เคยให้คนอื่น ๆ ทดลองดู ก็สามารถเห็นดวงแก้วกลางท้องกันทั้งนั้น เพียงแต่สำหรับบางคนนั้นต้องให้ความพยายามนั้งเสม่ำเสมอ และให้นานมากขึ้น เพราะบางคนอาจมีบุญเก่ามาไม่พอ ต้องใช้ความเพียรเข้าช่วย ไม่เหมือนยุคของพระพุทธเจ้า ที่มีคนที่มีบุญเก่ามากเต็มเปี่ยม พวกเขาก็สามารถบรรลุได้ง่าย (พอมาถึงยุคนี้ คนที่มีบุญเก่าทีสามารถจะบรรลุได้นั้นน้อยลงมาก)
แต่ตอนนี้ หลวงพ่อธัมมะเอง หรือพระรูปอื่น ๆ ในวัดพระธรรมกาย ก็ได้ดวงแก้วกันแล้วเกือบทั้งหมด
บางคนที่มีประสบการณ์เห็นดวงแก้วกลางท้องนั้น ก็มีมาก เห็นได้จากคนที่เขียนเล่าประสบการณ์การนั่งสมาธิ มาออกรายการเคสของหลวงพ่อธัมมะ ก็มีมากเหมือนกันที่ยังไม่เห็น หรือได้อะไร ได้แค่ใจสงบ ผ่องใส เราก็ไม่ท้อ ก็จะรักษาศีล นั่งสมาธิอยู่ต่อไป จนกว่าจะถึง การบรรลุ ต้องอาศัยเวลาเช่นกัน
อย่างไรก็ดี คุณน่าจะลองศึกษาวิชาธรรมกายดูก่อนนะ เริ่มไปเปิดดูไฟล์ของคุณสิริปโภ ที่แนบมา
โดยความคิดแล้ว เห็นว่าเป็นคำถามที่ธรรมดามาก ก็ ไม่ขอติ ตำหนิ ต่อว่า เสียดแทง อะไร
#16
โพสต์เมื่อ 16 November 2007 - 01:16 PM
#17
โพสต์เมื่อ 17 November 2007 - 10:19 AM
คนที่ถามอะไรๆ ทะลุแบบเนี้ย มีเยอะแยะครับ แต่ไม่ได้คิดจะปฏิบัติหลอก
อย่างมีคนเคยถามหลวงพ่อฯว่า
แล้วถ้าทุกคนบวชกันหมดโลก จะทำยังไง
แหม....เค้าก็แค่อยากฟังคำตอบฯ แล้วก็คิดคำถามอื่นต่อไป เช่น
ทำไม ต้องนึกถึงดวงแก้ว ทำไมต้องฐานที่7 ทำไมต้อง.......
เค้าไม่คิดตามคำตอบหรอกครับ ย้ำ เค้าไม่คิดหรอก เพื่อนผมเยอะแบบเนี้ย นั่งถาม นั่งตอบกันได้เป็นปีเลยแหละ