ไปที่เนื้อหา


xlmen

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 29 Oct 2005
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Nov 27 2006 04:49 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: พี่ๆ ทุกท่านขอร่วมอวยพรวันเกิดให้กับสมาชิกท่านนี้.....

22 September 2006 - 12:46 AM

ขออำนาจคุณของพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ได้โปรดอำนวยอวยพรให้น้องเก้าบูม เจริญในธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มีดวงปัญญาสว่างไสวเป็นสัมมาทิฐิ เข้าถึงธรรมได้โดยง่ายเทอญฯ

ในกระทู้: คุณ Xlmen หายไปไหนคะ

13 July 2006 - 02:25 AM

ยังอยู่ดี สบายดีครับผม........

........ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ถาวรยั่งยืนไปได้ตลอดกาลตลอดสมัยหรอกครับ.........

จุดเริ่มต้นของการพบกัน.....ก็ย่อมต้องมีจุดสุดท้ายของการจากลาเป็นธรรมดาโลกแหละครับ

โลกใบนี้ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกครับ.......

ดังนั้นบุคคลจึงไม่ควรยึดติดในตัวบุคคลหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าจะคงทนยั่งยืนตลอดกาลตลอดสมัย
ที่พึ่งที่แท้จริงของเราก็คือ ธรรมะ

***ผมมีพุทธภาษิตมาฝากครับ***

ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตเข้าถึงเจโตสมาธิ อันไม่มีนิมิต เพราะไม่ทำไว้ในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง เพราะดับเวทนาบางเหล่าแล้วอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมผาสุก

เพราะฉะนั้น พวกเธอจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
อยู่เถิด ฯ


ดูกรอานนท์ อย่างไรเล่า ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่งมิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ เป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก อย่างนี้แล

อานนท์ ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งคือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่

ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งในบัดนี้ก็ดี โดยที่เราล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง

คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่

ภิกษุของเราที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาจักปรากฏอยู่ในความเป็นยอดยิ่ง ฯ

ที่มา : http://84000.org/tip...0&A=1888&Z=3915

ในกระทู้: ขอแสดงยินดีกับนักเรียนอนุบาลระดับจักรวาลคนที่ 3 ครับ

30 June 2006 - 10:12 PM

พี่ขอแสดงความยินดีกับน้องวิว ด้วยนะครับ...ที่ก้าวมาถึงขั้นนี้แล้ว พี่ก็ขอให้น้องมีความเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นนะครับ.....

เรียบร้อย อ่อนโยน วาจางาม มีความเคารพนอบน้อมในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่

ขอให้น้องเป็นผู้มีธรรมะประจำใจเป็นคนที่อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ เข้มแข็งแต่ไม่แข็งกร้าว เยือกเย็นแต่ไม่เย็นชาครับ


.........ลูกพระธรรมจะต้องอดทน มีขันติ และปิยวาจา แม้แต่พระพุทธองค์ก็เป็นเพียงผู้ชี้แนะเท่านั้น

ความบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์ของใจไม่มีใครสามารถทำให้กันได้ครับ....ศัตรูที่แท้จริงของมนุษย์คือกิเลสในใจเรานี่เอง

ขอให้พยายามหมั่นศึกษา อบรมใจให้ก้าวหน้าอยู่เสมอๆ อย่าประมาทครับว่าเรานี้ดีแล้ว....ตราบใดที่เรายังไม่เป็นพระอรหันต์ก็ขอให้

น้องวิวจงตั้งอยู่ในพุทธภาษิตนี้ก็คือ "จงอยู่บนความไม่ประมาทเถิด"

*************************************************************

สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ฯ
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต ฯ
อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ฯ

แปล: การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ๑ การบำเพ็ญแต่ความดี ๑ การทำจิตต์ของตนให้ผ่องใส ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ขันติ คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง, พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า นิพพานเป็นบรมธรรม, ผู้ทำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต, ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ

การไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมในปาฏิโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร ๑ ที่นั่งนอนอันสงัด ๑ ความเพียรในอธิจิตต์ ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

***สรุปก็คือ***
"ไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส"

ในกระทู้: "สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle"

28 June 2006 - 04:37 PM



[attachmentid=5850]


ในกระทู้: ผมปรารถนาอยากพบพระพุทธเจ้าอีก

17 June 2006 - 10:47 PM

ละเอียดดีมากเลยครับพี่เถลิงเกียรติ

ผมขอตอบตามความเห็นส่วนตัวได้ไหมครับพี่เถลิงเกียรติ ไม่อิงพระไตรปิฏกนะครับ
(คุยกันสองคนนะครับ ถ้าความเห็นผมไม่ถูกใจใครก็ขอให้ท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านนิ่งๆ ซะนะครับ อย่าถือสาผมเพราะผมขี้เกียจมาอธิบายเพิ่ม)

ผมมองว่าจักรวาลหนึ่งๆ หรือ 1 กาแลกซี่นับตั้งแต่เริ่มเกิดกาแลกซี่ จนกระทั่งดาราจักรรูปกังหันดับสลายไปหมดว่าคือ 1 กัปครับ ยุคนี้เป็นภัทรกัปมีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์มาบังเกิด

แต่ในสายทางหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้กล่าวเพิ่มเติมไว้ว่ากัปนี้จะมีพระพุทธเจ้าถึง 10 พระองค์เยอะที่สุดมากกว่าทุกๆ กัปที่ผ่านมาครับ

ความเห็นของผมก็คือนาฬิกาชีวิตของสัตว์ใช้ระยะเวลาในการเดินหรือเวลาไม่เท่ากันตราบใด แม้เวลาของดวงดาวต่างๆ หรือระยะเวลาของแต่ละกาแลกซี่ก็มีอายุไม่เท่ากัน

ดังนั้นในแต่ละกัปจึงตกอยู่ในอำนาจของไตรลักษณ์คือ ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน บางกัปดาราจักรรูปกังหันก็สลายตัวไว บางกัปดาราจักรรูปกังหันก็สลายตัวช้า

(ผิดถูกไม่ขอรับรองครับ)