ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เหตุใดเวลา 1 วันบนสวรรค์กับโลกมนุษย์จึงต่างกันมาก???


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 16 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 January 2006 - 02:57 PM


คำถามที่ 1
เหตุใดเวลาของแต่ละมิติจึงเดินทางเร็วช้าต่างกัน อย่างกรณีเวลา 1 วันของชาวสวรรค์ชั้นต้นๆ จะเท่ากับเวลาบนโลกมนุษย์ 100 ปี เหตุใดเวลาจึงต่างกัน ขอคำตอบอิงวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับ

คำถามที่ 2
เวลาของคนนั่งสมาธิใจสงบเป็นสุขเหตุใดจึงรู้สึกเวลาผ่านไปไม่นาน เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เป็นสมาธินั่งในเวลาเท่ากันแต่กลับรู้สึกว่าเวลาเดินไปเร็วช้าต่างกัน???


#2 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 January 2006 - 04:38 PM

ขอลองตอบนะครับ ถูกผิดบอกด้วยนะครับ

1) สาเหตุที่เวลาของสวรรค์แต่ละชั้นรวมไปถึงโลกมนุษย์แตกต่างกันเพราะ วงโคจรต่างกันครับ ยกตัวอย่างเช่น 1 วันของดาวพุธเร็วกว่าโลก แต่ 1 วันของโลกเร็วกว่าดาวพฤหัส เนื่องจากวงโคจรของดาวแต่ละดวงรอบดวงอาทิตย์มีรัศมีไม่เท่ากัน

ถ้าเอาหลักนี้มาจับวันเวลาของสวรรค์แต่ละชั้น โดยเอาแผนภูมิจักรวาลตามหลักพระไตรปิฎกมาจับ จะพบว่า วงโคจรของดวงอาทิตย์อยู่ในระดับเขาพระสุเมรุ ดังนั้น สวรรค์ตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไป จะสว่างด้วยรัศมีของเทวดา เมื่อเรารู้ระดับวงโคจรของดวงอาทิตย์แล้ว และรู้ว่า สวรรค์ชั้นสูงๆ จะอยู่สูงๆ ยิ่งๆขึ้นไปตามแกนเขาพระสุเมรุ ดังนั้นสวรรค์ยิ่งสูงก็ยิ่งห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้นดังนั้น วันเวลาก็ควรจะต้องยาวขึ้น
ถูกต้องหรือป่าว ไม่รู้ครับ

2) เหตุที่เวลาผ่านไปนานเพราะเรากำลังใจจรดจ่อและมีความสุขกับสมาธิ เหมือนคนดูหนังที่สนุกๆ หรือได้คุยกันคนที่ถูกใจ ก็จะรู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก ถ้าเอาหลักนี้มาจับ คนที่นั่งสมาธิแล้วมีความสุข จึงทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วได้ครับ แต่คนที่นั่งแล้วไม่เป็นสมาธิ จะทำให้ใจกระสับกระส่าย รู้สึกว่า เวลาผ่านไปช้า เหมือนคนต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบ เช่นเรียนหนังสือจะทำให้รู้สึกว่ากว่าจะครบชั่วโมงเรียนเวลาจะผ่านไปช้ามาก
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#3 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 23 January 2006 - 06:55 PM

ได้ความรู้ดีมากครับ...
..แล้วใน..มหานรกล่ะครับ...กราบเรียนผู้มีความรู้อธิบายเป็นธรรมทานด้วยนะครับ..
เคยฟังแต่ในโรงเรียนอนุบาล แต่ก็ลืมไปแล้วครับ ได้ทบทวนอีกครั้งจากผู้รู้ก็จะเป็นบุญครับ...อนุโมทนาบุญครับ..

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#4 Somsakul V.

Somsakul V.
  • Members
  • 106 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Nonthaburi, Thailand + Tochigi Japan
  • Interests:Personal Computer

โพสต์เมื่อ 23 January 2006 - 07:37 PM

ในโลกมนุษย์ เวลาของสัตว์ก็ไม่เท่ากันนะคุณ
เวลาของแมลงวัน จะเร็วกว่าคนเยอะ
แมลงวันจะมองเห็นคนเคลื่อนไหวแบบ สโลโมชั่น

แล้วอะไรคือมาตรฐานกลางของเวลาเนอะ

ผมว่า ในสถานที่บางแห่ง
เวลาอาจจะเร็วกว่านี้มาก จนมองเห็นคนเป็นสโลโมชั่นสุดๆ ก็ได้

จนสามารถประมวลผลทุกกิจกรรมของมนุษย์ มาเป็นบุญบาปได้

คุณยายนับพระธรรมกาย ทีละอสงไขย
ทำไมคำนวณเร็วขนาดนั้นเนอะ
ลองคิดดู จะค่อนข้างสมเหตุสมผลล่ะ

2. ไอสไตน์เคยเทียบว่า เวลาที่มีความสุข จะผ่านไปเร็วกว่าเวลาที่มีความทุกข์
แต่จิงๆแล้ว ใช้เวลาเท่ากัน ต่างกันที่ความรู้สึก
ปล่อยวางซะมั่ง

#5 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 23 January 2006 - 09:04 PM

เห็นด้วยกะคุณ Lordbsd ครับ ส่วนในนรกก็เป็นเรื่อง บาป นั่นละครับ บาปเยอะก็อยู่นาน เช่น บาปมักๆๆ ก็อยู่มหานรก ส่วนเบาบางมาหน่อย ก็มากอุทสสนรก ส่วนเบากว่านั้นก็มาที่ยมโลก ไงพี่ ส่วนเรื่องระยะเวลาก็เป็นไปตามกำลังบาปนั่นละ เหมือนจะลบสีที่น้ำมันที่ติดหนึบต้องใช้เวลามากว่าลบสีน้ำ สีน้ำก็ใช้เวลามากว่าสีฝุ่นอย่างนี้ไงพี่

#6 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 02:26 AM

ลองเข้าไปดูที่กระทู้ http://www.dmc.tv/fo...p?showtopic=672 เพื่อเป็นการทบทวนไปในตัวนะครับ

#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 11:52 AM

เหตุนี้เอง ผู้มีปัญญาท่านจึงได้นึกสอนใจตัวเองว่า เวลาของพรหมที่อายุยาวนานเป็นร้อยเป็นพันกัปนั้น (โลกเกิดดับเป็นพันๆ ครั้ง) ซึ่งยาวนานมากมายมหาศาลเกินกว่าเครื่องคำนวณใดๆ ในโลกมนุษย์จะคำนวณได้ แต่เมื่อนำไปเทียบกับ อายุของสังสารวัฏแล้วล่ะก็

อายุของพรหม ก็สั้นๆ ราวกับไม่ขีดไฟ ดังนั้น สรรพสัตว์จึงไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#8 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 03:44 PM

โมทนาสาธุการกับทุกๆ ความคิดเห็นด้วยครับสาธุ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#9 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 11:56 AM

again there is alway diffrents ways to look at things....again and again thank you Khun xlmen for keeping our mind sharp!!
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#10 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 12:51 PM

QUOTE
แล้วใน..มหานรกล่ะครับ...กราบเรียนผู้มีความรู้อธิบายเป็นธรรมทานด้วยนะครับ


นิรยภูมิ

โลกนรก

บัดนี้ จักแสดงถึงโลกต่ำช้าหาความสุขมิได้ ซึ่งมีชื่อว่า อบายภูมิ ได้แก่ โลกที่ปราศจากความสุข ไม่มีสมบัติ ๓
ประการ คือ มนุษย์สมบัติประการหนึ่ง เทวสมบัติประการหนึ่ง และพรหมสมบัติประการหนึ่ง เหตุนั้น จึงเรียกว่า อบายภูมิ = โลกที่ปราศจากความสุข ซึ่งมีอยู่ ๔ โลกด้วยกัน คือ

๑. นิรยภูมิ = โลกนรก
๒. เปตติวิสยภูมิ = โลกเปรต
๓. อสุรกายภูมิ = โลกอสุรกาย
๔. ติรัจฉานภูมิ = โลกเดียรัจฉาน

บรรดาจตุราบายภูมิ คือ อบายภูมิทั้ง ๔ จักพรรณนาถึงอบายภูมิอันดับแรกก่อน อบายภูมิอันดับแรกเป็นที่หนึ่งนี้ มีชื่อว่า นิรยภูมิ หรือจะเรียกว่าโลกนรกก็ได้ โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ล้วนๆ เป็นโลกที่ปราศจากความสุขโดยสิ้นเชิง สัตว์ ผู้ไปเกิดอยู่ในโลกนี้ ไม่มีความสุขแม้แต่นิดหนึ่งเลย ฉะนั้น ภูมินี้จึงมีชื่อว่า นิรยภูมิ = โลกที่ไม่มีความสบาย

นิรยภูมิ หรือโลกนรกนี้ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลหนักหนา แบ่งเป็นเขตเป็นประเทศ ใหญ่ก็มี เล็กก็มี เหมือนอย่าง มนุษย์โลกเราไม่นิยมเรียกว่า เป็นรัฐหรือเป็นประเทศ แต่เรียกสถานที่แต่ละแห่งเหล่านั้นว่า " ขุม "

มหานรก

โลกนรกประเภทที่ใหญ่ที่สุด เรียกว่า มหานรก มีอยู่ทั้งหมด ๘ ขุมด้วยกัน ต้องซ้อนเรียงรายอยู่เป็นชั้นๆ จักพรรณนา ตั้งแต่ชั้นต่ำที่สุดโดยสังเขปดังต่อไปนี้

๑. สัญชีวนรก

เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติบังเกิดในนรกขุมนี้ ถึงแม้จะได้รับทุกข์โทษจนตายแล้ว ก็กลับเป็นขึ้นมาอีก หมายความว่าคนใจบาป หยาบช้าลามกผู้ใด ตายไปตกนรกขุมนี้แล้ว เขาก็จะเป็นคล้ายๆ กับว่ามีตัวเป็นกายสิทธิ์ คือ ไม่มีวันตายเลย เสวยทุกข์อันแสน สาหัสจนขาดใจตายคาที่นั่นแล้ว ก็กลับเป็น มีชีวิตชีวาขึ้นมาเสวยทุกข์โทษต่อไปอีก ตายๆ เป็นๆ อยู่อย่างนี้ตลอดเวลา ฉะนั้น จึงเรียกนรกขุมนี้ว่า สัญชีวนรก = นรกที่ไม่มีวันตาย

ความเป็นอยู่ เมื่อพูดถึงความเป็นอยู่ ชาวสัญชีวนรกนี้ ไม่มีอาชีพการงานอะไรที่จะต้องทำเลี้ยงชีวิตเหมือนอย่าง มนุษย์เราเลย ทั่วทุกตัวสัตว์นรกไม่ต้องทำอะไร ตลอดเวลาได้แต่ก้มหน้าก้มตาเสวยผลกรรมของตนถ่ายเดียวเช่น

สัตว์นรกบางจำพวกถูกนายนิรยบาล คือ เจ้าพนักงานเมืองนรกจับมัดให้มั่นแล้ว บังคับให้นอนลงเหนือแผ่นเหล็กที่ลุก แดงด้วยไฟนรก อย่างนี้เขาก็ต้องได้รับความแสบปวดแสบร้อนเหลือประมาณ ต่อจากนั้นนายนิรยบาลจึงดาบนรกอันคมหนัก
หนา ฟาดฟันกายาของเขาให้ขาดเป็นท่อนๆ บางทีก็เอามีดเอาขวาน ค่อยถากค่อยเฉือนเนื้อตัวร่างกายของสัตว์นรกที่กำลัง นอนบนพื้นเหล็กทีละน้อยๆ จนกระทั่งเนื้อหนังมังสาหมดไป เหลือแต่เพียงโครงกระดูกขาวโพลนอยู่ สัตว์นรกทั้งหลายได้รับ โทษทรมานเช่นนี้ก็มีความเจ็บปวดยิ่งนัก ส่งเสียงโอดโอยร้องครวญครางให้อื้ออึงระงมไปทั่วบริเวณ จนกระทั่งสิ้นใจตายไปใน ที่นั้นเอง แล้วก็มีลมชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า ลมกรรม รำเพยโชยพัดมาต้องกายาสัตว์นรกนั้นให้กลับเป็น มีชีวิตสรีระร่างกาย เหมือนเดิม นายนริยบาลเห็นดังนั้น ก็เริ่มลงมือการประหัตประหาร ทรมานให้ได้รับทุกข์เจ็บปวดเหมือนเก่า แต่เฝ้าตายเป็น และเป็นตายอยู่อย่างนี้นานนักหนา จนกว่าจะสิ้นกรรมที่ทำไว้

สัตว์นรกบางจำพวก อำนาจกรรมทำให้เขามีนิ้วมือแปลกพิลึก คือ มีนิ้วมือเป็นอาวุธ เป็นหอก เป็นดาบ เป็นแหลน เป็นหลาว ล้วนแต่คมวาววับน่ากลัวนัก ครั้นมาพบเพื่อนสัตว์นรกด้วยกัน แทนที่จะสงสารสามัคคี ก็มีอันเป็นสติวิปลาสเกิดเป็น บ้า จำหน้าเพื่อนกันไม่ได้ คล้ายกะโกรธเคืองกันมาแรมปี ตรงรี่เข้าใส่ ฟังแทงซึ่งกันและกัน ด้วยความฉุนโกรธเป็นวรรคเป็นเวร ปากก็ร้องคำรามอยู่แต่ว่า " กูจะฆ่ามึงๆ " ต่อสู้กันให้อึงคะนึงเป็นกลุ่มๆ ต่างก็มีโลหิตไหลโซมร่างแดงฉาน ประหารกันให้ได้รับ ความเจ็บปวด บางตนก็ล้มลงดิ้นพรวดพราด บางตนก็ล้มตายก่ายกองระเนระนาด ร้องครวญครางเพราะพิษบาดแผล แลดูน่า สังเวชยิ่งนัก พอมีลมกรรมพัดมา ก็กลับมีชีวิตชีวาเหมือนอย่างเดิม แล้วก็เริ่มต่อสู้กันไปใหม่ บางทีปะเหมาะ นายนริยบาลก็ เข้าผสมโรงด้วย คือ ช่วยทุบตี ฟันแทงให้ได้รับความเจ็บปวดหนักขึ้นไปอีก เป็นอยู่อย่างนี้วันแล้ววันเล่า นี่แลความเป็นอยู่ของ ชาวสัญชีวนรก

อายุ เกณฑ์อายุของสัตว์ในสัญชีวนรกนี้ มีอยู่ ๕00 ปี ซึ่งเทียบกับเวลาของมนุษย์โลกเราดังนี้ คือ เก้าล้านปี ของ มนุษย์โลกเท่ากับวันหนึ่งคืนหนึ่งของเขา ทีนี้อายุของเขาได้ ๕00 ปี ก็จงพิจารณาดูเถิดว่า เท่ากับเวลาของมนุษย์เรายาวนาน เท่าใด

บุพกรรม เมื่อครั้งก่อนเขาเป็นมนุษย์ มีจิตไม่บริสุทธิ์ หยาบช้าลามกใจสกปรกนัก รักที่จะก่อกรรมทำเข็ญเป็นต้นว่า ทำปาณาติบาต ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนเป็นเนืองนิตย์ ครั้นสิ้นชีวิตกรรมจึงนำพาให้มา เกิดในสัญชีวนรกนี้

๒. กาฬสุตตนรก

เหล่าสัตว์ที่มาเกิดอุบัติเกิดในขุมนรกนี้ ย่อมถูกลงโทษโดยนายนริยบาลเอาด้ายดำมาตีเป็นเส้นตามร่างกาย แล้วก็เอา เลื่อยมาเลื่อย บางทีก็เอาขวานมาผ่า หรือเอามีดมาเฉือนกรีดตามเส้นดำที่ตีไว้ไม่ให้ผิดรอยได้ ฉะนั้น นรกขุมนี้จึงมีชื่อว่า กาฬสุตตนรก = นรกที่ลงโทษตามเส้นด้ายดำ

ความเป็นอยู่ เหล่าสัตว์ในกาฬสุตตนรกนี้ บางพวกถูกนายนริยบาลจับมัดให้นอนลงเหนือแผ่นเหล็กแดงที่กำลังร้อน แรงด้วยไฟนรก แล้วเอาด้ายดำซึ่งทำด้วยเหล็กโตใหญ่เท่าลำตาลมาตีบนร่างของสัตว์นรกนั้น ทำให้เป็นรอยเส้น แล้วทำการ เลื่อยด้วยเลื่อยนรกอันแดงไปด้วยเปลวไฟ ค่อยเลื่อยไปจนกายขาดเป็นท่อนๆ สัตว์นรกทนไม่ได้ก็ดิ้นรนกระวนกระวาย บางทีถึงกับ ทะลึ่งลุกขึ้นพรวดพราด แสดงกิริยาฮึดฮัดทำท่าจะสลัดให้หลุด นายนริยบาลก็บังคับจับมัดให้แน่นเข้าไปอีก แล้วทำการเลื่อย ตัดร่างกายสัตว์นรกเหล่านั้นต่อไป

บางพวก พอเห็นนายนริยบาลถือศาสตราอาวุธสำหรับเลื่อยสำหรับเลื่อยสำหรับตัดร่างกายของตนเดินมาแต่ไกล ก็ให้ครั่นคร้ามขามขยาดมิอาจจะยืนอยู่กับที่ พากันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ขุนนรกนิรยบาลเห็นดังนั้น ก็พลันตวาดดังลั่นเสียง สนั่นก้องทั่วทั้งนรก ก็เลยทำให้ยิ่งตกใจกลัวสุดขีด วิ่งเผ่นหนีอุตลุด กูเหยียบเอ็ง เอ็งเหยียบกู ดูน่าสังเวชหนักหนา คราทีนั้น ด้วยอำนาจอกุศลกรรมบันดาลเป็นให้มีแผ่นกระดานเหล็กอันคมกริบ และรุ่งเรืองด้วยเปลวไฟมีเสียงน่ากลัวเหมือนฟ้าผ่า แล่น มาตัดร่างกายของสัตว์นรกทั้งหลายให้ขาดเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ กลิ้งเกลื่อนกลาดไปในที่นั่นเอง เขาเฝ้าเสวยทุกข์โทษอัน
ร้ายกาจเห็นปานฉะนี้อยู่เป็นเวลานานปีหนักหนา จนกว่าจะหมดอกุศลกรรมความชั่วร้ายที่ตนทำไว้แล้ว จึงไปเกิดในภูมิอื่น
ตามยถากรรม

อายุ เกณฑ์อายุของสัตว์ในกาฬสุตตนรกนี้ ๑,000 ปี เทียบเวลาของมนุษย์โลกดังนี้คือ สามโกฏิกับหกล้านปี ของมนุษย์โลก จึงเป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของกาฬสุตตนรก ที่นี้อายุของเขา ๑,000 ปี ก็จงพิจารณาดูเถิดว่า เท่ากับเวลาของ
มนุษย์โลกยาวนานเท่าใด

บุพกรรม เมื่อก่อนครั้งยังเป็นมนุษย์ มีใจบาปหยาบช้า จับเอาสัตว์สี่เท้ามาแล้วก็ตัดเท้าหน้า เท้าหลัง หู จมูก ปาก ทำสัตว์ให้ลำบากเสวยทุกข์ มิฉะนั้นก็จุดไฟเผาป่า ด้วยเจตนาจะให้สัตว์ป่าล้มตาย หรือมิฉะนั้นก็เคยประทุษร้ายต่อบิดามารดา ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ อกุศลกรรมเหล่านี้มีกำลังแรงกล้าจึงพาให้มาบังเกิดในกาฬสุตตนรกนี้

๓. สังฆาฏนรก

เหล่าสัตว์ที่เกิดในนรกขุมนี้ ย่อมถูกภูเขาเหล็กบดขยี้ร่างกายให้ได้รับ ทุกขเวทนาอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างเว้น ฉะนั้น นรกขุมนี้จึงชื่อว่า สังฆาฏนรก = นรกบดขยี้สัตว์

ความเป็นอยู่ เหล่าสัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในนรกขุมนี้ มีร่างกายวิกลวิการต่างๆ กัน รูปร่างแปลกพิลึก บางตนมีหน้าเป็น
ควาย มีตัวเป็นมนุษย์ บางตัวส่วนหน้าเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายกลับเป็นกุญชร บางตนบางสัตว์มีหน้าเป็นมนุษย์ แต่ร่างกาย เป็นสัตว์เดียรัจฉานหลายอย่างหลายชนิด และบางตนมีหน้าเป็นเสือ เป็นกวาง เป็นม้า เป็นวัว เป็นลา เป็นหมู เป็นหมา
เป็นเป็ด เป็นไก่ เป็นกา ฯลฯ แต่ร่างกายเป็นมนุษย์ อย่างนี้มีอยู่หลายหลากนานาประการ สุดจะนับจะประมาณได้ นายนริยบาล ผูกมัดสัตว์นรกร่างประหลาดต่างๆ เหล่านั้นไว้ที่คอรวมกันเป็นพวงๆ ด้วยโซ่เหล็กร้อนระอุ แล้วฉุดกระชากลากมาให้นอนเหนือ แผ่นเหล็กที่ร้อนกล้า แล้วก็เอาค้อนเหล็กเข่นกระหน่ำลงไปเต็มกำลังเรี่ยวแรงของนายนริยบาลผู้ทรงพลัง ร่างกายของสัตว์ นรกก็แตกป่นถึงกระดูก ครั้นต้องลมกรรมที่พัดมา ก็กลับเป็นปกติธรรมดาให้นายนริยบาล มีโอกาสทุบตีกระหน่ำซ้ำต่อไปอีกไม่ หยุดยั้ง

บางพวกก็ถูกนายนริยบาลจับมัดมาแล้วให้นอนหงายลงบนถ่านอันร้อนระอุ สัตว์นรกก็เร่าร้อนดิ้นรนไปมา เสวยทุกขเวทนาสิ้นกาลนาน เพราะถูกเผาลนอย่างร้ายกาจหนักหนา

บางทีนายนริยบาลผู้มีดวงหน้าอันขมึงทึง มีมือถือศาสตราวุธเที่ยวเดินไป ครั้นสัตว์นรกทั้งหลายก็พลันยกขึ้นซึ่งอาวุธ แล้วก็คำรนคำรามด้วยเสียงก้องนรกว่า " กูจะฆ่ามึงๆ " สัตว์นรกได้ฟังก็หวาดกลัวจับขั้วหัวใจ วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต! ทีนั้น ด้วยอำนาจกรรมบันดาลให้เป็นไปเกิดเป็นกองไฟขึ้นขวางหน้ากั้นไว้ สัตว์นรกก็ไปไม่ได้ พอหันกลับมาก็เกิดไฟดักหน้าเข้าอีก กองหนึ่ง ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ให้ปรากฏมีกองไฟรอบตัวไปหมด เผาสัตว์นรกให้ได้ทุกขเวทนาแสนสาหัส อันว่าไฟนรก
นี้ อย่าพึงเข้าใจว่าเหมือนไฟในโลกมนุษย์ เพราะมันมีความร้อนแรงกว่าไฟธรรมดาหลายเท่านัก ถึงจะถูกไฟนรกเผาอย่างนี้ สัตว์นรกทั้งหลายก็หาตายง่ายๆ ไม่ คราทีนั้น ก็มีภูเขาเหล็ก ๒ ลูก กลิ้งมาบีบสัตว์ให้แหลกลาญ ละเอียดไม่มีชิ้นดี เปรียบดัง เครื่องหีบอ้อยที่บดอ้อยให้แหลกละเอียดนั่นทีเดียว

บางทีนายนริยบาลก็จับสัตว์นรกเหล่านี้มาฝังลงในพื้นแผ่นเหล็กลึกแค่บั้นเอว ตรึงตราไว้มั่น ไม่หวั่นไหวได้ ในไม่ช้า จึงมีภูเขาไฟรุ่งเรืองด้วยเปลวไฟ ค่อยกลิ้งมาบดขยี้ทับสัตว์นรกเหล่านั้นให้ได้รับทุกขเวทนา แตกละเอียดไป พอมีลมกรรม พัดมาก็กลับเป็นขึ้นมาอีก ภูเขาเหล็กนรกนั่นก็ค่อยๆ กลิ้งมาทับ บดขยี้ให้ถึงความป่นปี้ทุกขเวทนาอีก เป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำซาก ไม่หยุดหย่อนเลย ตลอดเวลาที่อยู่ในสังฆาฏนรกนี้

อายุ เกณฑ์อายุของสัตว์ในสังฆาฏนรกนี้ ๒,000 ปี เทียบเวลาของมนุษย์โลกดังนี้ คือ สิบสี่โกฏิกับห้าล้านปีของ
มนุษย์โลกจึงเป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของสังฆฏนรกโลก ทีนี้อายุของเขาเหล่านั้น ๒,000 ปี ก็จงพิจารณาดูเถิดว่า เท่ากับเวลา
ของมนุษย์โลกยาวนานเท่าใด

บุรพกรรม เมื่อก่อนเป็นผู้มีใจบาปหยาบช้า มากด้วยอกุศลกรรม ไร้ความเมตตากรุณา ทำการทารุณกรรมสัตว์ เช่น ฆ่าสัตว์เบียดเบียนสัตว์ป็นประจำ ผลของกรรมชั่วจึงดลบันดาลให้มาเกิดในนรกขุมนี้

๔. โรรุวนรก

เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ เป็นสัตว์ที่ได้รับทุกข์โทษแสนสาหัส ต้องร้องครวครางอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะว่า ใน นรกขุมนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องระงมเสียงครวญครางอย่างน่าเวทนายิ่งนัก ฉะนั้น นรกขุมนี้จึงชื่อ โรรุวนรก = นรกที่เต็มไปด้วย เสียงร้องไห้

ความเป็นอยู่ ในนรกขุมนี้มีดอกบัวเหล็กเต็มพืดไปหมด แต่ละดอกก็มีสัตว์นรกเสวยทุกข์เวทนาอยู่ในนั้น วิธีเสวยทุกข์ แปลกประหลาด คือ นอนคว่ำอยู่กลางดอกบัวศีรษะมิดเข้าไปในดอกบัวแค่หาง ส่วนปลายเท้าก็จมมิดเข้าไปในดอกบัวเหล็ก แค่ข้อเท้า มือกางจมมิดเข้าไปในดอกบัวเหล็กแค่ข้อมือนอนคว่ำหน้าอยู่ด้วยอาการอันพิลึกพิลั่นเช่นนั้นแล้ว เปลวไฟก็ปรากฏ
ขึ้นเผาไหม้ดอกบัวเหล็กพร้อมกับสัตว์นรกเหล่านั้น เปลวไฟแลบเข้าหูขวาทะลุหูซ้าย เข้าปาก ตา จมูก สัตว์นรกก็ได้แต่ร้อง ครางเสียงสนั่นหวั่นไหว จะตายก็ไม่ตาย มีกายลำบากแสนสาหัส เสวยทุกขเวทนาตลอดเวลาที่ยังอยู่ในโรรุวนรก

อายุ เกณฑ์อายุของสัตว์ในโรวรุวนรกนี้ ๔,000 ปี เทียบกับเวลาของมนุษย์โลกดังนี้ คือ ยี่สิบสามโกฏิกับสี่ล้านปี จึง เป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของโรรุวนรกโลก ทีนี้อายุของเขาเหล่านั้น ๔,000 ปี ก็จงพิจารณาดูเถิดว่า เท่ากับเวลาของมนุษย์โลก ยาวนานเท่าใด

บุรพกรรม ชาติก่อนเป็นมนุษย์ใจบาปหยาบช้า จับเอาสัตว์เป็นๆ มาเผาไฟหรือปิ้งให้สุกแล้วกินเป็นอาหารอยู่เนือง
นิตย์

บางตนเคยเป็นตุลาการ พิพากษาความไม่ยุติธรรมด้วยอำนาจ ฉันทาคติ โทสาคติ ภยาคติ โมหาคติ เห็นแก่สินจ้าง สินบน เข้าข้างโจทก์บ้าง เข้าข้างจำเลยบ้าง ที่ชนะให้แพ้ ที่แพ้ก็ให้เป็นชนะ ไม่ตัดสินไปตามความจริง ประกอบด้วยเจตนาอัน
ชั่ว ตัวตายแล้วจึงมาเกิดในนรกขุมนี้

บางตนเคยเป็นบุคคลมีโลภเจตนา รุกที่บ้านและเรือกสวนไร่นาของผู้อื่นเอามาเป็นของตน บางตนเคยคบภรรยาของ ผู้อื่น แล้วก็ฆ่าผัวให้ตายเสียเอาเมียเขามา สัตว์นรกบางตนเคยเป็นหญิงใจไม่ดีมีสามีแล้วกลับมีชู้ แล้วให้ชู้ฆ่าผัวตัวให้ตาย

บางตนเคยฉ้อโกงหรือเบียดบังทรัพย์สมบัติที่คนเขาอุทิศถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และเจดีย์วิหาร เอามา เป็นของตน ครั้นตายแล้วจึงมาตกนรกขุมนี้

๕. มหาโรรุวนรก

เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ ได้รับทุกข์ทรมานมากมาย ต้องร้องไห้เสียงระงมไปทั่วทั้งนรก เพราะว่านรกขุมนี้ เต็ม ไปด้วยเสียงร้องครวญครางของสัตว์นรกทั้งหลายมากยิ่งนัก มากกว่านรกขุมที่ ๔ ที่กล่าวมาแล้ว และการเสวยทุกข์โทษก็มาก กว่ากัน ฉะนั้น นรกขุมนี้จึงได้ชื่อว่า มหาโรวรุวนรก = นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางมากมาย

ความเป็นอยู่ สัตว์ผู้ไปเกิดในนรกขุมนี้ ต้องเสวยทุกขเวทนาดูน่ากลัวนัก ต้องเข้าไปยืนในดอกบัวเหล็ก ซึ่งกลีบแต่ละ กลีบคมเป็นกรด มิหนำซ้ำยังร้อนแรงแดงฉานไปด้วยไฟนรกลุกโพลงในดอกบัวอยู่เนืองนิตย์ เผาไหม้สัตว์นรกซึ่งอยู่ในดอกบัว นั้นตั้งแต่พื้นเท้าตลอดศีรษะ เปลวไฟแลบเข้าไปในทวารทั้ง ๙ เผาไหม้ทั้งข้างในและข้างนอก เพราะมีเปลวไฟร้อนร้ายกาจเช่น
นี้ ท่านจึงเรียกชื่อนรกขุมนี้อีกอย่างหนึ่งว่า ชาลโรรุวะ = นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางเพราะเปลวไฟ

สัตว์นรกทั้งหลายได้เสวยทุกข์โทษอย่างนี้ ก็ได้แต่กระวนกระวายด้วยความร้อนเข้าจับจิตจับใจ จะตายก็ไม่ตาย ถูกไฟ เผาในดอกบัวด้วยอาการที่น่ากลัวอย่างนั้นแล้วยังไม่พอ เพราะยังมีนายนริยบาลถือกระบองเหล็กอันมีไฟลุกโชนตีกระหน่ำบน ศีรษะซ้ำเข้าไปอีกจนแตกยับ ถึงอย่างนั้นก็หาตายลงง่ายๆ ไม่ เพราะอำนาจกรรมทำให้มีชีวิตได้รับทุกข์ต่อไป กรรมยังไม่สิ้น เพียงใด ก็ต้องทนทุกข์เสวยโทษอยู่ในนรกเพียงนั้น

อายุ เกณฑ์อายุสัตว์ในมหาโรรุวนรกนี้ ๘,000 ปี เทียบเวลาของมนุษย์โลกดังนี้ คือ เก้าร้อยยี่สิบเอ็ดโกฏิหกล้านปี เป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของมหาโรรุวนรก ทีนี้อายุของเขา ๘,000 ปี ก็จงพิจารณาดูเถิดว่า จะเท่ากับเวลาของมนุษย์โลกยาว นานเท่าใด

บุรพกรรม เมื่อก่อนเป็นมนุษย์ใจบาปหยาบช้า ลามกสกปรกด้วยอกุศลกรรม ใจโหดร้าย ตัดศีรษะสัตว์และมนุษย์ ล่วงปาณาติบาตกรรมด้วยอำนาจของความโกรธ ทำโจรกรรม ทำชั่วด้วยความอาฆาต ปล้นขโมยสิ่งของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ของพ่อแม่ ของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และของท่านผู้ทรงศีล ครั้นแตกกายทำลายขันธ์ จึงต้องมาเกิดทนทุกข์เสวย โทษอยู่ในนรกขุมนี้

๖. ตาปนนรก

เหล่าสัตว์ที่อุบัติเกิดในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อน เพราะเป็นนรกที่ทำให้สัตว์ผู้เกิดในสถานที่นี่ ต้องเร่าร้อน อย่างน่าสงสาร ฉะนั้น นรกขุมนี้จึงชื่อว่า ตาปนนรก = นรกทำให้สัตว์เร่าร้อน

ความเป็นอยู่ ในนรกขุมนี้ มีหลาวเหล็กใหญ่โตเท่าต้นตาล รุ่งโรจน์โชตนาการแดงฉานด้วยเปลวไฟ จำนวนประมาณ หลายหมื่นแสนแน่นเต็มนรกไปหมด หลาวเหล็กแต่ละอันๆ นั้น มีสัตว์นรกเสียบอยู่บนปลายหลาว มีเปลวไฟพุ่งขึ้นภายใต้
หลาวเหล็ก ไหม้เผาผลาญสังหารสัตว์นรกทั้งหลายอยู่เป็นนิจนิรันดร์ ทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อเป็นเช่นนี้ เนื้อหนังมังสา
ของสัตว์นรกทั้งหลายจะเหลือเป็นชิ้นดีอย่างไรได้เล่า ก็มีแต่จะไหม้สุกพองอยุ่เหนือปลายหลาวเหล็ก มีอุปมาดังเนื้อเสียบไม้ปิ้ง
ให้สุกบนถ่านไฟ สัตว์นรกทั้งหลายนั้นต้องเสวยทุกข์เวทนาดิ้นไปดิ้นมา จนกระทั่งเนื้อหนังสุกพองไปด้วยอำนาจไฟนรก ครั้น
เนื้อสุกเสร็จทั่วตัวแล้ว ก็มีหมานรกรูปร่างแปลกประหลาดขนาดความใหญ่เท่ากับช้างสาร ร้องอุโฆษณาการเสียงกึกก้องดังฟ้า
ร้องด้วยความหิวกระหาย กระ####นกระหือรือวิ่งเข้ามากระโหย่งเท้าหน้าเอาปากงับ กระชากลากสัตว์นรกทั้งหลายหมดสิ้น เหลือแต่กระดูก กรรมยังไม่สิ้นตราบใด พอลมกรรมพัดมา ก็กลับมีร่างกายเป็นปกติขึ้นมาตามเดิม นายนริยบาลก็ไล่บังคับ ให้ขึ้นบนปลายหลาวเหล็ก ย่างตนเองให้สุกพองเหมือนอย่างเก่า ครั้นถูกบังคับอย่างนี้เข้าสัตว์นรกจะไม่ทำตามคำสั่งของนาย นริยบาลเป็นไม่มีเลย เพราะความจริงสัตว์นรกทั้งหลายย่อมมีจิตใจเกรงกลัวต่อนายนริยบาลยิ่งนัก ดุจหมู่มฤคเกรงกลัวต่อ
พยัคฆ์และสีหราชฉะนั้น เป็นอันว่า สัตว์นรกทั้งหลายต้องขึ้นไปบนปลายหลาวเหล็กย่างตนเองให้สุกพอง แล้วถูกหมานรกฉีก เนื้อกินอย่างนี้ตลอดเวลาที่เสวยทุกข์อยู่ในนรกขุมนี้

อายุ เกณฑ์อายุของสัตว์ในตาปนนรกนี้ ๑๖,000 ปี เทียบกับเวลาของมนุษย์โลกดังนี้ คือ หนึ่งพันแปดร้อยสี่สิบสอง
โกฏิ กับ สิบสองล้านปี เป็นวันและคืนหนึ่งของตาปนนรก ทีนี้อายุของเขา ๑๖,000 ปี ก็จงคำนวณพิจารณาดูเถิดว่า จะเท่ากับ เวลาของมนุษย์โลกนานเท่าใด

บุรพกรรม เมื่อก่อนเป็นมนุษย์เป็นคนใจบาป อาศัยอกุศลมูลทั้ง ๓ คือ โลภมูล โทสมูล โมหมูล ประกอบกรรมทำ
เข็ญเป็นนายพราน ประหารสัตว์ทั้งหลาย ทิ่มแทงให้ตายด้วยหอกแหลนหลาว เอาเนื้อมารับประทานหรือขายเลี้ยงชีวิตตน
และครอบครัว เห็นแต่จะกิน เห็นแต่จะได้ มิได้ละอายต่อบาปทำกรรมชั่วร้ายตัวตายแล้ว จึงต้องมาทนทุกขเวทนาอยู่ในนรก
ขุมนี้

๗. มหาตาปนนรก

เหล่าสัตว์ที่อุบัติเกิดในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อนเป็นที่สุด เพราะเป็นนรกที่มีแต่ความเร่าร้อนเป็นที่สุด สัตว์ที่อยู่ในนรกขุมนี้ ย่อมได้รับความเร่าร้อนเหลือประมาณ ฉะนั้น นรกขุมนี้จึงมีชื่อว่า มหาตาปนนรก = นรกที่เต็มไปด้วย ความเร่าร้อนเหลือประมาณ

ความเป็นอยู่ ในนรกขุมนี้แลดูน่ากลัวนักหนา ทั้งลึก ทั้งกว้าง มีกำแพงเหล็กลุกเป็นไฟ ภายในกำแพงอันกว้างขวาง ใหญ่โตนั้น มีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟตั้งอยู่เป็นลูกๆ ตามพื้นข้างภูเขามีขวากเหล็กแหลมคม ปักเรียงรายอยู่เหนือพื้นเหล็ก ลุก แดงด้วยไฟมากมายนักหนา คราทีนั้นนายนริยบาลมีมือถืออาวุธหอกดาบแหลนหลาวลุกแดงด้วยแสงไฟ ไล่ทิ่มแทงสัตว์นรก ทั้งหลายให้ขึ้นไปบนภูเขาไฟแดงฉาน สัตว์นรกทั้งหลายตกใจกลัวนายนริยบาล ก็พากันวิ่งไปบนยอดเขานรก ต่อจากนั้นก็มีลม กรดอันร้อนแรงคมกล้าพัดมาด้วยกำลังลมนรก ทำให้สัตว์พลัดตกลงมาจากยอดเขา ตกลงมาถูกขวากนรกร้อนแรงซึ่งมีอยู่เบื้อง ล่าง เสียบร่างกายทะลุเลือดแดงฉาน เป็นการทรนมานที่ดูน่าทุเรศยิ่งนัก บางตนตกลงมาถูกขวากเสียบข้างซ้ายทะลุข้างขวา เสียบข้างหน้าทะลุหลัง เสียบหัวทะลุกลางตัว ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความหวาดเสียว เจ็บปวดยิ่งนัก ถูกเผาไหม้ทรมาน อยู่อย่างนี้ ตลอดเวลาที่กรรมชั่วยังไม่สิ้น ก็ไม่มีวันจะได้หยุดหย่อนเลย

อายุ เกณฑ์อายุสัตว์ในมหาตาปนรกโลกนี้ มีจำนวนครึ่งอันตรกัป

บุรพกรรม เมื่อก่อนเป็นมนุษย์มีใจบาป หนาไปด้วยอกุศลมลทินโทษยิ่งกว่าพวกที่ตกนรกขุมที่ ๖ คือ ตาปนนรก เช่น ประหารคน ประหารสัตว์ให้ตายเป็นหมู่มาก ไม่คำนึงถึงชีวิตเขาชีวิตท่าน ครั้นแตกกายทำลายขันธ์แล้ว ด้วยอำนาจอกุศลจึง นำตนอยู่ในนรกขุมนี้

๘. อเวจีนรก

มหานรกขุมสุดท้ายมีชื่อว่า อเวจีนรก ซึ่งแปลว่า นรกปราศจากคลื่น คือระหว่างเปลวไฟและความทุกข์ไม่มีว่างสัก นิดเดียวเลย ในนรกนั้นปราศจากการหยุดพัก บันดาลให้สัตว์นรกได้รับทุกขทรมานไม่มีสร่าง ไม่มีหยุด ฉะนั้น จึงชื่อว่า
อเวจีนรก = นรกที่ปราศจากความบางเบาแห่งทุกข์

ความเป็นอยู่ นรกขุมนี้เป็นนรกขุมใหญ่กว่าบรรดานรกทั้งหลาย ดูน่ากลัวน่าสยดสยองยิ่งนัก แลเห็นเป็นราวกะเมือง ใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กที่รุ่งโรจน์โชตนาการด้วยเปลวไฟ ภายในเปลวไฟร้อนระอุไหม้สัตว์นรกอยู่เนืองนิตย์ ทั้งกลาง วันกลางคืนไม่มีว่างเว้นเลย สัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในมหานรกเอวจีนี้ มีมากกว่านรกขุมอื่น แออัดยัดเยียดเบียดเสียดกันอยู่ และ การเสวยทุกข์โทษในนรกขุมนี้ ก็แตกต่างกันไปหลายอิริยาบถหลายท่าหลายทาง เช่น ถ้าเคยยืนทำบาปไว้ก็ต้องมายืนทนทุกข์
อยู่ เคยนั่งเคยนอนทำบาปไว้ ก็ต้องมานั่งมานอนเสวยทุกข์อยู่ในมหานรกอเวจีนี้ รวมความว่า เคยทำบาปทำกรรมอะไรไว้ด้วย อาการอย่างไรก็ต้องมาเสวยทุกข์อยู่ในนี้ด้วยลักษณาการเช่นนั้น

อายุ เกณฑ์อายุของสัตว์ที่เกิดในอเวจีนรกโลกนี้ มีประมาณหนึ่งอันตรกัป

บุรพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์ได้ทำอนันตริยกรรม ซึ่งได้แก่กรรมอย่างหนักอย่างยิ่ง ๕ ประการ คือ
๑. ฆ่ามารดาของตัวเองให้ตายเองหรือใช้ให้คนอื่นฆ่า
๒. ฆ่าบิดาตัวเองให้ตายเองหรือใช้ให้คนอื่นฆ่า
๓. ฆ่าพระอรหันต์ให้ตายเองหรือใช้ให้คนอื่นฆ่า
๔. ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต
๕. ทำสังฆเภท คือ ยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน
ทำอนันตริยกรรม ๕ ประการนี้แต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ครั้นแตกกายทำลายขันธ์จึงต้องมาเสวยทุกข์อยู่ในนรกขุมนี้ ยกตัวอย่าง
เช่น พระเทวทัตผู้ต้องอนันตริยกรรมครั้งพุทธกาล ซึ่งเรื่องของท่านปรากฏมีในพระธรรมบทคัมภีร์ดังต่อไปนี้

พระเทวทัต

พระเทวทัตนี้ เราท่านยอมรับทราบกันดีว่า ท่านเป็นคู่เวรคู่อาฆาตกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งมีชีวิตอยู่
ทั้งๆ ที่บวชเป็นพระภิกษุในสำนักของพระพุทธองค์ ด้วยความหลงผิด จึงได้ก่อกรรมชั่วนานาประการถึงขั้นอนันตริยกรรม คือ กลิ้งหินลงมาจากยอดเขา หวังจะให้ทับสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าให้สิ้นพระชนมชีพ แต่ด้วยพระพุทธานุภาพ พระองค์ก็หาสิ้น พระชนม์ไม่ เพียงแค่สะเก็ดหินมากระทบพระบาททำให้ห้อพระโลหิตเท่านั้น ที่เป็นเพียงแค่นี้ก็เพราะว่าพระวรกายขององค์ พระพุทธเจ้าเป็น อเภทกาย คือ เป็นพระวรกายที่ใครจะทำร้ายให้แตกสลายไปไม่ได้ ถึงกระนั้นกรรมของพระเทวทัตก็ถึงขั้น
อนันตริยกรรม นำให้มาเกิดในอเวจีมหานรกนี้ได้แล้ว ฉะนั้น พอท่านดับจิตตาย ก็ตรงดิ่งมาสถานที่นี่ เกิดเป็นกายสัตว์นรก อเวจีสูงยอดเยี่ยมได้ ๓00 โยชน์ ยืนนิ่งไม่ไหวติงเสวยทุกข์อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมศีรษะเข้าไปในเพดานแค่หู ฝ่ายข้างเท้าก็จมลึก เข้าไปพื้นเหล็กแค่ข้อเท้า มีหลาวเหล็กเท่าต้นตาลขนาดใหญ่ แทงจากข้างหลังทะลุข้างหน้า โดยที่ปลายเหล็กทั้งสองข้างติดอยู่ ที่ข้างฝา แล้วยังหลาวเหล็กอีกกันหนึ่ง เสียบตั้งแต่ศีรษะทะลุมากลางลำตัว โดยที่ปลายเหล็กข้างหนึ่งติดอยู่บนเพดาน อีกข้าง หนึ่งจดพื้น พระเทวทัตถูกเหล็ก ๓ อันตรึงให้ยืนนิ่งไม่ไหวติงเช่นนี้ ก็เพราะท่านได้กระทำความผิดต่อพระพุทธองค์ผู้ไม่ทรง
หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งมวล ซึ่งนับเป็นความผิดขั้นอุกฤษ์ นอกจากจะถูกตรึงด้วยหลาวเหล็กดังกล่าวแล้ว ยังต้องถูกไปนรก
ไหม้ ทั้งๆ ที่ถูกตรึงอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา แม้จนขณะที่ยังเสวยทุกข์โทษอยู่เช่นนั้น ณ อเวจีมหานรกเพราะอนันตริยกรรมนี้
ใครทำเข้า ผู้นั้นย่อมเป็นนิยโตบุคคล เที่ยงแท้ที่จะต้องไปตกในมหานรกอเวจี

อนึ่ง เมื่อเป็นมนุษย์ได้เคยทำครุกรรม คือ กรรมหยาบช้า เช่น บุตรธิดาทุบตีประหารบิดามารดา แต่ท่านยังไม่ตาย ต่อมาภายหลังจึงตายด้วยโรคที่ทุบตีนั้น เช่นนี้ก็จัดเป็นครุกรรมหรือมิฉะนั้น บุคคลที่ประหารทุบตีพระอรหันต์ผู้ทรงคุณ อันประเสริฐ ก็อาจนำให้ไปเกิดในอเวจีมหานรกนี้ได้ เพราะเป็นครุกรรม ยกตัวอย่าง เช่น นันทยักษ์ผู้มีจิตโมหันธ์ ล่วงอนัน ตริยกรรม แล้วไปเกิดในมหานรกอเวจี ปรากฏตามเรื่องดังต่อไปนี้

นันทยักษ์

นันทยักษ์ตนนี้ เพื่อนมีกระบองวิเศษเป็นอาวุธประจำตัว คืนหนึ่งเป็นวันเพ็ญเดือนหงายแจ่มกระจ่างฟ้า นันทยักษ์ เหาะล่องลอยมาบนนภากาศพร้อมกับสหายตนหนึ่ง ขณะที่กำลังเดินทางมาโดยนภากาศเบื้องบนอย่างสำราญใจนั้น สายตา เหลือบลงมาข้างล่าง แลเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังนั่งนิ่งศีรษะมีรัศมีเป็นมันละเลื่อมรับกับแสงจันทร์วันเพ็ญ เพราะเพิ่งปลงผม ใหม่ๆ นันทยักษ์เกิดความคิดวิตถารด้วยความคึกคะนองใจ ใคร่จะลองกระบองอันเรืองฤทธิ์ของตนให้เพื่อนชม แม้เพื่อนจะห้าม ปรามก็ไม่เชื่อฟัง เหาะลอยละลิ่วลงมาพอได้ระดับ ได้ท่าถนัดดีแล้วก็หวดกระบองวิเศษลงไปบนศีรษะของพระภิกษุรูปนั้นสุด แรงเกิด คราทีนั้นด้วยอำนาจครุกรรมอันแรงกล้านันทยักษ์ก็ถูกธรณีสูบ ขาดใจตายลงไปเกิดในอเวจีมหานรกนี้ เพราะกรรมที่ ตนทำด้วยความคึกคะนองใจนั้นเป็นกรรมหนักมาก โดยที่ตนหาทราบไม่ว่าพระภิกษุรูปนั้น คือ พระสารีบุตรมหาเถระ องค์ อัครสาวกผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐท่านกำลังเข้านิโรธสมาบัติ ซึ่งตามธรรมดา ท่านเป็นพระอรหันต์ ใครทำร้ายก็มีโทษหนัก อยู่แล้ว ยิ่งท่านกำลังเข้านิโรธสมาบัติใครประทุษร้ายก็ยิ่งมีโทษหนักขึ้น แท้จริงพระอริยเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งกำลัง เข้านิโรธสมาบัติอยู่นั้น แม้ใครจะฟันด้วยดาบจะแทงด้วยหอกด้วยหลาว หรือยิงด้วยปืนด้วยธนู และจะทำร้ายด้วยศาสตราวุธ
ใดๆ ก็ดี สรีระอินทรีย์จะได้ทำลายแตกพังก็หามิได้เลย แต่ถ้าใครประทุษร้ายในขณะนั้นย่อมมีโทษมาก ไม่ว่าผู้ทำร้ายจะเป็น
คนหรือสัตว์ก็ตาม มีตัวอย่างเช่น กาพาลสัตว์เดียรัจฉาน ตามเรื่องที่ปรากฏในพระคัมภีร์ในทางพระพุทธศาสนา ดังต่อไปนี้

กาพาล

ยังมีนางภิกษุณีรูปหนึ่งทรงคุณประเสริฐเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ อยู่มาวันหนึ่งท่านหลีกเร้นออกจากหมู่เข้าไปในป่า เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมีกิ่งก้านสาขาใบดกหนาร่มรื่นดี จึงเข้าไปนั่งเข้านิโรธสมาบัติภายใต้ต้นไม้นั้น ตามวิสัยของพระอริยเจ้า ทั้งหลาย กาตัวหนึ่งบินมาเกาะอยู่ที่กิ่งไม้เบื้องบน แลลงมาข้างล่างเห็นภิกษุณีนั้นนั่งนิ่ง ก็เกิดความคิดสกปรกขึ้นมาว่า " เรา จักแกล้งถ่ายอุจจาระรดศีรษะของคนคนนี้ " แล้วพยายามถ่ายอุจจาระก้อนแล้วก้อนเล่าจนถูกศีรษะของท่านจนได้ พออุจจาระ ของกาถูกศีรษะ บังเอิญท่านออกจากนิโรธสมาบัติพอดี จึงแหงนขึ้นไปดูก็รู้ว่า " กาตัวนี้แกล้งถ่ายอุจจาระรดศีรษะเรา" คิด แล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินจากไป พอท่านไปคล้อยหลังเท่านั้น กาโง่ตัวคิดวิตถาร ก็มีอันตกลงมาขาดใจตายไปเกิดในอเวจีมหานรก ทันที ที่กล่าวมานี้เพื่อแสดงว่าบาปกรรมที่ทำแก่พระอรหันต์ผู้กำลังเข้านิโรธสมาบัตินั้น มีผลรุนแรงร้ายกาจเพียงไร

ลำดับนี้จะกล่าวถึงบุรพกรรมของสัตว์ในอเวจีมหานรกต่อไป ผู้ที่ประกอบกรรมทำชั่วร้ายอันเป็นครุกรรมคือกรรมที่
หนัก ซึ่งได้แก่ ผู้ที่ลักขโมยหรือปล้นของสงฆ์ ของเจดีย์ ของพระพุทธ ทำลายโบสถ์วิหาร ศาลา กุฏิที่อยู่ของสงฆ์ ทุบตีผู้มีศีล ปู่ย่าตายาย พูดส่อเสียดยุยงให้สงฆ์วิวาทกัน บุกรุกที่นา ที่ไร่สวน ที่บ้านของผู้อื่นเอามาเป็นของตน ฆ่าผู้มีศีล ฆ่าสัตว์ใหญ่ ติเตียน ด่าว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตีด่าท่านผู้มีคุณ คือพระอุปัชฌาย์ อาจารย์ เหล่านี้จัดเป็นครุกรรม โทษถึงตก นรกอเวจี แต่ว่าไม่เที่ยงแท้เหมือนอนันตริยกรรม

อนึ่ง ผู้ที่แสดงตนเป็นทายก เที่ยวเรี่ยไรบอกบุญหลอกเอาทรัพย์เขามาว่าจะทำกุศล แต่ไม่ทำ ไม่สร้าง กลับมาเอามา แบ่งปันกันเลี้ยงตน เลี้ยงบุตรภรรยา มีโลภเจตนาคิดแต่จะได้ บาปกรรมเหล่านี้จัดเป็นครุกรรม นำมาให้เกิดในอเวจีมหานรก
นี้ได้

อนึ่ง คนโฉดเขลาใจเบามีโทสะ ประพฤติเป็นโจรเป็นเสือ คอยปล้นทรัพย์ผู้อื่นเอามาเลี้ยงชีวิต ทำทุจริตผิดศีลธรรม เพราะใจชั่วช้าลามก เป็นคนรกโลก อย่างนี้ก็จัดเป็นครุกรรม ทำให้มาเกิดในอวเจีมหานรกเช่นเดียวกัน

นอกจากนั้น ยังมีกรรมอีกประเภทหนึ่ง คืออาจิณกรรมหรือบาปกรรมที่ทำอยู่เนืองนิตย์ก็อาจผลิตผลส่งให้คนทำลงมา เกิดในอเวจีมหานรกได้ เช่นอย่างไร? เช่นว่าประพฤติตนเป็นคนทำปาณาติบาต ฆ่าสัตว์อยู่เสมอทุกๆ วัน อทินนาทาน การลัก

#11 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 12:32 PM

อภิโมทนาบุญด้วยครับ รวมมิตรนรกได้ถึงใจจริงๆ ครับ สาธุ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#12 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 07:44 PM

QUOTE
แล้วใน..มหานรกล่ะครับ...กราบเรียนผู้มีความรู้อธิบายเป็นธรรมทานด้วยนะครับ..
เคยฟังแต่ในโรงเรียนอนุบาล แต่ก็ลืมไปแล้วครับ ได้ทบทวนอีกครั้งจากผู้รู้ก็จะเป็นบุญครับ...อนุโมทนาบุญครับ.


ก็เห็นพี่เค้าอยากทราบว่า มหานรกเป็นอย่างไร จอยเลยจัดมาให้เลยค่ะ รวมมิตรมาเลยอ่ะถูกผิดก็บอกกล่าวด้วยนะจ๊ะ

#13 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 08:14 PM

แล้วผมจะช่วยตรวจทานให้นะครับ

#14 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 08:52 PM

เจ้าค่ะ พี่ค่ะจอยจะถามว่าไปโหลดเพลงและคำสอนของหลวงพ่อได้ที่ไหนค่ะ จะให้คุณแม่ไปให้เด็กๆที่โรงเรียนดูค่ะ
ที่โหลดอยู่ก็มีที่เวบนี้นะคะ
http://www.kalyanami...ex_etc_song.asp
แล้วก็สื่อธรรมะที่นี่นะคะมีที่ไหนอีกไหมค่ะ
http://www.kalyanami...o/index_vdo.asp
ถ้ามีช่วยรบกวนบอกด้วยนะคะ

#15 TERAWAAT

TERAWAAT
  • Members
  • 45 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 March 2006 - 01:53 PM

อืม...ดีมากๆ ช่วยเข้ามาแสดงความเห็นดีๆ อย่างนี้กันบ่อยๆ มากๆ วิเศษ

#16 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 08:50 AM

อย่างนี้เราต้องหมั้นทำความดีกันแล้วนะคะ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง

#17 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 06:33 PM

ให้รุ้เลยว่าทุกคนนั้นมีความรู้มากกันทุกคนเลย
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี