ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ไปลอกเขามาอีกที เหตุที่พระพุทธองค์ทรงมีพระชนมายุ ๘o พรรษา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr22851

usr22851
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 April 2008 - 10:14 PM

สำหรับวันนี้ ก็จะขอเทศน์เป็นการตัดอายุ....

เนื้อความก็มีอยู่ว่า
เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ ในวันนั้น
องค์สมเด็จพระบรมครู ไปทรงกล่าวกับบรรดาท่านพุทธบริษัทว่า....

"ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัพเพ สัตตา มริสสันติ มรณันตัง หิ ชีวิตัง
คนเราเกิดมาเท่าไร ตายหมดเท่านั้น"

หมายความว่า คนทุกคน และสัตว์ทุกประเภท ที่เกิดมาแล้ว มันก็ต้องตาย
และต่อมาภายหลังจากนั้นไซร้ เมื่ออายุ 80 ปี
องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เสด็จดับขันธ์ คือ ตาย

ในตอนนี้ไซร้ ก็ปรากฏว่า มีอรรถกถาจารย์ทั้งหลาย
พยายามรวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เทศน์ไว้
อยากจะทราบว่า เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา เคยเทศน์ไว้ว่า....
คนที่มีการคล่องใน อิทธิบาท 4 คือ....

ฉันทะ ความพอใจ
วิริยะ ความเพียร
จิตตะ การจดจ่อ การเพียรในกิจการงานที่ทำ
วิมังสา การใคร่ครวญการงานที่ทำเสมอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคล่องในอิทธิบาท 4 ในด้านของการปฏิบัติธรรม
ผู้ที่คล่องจริง ๆ ในอันดับต้น ได้แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แต่ว่าที่คล่องรองลงมาก็คือบรรดา พระอรหันต์ทั้งหลาย
ก็ท่านทั้งสองประเภทนี้ คือพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี
ถ้ามีอิทธิบาทไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ จะบรรลุ คือ ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน
ไม่ได้
แต่ว่า ทำไมองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา ทรงเคยกล่าวไว้ว่า
ผู้ที่เคยคล่องใน อิทธิบาท 4 ประเภทนี้ สามารถจะอธิษฐานตน
ให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง
หรือกัลป์หนึ่ง ก็ได้

และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับมา นิพพาน
เมื่อระหว่างอายุของพระองค์ได้ 80 ปี

ตอนนี้ พระอรหันต์ทั้งหลาย ก็มีความสงสัย
แต่ทว่าบรรดาพระอรหันต์ตั้งแต่ปฏิสัมภิทาญาณ ก็ดี ได้อภิญญาหก ก็ดี วิชชาสาม
ก็ดี
ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ไม่สงสัย รู้ด้วยอำนาจของ อตีตังสญาณ

แต่ทว่า สำหรับพระอรหันต์ขั้นสุกขวิปัสสโก นี้ ต้องสงสัย เพราะว่า
ไม่ได้ญานวิเศษ
จึงต้องค้นคว้าคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

ในที่สุดก็พบว่า สมเด็จพระนราสภ คือ....
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แทนที่จะมีอายุ 1 กัป อย่างที่กล่าวไว้
แต่ทว่าการที่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา ต้องมีอายุ 80 ปี

เหตุผล ก็เป็นมาอย่างนี้ ตามที่องค์สมเด็จพระชินศรี ทรงกล่าวว่า....
อตีเต กาเล ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย....

ในอดีตกาล ตถาคตเสวยพระชาติเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์
บำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถอยหลังจากชาตินี้กลับไปหลายพันชาติ เวลานั้นสมเด็จพระบรมโลกนาถ
ทรงบำเพ็ญบารมี ใกล้จะถึง ปรมัตถบารมี

พระวรกายของพระองค์นี้ มีส่วนพิเศษอยู่จุดหนึ่ง คือ....
เท้าทั้งสอง ในอุ้งระหว่างกลางเท้าทั้งสองนี่ มีรูปกงจักรอยู่ด้วย เป็นสีแดง

ในเวลานั้น องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดเป็นลูกคนจน ทำมาหากินอยู่ในป่า
ต่อมาท่านบิดาก็ตาย เหลือแต่มารดาผู้เดียว ท่านก็ปฏิบัติตน เป็นคนประกอบไปด้วย

ความกตัญญูรู้คุณ หาเช้ากินค่ำ หรือหาค่ำกินเช้า
นำเอาอาหารมาเลี้ยงมารดาเป็นที่รัก
คือว่าท่านเป็นคนป่า ก็ตัดฟืนขาย เข้าป่าก็แต่เช้า กลับมาจนบ่าย จนเย็น อาบน้ำ
อาบท่า กินน้ำ บริโภคอาหาร
เสร็จแล้ว ก็นำฟืนเอาไปขาย ได้เงินมาเท่าไร ก็มามอบให้แก่มารดา
มารดาก็จัดเงินทั้งหลายเหล่านี้ จัดอาหารมาเลี้ยงดูกัน

เป็นอันว่า รายได้ขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา เวลานั้น
ก็เต็มไปด้วยการฝืดเคืองมาก

ในคราวนั้น พระราชามีความลำบาก
ด้วยยักษ์ตนหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า "รากษส" นี่มีสภาพเหมือนยักษ์
แต่เป็นยักษ์ที่อยู่ในโพรง และอุโมงค์ใต้ดิน น่ากลัวจะเป็นยักษ์ปลาไหล
เพราะอยู่ในโพรง และใต้ดินมันมีบ่ออยู่

แต่ทว่าทางขึ้น ก็ทำเป็นปล่องขึ้น การขุดอุโมงค์อยู่ใต้ดิน

เจ้า รากษส ตัวนี้ ปรากฏว่า ถึงเวลาฤดูหนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบกับเวลา
ตรุษสงกรานต์
เป็นงานเกี่ยวกับนักขัตฤกษ์ประจำปี เจ้า รากษส ตัวนี้
ก็ขึ้นมาจับคนเอาไปกินเป็นอาหาร

ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี ในแดนไกล
ต่อมา พระราชาทรงทราบจากบรรดาประชาชนทั้งหลาย ว่า....

เจ้า รากษส ขึ้นมาอาละวาด เจ้า รากษส ตัวนี้ขึ้นมาเป็นเวลากาล
ถ้าถึงฤดูนั้น ถึงเดือนนั้น วันนั้น มันก็ขึ้นมาจับคนกินเป็นอาหาร
เพื่อเป็นเสบียงกรัง
ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี

จนเป็นที่แน่ใจของประชาชนทั้งหลายว่า วันนี้แหละเจ้า รากษส จะขึ้นมาจับคนไปกิน
จึงไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ

พระราชา ก็ให้ป่าวประกาศหาคนดีมีฝีมือ ให้ไปสู้กับ เจ้า รากษส
ไปดักอยู่ปากปล่องของ รากษส ที่จะขึ้นมา ถ้า รากษส ขึ้นมา ก็จะฆ่า รากษส ให้ตาย

แต่ว่าบรรดาผู้ฟังทั้งหลาย รากษส มีสภาพเป็นยักษ์ มีความดุร้าย มีกำลังมาก
แทนที่คนทั้งหลายที่รับอาสาพระราชา จะไปฆ่า รากษส
ก็กลายเป็นอาหารของ รากษส อย่างดี

คือ รากษส ไม่ต้องไปหากินไกล จับคนทั้งหลายที่จะไปฆ่าเขา
นำกลับไปกินเป็นอาหาร

ต่อมาพระราชา เห็นว่า คนทั้งหลายไม่สามารถสู้ รากษส ได้
การประกาศให้บรรดาคนที่มีฝีมือทั้งหลาย ภายในขอบเขตของพระราชฐาน
หรือใกล้พระราชฐาน ก็ไม่มีใครรับอาสาไปปราบ รากษส

พระราชาได้ประชุมอำมาตย์ ข้าราชบริพารว่า....
เราไม่สามารถปราบ รากษส นี้ ได้เพียงใด ความเป็นพระราชาของเราก็ไม่อาจจะคงอยู่
เพราะเราไม่สามารถจะให้ความปลอดภัยกับบรรดาประชาชนได้

แล้วอาศัยที่พระราชาพระองค์นี้ ใช้ ทศพิธราชธรรม อันดี
เป็นที่รักของปวงชนทั้งหลาย

บรรดาอำมาตย์ ข้าราชบริพารจึงประชุมกันว่า ถ้าหากพวกเราไม่สามารถฆ่า รากษส ได้
พระราชาก็จะสละราชสมบัติ แล้วคนที่มาใหม่ จะดีเท่าองค์นี้ หรือไม่ดี
ก็ยังไม่แน่นัก
จึงปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรดี จะให้พระราชาครองราชย์ต่อไป

ในที่ประชุม ก็กล่าวกันว่า ทางที่ดีควรประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายทั่วประเทศ

ที่มีความสามารถ

เข้าใจตรงกันว่า พระราชามีบุญญาธิการอย่างนี้ และมีความเดือดร้อนอย่างนี้
ราษฎรจนที่ไหน พระองค์ก็ทรงจนด้วย
ราษฎรลำบากที่ไหน พระองค์ก็ทรงลำบากด้วย
หาทางช่วยราษฎรให้เป็นสุข พระราชาอย่างนี้ หาได้ยาก

ถ้ากระไรก็ดี ก็ควรกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ ว่า....
คนในประเทศของเรา ไม่มีเท่าที่เห็น เพราะอยู่ในแดนไกล ในขอบเขตต่าง ๆ มีมากมาย
ควรจะประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายที่มีความสามารถ
แต่ไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าพระราชา ที่จะรับอาสาฆ่า รากษส
ในที่สุดเขาก็กราบทูลให้พระราชาทรงทราบ แล้วก็ทำตามนั้น

มอบทองคำ เท่าลูกฟัก สำหรับผู้รับอาสา

ต่อมา พระราช ก็ส่งคนไปประกาศว่า ถ้าบุคคลใดสามารถจะฆ่า รากษส ให้ตายได้
ในช่วงแห่งการรับอาสาจะมอบทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวบุคคลผู้รับอาสา
ให้เป็นทุนสำรองไว้ก่อน ทั้งนี้ ก็เผื่อว่า ไปพลาดพลั้งถูก รากษส ฆ่าตาย
ทางบ้านก็จะได้ใช้ทองคำนี้ จับจ่ายใช้สอย
เป็นการประทังชีวิตให้มีความสุขสบายแทนผู้ตาย

ถ้าบุคคลใดฆ่า รากษส ตาย แล้วตัวเองก็ไม่ตาย ทองคำก็ได้เป็นสิทธิ์อยู่แล้ว

แต่เมื่อเวลาที่กลับมาประเทศเขตพระนคร พระราชาจะให้เป็นมหาอุปราช
คือไปมีตำแหน่งรองจากพระราชา

วันนั้น ก็ปรากฏว่า หน่อพระบรมโพธิสัตว์ จะเข้าป่าไปหาฟืน แต่ยังไม่ทันจะเข้า
เดินออกจากบ้าน
ก็ได้ยินเสียงประกาศจจจากอำมาตย์ ข้าราชบริพารว่า ถ้าบุคคลผู้ใดรับอาสาฆ่า
รากษส ได้
พระราชาจะประทานทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวคนผู้อาสา เป็นเดิมพัน
แต่ถ้าฆ่า รากษส ไม่ได้ ต้องตายไป ทองคำนี้ก็จะเลี้ยงครอบครัว
และถ้าฆ่าได้ ก็จะแถมรางวัลพิเศษ คือ ให้เป็นมหาอุปราช

หน่อพระบรมโพธิสัตว์ จึงคิดว่า เราเป็นลูกคนเดียวของแม่คนเดียว หาเช้ากินค่ำ
ทรัพย์สมบัติที่หามาได้ ก็พอกินบ้าง ไม่พอกินบ้าง มีความลำบาก

ถ้าหากว่าเราจะยอมเสี่ยงชีวิตของเรา ตายแต่เพียงผู้เดียว
ให้แม่ได้มีโอกาสรับทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวเรา แม่ก็จะกินอยู่แบบสบาย ๆ
แม้กระทั่งตาย ทองคำก็ยังไม่หมด

เมื่อหน่อพระบรมโพธิสัตว์ กำหนดอย่างนี้แล้ว จึงได้ขันรับอาสา
แล้วก็รับทองคำมามอบให้แก่แม่
ตอนนี้ แม่คัดค้านอย่างหนัก ไม่อยากจะให้ลูกตาย

ในที่สุด ก็ต้องจำยอม เพราะตกลงกับเขาแล้ว จึงได้มอบทองคำให้แม่
ตัวเองก็ไปเฝ้าพระราชาพร้อมกับอำมาตย์
เข้าไปเฝ้าแล้ว....
พระราชาถามถึงผลของความต้องการ เธอสามารถแน่ใจที่จะฆ่า รากษส ได้หรือ
พระโพธิสัตว์ก็บอกว่า มั่นใจ ต่อไปพระราชา ถามว่า เจ้าต้องการทหารเท่าไร
ต้องการอาวุธอะไรบ้าง จะไปฆ่า รากษส

หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็ตอบว่า "ไม่ต้องการอะไรอะไรทั้งหมด ต้องการฆ่า
ด้วยมือเปล่า"

พระราชาก็หนักใจ แต่ว่า เขาขันรับอาสาตามนั้น ก็ต้องปล่อยไป
เขาก็นำไปส่งที่ปล่องของ รากษส

หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ขึ้นไปคอยอยู่ประมาณ 2 วัน พระราชาทรงให้ทหารไปเป็นเพื่อน
นำอาหารไปบริโภค ไปคอยอยู่ที่ปากปล่องที่ รากษส จะขึ้น
ต่อมา เมื่อถึงวันนั้น คือวันกำหนดที่ รากษส จะขึ้นมา มีเวลาเป็นประจำ
ก็ขึ้นมาพอดี

พอ รากษส ขึ้นมา ไม่ทันจะพ้นปล่อง หัวขึ้นมาพ้นปล่อง
หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ยกเท้าขึ้นหวังจะกระทืบ คือจะกระทืบให้ รากษส คอหักตาย

รากษส แหงนหน้าขึ้นมา เห็นอุ้งเท้าของหน่อพระจอมไตรบรมโพธิสัตว์ มีกงจักร
ในระหว่างท่ามกลางฝ่าเท้า ก็คิดว่า คราวนี้เราตายแน่ เราสู้ไม่ได้
เพราะคนนี้ต้องเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ เพราะกลางระหว่างเท้า มีกงจักรสีแดง

จึงได้พูดว่า....
ช้าก่อน ท่านอย่าพึ่งฆ่าเรา ท่านนี่เป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ จะได้ตรัสรู้
เป็นพระพุทธเจ้าในอีกไม่นานนัก เพราะว่ากลางเท้าของท่านมีกงจักร
หากท่านฆ่าเรา เราก็ตาย ถ้าท่านฆ่าเราไซร้ ท่านจะมีอายุสั้น
ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ตามธรรมดาพระพุทธเจ้า จะต้องมีอายุ สองหมื่นปีบ้าง
ถึงสี่หมื่นบ้างก็มี

อีกประการหนึ่ง พระพุทธเจ้าสามารถจะอธิษฐานตนให้มีอายุถึงกัปหนึ่ง ก็ได้

หากว่า ท่านฆ่าเราตาย ในเวลานี้ เวลานี้เรามีอายุ 80 ปี
ถ้าหากว่าท่านฆ่าเราตายในเวลานี้

เมื่อท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ต้องมีอายุ 80 ปี เท่านั้น

การประกาศพระศาสนาของท่าน จะไม่มีผลตามความประสงค์

หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็กล่าวว่า....

"เจ้าเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายมาก ไล่พิฆาต เข่นฆ่าคนเป็นอาหาร
ถึงแม้นว่าเราจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า มีอายุแค่ 80 ปี
เราพร้อม ยอมตามนั้น"

ในที่สุด หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็กระทืบศรีษะยักษ์ รากษส ยักษ์ก็คอหักตาย

................................................................................

นี่แหละบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่า พระพุทธเจ้า ทุก ๆ
พระองค์ เมื่อเป็นพระพุทธเจ้า สามารถจะอธิษฐานอายุของตนให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง
ก็ย่อมเป็นได้ เพราะคล่องใน อิทธิบาท 4

แต่ว่า ที่องค์สมเด็จพระมหามุนีบรมศาสดา จะต้องนิพพาน ภายในอายุ 80 ปี
ตามพระบาลี ท่านกล่าวว่า เหตุของการฆ่า รากษส ตนนั้น

จึงเป็นเหตุให้สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต้องนิพพานในอายุยังสั้น

ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนานี้

อาตมภาพในฐานะพรสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย
มีพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ

ขอจงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน
มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล
ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุแล้ว
ขอบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จงเห็นธรรมนั้น ในชาติปัจจุบันนี้ เทอญ.

เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้.
...................................................................

--
สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

สรณะอื่น ไม่มี ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย
ธรรมะสวัสดี

#2 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 11 April 2008 - 08:05 AM

ที่มาที่ไปล่ะครับ หรือว่าเป็นแต่เรื่องเล่า

ยังไงก็อนุโมทนาบุญด้วยนะครับที่สรรหามาให้ได้รับทราบกัน
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#3 AngelElle

AngelElle
  • Members
  • 18 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 11 April 2008 - 08:10 AM

อ๋ออ

อย่างนี้นี่เอง

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

#4 ผู้สนใจในธรรม

ผู้สนใจในธรรม
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 April 2008 - 11:22 AM

- -พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่น่าฆ่ายักษ์เลย แต่ที่ทำไปก็เพื่อความสุขแก่ประชาชนในสมัยนั้นอ่ะเนอะTOT

#5 ^_^หลับตาพริ้ม๐นั่งหน้ายิ้ม^_^

^_^หลับตาพริ้ม๐นั่งหน้ายิ้ม^_^
  • Members
  • 62 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 April 2008 - 11:22 AM

อรรถกถา ตโยธรรมชาดก
ว่าด้วย ธรรมของผู้ล่วงพ้นศัตรู

...พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภการตะเกียกตะกายจะฆ่าพระองค์นั่นแหละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ยสฺเสเต จ ตโย ธมฺมา ดังนี้.

...ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี. พระเทวทัตบังเกิดในกำเนิดวานร ควบคุมฝูงอยู่ในหิมวันตประเทศ. เมื่อลูกวานรที่อาศัยตนเติบโตแล้ว ก็ขบพืชของลูกวานรเหล่านั้นเสียสิ้น เพราะกลัวว่า วานรเหล่านี้จะแย่งคุมฝูง.
...ในครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ก็อาศัยวานรนั้นแหละ ถือปฏิสนธิในท้องของนางวานรตัวหนึ่ง. ครั้นนางวานรรู้ว่า ตั้งครรภ์ เพื่อจะถนอมครรภ์ของตน ก็ได้ไปสู่เชิงเขาตำบลอื่น พอท้องแก่ครบกำหนด ก็คลอดพระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์เจริญวัย ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสาแล้ว เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยกำลัง.

...วันหนึ่ง ถามมารดาว่า แม่จ๋า ใครเป็นพ่อของฉัน.
มารดาตอบว่า พ่อคุณ บิดาของเจ้าคุมฝูงอยู่ที่ภูเขาลูกโน้น.
แม่พาฉันไปหาพ่อเถิด.
ลูกจ๋า เจ้าไม่อาจเข้าใกล้พ่อของเจ้าได้ เพราะพ่อของเจ้าคอยขบพืชของลูกวานร ที่อาศัยตนเกิดเสียหมด เพราะกลัวจะแย่งคุมฝูง.
แม่จ๋า พาฉันไปเถิด ฉันจักรู้ (อนาคตของตนเอง).
นางจึงพาพระโพธิสัตว์มายังสำนักของวานรผู้เป็นพ่อ.

...วานรนั้นเห็นลูกของตนแล้ว ก็คิดว่า เมื่อเจ้านี่เติบโตจักไม่ยอมให้เราคุมฝูง ต้องฆ่ามันเสีย บัดนี้ทีเดียว เราจักทำเป็นเหมือนสวมกอดมัน แล้วก็บีบให้แน่นให้ถึงสิ้นชีวิตให้จงได้ จึงกล่าวว่า มานี่เถิดลูก เจ้าไปไหนเสีย นมนานจนป่านนี้ ดังนี้แล้ว ทำเป็นเหมือนกอดรัดพระโพธิสัตว์ รัดจนแน่น.
ก็พระโพธิสัตว์มีกำลังดังช้างสารสมบูรณ์ด้วยเรี่ยวแรง จึงบีบรัดตอบ.
ครั้งนั้น กระดูกทุกชิ้นส่วนของวานรนั้น ถึงอาการจะแตกแยก.

...ลำดับนั้น วานรผู้เป็นพ่อเกิดวิตกว่า ไอ้นี่เติบโตขึ้นต้องฆ่าเรา เราต้องหาอุบายอะไร รีบฆ่ามันเสียก่อน แต่นั้นก็คิดได้ว่า ไม่ไกลจากนี้ มีสระที่มีผีเสื้อน้ำสิงอยู่ เราจักให้ผีเสื้อน้ำกินมันเสียที่สระนั้น แล้วจึงกล่าวกะพระโพธิสัตว์ว่า ลูกเอ๋ย พ่อแก่แล้ว จักมอบฝูงให้เจ้า วันนี้จะตั้งเจ้าเป็นหัวหน้า ที่ตรงโน้นมีสระอยู่ ในสระนั้น ดอกโกมุท ๒ ดอก อุบล ๓ ดอก ปทุม ๕ ดอก กำลังบาน ไปเถิด ไปเอาดอกไม้ มาจากสระนั้น.

...พระโพธิสัตว์รับคำว่า ดีละพ่อ ฉันจักไปนำมาแล้วก็ไป แต่ยังไม่ผลีผลามลงไป ตรวจดูรอยรอบๆ สระ เห็นแต่รอยลงเท่านั้น ไม่เห็นรอยขึ้น ก็รู้ว่าอันสระนี้ต้องมีรากษสยึดครองแน่นอน พ่อเราไม่อาจฆ่าเราด้วยตน จักหวังให้รากษสเคี้ยวกินเราเสีย เราจักไม่ลงสระนี้ และต้องเก็บดอกไม้ให้ได้ด้วย แล้วเดินไปหาที่ซึ่งไม่มีน้ำ ไปได้ ๒ ดอก ทีเดียว โดดไปลงฝั่งโน้น โดดจากฝั่งโน้นมาลงฝั่งนี้ ก็คว้าได้อีก ๒ ดอก ด้วยอุบายนั้นแหละ. ด้วยวิธีนี้ พระโพธิสัตว์เก็บดอกไม้ได้ เป็นกองทั้งสองฝั่งสระและไม่ต้องลงสู่สถานอันอยู่ในอาญาของรากษส.
...ครั้นพระโพธิสัตว์เห็นว่า ไม่สามารถจะเก็บได้มากกว่านี้ ก็รวบรวมดอกไม้กองไว้ที่เดียว.

...ครั้งนั้น รากษสดำริว่า อัจฉริยบุรุษมีปัญญาอย่างนี้ เราไม่เคยเห็นเลยตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ ดอกไม้ก็เก็บได้ตามปรารถนา และไม่ต้องลงสู่สถานที่ อันอยู่ในอาญาของเราอีกด้วย จึงระเบิดน้ำ โผล่ขึ้นจากน้ำเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ กล่าวว่า พานรินทร์ ในโลกนี้ ผู้ใดมีธรรม ๓ ประการ ผู้นั้นย่อมครอบงำปัจจามิตรได้ ชะรอยภายในตัวของท่าน จักมีธรรมทั้งนั้นครบทุกประการ เป็นแน่.

...เมื่อจะชื่นชมพระโพธิสัตว์ จึงกล่าวคาถานี้ ความว่า :-
“ ธรรม ๓ ประการเหล่านี้ คือทักขิยะ สุริยะ ปัญญา มีแก่บุคคลใด เหมือนมีแก่ท่าน บุคคลนั้นย่อมล่วงพ้นศัตรูได้. ” ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทกฺขยํ ได้แก่ ความเป็นผู้มีความขยันขันแข็ง.
บทนี้เป็นชื่อของความเพียรอย่างสูงที่ประกอบพร้อมมูลด้วยปัญญาอันรู้จักกำจัดภัยที่มาประจวบเข้า.

บทว่า สูรยํ ได้แก่ความเป็นผู้กล้าหาญ.
บทนี้เป็นชื่อของความเป็นผู้ไม่มีความพรั่นพรึง.

บทว่า ปญฺญา นี้ เป็นชื่อของความรู้อุบาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความปรากฏผล.

...รากษสนั้นชมเชยพระโพธิสัตว์ด้วยคาถานี้อย่างนี้แล้ว ก็ถามว่า ท่านเก็บดอกไม้เหล่านี้ไปทำไม?
พระโพธิสัตว์ตอบว่า พ่อของเราปรารถนาจะตั้งเราเป็นผู้นำฝูง เราเก็บไป เพราะเหตุนั้น.
รากษสพูดว่า อุดมบุรุษเช่นท่าน ไม่น่าจะนำดอกไม้ไป เราจักนำไปให้ แล้วหอบดอกไม้เดินตามหลังพระโพธิสัตว์ไป.

...ครั้งนั้น บิดาของพระโพธิสัตว์เห็นแต่ไกลแล้ว รำพึงว่า เราส่งมันไป หมายว่าจักให้เป็นเหยื่อของรากษส บัดนี้ มันกลับใช้ให้รากษสถือดอกไม้ตามมา คราวนี้เราฉิบหายแล้ว เลยหัวใจแตกเจ็ดเสี่ยง สิ้นชีวิตในที่นั้นเอง.
ฝูงวานรที่เหลืออยู่ประชุมกัน ยกพระโพธิสัตว์ให้เป็นราชาผู้นำฝูง.

...แม้พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า
วานรนายฝูงในครั้งนั้น ได้เป็น พระเทวทัต ในครั้งนี้
ส่วนบุตรของลิงผู้เป็นจ่าฝูง ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

.. อรรถกถา ตโยธรรมชาดก จบ.

อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org...?...A=380&Z=384


...พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

...๘. ตโยธรรมชาดก
ธรรมของผู้ล่วงพ้นศัตรู

[๕๘] ดูกรพระยาวานร ผู้ใดมีธรรม ๓ ประการนี้ คือ ความขยัน ความแกล้วกล้า
ปัญญาเหมือนท่าน ผู้นั้นย่อมล่วงพ้นศัตรูได้.

จบ ตโยธรรมชาดกที่ ๘.

นี่ก็อ้างอิงมาอีกทีจาก พระไตรปิฎก

#6 เย็นสบาย

เย็นสบาย
  • Members
  • 155 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 April 2008 - 12:58 PM

อืมก็ว่าอยู่ว่าบทของเจ้าของกระทู้ข้างบนมันแปลกๆ ขอบคุณท่านhappy.gifหลับตาพริ้ม๐นั่งหน้ายิ้มhappy.gifนะครับ



#7 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 April 2008 - 03:22 PM

เรียนท่านเจ้าของกระทู้

ผมขอ link website ที่มาของเรื่องด้วย อยากศึกษาเพิ่มเติม

ขอบคุณครับ

#8 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 11 April 2008 - 05:11 PM

เป็นความรู้ใหม่ดีครับ อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ^ ^
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#9 ton16kij

ton16kij
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 April 2008 - 12:57 PM

...ขอบคุณครับ สาธุนะครับ smile.gif smile.gif

#10 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 April 2008 - 06:59 PM

ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลยครับ

มีที่มาไม๊ครับ

#11 Crystal Man

Crystal Man
  • Members
  • 11 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 12:33 PM

ผมว่าข้อความเจ้าของกระทู้แปลกๆนะครับ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าพระโพธิสัตว์จะเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นๆเพียงเพื่อทองคำลูกเท่าฟัก ทั้งๆที่ได้ลักษณะที่สามารถแสดงได้ว่าใกล้จะบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่ทราบว่าท่านเจ้าของกระทู้ไปลอกมาจากทีไหนครับ ถ้าให้ธรรมทานผิดๆ อาจมีวิบากกรรมติดไปชาติหน้านะครับ

#12 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 15 April 2008 - 08:36 AM

อยากรู้จังครับว่ามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดบ้างไหมที่สามารถดำรงค์ชีพอยู่ได้ตลอดกัป
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#13 ผู้สนใจในธรรม

ผู้สนใจในธรรม
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 April 2008 - 08:48 PM

ถ้าอธิษฐานว่า หากชาติใดเราได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าขอให้เรามีอายุยืนถึงหนึ่งกัปป์ได้ไหมครับ อายุจะได้ถึงหนึ่งกัปป์อิอิ (อันนี้คิดกันเล่นๆนะ)

#14 birdie6452

birdie6452
  • Members
  • 58 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:สายไหม กทม.

โพสต์เมื่อ 17 April 2008 - 07:58 AM

เท่าที่ผมรู้เนี่ย ผมเคยได้ยินมาอีกแบบหนึ่ง ที่หลวงปู่ใช้วิชชาธรรมกายไปดู แต่มันนอกเหนือจากพระไตรปิฎก กลัวว่าจะคลาดเคลื่อนนะครับ ขอไม่เล่าละกัน