ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

มีอคติและไม่ชอบหลวงพ่อธัมมชโย หรือคุณครูไม่ใหญ่


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 51 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#31 asama

asama
  • Members
  • 157 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 07:43 AM

สาธุ หลวงพ่อ ท่านให้อภัยทุกคน
ท่านไม่เคยถือโกรธผู้ใดเลย 頑張って下さい。
naganoken japan より.......


พลังลูกพระธัมฯ

#32 รัก แล้ว ทุกข์

รัก แล้ว ทุกข์
  • Members
  • 270 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 08:44 AM

กลับมาเถิดครับ
มาสั่งสมบารมีกัน
สิ่งที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไป
เริ่มต้นกันใหม่นะครับ


#33 muwhan

muwhan
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 09:32 AM

เป็นสัญญาณที่ดีในการกลับมาสร้างบารมีของคุณเองนะครับอย่าปล่อย ให้ความเคลือบแคลงใจที่ได้รับมาจากผู้ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนามาปิดกั้น การสร้างความดี หรือความสุขที่คุณควรจะได้รับ จริงๆแล้วในใจคุณก็รักและเคารพหลวงพ่อนะครับ เพียงแต่ว่าอาจจะคาดหวังแรงไปสักนิดนึง พอเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีจากผู้ไม่หวังดีประกอบกับ ในช่วงนั้นหรือแม้แต่ในขณะนี้ก็ตาม สื่อข่าวยังคงครอบงำความคิดพวกเราคนไทยอยู่ เพราะเหคุผลทางยอดขาย ผมเองก็เป็นช่างภาพซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วัดโดนโจมตีและได้คลุกคลีอยู่กับบรรดาศื่อต่างๆ ขอเรียนให้ทราบเลยว่า ทุกอย่างเขียนว่าจาการบอกต่อ อาศัยมูลความจริงเพียงเล็กน้อยแล้วมาขยายความด้วยจิตใจที่ไร้ความยุติธรรมและสามัญสำนึกที่ควรมี ขอให้คุณกลับมาพิสูจน์ด้วยตัวและหัวใจของคุณเองนะครับล้านเปอร์เซนต์เลยครับว่าคุณจะเจอคำตอบ

โชคดีนะครับ


#34 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 09:32 AM

อ่านคำตอบของทุก ๆ คนแล้วตื้นตันใจจริง ๆ cry_smile.gif... สาธุค่ะ

#35 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 09:36 AM

สาธุกับน้องมองอย่างแมว ที่ได้ให้ข้อมูลดีๆ ถึงเหตุการณ์ในชั้นศาลนะครับ เสียดายเหมือนกัน เรามาวัดตั้งสิบๆ ปี ไม่มีโอกาสไปเรียนกฏหมายกับคุณครูบ้างเลย
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#36 sage_072

sage_072
  • Members
  • 271 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:นครราชสีมา
  • Interests:ต้องการเรียนรู้กฏแห่งกรรม และสนทนาธรรมกับเพื่อนกัลยาณมิตร

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 09:37 AM

ดั่งกระท่อมหลังเล็กๆที่มีแค่หลังคามุงจาก
ใครหลายคนคงคิดใช่ใหมมันคงเป็นคฤหาสน์ที่เลิศหรู
และมีทรัพสิยก่ายกอง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างทีคิด
แค่มุมสี่เหลี่ยมห้องเล็กๆ มีเสื่อผืน และหมอนใบ
กับเสื่อผ้าแค่ 3 ผืน

thamma_072.p

#37 พลุ

พลุ
  • Members
  • 23 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 09:59 AM

ลองดูซิค่ะว่ามีองค์กรใด สามารถเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างขวางที่สุด สอนคนให้ละอายเกรงกลัวต่อบาปสอนให้คนเป็นคนดีของสังคมได้มากมายถึงเพียงนี้ ถ้าไม่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อสัตว์โลกคงวิ่งหมุนตามกระแสกิเลสอันรวดเร็ว พากันทุกข์ทรมาร จมลงสู่อบายในที่สุด พุทธศาสนาถึงแม้เลิศเลอเพียงไรก็ตาม ย่อมชุดรั้งสัตว์โลกไว้ไม่ทันการ หากวิธีการเผยแผ่ไม่หมุนตามกระแสโลกาภิวัฒน์ มีข้อเสนอแนะให้คุณคิดค่ะ ถ้าคุณจะตัดสินใจกระทำในสิ่งที่ดีซึ่งได้คิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้วแต่ต้องเจออุปสรรคแสนสาหัสถูกประณามหยามเหยียดเกือบเอาตัวไม่รอด กับการรู้ว่าการกระทำสิ่งนั้นดี แต่ถ้าอยู่เฉยๆ ดูจะสบายกว่ายังไงเอาตัวเองรอดไว้ก่อนคนอื่นเป็นไงช่าง เป็นคุณ...จะเลือกแบบไหนค่ะ.....วันนี้คุณอาจข้องใจซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเราก็เคยเป็นแบบคุณ...บางครั้งการอธิบายก็อาจช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่การพินิจ พิจจารณาด้วยตัวของคุณเองโดยติดตามดูพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านอย่างใกล้ชิด (ขอย้ำ..ดูให้ใกล้ชิด ดูให้นานๆๆๆ) ลองปฏิบัติตามคำสอนของท่านบ้าง คุณจะพบคำตอบ และจะยอมรับได้วยตัวของคุณเองค่ะ

#38 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 11:16 AM

ขอบคุณทุกๆท่านครับที่ให้กำลังใจ ทุกข้อความผมผมรู้สึกดีมาก
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#39 นับดาว

นับดาว
  • Members
  • 422 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 01:46 PM

เรื่องบางเรื่อง เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

อธิบายยาก พูดก็ลำบาก

ในกรณีของการได้รับข่าวสารแง่ลบมากเกินไป

และมีแต่เรื่องลบๆฝังอยู่ในความทรงจำ

แม้วันนี้จะกลับมา ได้รับรู้ถึงความน่าเลื่อมใสศรัทธาของคุณครูไม่ใหญ่

แต่ก็ยังมีอคติอยู่..ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจค่ะ

แต่สิ่งนี้แก้ไขได้ ถ้าอ่านทุกข้อความที่ช่วยกันชี้แจงมา

ด้วยใจที่เปิดกว้าง และต้องปฎิบัติธรรมด้วยนะคะ

เมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะพบด้วยตัวเองว่า

ใจที่ใสด้วยธรรมะปฏิบัติ จะช่วยให้เราคิด พูด และทำทุกอย่าง

ได้ตรงตามความเป็นจริงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อถึงเวลานั้นคุณคงจะได้คำตอบสุดท้ายสำหรับตัวคุณเองในที่สุด

ขอกราบอนุโมทนาบุญค่ะ


ถ้าใจใส

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน

#40 arraya

arraya
  • Members
  • 298 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 03:56 PM

ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาบุญกับคุณสาครด้วยนะคะที่มีโอกาสได้บวช และได้มาสร้างบารมีกับหมู่คณะก่อนดิฉัน รีบกลับมาเถอะค่ะก่อนที่ผังการหลุดจากหมู่คณะจะกว้างมากไปกว่านี้
อยากให้คุณสาครคิดว่าแก่นแท้จากการสอนของวัดคืออะไร น่าศรัทธามั้ย ส่วนไอ้เรื่องที่ดินจะเป็นของใครก็ช่างเถอะ มันก็แค่เปลือกนอก คงมีเหตุผลหลายอย่าง รวมทั้งผู้ที่เข้าวัดมาก่อนดิฉันได้ตอบไว้ข้างต้น
คุณสาครดูจาก DMC คงเห็นเหมือนกับทุกๆ คนคือของแท้ ของจริง เป็นอย่างนี้นี่เอง



#41 มิตรธรรม

มิตรธรรม
  • Members
  • 134 โพสต์
  • Location:124/53-54 ม.10 ต. หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี THAILAND
  • Interests:MEDITATION ชอบเรื่องสมาธิ ต้องการบรรลุธรรม แสวงบุญ สร้างบารมี ทำพระนิพพานให้แจ้ง

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 05:40 PM

สาธุ ๆๆ กับการตอบคำถามของนักสร้างบารมีทุกๆท่านครับ
ผมขอร่วมด้วยกันดึง นักสร้างบารมีกลับมาอีกคนครับ
เมื่อตอนสมัยผมยังเป็นนักศึกษา ปี 2529 ผมก็ได้มาร่วมปฏิบัติธรรม และช่วยงานวัดมากับทางอาจารย์ ช่วงนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรว่าจะต้องทุ่มเท แรงกาย แรงทรัพย์ แรงใจ กันขนาดนี้ ตอนนั้นรู้แต่เพียงว่าวัดธรรมกาย ที่ศูนย์ปฎิบัติธรรมที่ดี มีชื่อเสียง ในตอนนั้นมีพระอาจารย์มาสอนนำนั่งสมาธิ และได้เล่าประวัติของวัด และมโนปฎิภาณของหลวงพ่อให้ฟัง จำได้แม่นอยู่ประโยคหนึ่ง "พวกเราที่มารวมตัวกันอยู่ ณ.ที่นี้คือผู้มีบุญ เราเคยอยู่กันมาเป็นหมู่คณะในอดีตชาติ ผู้ที่มา ณ.สถานพุทธจักรปฏิบัติธรรมนี้เป็นจะผู้ร่วมกันสถาปนาให้สถานที่แห่งนี้ ให้เป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนิกชน ต่อไปในอนาคต พวกเราเป็นผู้นำบุญที่มากันจากบนฟ้า แต่มิใช่มีกันอยู่เพียงเท่านี้นะ จริงๆแล้วหลวงพ่อ ได้บอกว่าที่จุตติลงมาจากสวรรคนั้นเป็นล้านๆคน กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลก พระอาจารย์ได้เทศน์บอกว่าให้เราคอยดูกันต่อไป ถ้าสถานที่ศักดิ์สิทธิแห่งนี้ถ้าสร้างสำเร็จขึ้นมาจะมีผู้มีบุญมาชุมนุมกันที่นี่เป็นล้านคน จะมากันทั่วทุกมุมโลก ผู้คนจะหลั่งไหลกันมาทั่วทุกสารทิศ จะมีผู้เดินทางด้วยเท้าเรียงแถวกันเข้ามาสู่บริเวณวัดกันตั้งแต่ดอนเมืองกันที่เดียว" นั่นเป็นสิ่งที่ผมจำแม่นมาก และก็เป็นสิ่งที่คอยเตือนใจผมตลอดเวลาให้กลับมาช่วยกันสร้างบารมี เป็นผู้นำบุญชวนเพื่อนที่เป็นหมู่คณะที่ยังคลำทางมาวัดไม่เจอ ให้กลับมาช่วยกันสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิแห่งนี้ให้สำเร็จ จากคำเทศนาของพระอาจารย์ที่เหมือนเป็นคำทำนายล่วงหน้าถึง 20 ปี ก็ถ้าเป็นชายไทยก็ครบอายุบวชได้พอดี แทบไม่น่าเชื่อ ปีหน้า 2550 ผมจะรอดูอีกคำนายนี้จะเป็นจริงหรือไม่ คือ
"สถานที่ศักดิ์สิทธิแห่งนี้สร้างสำเร็จขึ้นมาจะมีผู้มีบุญมาชุมนุมกันที่นี่เป็นล้านคน จะมากันทั่วทุกมุมโลก ผู้คนจะหลั่งไหลกันมาทั่วทุกสารทิศ จะมีผู้เดินทางด้วยเท้าเรียงแถวกันเข้ามาสู่บริเวณวัดกันตั้งแต่ดอนเมืองกันที่เดียว"

QUOTE
* ศาสนสถานที่สร้างมาจากแรงศรัทธามหาชน ที่ส่วนมากไม่ใช่เศรษฐี สร้างวัด สร้างเจดีย์แล้ว
ไปเร่ขายก็ไม่ได้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ต้องตกเป็นสมบัติของสงฆ์ ของแผ่นดิน
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ
เป็นคุณจะทำไหม


ผมชอบหัวข้อนี้มากขอตั้งสมมติเหตุการณ์ เพื่อให้เห็นภาพชักหน่อยนะครับ (แต่ต้องกราบขออภัยไม่ได้มีเจตนาลบหลู่หรือจาบจ้วงพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะครับ)
สมมุติว่าสื่อพูดจริงและความเข้าใจที่ปิดบังอยู่ในซอกหลืบของคุณสาครเป็นจริงขึ้นมา สมบัติของวัดเป็นชื่อของหลวงพ่อทั้งหมด พอหลวงพ่อท่านทำพินัยกรรมมอบให้กับญาติ ของหลวงพ่อเอง และแบ่งปันให้กับทนาย หรือลูกศิษย์ใกล้ชิดบ้างเพื่อเป็นสินน้ำใจ ที่ช่วยกันสร้างสิ่งปลูกสร้างสาธารณูปโภคกันขึ้นมา พอพินัยกรรมฉบับนี้เป็นผล บุคคลเหล่านี้ได้เข้ามีผลประโยช์กับสมบัตินี้ ที่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นอุโบสถ เป็นมหาเจดีย์ เป็นกุฏิสงฆ์ พอเจ้าของจะเข้ามาทำผลประโยชน์กับสมบัติเหล่านี้ สมมติว่าประกาศขาย หรือนำพระธรรมกาย ที่อยู่ตามเจดีย์ อันนี้ถ้าจำหน่ายกันอย่างลับๆ ก็พอจะมีผู้ซื้อบ้าง สิ่งเหล่านี้ก็คงจะหายไปในพริบตา แต่พอนำสิ่งเหล่านี้ออกไปหมดที่นี้ถึงคราวที่จะต้องรื้อทำลายสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เพราะมิฉะนั้นก็คงนำพื้นดินไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ หรือจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอภิมหาใหญ่โต ก็คงไม่มีผู้ใดมาซ์อเป็นแน่ พอถึงเหตุการณ์นี้ให้คุณสาคร คิดต่อเองนะครับว่า ผู้ที่บริจาคเงิน ที่ดิน ให้กับหลวงพ่อ จะคิดหรือปฏิบัติอะไรกันต่อนะครับคุณสาครก็คิดต่อเอาเองก็แล้วกันนะครับ

ฝากอีกนิดเพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกันนะครับ จะเป็นคำพูดสมัยนิยมชอบใช้คำว่า ประโยคทองพลิกฝ่ามือ คือแค่ประโยคทองสั้นๆก็สามารถทำให้เป็นอรหันต์ได้
อย่างที่องคุลีมารหมายมั่นจะฆ่าพระพุทธเจ้าเพื่อจะนำนิ้วที่ 1000 ไปให้อาจารย์เพื่อจะได้ล่ำเรียนวิชา หลังจากวิ่งไล่ล่าจนเหนื่อยอ่อนยอมจำนนหมดทิฏฐืมานะยอมจำนนต่อพระองค์และพูดว่า "สมณะหยุดๆๆ" ทรงตรัสกับองคุลีมารว่า "สมณะหยุดแล้ว ท่านไม่หยุด"
ต่อมาอีก 2000 กว่าปี มีพระสงฆ์รูปหนึ่งนำประโยคทองนี้ มาคิดค้นจนสำเร็จวิชชาธรรมกาย อีก "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" ซึ่งท่านได้บอกไว้ว่า "หยุด" คำๆนี้คำเดียวคือ เป็นตัวศาสนาแท้ๆ ท่านผู้นี้ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่สด นั่นเอง
ต่อมาในชั่วโมง ฝันในฝัน ก็จะมี หลวงพ่ออีกท่านหนึ่ง จะใช้ประโยคนี้ตลอด"หยุดเท่านั้นเป็นตัวสำเร็จ" และผมเข้าใจ(เอง)ว่าท่าน ก็นำประโยคทองนี้นำมารณรงค์ให้คนเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ คือ เราควรเลิกเหล้าเลิกบุหรี่กันเถอะ พวกที่เลิกได้ เพราะว่า "ได้เลิก" และยังนำมาใช้ให้กำลังใจลูกศิษย์ที่รู้สึกว่าการทำสมาธิเป็นของยาก มักจะใช้คำว่า พวกเราทุกคนมีสิทธิเข้าถึงธรรมกันได้ทุกคน คือ ทำได้เพราะ "ได้ทำ" คำเทศน์ผ่านสื่อสีขาวเหล่านี้ บางครั้งมีเพลงประกอบบ้างเพื่อช่วยให้ผู้เทศน์ที่อาพาธอยู่ลดการใช้เสียงได้บ้าง ได้หยุดพักเป็นช่วงๆบ้างตลอดการเทศน์ 3 ชม.ในทุกๆวัน ประโยคสั้นๆเหล่านนี้ฟังแล้วถ้านำมาพิจารณา นำมาใช้แก้ปัญหาทางหยาบ และละเอียดได้ทั้งนั้น นี่แหละคือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธรรมชโย

ที่นี้เราจะเห็นความสัมพันธ์หรือความสำคัญ ของประโยคเหล่านี้ คำว่า "สมณะหยุดแล้ว ท่านไม่หยุด" "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" พวกที่เลิกได้ เพราะว่า "ได้เลิก"
ทำได้เพราะ "ได้ทำ" ประโยคทองพลิกฝ่ามือเหล่านี้ คุณสาครก็ลองนำไปใช้ดูนะครับ ผมก็เป็นคนอ.แกลง จ.ระยอง ตอนเด็ก ก็ไปวัดเขาสุกิมบ่อยเหมือนกันครับ ไปช่วยขนหินขนทรายขึ้นไปสร้างวัดจนมือแตก เลือดออกซิบๆ ยังจำได้เสมอ

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าอย่างที่พระอาจารย์ได้บอกกับผมเมื่อปี 2529ว่า พวกเรามากันเป็นหมู่คณะ เกิดมาเพื่อสร้างบารมี ต้องมาร่วมมือกันสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิแห่งนี้ให้สำเร็จเพื่อดำรงอยู่คู่พระพุทธศาสนาและประเทศไทยตลอดไป


#42 สัมมาอะระหัง

สัมมาอะระหัง
  • Members
  • 235 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:computer,dhamma

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 06:30 PM

อนุโมทนากับคุณ dangdee สำหรับการให้อรรถาธิบาย และอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ที่กลับใจได้ และเข้าใจมโนปณธานของหลวงพ่ออย่างถูกต้องตรงตามความจริง และจะให้ดียิ่งขึ้นและถือเป็นการไถ่โทษในสิ่งต่างๆที่ผ่านมา อยากชวนคุณสาครปรับใจให้เข้าสู่ที่ตั้งที่ถูกต้องได้ใหม่อีกครั้งที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดให้ได้บ่อยๆด้วยนะครับ หลวงพ่อท่านก็จะรับรู้ได้อีกทางแหละครับ
ศีล..เป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง บุคคลใดชำระศีลให้บริสุทธิ์แล้ว จะเป็นเหตุให้เว้นจากความทุจริต จิตจะร่าเริงแจ่มใส และเป็นท่า หยั่งลงมหาสมุทร คือ นิพพาน

#43 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 06:44 PM

คุณ dangdee ตอบได้ดีมากๆครับ คิดว่าคุณสาครและคนอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าใจ จะเข้าใจได้ดีครับ

#44 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 07:21 PM


เมื่อทุกอย่างชัด ใส ปิ้ง
ก็นึกถึงประโยคนี้นะคะ
ถ้าเธอจะไปกับฉัน ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน



#45 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 August 2006 - 08:28 AM

สาธุ สาธุ สาธุ บุญที่ข้าพเจ้าตั้งใจดีแล้วทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ เพื่อน กัลยาณมิตรทุกท่านขอจงได้รับผลบุญ พร้อมกันทุกท่านเทอญ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#46 Nida49

Nida49
  • Members
  • 456 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 August 2006 - 04:34 PM

สาธุ ขออนุโมทนากับการชี้แจงทุกท่านด้วยคะ

#47 yimgunnaja

yimgunnaja
  • Members
  • 11 โพสต์
  • Location:บางพลัด

โพสต์เมื่อ 11 August 2006 - 05:22 PM

happy.gif อนุโมทนาบุญกับคุณ dangdee ด้วยค่ะ ตอบได้โดนใจจริงๆ

แล้วก้อ ขออนุญาติ save ภาพหลวงพ่อธัมมชโย เก็บไว้เป็นกำลังใจส่วนตัวด้วยนะคะ...สาธุค่ะ

#48 huy072

huy072
  • Members
  • 168 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:เชียงใหม่

โพสต์เมื่อ 12 August 2006 - 10:48 PM

เมื่อก่อนเคยไม่ชอบข่าวที่วัดค่ะ พอมีได้คุยได้ถามเรื่องราวอะไรๆมากขึ้น
ก็รู้สึกว่าดีขึ้นแล้วก็หันมาเข้าวัดค่ะ

#49 PW1

PW1
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 August 2006 - 04:27 AM

Hope these 2 important documents clarify things:
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คำชี้แจง
เรื่อง การถือครองที่ดินของพระราชภาวนาวิสุทธิ์

กรณีการถือครองที่ดินของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัด พระธรรมกาย ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในปัจจุบัน คณะทำงานจัดการที่ดินขอเรียนชี้แจงถึงที่มาและความ เป็นไปของเรื่องราวกรณีที่ดินดังกล่าว ดังนี้

๑. ที่ดินที่อยู่ในความถือครองของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) มีทั้งสิ้น ๑๖ จังหวัด ๑๗ แห่ง เนื้อที่ประมาณ ๑,๗๔๙ ไร่

๒. ที่ดินดังกล่าวทั้งหมดญาติโยมผู้บริจาคได้โอนถวาย หรือซื้อถวายแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นการส่วนตัว เพราะมีความเคารพเลื่อมใสในปฏิปทาของท่าน มิใช่เป็นการเอาที่ดินของวัดมาเป็นของ ส่วนตัว หรือนำเงินบริจาคของวัดมาซื้อที่ดินดังที่เป็นข่าว หรือมีการกล่าวหาพยายามให้เป็นแต่อย่างใด

๓. แม้ญาติโยมจะถวายที่ดินดังกล่าวแก่พระราชภาวนาวิสุทธิ์เป็นการส่วนตัว แต่ท่านเองก็ มิได้มีวัตถุประสงค์จะนำที่ดินดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด หากตั้งใจจะนำมาทำ ประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา เมื่อมีทุนและบุคลากรพร้อมก็จะได้พัฒนาจัดสร้างเป็นวัด ธุดงคสถาน สถานที่ ปฏิบัติธรรม สถาบันการศึกษาของสงฆ์ ตามความเหมาะสมของพื้นที่แต่ละแห่ง และโอนกรรมสิทธิ์ให้วัด มูลนิธิ หรือนิติบุคคลทางการศึกษาที่จะได้จัดตั้งขึ้นมาใหม่ต่อไป

ที่ดินส่วนใหญ่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ท่านยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำไปว่าเป็นอย่างไร และขณะนี้ท่านก็ มอบอำนาจสิทธิ์ขาดในการจัดการกับที่ดินดังกล่าวทั้งหมด ให้กับคณะทำงานจัดการที่ดินเพื่อดำเนินการ

๔. จากการที่มีการนำเสนอทางสื่อมวลชนบางฉบับ มีเนื้อความในทำนองทำให้ประชาชนเข้าใจผิด คิดว่าพระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้ยักยอกเอาที่ดินของวัดไป หรือนำเงินบริจาคของวัดไปซื้อที่ดินเหล่านี้ คณะ กรรมการวัดพระธรรมกายขอเรียนชี้แจงว่า คำกล่าวหานั้นร้ายแรงและไม่เป็นความจริง

๕. เมื่อเรื่องลุกลามบานปลายมากขึ้น ได้มีผู้ใหญ่ประสานมาขอให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์เสียสละ โดยบริจาคที่ดินดังกล่าวให้แก่วัดพระธรรมกายเสียเพื่อตัดปัญหา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ก็ได้ตอบตกลง และ ทำหนังสือแสดงเจตนารมณ์ในการยกที่ดินให้วัด แต่ขอให้ปรึกษาญาติโยมผู้ถวายที่ดินด้วย และได้ มอบหนังสือแก่อธิบดีกรมศาสนา นำกราบเรียนเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อทราบ เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒

๖. ในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ก็ได้มอบฉันทะให้กรมการศาสนา ช่วยดำเนินการโอนที่ดินชุดแรกจำนวน ๑๓๙ ไร่ บริจาคให้แก่วัดพระธรรมกาย และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่าง ดำเนินการ แต่ขณะนี้ ผู้บริจาคบางท่านยังไม่ประสงค์จะให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์บริจาคที่ดินดังกล่าว ให้วัดพระธรรมกาย เพราะจะทำให้ไม่บรรลุตามเจตนาเดิม

๗. เหตุที่ไม่สามารถโอนที่ดินบริจาคแก่วัดพระธรรมกายทีเดียวหมดทุกแปลงได้ เป็นเพราะ เหตุ ๓ ประการ คือ

ก. ต้องปรึกษาขอความเห็นชอบจากเจ้าภาพที่บริจาคก่อน และที่บางแปลงมีเจ้าภาพหลายราย ร่วมบุญกันซื้อถวายจึงต้องใช้เวลา เจ้าภาพหลายรายก็ยืนยันในเจตจำนงเดิมของตน ที่ต้องการถวายที่ดิน แก่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ มิได้ต้องการถวายที่ดินแก่วัดพระธรรมกาย เพราะเหตุหลายประการ เช่น หาก ถวายที่ดินเป็นธรณีสงฆ์แก่วัดพระธรรมกายแล้ว หากต้องการนำที่ดินนั้นไปสร้างวัดใหม่ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะจะกลายเป็นวัดซ้อนวัด ซึ่งพระธรรมวินัยห้ามกระทำ หรือหากจะนำที่นั้นไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ด้านสถาบันการศึกษาก็ไม่สามารถทำได้

ข. มีบางท่านบอกว่า เมื่อที่ดินขณะนี้มีชื่อ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ก็สามารถโอน ได้เลยไม่จำเป็นต้องไปถามเจ้าของเดิมผู้บริจาคแต่อย่างใด แต่จริงๆ แล้วเรื่องทางศาสนา เป็นเรื่องของศรัทธา พระภิกษุมีหน้าที่ประคองรักษาศรัทธาประชาชนด้วย จะอ้างสิทธิ์ตามกฎหมายดำเนินการไปตาม อำเถอใจโดยไม่สนใจความคิดเห็นของญาติโยมผู้บริจาคที่ดินมานั้นไม่ได้ เพราะไม่เพียงเป็นการทำลาย ศรัทธา ยังเป็นการไม่รักษาน้ำใจผู้บริจาค ซึ่งล้วนมีเจตนารมณ์สอดคล้องกัน

ค. นักกฎหมายและญาติโยมหลายท่านได้ท้วงติงมาด้วยความปรารถนาดีว่า ในการโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินนั้น ขอให้ใช้ความรอบคอบระมัดระวัง และควรทำความเข้าใจข้อกฎหมายให้ดีด้วย จะมุ่งแต่ ตัดสินปัญหาลดความกดดันกระแสสังคม กระแสสื่อ เพียงประการเดียวไม่ได้ เพราะมีผู้ที่คอยจ้อง จะหาความผิดขุดหลุมพรางไว้ล่อแล้ว เช่น หากโอนที่ให้วัดโดยประหยัดค่าโอนเพียงแปลงละ ๗๕ บาท อย่างที่มีการออกข่าวตอนแรก ก็จะตกเข้าในหลุมพรางทันที เพราะการโอนแบบนั้น จะทำได้ในกรณีที่ที่ดิน นั้นเป็นของวัดอยู่แล้ว เจ้าอาวาสเพียงแต่เป็นผู้ถือครองแทน แล้วต้องการโอนที่ดินคืนให้วัดซึ่งเป็นเจ้าของ เดิม ดังนั้นถ้าพระราชภาวนาวิสุทธิ์โอนแบบนี้ ก็จะถูกกล่าวหาว่ายักยอกที่วัด จึงสมเหตุสมผลกับข้อกล่าวหา ปาราชิก ที่คนบางกลุ่มพยายามให้เป็น

แต่ถ้าจะโอนโดยวิธีการปกติ ก็ต้องเสียค่าโอนประมาณ ๘ ล้านบาท ซึ่งเป็นภาระการเงินอันหนัก และก็มีผู้จ้องโจมตีอยู่เช่นเดียวกัน ดังที่ นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ได้กล่าวโจมตีไว้ชัดเจนในรายการของ ##### เมื่อคืนวันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ว่า ถ้าไม่ใช่ที่ดินของวัด แล้วพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จะไปโอนให้วัดทำไม การโอนที่ดินให้วัดก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า ที่ดินนั้นเป็นของวัดแต่ เดิม จึงถือว่าพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว การกล่าวเช่นนี้ ไม่เป็นธรรมแก่พระราชภาวนา- วิสุทธิ์ เป็นอย่างยิ่ง

๘. ในสายตาของชาววัดพระธรรมกายต่อเรื่องการถือครองที่ดินของพระราชภาวนาวิสุทธิ์นั้น เห็นว่า ต่อให้โอนที่ดินทั้งหมดบริจาคแก่วัดพระธรรมกาย เรื่องก็ยังคงไม่จบ จะมีการหาเรื่องอื่นประเด็นอื่นขึ้นมา โจมตีกันต่อไป ซึ่งหากมีผู้ใดสามารถให้คำรับรองได้ว่า ถ้าโอนที่ถวายแก่วัดทั้งหมดแล้ว เรื่องจะจบแน่นอน คณะทำงานจัดการที่ดินก็เชื่อมั่นว่า จะสามารถดำเนินการประสานงานกับญาติโยมผู้บริจาคที่ดินให้ยินยอม อนุญาตให้โอนกรรมสิทธิ์มอบแก่วัดพระธรรมกายได้โดยเร็ว เพราะจากที่ได้พูดคุยกับเจ้าภาพหลายท่าน ล้วน มีความเห็นครงกันว่า แม้การถวายที่ให้วัดจะผิดเจตนาเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ยากลำบาก แก่การนำมาใช้ประโยชน์ตามความตั้งใจ แต่ถ้าทำให้เรื่องวุ่นวายร้ายแรงต่างๆ จบลงได้เสียที ทุก คนก็ยินดี แต่ถ้าโอนให้วัดแล้วเรื่องก็ยังไม่จบ มีการหาเรื่องอื่นๆ มาเล่นงานอีกต่อไปเรื่อยๆ ก็ ไม่รู้จะโอนให้วัดไปทำไม ในฐานะเจ้าของที่ดั้งเดิม จึงขอยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่ต้องการถวายแก่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์เท่านั้น

คณะกรรมการวัดพระธรรมกายเชื่อมั่นว่า ข้อกล่าวหาที่มีต่อพระราชภาวนาวิสุทธิ์ทั้งหมด เมื่อได้ ดำเนินการสอบสวนและพิจารณาไปตามกระบวนการทางกฎหมายศาลสงฆ์ แม้จะใช้เวลาบ้าง แต่สุดท้าย ความจริงทั้งหมดก็จะปรากฎ ขอเพียงให้มีการไต่สวนพิจารณาอธิกรณ์ที่มีผู้กล่าวหา ให้เป็นไปตาม กระบวนการทางกฎหมาย พระราชบัญญัติสงฆ์ กฎมหาเถรสมาคม อย่างโปร่งใส โดยมีให้มี การใช้อำนาจเถื่อนหรือกระแสใดๆ คุกคาม กดดันกระบวนการยุติธรรม


จึงเจริญพรมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
คณะทำงานจัดการที่ดิน
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๒

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แถลงการณ์ถึงชาวพุทธ
เพื่อความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา

กราบเรียน พระเถรานุเถระ
เจริญพร ท่านพุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกท่าน

ในช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมาได้มีเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชออกมาหลายฉบับเกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกาย เรื่องพระได้รับสมบัติมาในขณะเป็นพระแล้วไม่โอนให้วัด ต้องปาราชิก เป็นต้น กระผมเฝ้าดูเรื่องทั้งหมดด้วยความอึกอัดและเป็นห่วงผลกระทบที่ จะมีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง จะออกมาแสดงความเห็นอะไรก่อนมหาเถรสมาคมจะตัดสินใจ ก็ดูจะเป็นการไม่เหมาะสม

ฉะนั้น เมื่อมหาเถระสมาคมได้พิจารณาตัดสินไปแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ก็ถือว่าได้ข้อยุติไปในระดับหนึ่ง กระผมจึงเห็น ว่าถึงเวลาที่ควรแสดงความเห็นเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยโดยรวม

ทั้งนี้เพราะเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตนั้น ขอกราบเรียนตามตรงด้วยความเคารพศรัทธาในสมเด็จพระสังฆราชว่ากระ- ผมไม่เชื่อเลยว่าสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้เขียนขึ้นเอง สาเหตุเป็นเพราะว่า เนื้อหาของเอกสารที่อ้างว่าเป็นลิขิตนั้น ขัดต่อทั้งกฎหมาย ขัด ต่อพระธรรมวินัย และประเด็นสำคัญที่ยังไม่มีใครฉุกคิดคือ ถ้าถือตามพระลิขิตนั้นแล้วก็จะเป็นการทำลายคณะสงฆ์ไทยลงอย่าง เกือบจะสิ้นเชิงไปพร้อมๆ กันเลย จึงเป็นไปไม่ได้ที่สมเด็จพระสังฆราชจะเป็นผู้เขียนขึ้น

ประเด็นที่ว่า ขัดต่อกฎหมาย

มีผู้ที่ได้ทำเอกสารวิเคราะห์พระลิขิตไว้อย่างน่าสนใจขออนุญาตนำมาอ้างถึงในที่นี้ ดังนี้

พระราชบัญญัติคณะสงค์ พ.ศ. 2535 มาตรา 8 ได้ระบุถึงอำนาจพระสังฆราชไว้ว่า “สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่ง สกลมหา สังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์ และทรงตราพระราชบัญชาสมเด็จพระสังฆราช โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎหมายมหาเถรสมาคม”

แต่ในเอกสารอันบังอาจอ้างว่าเป็น “พระลิขิต” ในบรรทัดที่ 5 มีข้อความว่า “ต้องมอบสมบัติที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นพระ ให้แก่วัด ทันที”

ในทางกฎหมายข้อความนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งระบุว่า

มาตรา 48 “สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง ขอบเขตแห่งสิทธิ และการกำจัดสิทธิเช่นว่านี้ ย่อมเป็นไปตาม กฎหมายบัญญัติ”

นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ยังได้รับรองสิทธิในทรัพย์สินของพระภิกษุไว้ตามมาตรา 1632 มีใจความว่า

“ทรัพย์สินของพระภิกษุ ที่ได้มาในระหว่างเวลาอยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็น ภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้นเว้นแต่จะได้จำหน่ายไประหว่างมีชีวิต หรือโดยพินัยกรรม” และไม่มีกฎหมายใดในประเทศไทยทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน กำหนดโทษว่าพระภิกษุระหว่างอยู่ในสมณเพศ มีทรัพย์สินส่วนตัวไม่ได้ ถือเป็นความผิด ต้องโอนให้วัดหมด มีแต่รับรองสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ฉะนั้น เมื่อมีข้อความอันเป็นการบังคับให้มอบทรัพย์สินปรากฎในเอกสารจึงระบุได้ชัดว่า ข้อความในเอกสารอันบังอาจอ้างว่าเป็น “พระลิขิต” ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยชัดแจ้ง หากเป็นพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชจริง เหตุใดเจ้าหน้าที่สำนักเลขานุการ ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีหน้าที่ตรวจตราโดยตรงจึงปล่อยให้ผ่านออกสู่สาธารณชนทั้งที่ผิดพลาด

ประเด็นที่ว่า ขัดต่อพระธรรมวินัย

เนื้อความในเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตที่ว่า “ไม่ยอมคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่า ต้องอาบัติ ปาราชิก ต้องพ้นจากการเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด” นั้นขัดต่อพระธรรมวินัย ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่เคยบัญญัติไว้เลยว่า พระภิกษุต้องยกสมบัติที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ใครไม่ทำต้องปาราชิก เรื่องนี้มีเขียนอยู่ในหลักสูตรนักธรรมชั้นตรีที่พระบวชใหม่ พรรษา 1 ก็ต้องเรียนและรู้แล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่สมเด็จพระสังฆราชซึ่งทรงภูมิความรู้อย่างยิ่งจะเขียนออกมาเช่นนี้ มั่นใจว่าผู้เขียนจะต้อง ไม่ใช่พระ น่าจะเป็นเพียงผู้รู้พระธรรมวินัยแบบงูๆปลาๆจับแพะชนแกะเขียนขึ้นมาปลอมเป็นของสมเด็จพระสังฆราชแน่นอน

พระสังฆราชจะไปบิดเบือนพระไตรปิฎก เป็นกบฎต่อพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

ประเด็นที่ว่า เป็นการทำลายคณะสงฆ์ไทย

ข้อความในเอกสารที่อ้างว่าเป็น “พระลิขิต” นั้น กล่าวไว้ว่า

“..ต้องมอบสมบัติที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที..เมื่อถึงอย่างไรก็ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะ เป็นพระให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด..”

มีบางคน พระบางรูป ออกมาสนับสนุนบอกว่าถูกต้องเพราะถ้าไม่ได้เป็นพระญาติโยมเขาจะมาถวายปัจจัยข้าวของหรือ เพราะฉะนั้น สมบัติที่ได้รับมาในขณะเป็นพระจึงต้องยกให้วัดหมด ใครไม่ทำต้องปาราชิก

เจตนาของผู้ร่างข้อความนี้ขึ้นมา ก็คงเพราะต้องการให้พระธัมมชโย ต้องอาบัติปาราชิกให้ได้ โดยไม่คำนึงถึงว่า เป็นการบิดเบือน พระธรรมวินัย

ผลตรงจุดนี้กระผมก็คิดว่ามันไม่เป็นธรรมแต่ก็ยังเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลกระผมจึงไม่ค่อยสนใจนัก

แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ถ้าเรายอมรับข้อความในเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตนี้ว่าถูกต้องแล้ว ผลที่ตามมาจะเกิด ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง คือ

1) พระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทยเกือบทั้งหมด หรืออาจทั้งหมดเลยต้องปาราชิกกันหมด รวมทั้งพระสังฆราชด้วย เพราะพระ ทุกรูปที่มีญาติโยมเอาปัจจัยไทยธรรมมาถวาย มีค่าตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป แล้วเอาไปใช้ส่วนตัว ไม่ถวายวัด ต้องปาราชิกหมด

2) ญาติโยมชาวพุทธที่เคยทำบุญถวายปัจจัยข้าวของต่างๆ ให้พระ มีมูลค่าตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไปไม่ว่าจะในงานทำบุญขึ้นบ้าน ใหม่ งานสวดศพ ทำบุญวัด ติดกัณฑ์เทศน์ ฯลฯ แล้วพระที่นำไปใช้ส่วนตัวขอให้ทราบด้วยว่า ถ้าหากยอมรับว่าพระลิขิตนี้ถูกต้อง เท่ากับว่า ท่านได้ทำให้พระทุกรูปเหล่านั้นปาราชิกหมดแล้ว ท่านเองต้องตกนรกอย่างแน่นอน เพราะทำให้พระปาราชิกมากมาย

3) ญาติโยมคนไทยที่เคยบวชลูกชาย บวชพี่ บวชน้อง บวชญาติ แล้วถวายปัจจัยข้าวของต่างๆ ให้พระใหม่ใช้ ถ้ารวมมูลค่าเกิน 300 บาท โดยพระลิขิตนี้เท่ากับว่า ท่านได้ทำให้ญาติของท่านที่บวชปาราชิกไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งญาติที่บวช ทั้งท่านเองทุกคน ต้องตกนรก หมด

4) ชาวไทยที่เป็นผู้ชายแล้วเคยบวช ขอให้ย้อนระลึกดูว่า ระหว่างบวชเราได้รับการถวายปัจจัยข้าวของเครื่องใช้จากญาติโยม แล้ว นำไปใช้ส่วนตัว มีมูลค่าถึง 300 บาท หรือไม่ ถ้าถึง แสดงว่าท่านได้ปาราชิกไปเรียบร้อยตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว ที่บวชไปนอกจากจะไม่ได้ บุญ ยังต้องตกนรกอีกด้วย และจากนี้ไปตลอดชาติท่านห้ามบวชอีกเด็ดขาดเพราะปาราชิกไปแล้ว ยิ่งเศรษฐีเจ้าสัวมาบวชโอกาสตก นรกยิ่งเยอะเพราะโยมถวายของมาก อย่างนี้อีกหน่อยจะไม่มีใครบวช

5) พระเถระผู้ใหญ่ทุกรูป ที่เป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด ฯลฯ พระเปรียญธรรม 9 ประโยค พระ ราชาคณะตั้งแต่ชั้นสามัญจนถึงสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งมีนิตยภัต (คล้ายเงินเดือนประจำตำแหน่งของพระ) แต่ละเดือน ก็ต้องปาราชิกกันไป หมดแล้ว พระพยอมและพระมหาบุญถึงที่ออกมาสนับสนุนพระลิขิตนี้ ก็ต้องปาราชิกกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะรับนิตยภัตนี้ไปใช้ ด้วยเหมือนกัน

โดยสรุปก็คือ ถ้าว่าตามพระลิขิต ต้องถือว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่มีพระเหลืออยู่ แม้แต่รูปเดียว เพราะพระสงฆ์ทุกรูปก็คงรับ ปัจจัยข้าวของจากญาติโยมเกิน 300 บาททั้งนั้น จึงปาราชิกไปหมดแล้ว ที่เห็นนุ่งห่มผ้าเหลืองอยู่ล้วนแต่เป็นพระปลอมทั้งสิ้น เท่ากับว่า คณะสงฆ์ไทยได้สูญสิ้นไปหมดแล้วชาวพุทธไทยเลิกทำบุญใส่บาตรให้พระปลอมทั้งประเทศ เลิกถกเถียงโจมตีมหาเถรสมาคมอะไรกันวุ่นวาย ได้เพราะตั้งแต่พระสังฆราช ตลอดจนมหาเถรสมาคมทุกรูปก็ล้วนปาราชิกหมด

ฉะนั้นจึงเท่ากับว่า พระลิขิตที่อ้างว่าเป็นของสมเด็จพระสังฆราชนี้ เพียงฉบับเดียว ก็ได้ทำลายสังฆมณฑลของประเทศ ไทยโดยสิ้นเชิงทำให้ชาวพุทธไทยทั้งหมดตกนรกกันถ้วนหน้า เพราะมีแต่คนที่เคยปาราชิก (ผู้ที่เคยบวชเป็นพระ) และผู้ที่ทำให้ ปาราชิก (ผู้ที่เคยถวายปัจจัยไทยธรรมแก่พระภิกษุรวมแล้วมีมูลค่าเกิน 300 บาท) ตามพระลิขิตนี้ จะต้องจับพระสึกทั้งประเทศ เพราะ เป็นพระปลอมทั้งนั้น

กระผมได้ติดตามข่าวที่มีผู้ออกมากดดันให้มหาเถรสมาคมทำตามพระลิขิตพระสังฆราชด้วยความอึดอัด และเห็นใจมหาเถรสมาคม เป็นอย่างยิ่ง ไม่ทำตามก็ถูกโจมตี ว่าไม่เคารพพระสังฆราช ถ้ายอมรับทำตามก็เป็นกบฎต่อพระสังฆราช ถ้ายอมรับทำตามก็เท่ากับ ว่าทำผิดธรรมวินัย เป็นกบฎต่อพระพุทธเจ้า และส่งผลเป็นการทำลายต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยทั้งหมด นึกไม่ออกเลยว่า มหาเถร สมาคมจะทำอย่างไร ภายใต้กระแสสังคมของผู้ไม่รู้ความจริง หรือรู้แต่แกล้งไม่รู้ ที่รุมด่าประณามกดดันท่าน

ที่สุด มหาเถรสมาคมก็ประชุมและมีมติ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2542 มีใจความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

“ส่วนเรื่องพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานมาทั้งหมด มหาเถรสมาคม มีมติสนองพระดำริโดย ลำดับ ให้ชอบด้วยกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม”

กระผมเห็นมติที่ประชุมนี้แล้ว ถึงกับน้ำตาคลอ ซาบซึ้งในคุณธรรมและปัญญาของพระมหาเถระแห่งมหาเถรสมาคม ที่ท่านสามารถหา ทางออกอย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ไม่เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของเอกสารอันอ้างว่าเป็นพระลิขิต เพื่อถนอมพระเกียรติของสมเด็จพระสังฆ ราช และป้องกันไม่ให้คนชั่วที่จัดทำพระลิขิตขึ้นทำลายพระสงฆ์ไทยได้ เพราะการสนองพระดำรินั้นระบุชัดเจนว่า ต้องให้ชอบด้วยกฎ หมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคมก็ทำไม่ได้ ท่านเลือกที่จะยอมเจ็บ ยอมถูกโจมตี ยอมถูกเข้าใจผิด ยอมถูกกล่าวหาว่า รับส่วย อะไรต่างๆ สารพัด เพื่อป้องกันพระเกียรติพระสังฆราชและป้องกันพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เราชาวพุทธตระหนัก บ้างไหมว่า เราโชคดีเพียงใดที่มีผู้บริหารการคณะสงฆ์แห่งมหาเถรสมาคม ที่มีคุณธรรมสูงยิ่ง กระแสสังคมกำลังโจมตีพระมหาเถระผู้มี คุณธรรมผู้เสียสละอย่างไม่มีเหตุผล มันเป็นบาปมหันต์ รีบหยุดเถิดครับ

ในฐานะพระนิสิตแห่งมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อันทรงเกียรติ กระผมรู้สึกอับอาย และสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีบุคลากรของสถาบัน คือ พระมหาบุญถึง ออกมาโจมตีพระมหาเถระผู้ใหญ่อย่างเกรี้ยวกราด ปราศจากสมณสารูป และไร้ซึ่งความเคารพ ความกตัญญู ต่อพระมหาเถระผู้มีพระคุณต่อมหาจุฬาฯ ขอเรียนความจริงให้ทุกท่านทราบว่าพระมหาบุญถึงปกติอยู่ในมหาจุฬาฯก็มีนิสัยอย่างนี้อยู่แล้ว จึงได้ฉายาว่า “เหลิมน้อย” แต่แทนที่เจ้าตัวจะละอายกลับมีความรู้สึกภูมิใจกับฉายานี้ยิ่งนัก และพระมหาบุญถึงแม้จะมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วย อธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต แต่จริงๆ แล้วไม่เคยมีบทบาทอะไรในมหาวิทยาลัย ที่ได้เป็นผู้ช่วยอธิการบดี ก็เพราะอาจารย์รองอธิการบดีท่าน หนึ่งสนับสนุนชักนำมาเท่านั้น

ความเห็นที่พระมหาบุญถึงแสดงออกมา เราชาวมหาจุฬาฯ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย พวกเราเคารพในพระมหาเถระแห่งมหาเถระ สมาคมเสมอ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์แห่งวัดสระเกศก็เคยเป็นเลขาธิการของมหาจุฬาฯ มาตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน และสนับสนุนมหา จุฬาฯ มาตลอด ท่านเจ้าคุณอธิการบดีพระราชวรมุนี (ประยูร มีฤกษ์ ปธ 9) ก็เคยออกมาห้ามปรามเสมอว่า ห้ามนำสถาบันไปอ้าง แต่เขาก็ดื้อไม่ ฟังเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่สื่อมวลชนแกล้งยกยอปอปั้นว่าเป็นพระชื่อดัง เพื่อจะเอาเป็นตัวให้ข่าว เห็นแล้วสะท้อนใจ นึกถึงคำที่ว่า “ขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ ลูกม้าอัสดรฆ่าแม่” จริงๆ ใคร่ขอเรียนถามท่านมหาบุญถึงว่า ขอให้ลาออกไปจากมหาจุฬาฯ เสียเถิด อย่าทำความเสื่อมเสียให้กับ สถาบันมากไปกว่านี้เลย

ระวัง! แผนลับ ฆราวาสปกครองพระ

ขณะที่กระแสสังคมกำลังโจมตีมหาเถรสมาคมองค์กรสูงสุดในการปกครองพระสงฆ์ไทย อย่างดุเดือด โดยอาศัยความไม่รู้ของประชา ชนเป็นเครื่องมือ สร้างภาพว่า มหาเถรสมาคมไม่เป็นกลาง ไม่น่าไว้วางใจ ทำงานช้าอืดอาด ฯลฯ ก็พยายามสวมรอย ผลักดันให้มีการ เปลี่ยนระบบการปกครองสงฆ์ใหม่ จะให้มีการเลือกตั้งมหาเถรสมาคมจากพระหนุ่มๆ แทนบ้าง ลองนึกดูว่า ถ้าองค์กรสงฆ์ใช้วิธีการเลือก ตั้ง ก็ต้องมีการหาเสียง มีการโจมตีคู่ต่อสู้ อาจมีการซื้อเสียง มีการเล่นเกมสกปรกเหมือนในวงการเมือง อะไรจะเกิดขึ้น ต่อไปความ เคารพ ระบบอาวุโสในวงการสงฆ์จะหมดไป จะมีความแตกแยกขนาดใหญ่เกิดขึ้น ขอให้ดูการเลือกอธิการบดีโดยการเลือกตั้งที่ม.รามคำแหง หรือ ม.ขอนแก่น เป็นตัวอย่าง

นอกจากนี้ยังมีความพยายามผลักดันให้มีการเอาฆราวาสมาปกครองควบคุมพระ โดยร่างพระราชบัญญัติภายใต้ชื่อสวยหรูว่า พ.ร.บ.อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา แต่แท้ที่จริงก็คือการเอาฆราวาสมาควบคุมพระนั่นเอง สามารถจับพระสึกได้ ควบคุมการเงินของวัดแทน เจ้าอาวาส จะส่งผลสั่นคลอนพระสงฆ์ไทยอย่างใหญ่หลวง ขอพระคุณเจ้าทุกรูปอย่าได้นิ่งเฉยตายใจ ต้องรีบยับยั้งแต่ต้นไม่อย่างนั้นจะแก้ไขไม่ ทัน ส.ส.คนไหนผลักดันสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นี้ ขอให้ช่วยกันรณรงค์บอกญาติโยม ลูกศิษย์วัดให้รู้อย่าไปเลือกส.ส.คนนั้น ตอนนี้ผู้ที่เป็น หัวหอกในการผลักดันคือ นายอำนวย สุวรรณคีรี ส.ส.จังหวัดสงขลาผู้ที่มีเบื้องหลังคือหวังจะโค่นนายอาคม เอ่งฉ้วน แล้วขึ้นมาเป็น รมช.ศึกษาฯคุมกรมการศาสนาแทน พระภิกษุทั่วประเทศจะต้องร่วมมือกันต่อต้าน มิให้ พ.ร.บ. นี้ออกมาบังคับใช้ได้ มิฉะนั้นฆราวาสผู้ไม่มี ศีลก็จะมาข่มขู่เรียกร้องผลประโยชน์จากพระ เอาอำนาจการควบคุมบังคับ ชั้นเชิงทางโลกที่เหนือกว่าวางกับดักเรื่องการเงินและอื่นๆ พอพระรู้ไม่ทันพลาดเข้าก็จะขู่เรียกเงินฯลฯ ระบบการปกครองคณะสงฆ์ไทยจะสั่นคลอนอย่างรุนแรงถึงราก

ขอพระคุณเจ้าทุกรูปและญาติโยมชาวพุทธทุกคนช่วยกันกรอกใบแสดงความเห็นที่แนบมาพร้อมกันนี้ เป็นสังฆมติ และเป็นประชา มติ ส่งไปที่หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย จะช่วยเป็นสื่อกลางรวบรวมเสนอรัฐบาลและมหาเถรสมาคมต่อไปด้วย

กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง/ขอเจริญพร

พระนิสิตมหาจุฬา
11 พฤษภาคม 2542


#50 Mai D na

Mai D na
  • Members
  • 282 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 05:52 PM

laugh.gif


แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป
แต่..
เ ป้ า ห ม า ย ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ร




#51 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 06:43 PM

พี่ครับผม งง พี่ๆรุ่นใหญ่ช่วยวิจารให้ฟังที ตอนแรกๆก็โอเคตอนท้ายๆนี่????? หมายถึงกระทู้ของท่าน PV1 ขอบคุณครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#52 puiredstar

puiredstar
  • Members
  • 7 โพสต์
  • Location:01-808-5968

โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 03:31 PM

รีบกลับมานะครับคุณ ก่อนที่รถไฟขบวนสุดท้ายจะกลับสถานีไปเสียก่อน แล้วเมื่อนั้นคุณจะไม่มีโอกาสทำบุญกับเนื้อนาบุญ......อย่างคุณครูไม่ใหญ่ ซึ่งไม่รู้ว่าชาติหน้าจะโชคดีแบบนี้อีกหรือเปล่า......และที่สำคัญจะมีผังสำเร็จติดตัวข้ามพกข้ามชาติไปด้วย.....คุณบอกว่าคุณมีอคติแล้วทำไมตัวคุณเองไม่มาแก้ข้ออคติด้วยตัวของคุณเองหละครับ....คนอื่นจะช่วยได้อย่างไรครับ.......สาธุ