จดหมายความในใจ จาก พระธรรมาจารย์ซื่อเซิ่งโซ่ว  ฉบับที่ 1 (ประเทศจีน)
 
กราบคารวะคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพรักยิ่ง
 
    กระผมเป็นพระภิกษุจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เริ่มศึกษาพระพุทธศาสนามา 20กว่าปี และออกบวชเป็นพระภิกษุของมหายานได้ 10กว่าพรรษาแล้ว ดังนั้นการได้พบกับวัดพระธรรมกายและวิชชาธรรมกาย จึงทำให้รู้สึกว่า ความเป็นพระแท้ของกระผมได้เริ่มต้นแล้ว
 
    กระผมชื่อ พระธรรมาจารย์ซื่อเซิ่งโซ่ว หรือ ซื่อเซิ่งโซ่วฝ่าซือ อายุ 34ปี เจ้าอาวาส สำนักปฏิบัติธรรมเต้าผิ่น (หรือ เต้าผิ่นฉานซิว) เมืองเสิ่นหยาง มณฑลเฮหลงเจียง ประเทศจีนครับ เนื่องจากกระผมต้องการแสวงหาความจริงของชีวิต กระผมจึงเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนากับสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่อายุ 12ปี เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์แผนจีนแล้ว กระผมก็เลือกออกบวช ด้วยความคิดง่ายๆที่ว่า การออกบวชทำให้สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ หลังจากออกบวชแล้วก็เข้าศึกษาที่วิทยาลัยสงฆ์ และเข้าพิธีรับศีลพระภิกษุมหายานเมื่อปี พ.ศ. 2541 แต่ภายหลังเมื่อได้ศึกษาปฏิบัติอย่างจริงจัง ทำให้รู้ว่า การจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย
 
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา กระผมได้ศึกษาพระพุทธศาสนาแบบทิเบต ศึกษาเรื่องจิตในจิต ศึกษาพระพุทธศาสนาแบบญี่ปุ่น นิกายสุขาวดี ความเชื่อแบบอมิตาภะพุทธะ อาจารย์สำนักสุขาวดีได้บอกว่า พวกเราเป็นปุถุชนผู้มีกิเลสหนา ไม่สามารถหลุดพ้นได้ด้วยตัวเองจากการปฏิบัติธรรม ได้แต่เพียงรอคอยการมาโปรดของอมิตาภะพุทธะ เพื่อไปตรัสรู้ธรรมเป็นพระพุทธเจ้าที่แดนสุขาวดี เพราะว่าพวกเรามาเกิดในยุคที่พระพุทธศาสนากำลังเสื่อมลง หากจะบรรลุธรรมด้วยตัวเองนั้นยากยิ่ง
 
    เมื่อกระผมได้ฟังดังนั้น ก็คิดว่าเราหาที่พึ่งในชีวิตและสถานีแห่งความสุขพบแล้ว จึงคล้อยตามและเริ่มนำแนวคิดนี้มาสอนผู้อื่นด้วย ทว่าระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์สัจธรรมที่ดีที่สุด ผลปรากฏว่า กิเลส คือ โลภ โกรธ หลง ไม่เพียงแต่ไม่ถูกระงับ แต่กลับเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ความไม่สงบภายในใจที่มีอยู่ มิได้มีพระผู้มาโปรดที่เราคาดหวังถึง มาช่วยเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเลย
 
    กระทั่ง ปี พ.ศ.2549 กระผมจึงเริ่มศึกษาพุทธศาสนาเถรวาท แม้ก่อนหน้านี้กระผมจะเคยศึกษาพุทธเถรวาทผ่านหนังสือธรรมะของพระอาจารย์ชา แต่ก็ถูกแนวคิดที่ศึกษามานาน เกี่ยวกับพุทธเถรวาทว่า เป็นหินยาน มาเป็นอุปสรรคขัดขวาง ทำให้กระผมสูญเสียโอกาสที่จะศึกษาธรรมะอันทรงคุณค่านี้ไป แต่ปัจจุบันนี้ กระผมกลับมาศึกษาพุทธศาสนาเถรวาทอีกครั้ง โดยเริ่มต้นที่วิธีฝึกวิปัสสนา 10วันของประเทศพม่า และยังได้ไปศึกษาพุทธเถรวาทอีกหลายแห่ง ทำให้เข้าใจแล้วว่า พุทธศาสนาเถรวาทเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของแท้ดั้งเดิม กระผมมีความปีติยินดีในคำสอนอันบริสุทธิ์นี้มากครับ
 
    ต่อมา เดือนธันวาคม พ.ศ.2550 เพื่อนสหธรรมิกของกระผม แนะนำให้รู้จักเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย กระผมก็รู้สึกอยากร่วมสร้างบุญกับวัดพระธรรมกายอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ที่จะมีโอกาสได้ร่วมบุญกับวัดที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งนี้ กระผมจึงเริ่มค้นหาข้อมูลต่างๆจากอินเทอร์เน็ต รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย โชคดีที่พบเบอร์โทรศัพท์ของวัดภาวนาไทเป จึงรีบติดต่อไป ซึ่งพระอาจารย์ที่ศูนย์ฯ ก็ได้เมตตาอธิบายและแจ้งข้อมูล ให้เบอร์โทรศัพท์ พร้อมที่อยู่ ของพระภิกษุจากวัดพระธรรมกาย ที่ไปศึกษาอยู่ที่เมืองเฉิงตู กระผมก็รีบโทรศัพท์ไปพูดคุยกับท่าน และบินไปพบท่านที่เมืองเฉิงตูในอีก 2วันถัดมา
 
 
    เมื่อมาถึงเฉิงตู กระผมปลื้มปีติใจมากที่ได้ถวายปัจจัยบูชาธรรมพระอาจารย์ 2รูป ที่มาจากวัดพระธรรมกาย แปลกมากครับ หลังจากได้ทำบุญแล้ว กระผมรู้สึกว่าใจของกระผมสว่างและมีความสุขมาก เป็นความรู้สึกสุขใจที่กระผมไม่เคยได้รับมาก่อน พระอาจารย์ต้อนรับพวกเราอย่างดีและยังเมตตาสอนสมาธิให้ด้วย การมาเยือนเฉิงตูครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของกระผมเลยทีเดียว ต้องกราบขอบพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ที่เมตตาส่งพระอาจารย์ ไปเผยแผ่ที่ประเทศจีน เป็นการมาช่วยเหลือนักบวชอย่างกระผม ที่มีความยากลำบากในการประพฤติปฏิบัติธรรม กระผมจึงอยากกล่าวความในใจสักประโยคหนึ่งว่า กระผมรักคุณครูไม่ใหญ่ครับ”
 
    เมื่อกลับมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนแล้ว กระผมก็เริ่มต้นฝึกสมาธิตามวิธีการที่พระอาจารย์แนะนำมา และได้ไปชักชวนญาติโยมหลายท่านให้มาลองนั่งสมาธิ เพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย จนตอนนี้ มีผู้เข้าร่วมนั่งสมาธิที่สำนักปฏิบัติธรรม 400กว่าคนแล้วครับ
 
    เมื่อตอนเริ่มต้นฝึกสมาธิ เนื่องจากกระผมถูกกรอบความคิดเดิมๆเป็นอุปสรรค และวิธีการปฏิบัติของตนยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความปีติ แต่หลังจากที่ได้อ่านหนังสือของวัด เช่น ประวัติพระมงคลเทพมุนี, หนึ่งไม่มีสอง และโดยเฉพาะหนังสือ เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไร ของคุณครูไม่ใหญ่ ทำให้กระผมไม่รู้สึกเสียใจกับผลการปฏิบัติที่ยังไม่ก้าวหน้า เมื่อเข้าใจวิธีการฝึกสมาธิมากขึ้น ก็เริ่มเข้าใจถึงความสำคัญของศูนย์กลางกายและการผ่อนคลาย เมื่อผ่อนคลาย ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความสว่างและความปีติ กระผมยินดีที่จะทุ่มเทชีวิตจากนี้ทุกภพทุกชาติ เพื่อปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในครับ
 
    ปัจจุบันนี้ ที่สำนักปฏิบัติธรรมเต้าผิ่น (หรือ เต้าผิ่นฉานซิว) ใช้หลัก ทาน ศีล ภาวนา และวิธีการปฏิบัติแบบเถรวาท ในการศึกษาอบรมสาธุชน เพื่อให้สามารถย้อนสู่ความเป็นพุทธดั้งเดิม และทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน พวกเราจะรวมตัวกันปฏิบัติธรรม ตามเสียงถ่ายทอดพิธีบูชาข้าวพระของคุณครูไม่ใหญ่ผ่านอินเทอร์เน็ต นอกจากนั้นแล้ว ทุกวันเราจะเปิดอินเทอร์เน็ตรับชมรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
    ผู้ที่มาฝึกสมาธิที่วัดของเรา อายุน้อยสุด 3ขวบ อายุมากสุด 82ปี ทุกคนเริ่มสัมผัสได้ถึงข้อดีของการปฏิบัติธรรม และเข้าถึงความสุขภายในด้วยตนเอง กระผมปรารถนาจะน้อมนำวิชชาธรรมกายมาเป็นหลักปฏิบัติในสำนักของกระผมตลอดไปครับ
 
    อีกทั้งในวันคุ้มครองโลก 22 เมษายนปีนี้ กระผมได้พาคณะสาธุชน เดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ทั้งหมด 14ท่าน กระผมและคณะได้ร่วมกันสร้างองค์พระประจำตัวกว่า 74องค์แล้ว และร่วมบุญถวายสังฆทาน 2หมื่นวัด วัดละ 5บาท กับคุณครูไม่ใหญ่ด้วยครับ เมื่อได้มาศึกษาธรรมะและร่วมบุญกับวัดพระธรรมกายแล้ว พวกเรารู้สึกมีความสุขมาก เพราะต่างปรารถนา จะสร้างบารมีรื้อขนสรรพสัตว์กับหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ปรารถนาที่จะเข้าถึงพระธรรมกาย ทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อไปสู่ที่สุดแห่งธรรมครับ
 
กราบคารวะคุณครูไม่ใหญ่ด้วยความเคารพยิ่ง
 
พระธรรมาจารย์ซื่อเซิ่งโซ่ว
สำนักปฏิบัติธรรมเต้าผิ่น
เมืองเสิ่นหยาง มณฑลเฮหลงเจียง ประเทศจีน
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//China_Chinese_Monk1.html
เมื่อ 5 พฤษภาคม 2567 10:54
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv