ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 91

    จากตอนที่แล้ว มโหสถบัณฑิตได้กล่าวแก้ปัญหาข้อที่ 3 ว่า “บุคคลผู้ที่กล่าวตู่กันด้วยถ้อยคำไม่จริง แต่ชื่อว่าเป็นที่รักของกันและกันนั้นคือสามีภรรยา”  ในที่สุดแห่งปัญหา พระเจ้าวิเทหราชก็ทรงโสมนัสยินดี ได้บูชามโหสถบัณฑิตเหมือนครั้งก่อน แม้เทวดาก็ได้ให้สาธุการ

    จบปัญหาข้อที่ 3 แล้ว พระเจ้าวิเทหราชก็มิได้ทรงรอช้า รีบตรัสถามเทวปัญหาข้อสุดท้ายในทันทีว่า “บุคคลผู้นำทรัพย์คือข้าว น้ำ ผ้า และที่นอนของผู้อื่นไป มีแต่จะขนไปฝ่ายเดียว แต่กลับเป็นที่รักของเจ้าทรัพย์ ท่านมีความเห็นว่า บุคคลที่ว่านั้นคือใคร”

    มโหสถบัณฑิตก็ได้ทูลแก้เนื้อปัญหาแด่พระราชาว่า “บุคคลผู้เป็นที่รักแห่งเจ้าของทรัพย์นั้น จะเป็นใครอื่นมิได้เลย นอกเสียจากสมณพราหมณ์ผู้ทรงศีล  ปัญหาที่เทวดาถามนั้น หมายเอาเหล่าสมณพราหมณ์พระพุทธเจ้าข้า” 

    ในที่สุด การพยากรณ์เทวปัญหาทั้งสี่ข้อก็ยุติลง ทันใดนั้น เทวดาผู้ตั้งปัญหา ก็ให้สาธุการดังก้องเป็นคำรบสี่ จากนั้นก็ได้โปรยรัตนะ ๗ ประการ ให้ตกลงเพื่อบูชามโหสถบัณฑิต

    ส่วนพระเจ้าวิเทหราชนั้น ทรงปีติปราโมทย์อย่างยิ่ง  เกิดความเลื่อมใสในมโหสถบัณฑิตเกินประมาณ จึงได้พระราชทานตำแหน่งเสนาบดีให้แก่มโหสถบัณฑิต จำเดิมแต่นั้นมา มโหสถบัณฑิตก็ปรากฏเกียรติยศยิ่งใหญ่ รุ่งเรืองด้วยทรัพย์และบริวารยิ่งขึ้นไปอีก

    ส่วนอาจารย์ทั้ง ๔ นั้น ครั้นเห็นว่า สิ่งที่ตนทำลงไปนั้นกลับกลายเป็นตรงกันข้าม คือยิ่งพยายามทำความวอดวายให้แก่มโหสถ กลับกลายเป็นว่า ยิ่งเป็นการเพิ่มพูนบารมีของ มโหสถให้โดดเด่นมากขึ้นไปอีก ก็พากันแค้นใจยิ่งนัก  เพราะไม่อาจทำอะไรมโหสถได้

นานวันเข้าอาจารย์ทั้ง ๔ ก็ไม่อาจอดกลั้นต่อความรู้สึกริษยานั้นได้ จึงมาปรึกษาหารือกันใหม่โดยมีท่านเสนกะเป็นผู้นัดหมาย

    ครั้นมาถึงพร้อมกันแล้ว อาจารย์ปุกกุสะก็เป็นผู้เปิดประเด็นขึ้นก่อนว่า “บัดนี้ มโหสถนั่น กลับได้เป็นใหญ่เป็นโต มียศใหญ่เป็นถึงเสนาบดีทีเดียว พวกเราสิ กลับอับเฉาเหงาหงอยลงทุกวัน แล้วนี่พวกเราจะทนรอให้ถึงวันที่พระราชาทรงถอดถอนพวกเราออกจากตำแหน่ง อย่างนั้นรึ”

    “ช่างเถิด มันจะใหญ่ไปได้สักแค่ไหนกันเชียว คอยดูปัญญาของพวกเราบ้าง คราวนี้ล่ะ จะเล่นงานให้อยู่มือทีเดียว”   อาจารย์เสนกะกล่าวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก 

    “ท่านอาจารย์ ท่านจะทำอย่างไร” อาจารย์กามินทะอดที่จะถามไม่ได้  
    “ใครจะเล่นงานใคร มโหสถจะอยู่มือท่านอาจารย์ หรือท่านอาจารย์จะอยู่มือมโหสถกันแน่”

    “เอ๊..ท่านกามินทะนี่ ทำไมถึงได้พูดอย่างนั้นเล่า ไม่เชื่อใจกันเลยหรือไร” อาจารย์เสนกะทักท้วงด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ 

    “เชื่อซีท่านอาจารย์ อย่าถือสากระผมเลย กระผมก็แค่ถามเล่นๆเท่านั้นเอง หากว่าผมไม่เชื่อท่านอาจารย์แล้วจะให้เชื่อใครได้อีก” อาจารย์กามินทะรีบแก้ตัวพร้อมประจบในที

    อาจารย์เสนกะได้ฟังเช่นนั้น ก็ค่อยคลายความตึงเครียดลง ครั้นแล้วจึงออกอุบายว่า “อืมม...ข้าพเจ้าคิดอุบายได้อย่างหนึ่งแล้ว พวกท่านอยากจะฟังไหมเล่า” ท่านเสนกะเริ่มชี้ชวนเพื่อดึงความสนใจของทุกคน

    อาจารย์เทวินทะไม่รอช้า รีบเป็นตัวแทนรับลูกในทันทีว่า “โถ...ท่านอาจารย์ ก็ท่านน่ะเป็นโต้โผอยู่แล้วนี่ ทำไมพวกเราถึงจะไม่อยากฟังล่ะ ท่านว่าอย่างไร พวกผมก็ต้องว่าตามท่านอยู่แล้ว”

    “ท่านพูดดีนี่ ความมุ่งหมายของเราก็คือ ต้องทำให้มโหสถแตกกับพระราชาให้ได้ ซึ่งวิธีการก็ไม่ได้ยากอะไร” อาจารย์เสนกะชำเลืองไปทางอาจารย์กามินทะ ซึ่งกำลังจะอ้าปากถาม

แต่ยังมิทันที่อาจารย์กามินทะจะได้พูดอะไรออกมา อาจารย์เสนกะก็รีบตอบทันใดว่า “ก็จะต้องทำให้พระราชาทรงเคลือบแคลงในมโหสถเสียก่อน ว่ามโหสถนะ เป็นคนมีลับลมคมในน่ะสิ คือพวกเราต้องเข้าไปหามโหสถด้วยกัน   แล้วถามมโหสถด้วยคำถามสำคัญข้อเดียวว่า “ขึ้นชื่อว่าความลับ ควรบอกแก่ใครจึงจะดี”

    มโหสถเป็นผู้มีปัญญา เขาย่อมทราบว่า ขึ้นชื่อว่าความลับแล้ว ก็ไม่ควรบอกใครทั้งสิ้น ดังนั้น มโหสถก็จะต้องตอบว่า “ความลับไม่ควรบอกแก่ใครทั้งนั้น” อย่างแน่นอน

เพียงเท่านี้ก็พอแล้วที่เราจะนำความข้อนั้น ขึ้นกราบทูลพระเจ้าวิเทหราชว่า  มโหสถเป็นคนมีลับลมคมใน ไม่น่าไว้วางใจ และอาจเป็นข้าศึกแก่พระองค์เมื่อไหร่ก็ได้”

    “ช้าก่อนท่าน” อาจารย์กามินทะรีบยับยั้ง “เหตุเพียงเท่านี้จะทำให้พระราชาทรงแหนงพระทัยในมโหสถได้อย่างไร กระผมยังมองไม่เห็นช่องทางสำเร็จชัดเจนสักเท่าใด”

    “พอถมไป” อาจารย์เสนกะโต้กลับทันที  “การไม่บอกความลับแก่ใครนี่แหละสำคัญนัก เพราะคนที่ไม่ยอมบอกความลับแก่ใครๆ ก็คือคนที่ไม่ไว้วางใจใครเลย  จึงเป็นบุคคลที่ควรระแวงอย่างยิ่ง  เพราะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่า เขาคิดอ่านอะไรอยู่ โดยเฉพาะพระเจ้าวิเทหราชด้วยแล้ว พระหฤทัยของท้าวเธอก็มิได้หนักแน่นเท่าใดนัก หากเราทำให้พระองค์หวั่นไหวได้ แผนการที่จะทำให้พระองค์แตกกับมโหสถก็ย่อมจะสำเร็จได้แน่” กล่าวดังนี้แล้ว อาจารย์เสนกะก็ยิ้มอย่างภาคภูมิ

    “อ้า...ฟังดูเข้าทีนะ ท่านอาจารย์” อาจารย์ปุกกุสะซึ่งฟังมานาน มีท่าทีคล้อยตามอย่างไม่มีข้อสงสัย

    อาจารย์เสนกะ เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มเห็นพ้องตรงกันและเข้าใจอุบายของตนดีแล้ว จึงได้นัดหมายวันและเวลาที่จะไปพบมโหสถบัณฑิต

    เมื่อถึงวันนัดหมาย เวลาบ่ายยามแดดร่มลมตก อาจารย์เหล่านั้นก็พากันออกเดินทางไปยังเรือนของมโหสถบัณฑิตโดยพร้อมเพรียงกัน

    ครั้นไปถึงแล้ว ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนมโหสถบัณฑิตจะทราบหรือไม่ว่า ครั้งนี้อาจารย์ทั้ง 4 นั้นมาพร้อมกับแผนร้ายที่มุ่งจะทำลายตน แล้วแผนร้ายนั้นจะสำเร็จหรือไม่ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป


พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//mahosathapandita091.html
เมื่อ 5 พฤษภาคม 2567 00:27
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv