Case study
บ้านแก่ง
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
เพื่อความเหมาะสม จำเป็นต้องของสงวนนามของบุคคล หรือสถานที่ ไว้
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    เรื่องนี้ เป็นเรื่องเล่าต่อกันมาจาก ปู่ของลูก ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่แก่งน้ำ ณ บ้านแก่ง  ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย  ลูก ได้ฟังเรื่องราวที่ปู่เล่าสืบต่อกันมา ลูกคิดว่า เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ จึงไม่ได้สนใจเท่าไร พอพระเดชพระคุณหลวงพ่อนำเอาเรื่องของพญานาคมาเล่าให้ฟังที่โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ลูกจึงมีความสงสัยขึ้นมาว่า เรื่องราวที่เล่ากันมานั้นเป็นจริงหรือไม่ จึงกราบขออนุญาตกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้ครับ
 
    ปู่ของลูก เมื่อครั้งยังหนุ่ม ท่านได้ออกบวชเป็นสามเณรอยู่ถึง สิบเจ็ดพรรษา ส่วน พี่ชายของปู่ ได้บวชเป็นพระ ทั้งสองบวชอยู่กับ พระอาจารย์รูปหนึ่ง ที่วัดในหมู่บ้าน ชาวบ้านเรียกพระอาจารย์รูปนั้นว่า “พญาครู...(ขอสงวนนาม)” ท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคมต่างๆมากมาย และท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาให้ปู่ของลูกด้วย เช่น วิชาห้ามปืนให้ยิงไม่ออก วิชาเดินบนผิวน้ำได้ วิชาขึ้นไปบนต้นกล้วยยืน-นอนบนใบกล้วยได้ เป็นต้น  
 
    วันหนึ่ง พญาครู ได้พาปู่และพี่ชายปู่ไปที่แก่งน้ำ บริเวณแก่งน้ำนี้มีลานหินที่เป็นรู ลักษณะคล้ายโพรงน้ำอยู่หลายแห่ง ท่านพาไปบริเวณก้อนหินใหญ่ที่ทับซ้อนกันมากๆติดกับต้นกลัก ขนาดสองคนโอบ บริเวณแถบนี้สมัยก่อนชาวบ้านไม่ค่อยกล้ามากัน เพราะรกทึบน่ากลัวมาก   ท่านให้ปู่พร้อมทั้งพี่ชายนั่งรออยู่ข้างบน ส่วนท่านได้จุด เทียนปะกำ (เทียนหลายๆแท่งมีขนาดยาวประมาณหนึ่งศอก มีความอ่อนมาก เวลาจะใช้ต้องนำมาบิดกำรวมกันเป็นแท่งเดียว) ลงไปข้างล่าง แล้วก็หายไปเลย หายไปสักพักใหญ่จึงได้ขึ้นมาจากที่นั้น แล้วก็เล่าว่า ท่านลงไปเมื่อสักครู่นี้ ไปถึงบริเวณ “บึงเต่าคำ(เป็นบึงใหญ่ที่ชาวบ้านเล่ากันว่า มีเต่าทองคำเคยอยู่มาก่อน พอมีคนเห็นเต่านี้ กลับบ้านไป ก็เป็นไข้หัวโกร๋นอยู่หลายวัน แต่ต่อมามีพระญวนมานั่งกัมมัฏฐานอยู่แถวนี้ จากนั้นมาก็ไม่มีใครเคยเห็นเต่านี้อีกเลย คิดว่าพระญวนน่าจะเอาเต่าไปแล้ว ชาวบ้านก็ยังเรียกที่นั้นว่า “บึงเต่าคำ” มาจนถึงปัจจุบันนี้)
 
    พอมาถึงบริเวณ บึงเต่าคำ นี้ ก็เจอสิ่งอัศจรรย์อย่างหนึ่ง สิ่งนั้นก็คือ “เงือกหงอนแดง(ปัจจุบันนี้ชาวบ้านก็สันนิษฐานว่า เงือกตัวนั้นเป็นพญานาค) ท่านบอกว่า เงือกตัวนี้เป็นตัวเมีย และหางด้วน พอเจอ ท่านก็ขอผ่านทางไป   แต่เงือกไม่ยอม บอกกับท่านว่า จะผ่านไปได้ ต้องลอดลำตัวไปเท่านั้น จึงจะให้ไป พญาครูก็ไม่ยอม จะข้ามไปให้ได้ เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง ท่านก็เลยเอาเทียนฟาดใส่เงือก จนท่านสู้ฤทธิ์เงือกไม่ไหวก็เลยถอยกลับมา ณ จุดที่ท่านลงไปตอนแรก 
 
    ในสมัยเดียวกันกับปู่นั้น มีชายชราท่านหนึ่ง เป็นคนเลี้ยงกระบือในหมู่บ้านนั้น เช้าวันหนึ่ง ท่านเอากระบือไปปล่อย ไว้ที่ฝั่งตรงข้ามแก่งน้ำ ช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูฝน พอกระบือลอยคอข้ามแก่งน้ำไปหมด ขณะกำลังกลับบ้านก็เหลือบไปเห็น เงือกตัวหนึ่งมีสีหลายสี นอนขวางแก่งน้ำอยู่ หลังกลับจากที่นั้น ก็เป็นไข้ไปหลายวัน      
 
    หมู่บ้านของลูกมีเรื่องราวแปลกๆอีก เช่น สมัยก่อนเวลาใกล้สว่างของทุกวันพระชาวบ้านมักจะได้ยินเสียงฆ้องดังมาจากทางภูเขาแถบบริเวณแก่งน้ำ คิดเข้าใจว่า มาให้สัญญาณ ให้ทำบุญในวันพระ และมีชาวบ้านหลายคนมักจะเห็นฆ้องจมอยู่ใต้น้ำพอเข้าไปดูใกล้ๆกลับหายไป ชาวบ้านเรียกแถวนั้นว่า “ห้วยน้ำฆ้อง
 
    ต่อมาชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ไปล่าสัตว์แถบนั้น สัตว์ตัวนั้นวิ่งหนีเข้าไปในถ้ำ ชาวบ้านจึงตามเข้าไป เจอก้อนหินก้อนหนึ่งปิดปากทางเข้าอยู่ จึงเอาเท้าถีบก้อนหินจนก้อนหินตกลงไปข้างในถ้ำ ชาวบ้านจึงมุดเข้าไปแทนที่จะเจอสัตว์ตัวนั้นกลับพบกับพระเก่าแก่โดนดินถมอยู่มากมาย ชาวบ้านจึงพากันขุดพระขึ้นมา แล้วก็เจอกับสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตกใจ นั่นคือ “ฆ้องทองคำ” ชาวบ้านจึงนำพระเก่าแก่ และฆ้องทองคำ มาไว้ที่วัดประจำหมู่บ้าน แม้ปัจจุบันจะไม่มีเสียงฆ้องดังมาจากบริเวณห้วยน้ำฆ้องแล้ว แต่ชาวบ้านก็มักจะนำฆ้องที่ได้มาจากถ้ำนั้นออกมาตีทุกวันออกพรรษา        
 
    และคนในหมู่บ้านของลูกมักเห็นเกี่ยวกับดวงแก้วเสด็จด้วย จนล่าสุดเมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา พ่อของลูก ได้ไปนอนในป่า พอตกดึก ท่านกำลังนอนอยู่ก็เห็นดวงที่มีแสงสีเขียว ลอยมาจากทางแก่ง จนมาถึงถ้ำบริเวณที่พ่อของลูกนอนอยู่    ดวงนั้นลอยอยู่นานมากเป็นเวลานาน ขนาดที่ว่า สามารถหุงข้าวจนสุกได้ แล้วสุดท้ายแสงนั้นก็หายไปแถวถ้ำนั้นเอง 
 
    ลูกมีความเชื่อมั่นมากว่า พญานาคนั้นมีตัวตนอยู่ในโลกนี้จริง และใคร่อยากจะรู้เหลือเกินว่า เรื่องราวที่ปู่ของลูกเล่าต่อกันมา ทั้งเรื่องอัศจรรย์ต่างๆที่มีในหมู่บ้านนั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร จึงกราบขออนุญาตเรียนถามคำถามเพื่อความกระจ่างแจ้งในเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ปรากฏแก่ลูกและชาวโลกทุกคนด้วยครับ 
 
คำถาม 
 
1.เรื่องราวที่พญาครู ได้ลงไปเจอเงือกตัวเมียหางกุดนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่  ถ้าเป็นความจริง  สิ่งที่ท่านได้เจอนั้นคืออะไร   แล้วเงือกหงอนแดงกับพญานาคเป็นสิ่งเดียวกันจริงตามที่ชาวบ้านสันนิษฐานหรือไม่ แล้วท่านได้ต่อสู้กับเงือกนั้นจริงหรือไม่
 
2.ที่บึงเต่าคำ มีเต่าทองคำจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงเป็นเต่าชนิดใด ทำไมเวลาคนเห็นถึงจับไข้หัวโกร๋น แล้วระยะหลังที่เต่าหายไป ไม่มีใครเห็นอีกเป็นเพราะพระญวนเอาไปจริงหรือไม่
 
3.พญาครู และปู่ของลูก เสียชีวิตไปแล้ว ไปเกิดอยู่ ณ ภพภูมิใด มีความสุขสบายดีหรือไม่ มีความต้องการให้ลูกสร้างบุญอะไรไปให้กับท่าน จึงจะได้รับผลบุญมากๆ
 
4.แก่งน้ำบริเวณนี้มีลักษณะเป็นหินแปลกๆ มีรูเป็นหลุมเป็นโพรงอยู่มากมายตื้นบ้าง ลึกบ้าง ที่นี่มีพญานาคอาศัยอยู่หรือไม่ และเป็นที่มีความเกี่ยวข้องกับพญานาคหรือไม่อย่างไร ทำไมชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่า “วังเงือก”
 
5.ชายชราที่เลี้ยงกระบือ ขณะเอากระบือไปปล่อยให้ลอยข้ามแก่งน้ำ ได้เห็นเงือกมีหลายสีขวางแก่งน้ำอยู่นั้น เป็นพญานาคจริงหรือไม่ แล้วทำไมจึงจับไข้อยู่หลายวัน
 
6.เสียงฆ้องที่ดังมาจากห้วยน้ำฆ้อง ในเวลาใกล้สว่างของทุกวันพระนั้น ใครเป็นคนตีขึ้น เป็นพญานาคทำหรือไม่ แล้วทุกวันนี้ทำไมถึงไม่มีเสียงตีฆ้องแล้ว   ฆ้องที่ชาวบ้านเห็นอยู่ธารน้ำ แถวห้วยน้ำฆ้อง เป็นฆ้องเดียวกันกับฆ้องที่ชาวบ้านขุดพบที่ในถ้ำหรือไม่ พระเก่าแก่และของในถ้ำที่ชาวบ้านไปพบนั้นเป็นสมบัติของใคร ทำไมไปอยู่ที่นั่น เป็นสมบัติของพญานาคใช่หรือไม่
 
7.ดวงสีเขียวที่พ่อของลูกเห็นนั้น เป็นดวงอะไร ทำไมมาลอยอยู่แถวนั้นและทำไมจึงลอยอยู่นานมากแล้วหายไปไหน
 
8.ลูกและภรรยาเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะหรือไม่อย่างไร
 
9.ลูกมีลูกชายคนเดียว บวชเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเด็ก ปัจจุบันได้บวชเป็นพระแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระลูกชายเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ทำไมจึงได้บวชตั้งแต่ยังเด็ก และเคยทำกรรมอะไรมาถึงได้ตัวเล็กมาก จะต้องสร้างบุญอะไรจึงจะแก้ไขวิบากกรรมนี้ได้ เกิดชาติต่อไปจะได้หมดกรรมนี้
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.เรื่องราวที่พญาครู ได้ลงไปเจอเงือกตัวเมียหงอนแดงหางกุด เป็นเรื่องจริง สิ่งนั้นคือนางพญานาคที่หางกุด เพราะเคยต่อสู้กับคนมีอาคม และถูกเขาใช้ดาบลงอาคมฟันจนหางกุด
 
 
 
 
2.ที่บึงเต่าคำมีเต่าชนิดหนึ่งที่เกิดมามีลักษณะพิเศษ แต่ไม่ใช่ทำด้วยทองคำเพียงมีสีคล้ายทองคำ และพระญวนท่านก็ไม่ได้เอาไป
 
 
 
 
3.พญาครู ละโลกแล้วไปเป็นวิทยาธรเช่นเดียวกับปู่ของลูก โดยไปอยู่ที่ป่าหิมพานต์
 
 
 
 
4.แก่งน้ำบริเวณนี้ที่มีหลุมลึกบ้างตื้นบ้างนั้น แต่ก่อนมีพญานาคอยู่บ้างแต่มีไม่กี่ตน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะมนุษย์บุกรุกที่ทางเข้าไปทำมาหากินกันมาก จึงไม่เหมาะที่เขาจะอยู่ตรงนั้นจึงอพยพไปที่อื่น
 
 
 
 
5.ชายชราที่เลี้ยงกระบือ ขณะเอากระบือไปปล่อยให้ลอยข้ามแก่งน้ำ ได้เห็นเงือกหลายสีขวางแก่งน้ำอยู่นั้น เป็นพญานาคจริงๆ ตระกูลฉัพยาปุตตะ
 
 
 
 
 
 
6.ในอดีตชาวบ้านได้นำฆ้องทองคำ และพระพุทธรูปหนีข้าศึกแล้วเอาไปซ่อนไว้ในถ้ำ
 
 
 
 
 
 
 
 
7.ดวงสีเขียวที่ลอยอยู่นาน และทำให้พ่อของลูกเห็น คือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติธรรมดาเป็นแก๊สที่เกิดขึ้นจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ ไม่ต้องสนใจ
 
 
8.ลูกและภรรยาเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบห่างๆ จึงทำให้บางชาติก็เจอ บางชาติก็ไม่เจอ
 
 
9.พระลูกชายที่ตัวเล็ก เพราะวิบากกรรมจากในอดีตที่เคยบวชเป็นพระกับหมู่คณะมา ชอบไปล้อเลียนพระอยู่องค์หนึ่งซึ่งตัวเล็ก ว่าเป็นสามเณรอยู่เป็นประจำ ทำให้พระรูปนั้นไม่พอใจ
 
 
 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2547-10-28.html
เมื่อ 26 เมษายน 2567 11:56
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv