CASE STUDY
งูกับโจรสลัด
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
    เมื่อ 20ปีมาแล้ว ลูก เคยได้ยินคุณครูไม่ใหญ่เล่าเรื่องประหลาดเกี่ยวกับกำเนิดพิสดาร และเร็วๆนี้ได้ยินอีกครั้งหนึ่งทางโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา แต่ละครั้งลูกรู้สึกแปลกใจว่า มันมีจริงด้วยหรือ ไม่นึกเลยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับตัวลูกเอง คือ เมื่อปลายปีที่แล้ว ญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในจังหวัดตาก ได้มอบหนังสือเกี่ยวกับต้นตระกูลที่บันทึกเรื่องกำเนิดพิสดาร ตรงกับที่คุณครูไม่ใหญ่เล่าให้ฟัง เรื่องมีดังนี้ค่ะ...
 
    ย้อนไปในสมัยกรุงศรีอยุธยามี สามีภรรยาชาวมอญคู่หนึ่ง อยู่ที่โคราช มีบุตรสาว 3คน คนโต เป็นภรรยาท่านปลัดขวา เมืองโคราช คนที่2 แต่งงาน มีบุตรชายเป็น เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช คนที่3 แต่งงานมีทายาท 4คน
   
    คนโตชื่อ มะซอน ภายหลังเป็น พระยารามัญวงศ์ ถูกประหารชีวิตพร้อมพระเจ้ากรุงธนบุรี 
 
    คนที่2 ชื่อ เม้ยทอง หรือ ท้าวทรงกันดาน เจ้าจอมหม่อมห้ามของเจ้าฟ้าจิตต์ในกรุงศรีอยุธยา มีลูกๆเป็นหม่อมราชวงศ์
 
    คนที่3 เป็นงูตัวหนึ่ง
 
    น้องสาวของงูชื่อ เม้ยโดด ภายหลังเป็นภรรยาของพระยาพัทธลุง ชาวเปอร์เซีย นับถือศาสนาพุทธ และเป็นพี่น้องกับต้นสกุลบุนนาค
 
    ลูกหลานของเม้ยทอง และ เม้ยโดด เป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามของเจ้ากรุงธนบุรี ที่เป็นชายได้รับราชการต่อๆกันมา จนถึงยุครัตนโกสินทร์ ส่วนที่พลัดหลงไปอยู่พม่าเมื่อกรุงแตกก็มี
 
    งู ถือกำเนิดในครอบครัวบุตรสาวคนเล็ก ของสามีภรรยาชาวมอญเมืองโคราช โดยคลอดออกมาเป็นกระเปาะ เมื่อฉีกกระเปาะเห็นเป็น งูสีเหลืองหม่น ตรงกลางกระหม่อมมีรอยตีนกาขาว โตเท่าผลมะนาวย่อมๆ ยาว 2ศอก พ่อของงูจึงคอนไปไหว้ที่ศาลพระภูมิมุมชานเรือน อยู่ตรงนั้นได้สามเดือนเศษก็หายไป นานต่อมา แม่คลอดบุตรสาวคนเล็กชื่อ เม้ยโดด
 
    เช้าวันนั้น งูพี่ชายเลื้อยมาขดตัวอยู่บนศาลพระภูมิที่เคยอยู่ สิบวันก็หายไปอีก จนกระทั่งเม้ยโดดอายุได้ 10ขวบเศษ พ่อก็ถึงแก่กรรม แม่จึงได้แบ่งมรดกให้ลูกๆออกเป็น 3ส่วน ขณะที่แบ่งกองสมบัติอยู่นั้น งูได้เลื้อยขึ้นมาบนบ้าน ทุกคนพากันตกใจ แต่ มะซอน ลูกชายคนโตบอกว่า “งูตัวนี้กระมังที่เป็นน้อง แล้วได้หายไป” เมื่อดูกระหม่อมก็เห็นรอยตีนกาขาว จึงบอกแม่ว่า “งูตัวนี้แหละที่เป็นน้องของฉัน” แม่นึกได้จึงบอกว่า “อย่าวุ่นวายไปเลย ข้าจะแบ่งส่วนให้กับเจ้าด้วย” แล้วแบ่งสมบัติใหม่ออกเป็น 4ส่วนเท่าๆกัน พูดว่า นี่ของคนนั้น นั่นของคนนี้ ส่วนนั้นเป็นของตัว ตัวจะเอาไปทำบุญหรือให้ใครก็ตามใจ
 
    แล้วแม่กับญาติพี่น้องก็ถอยออกมาดูห่างๆ ทันใดนั้น งูเหมือนจะรู้ภาษา เลื้อยไปที่กองสมบัติของตัวเอง เอาตัวตวัดกวาดไปรวมกับกองของเม้ยโดดน้องสาว แม่เห็นก็ร้องไห้ พูดว่า “พ่อก็ตาย แม่ก็แก่มากแล้ว อย่าเที่ยวซัดเซพเนจรไปอีกเลย อยู่เป็นเพื่อนแม่เถิด”
 
    งูได้ยินดังนั้น ก็เลื้อยไปอยู่ที่ศาลพระภูมิตามเดิม สักเดือนเศษก็หายไปอีก จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า จนถึง หลวงเทพ ลูกหลานชั้นที่6 ของท้าวทรงกันดานพี่สาวของงู
 
    รัชกาลที่4 โปรดเกล้าฯให้หลวงเทพเป็นข้าหลวง เชิญเครื่องพระราชทานเพลิงศพเจ้าเมืองหลวงพระบาง เมื่อไปถึงป่าเขางู ได้หยุดพักแรม บริวารออกไปเก็บผักหักฟืน พบงูตัวหนึ่งโตราว 2กำครึ่งนอนขดอยู่ ลำตัวสีเหลืองหม่น ที่หัวมีรอยตีนกาขาว ก็รีบกลับมาเล่าให้ฟัง หลวงเทพจึงขึ้นช้างไปดูงู และเห็นรอยตีนกาขาวจริง สันนิษฐานว่างูตัวนี้กระมังที่บิดามารดาเคยเล่าให้ฟังว่า เรามีพี่น้องปู่ย่าเป็นงู สีสันวรรณะและเครื่องหมายที่กระหม่อมก็ตรงกันทุกอย่าง
 
    หลวงเทพจึงหมายว่า งูตัวนั้นเป็นญาติของท่าน ท่านจึงสั่งบ่าวไพร่ให้ช่วยกันตัดไม้ทำเป็นปะรำ กว้างยาวประมาณ 3วา เอาใบไม้และแฝกคามุงเป็นหลังคาบังร่มเสร็จ จุดธูปเทียนบูชาอธิษฐานว่า ถ้างูตัวนี้เกี่ยวข้องเป็นญาติของเราแล้ว ขอจงมาสถิตอยู่ในที่ที่เราทำไว้นี้เถิด
 
    รุ่งเช้า หลวงเทพได้เดินทางต่อไปถึงหลวงพระบาง จนเสร็จการศพของเจ้าเมืองหลวงพระบางแล้ว และเดินทางกลับจนมาถึงป่าเขางู เห็นงูตัวนั้นอยู่ในปะรำที่ท่านสร้างให้ ก็รู้สึกปีติยินดีเป็นที่สุดเหมือนได้พบหน้างูที่เป็นทวดน้อยๆของท่าน แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ
 
    ตั้งแต่นั้นมา บรรพบุรุษของลูกก็ได้ประกาศห้ามลูกหลานและบริวารทำร้ายงูทุกตัว ต่อมา บุคคลสำคัญในตระกูลอีกคนหนึ่งคือ พระยาสุรบดินทร์ฤาไชย ได้ไปเป็นผู้สำเร็จราชการเมืองชัยนาท ก็มีงูมางานศพของท่าน วันหนึ่ง ขณะที่ลูกหลานของท่านผู้สำเร็จราชการเมืองชัยนาท กำลังย้ายหอนั่ง งูเขียวเลื้อยมาที่ระเบียงหอนั่งยั้วเยี้ยไปหมด พันกันโตเท่ามะพร้าวปอกแล้ว พวงละ 3ตัวบ้าง 4ตัวบ้าง พวงใหญ่อยู่ตรงกลางรายรอบระเบียง มีสายพันกัน 2-3ตัว ห้อยลงมาเหมือนห้อยลูกแก้ว คนจำนวนมากได้เห็นเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อนี้โดยตลอด ต้องจุดธูปเทียนบูชา 3-4วันจนย้ายหอนั่งเสร็จ งูจึงค่อยๆหายไปทีละเล็กทีละน้อย
 
    ต่อมา ปีพุทธศักราช2451 ตรงกับรัชกาลที่5 ลูกหลานของผู้สำเร็จราชการเมืองชัยนาท ได้ซื้อที่ใหม่หน้าวัดมกุฎ และรื้อหอนั่งไปปลูกใหม่ในที่นั้น มีงูเขียวประมาณ 30ตัวเศษเลื้อยลงมาจากต้นหูกวาง ซึ่งแต่เดิมจะอยู่กันอย่างไรไม่มีใครรู้ โพรงที่โคนต้นหูกวางก็ไม่มี งูได้เลื้อยตามกันมาเป็นแถว แต่ละตัว หัวจดหาง หางจดหัว ลงมาจากต้นไม้พอถึงดินก็ตามกันไปขึ้นหอนั่งห้อยยั้วเยี้ยตามฝา อยู่ได้ 3วันก็พากันลงดิน เลื้อยลอดรั้วเข้าสวนหายไปไม่มาให้เห็นอีกเลย
 
    เรื่องราวข้างต้นนี้ เป็นบันทึกต้นตระกูล โดย พระยาไชยนันทน์พิพัทธพงศ์ (เชย ไชยนันทน์) เขียนไว้เมื่อยังเป็นพระยาบริหารราชมานพ วันที่ 2 สิงหาคม พุทธศักราช2456 จดหมายเหตุนี้ เกิดจากคำบอกเล่าของบิดาและวงศาคณาญาติของท่าน รวมทั้งสิ่งที่ท่านเห็นด้วยตาตนเอง เพื่อให้ลูกหลานรู้ว่าตนสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษคนใด ท่านจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากลูกหลานสามารถสืบเสาะเรื่องราวได้พิสดารชัดเจนขึ้นมาอีก และบันทึกเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
 
    ในฐานะที่ลูกเป็นลูกหลานคนหนึ่งอยู่ในตระกูลนี้ ก็อยากจะทำให้ความปรารถนาของบรรพบุรุษเป็นจริง โดยขอพึ่งบารมีคุณครูไม่ใหญ่ฝันในฝันให้ จะเป็นพระคุณอย่างสูงยิ่งค่ะ
 
**********
 
    เรื่องที่สอง เป็น เรื่องโจรสลัด ในสมัยโบราณ โจรสลัดถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ตัวอย่างเช่น เซอร์ฟรานซิส เดรค ของอังกฤษ
 
    ชายฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่แหลมมลายูขึ้นมาเมื่อ 200ปีที่แล้ว เต็มไปด้วยโจรสลัด คอยปล้นสะดมเรือสินค้าที่แล่นผ่านไปมา จังหวัดที่ลูกถือกำเนิด (ระนอง) ยังเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ มีบ้านเรือนตั้งเป็นหย่อมๆห่างๆกัน อยู่ริมฝั่งไทยใกล้ชายแดนพม่า จึงมีโจรสลัดทั้งสัญชาติไทยกับพม่า คอยปล้นสะดมเรือสินค้า และเรือขนแร่ดีบุกในน่านน้ำอยู่เสมอ
 
    มีเรืออยู่ลำหนึ่ง โจรสลัดเป็นสามีภรรยากัน ทั้งสองมีวิชาคาถาอาคม สามารถใช้อาวุธมีคม เช่น มีด หอก ดาบ ได้อย่างเชี่ยวชาญ โดยที่ไม่มีอาวุธใดระคายผิวได้เลย ด้วยความห้าวหาญและอยู่ยงคงกระพันนี่เอง ที่ทำให้สองสามีภรรยาปล้นสมบัติได้มากมาย โจรสลัดคู่นี้ ดุร้ายมาก วันไหนไม่ได้ออกทะเลและมีเรื่องทะเลาะกัน วันนั้นจะฉวยอาวุธที่ใช้ปล้น มีมีด หอก ดาบ ตีรันฟันแทงอย่างดุเดือด จนไม่มีใครกล้าห้าม แต่ไม่มีใครทำร้ายใครได้ หายโมโหแล้วจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และออกทะเลช่วยกันปล้นสะดมต่อไป
 
    เนื่องจากน่านน้ำทะเลอันดามัน มีโจรสลัดหลายก๊กหลายฝ่าย จนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองดูแลไม่ทั่วถึง และปราบปรามโจรสลัดไม่ไหว เจ้าเมืองจึงแต่งตั้งโจรสลัดที่เก่งกาจกว่าใครๆ ให้ปราบปรามโจรสลัดก๊กเล็กก๊กน้อยให้หมดไป โดยให้โจรสลัดสามีภรรยาคู่นี้ ปกครองเกาะๆหนึ่ง มีตำแหน่งเป็น หมื่นปราบสมุทร และให้สิทธิเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายอย่าง แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเลิกเป็นโจรสลัดเด็ดขาด
 
    โจรก๊กนี้ ได้เลิกปล้นสะดม อาศัยอยู่บนเกาะ มีอาชีพทำสวนมะพร้าว และฝังสมบัติที่ปล้นมาไว้ใต้ต้นมะพร้าวปลูกใหม่ โดยทำเครื่องหมาย คือ ถ้าเป็นเงินหรือเหรียญเงินก็จะฝังไว้ใต้หน่อต้นมะพร้าว 2หน่อ ถ้าเป็นทอง ก็จะฝังใต้ต้นมะพร้าว 3หน่อ เรื่องนี้ มีผู้รู้อยู่คนเดียว คือ สามีซึ่งเป็นผู้ฝังสมบัติ
 
    ถึงจะเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่แล้ว แต่เวลาโมโห ทั้งสองก็ยังซัดอาวุธห้ำหั่นใส่กัน เป็นความสามารถยิ่งกว่าหนังกำลังภายในเสียอีก เพราะนี่เป็นของจริง สุดท้าย ต่างก็แก่เฒ่าตายจากกันเพราะเก่งวิชาอยู่ยงคงกระพันด้วยกันทั้งคู่ กาลเวลาผ่านไปโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องสมบัติที่ฝังไว้บนเกาะ และคนฝังก็ชราภาพไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนแต่ก่อน คลื่นน้ำทะเลเซาะหาดทรายมาเรื่อยๆ จนถึงต้นมะพร้าว ซัดจนโค่นล้ม แล้วพาสมบัติที่ฝังไว้ข้างใต้สู่ก้นมหาสมุทร
 
    ต่อมา รัชกาลที่6 พระราชทานนามสกุลให้หมื่นปราบสมุทรว่า “ปราบสมุทร” ลูกหลานเหลนได้ขึ้นบก ทำอาชีพสุจริต เป็นลูกจ้างเขา มาถึงชั้นโหลน ได้พบ เทียดของลูก (ทวดของแม่) ครองเรือนด้วยกัน ต่อมา เทียดตาย สามีของเทียดมาปลูกกระต๊อบอยู่ที่ท้ายสวนของ แม่ของลูก ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นเด็กอยู่
 
    โหลนของโจรสลัด หรือสามีของเทียดคนนี้คบคนพาล ดื่มเหล้าเมายา สูบฝิ่นแล้วพยายามสอนให้แม่ของลูกสูบฝิ่นด้วย แต่แม่ไม่สูบ แล้วยังมีลูกหลานเป็นแกะดำของตระกูล ที่คอยสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนแถบนั้น ด้วยการทำผิดศีลแทบทุกข้อ
 
    เมื่อโตขึ้น แม่ต้องผจญกับความร้ายกาจของลูกสาวของเทียดตลอดมา แล้วยังมีเพื่อนบ้านเป็นเทศมนตรี อาศัยตำแหน่งหน้าที่และพรรคพวกมาก ฉ้อโกงสวนของแม่ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีโฉนดไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่แม่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ทำให้แม่เสียใจที่ไม่อาจปกป้องสมบัติของตระกูลไว้ได้ ต่อมาแม่ได้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวให้ลูกสาวของเทียด เพื่อขออโหสิกรรมที่เคยล่วงเกินกันมา และอธิษฐานขอห่างไกลเพื่อนบ้านคนพาลตลอดไป
 
คำถาม
 
1.เหตุใดคนจึงให้กำเนิดสัตว์ (คนละ Species) ได้คะ
 
2.งูตัวนี้ทำกรรมอะไรร่วมกับพ่อแม่พี่น้องของเขา และเหตุใดจึงเป็นปู่ย่าตายายของเราได้คะ
 
3.เขามีวิบากกรรมอะไรจึงเกิดเป็นงู เหตุใดจึงถือกำเนิดในตระกูลสูงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา และมีบุญอะไรที่ทำให้รู้ภาษาที่คนพูดกันได้ ขณะนี้ไปเกิดในอัตภาพอะไร เกิดเป็นคนหรือยังคะ
 
4.รอยตีนกาขาวบนกระหม่อมของงูหมายถึงอะไรคะ
 
5.งูที่หลวงเทพพบในป่าเขางู เป็นตัวเดียวกับงูมีตีนกาขาวตัวแรกหรือไม่คะ เพราะเป็นเหตุการณ์ยาวนาน จากปลายกรุงศรีอยุธยาถึงรัชกาลที่4
 
6.เหตุใด จึงมีงูเขียวจำนวนมากมาร่วมงานศพของพระยาสุรบดินทร์ฤาไชย ผู้สำเร็จราชการเมืองชัยนาท และมาในการย้ายหอนั่งทั้ง 2ครั้ง และเหตุใด งูต้องพันตัวเป็นดวงแก้วด้วยคะ
 
7.เมื่อเดือนที่แล้ว (เมษายน พ.ศ.2548) ขณะที่ลูกกำลังนั่งทานข้าวในร้านอาหารริมท้องนาแห่งหนึ่ง ในจังหวัดมหาสารคาม มีงูตัวหนึ่งเลื้อยปราดๆมาทางด้านศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ใกล้โต๊ะอาหาร ตรงดิ่งมาทางลูก แต่ลูกไม่รู้สึกกลัวเลย ใจมันเฉยๆเป็นปกติ ในขณะที่คนอื่นตกตะลึงราวกับเกิดคลื่นสึนามิบนบก ลูกคิดว่าต่อให้เป็นงูจงอางมีพิษ ลูกก็ไม่กลัว ถ้ามันประสงค์ร้าย เราก็น่าจะตกลงกันได้ เหตุใดลูกจึงคิดเช่นนี้ มันเกี่ยวข้องกับคำสั่งของบรรพบุรุษหรือไม่ที่ไม่ให้ทำร้ายงู จนลูกหลานไม่กลัวงู แต่ถ้าเป็นพญานาคนั้นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ
 
8.อดีตโจรสลัด หมื่นปราบสมุทรและภรรยาตายแล้วไปไหน ทั้งสองกลายเป็นตำนานที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรา แต่เหตุใดโหลนของเขาจึงมามีครอบครัวที่สร้างความเดือดร้อนให้เรา ลูกสาวของเขาได้รับบุญที่แม่สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวไปให้ และขออโหสิกรรมกัน แล้วหรือยังคะ
 
9.แม่ของลูกมีบุพกรรมอะไรกับที่ดินมรดกและเพื่อนบ้าน แม่ทำบุญและอธิษฐานเลิกจองเวรและไม่ขอเจอกันอีก จะสำเร็จหรือไม่ เหตุใดจึงไม่มีญาติพี่น้องคนใดช่วยแม่เลยคะ
 
10.ขณะนี้ คนที่ฉ้อโกงที่ดินของแม่ตายแล้วไปไหน เขาโกงแม้กระทั่งพระด้วย ทำอย่างไรแม่จึงจะพ้นจากวิบากกรรมนี้และลืมอดีตได้หมดสิ้นคะ
 
11.เหตุใด ลูกจึงได้เกิดชายฝั่งทะเลอันดามัน คงไม่เกี่ยวกับมีทิฐิมานะ เพราะที่นั่น วิวสวยมาก ไม่ลำบากเลย ได้เล่นน้ำตก ล่องเรือ กลิ้งตัวลงมาจากภูเขาหญ้า โหนเถาวัลย์ หาเห็ดป่า คั่วกาหยู อาบน้ำแร่ สดชื่นชั่วนาตาปี เพราะมีฝนแปดแดดสี่ ไม่ต้องถือร่มเดี๋ยวมันก็หยุดตกเอง และเหตุใด ลูกจึงชอบนั่งเล่นที่วัดบนภูเขาเกาะต่องในพม่า ดูน้ำทะเลอันดามันสีมรกตใส พระพม่าเดินสวดลูกประคำรอบเจดีย์ มีเณรกวาดลานวัดใกล้ดงมะพร้าวและต้นกล้วย ดูโบราณย้อนยุคราชาธิราช ลูกเคยเกิดที่พม่าหรือเปล่าคะ
 
12.แม่จะได้บุญจากการที่ลูกเป็นเจ้าหน้าที่วัดอย่างไรบ้างคะ
 
    ขอกราบขอบพระคุณ คุณครูไม่ใหญ่เป็นอย่างสูง ที่ได้เล่าความจริงของชีวิตและวัฏสงสาร แล้วยังชี้ทางสว่างให้แก่ครอบครัวของลูก โดยเฉพาะแม่อีกด้วย ส่วนเรื่องการสร้างบารมีของลูกนั้น คิดว่าจะฝันในฝันเองสักวันหนึ่ง เพราะขณะนี้มีคน 2กลุ่ม คือ ฝ่ายทหารพระราชา กับสมาคมแม่บ้าน คอยจะเอาตัวลูกไปเป็นพวกอยู่ค่ะ ให้พวกเขาอยากรู้ไปพลางๆก่อนค่ะ
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1ที
แล้วนำมาเล่าเป็นนิยายปรัมปราให้ฟังกันนะจ๊ะ
 
1.คนให้กำเนิดสัตว์เดรัจฉานได้ เพราะ “แรงกรรม” บันดาลให้เป็นไป แม้จะเป็นคนละ Species ก็ตาม
 
 
2.วิบากกรรมที่ต้องมาเกิดเป็นงู ในครอบครัวในตระกูลสูงไม่ใช่คนธรรมดา เพราะกรรมในอดีต ในภัทรกัปนี้ย้อนหลังไป 2พุทธันดร มีพระราชาอยู่เมืองหนึ่ง มีอัครมเหสี, มเหสี และนางสนมต่างๆมากมาย
 
 
3.รอยตีนกาขาวบนกระหม่อมของงู นั้นเกิดขึ้นจาก วิบากกรรมที่ได้แนะนำพระราชา สักรอยตีนกาไว้บนหน้าผากพระอัครมเหสี ก่อนที่จะเนรเทศไป ซึ่งในยุคนั้นถือว่ารอยสักนี้เป็นสัญลักษณ์ของกาลกิณี
 
 
4.แม่งูในชาตินี้ ก็คือ อดีตลูกสาวที่ตัวช่วยดันให้เป็นอัครมเหสีดังกล่าว
 
5.ที่งูรู้ภาษาคนที่พูดกันได้ เพราะบุญที่ได้ทำไว้ในพระพุทธศาสนาดังกล่าว บันดาลให้เข้าใจได้
 
6.ในงานศพของพระยาสุรบดินทร์ฤาไชย ผู้สำเร็จราชการเมืองชัยนาท ลูกหลานชั้นหลังๆ ได้มีงูเขียวจำนวนมากมาร่วมงานศพ เพราะพระยาสุรบดินทร์ฤาไชย ท่านก็คืออดีตพญานาค ในตระกูล “เอราปตะ” ก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์
 
 
7.ส่วนการที่ลูกเห็นงู ในเดือนเมษายน พ.ศ.2548 แล้วไม่กลัวในระดับที่เห็น แต่ก็กลัวในระดับที่มันจะเข้ามาเลื้อยพันตัว อีกทั้งไม่คิดทำร้ายมัน เพราะฝังใจในคำสั่งสอนของบรรพบุรุษ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็อย่าประมาท ให้ระมัดระวังตัวเอาไว้ จะได้สร้างบารมีไปนานๆ
 
 
8.อดีตโจรสลัดหมื่นปราบสมุทรและภรรยาตายแล้ว ก็ไปอยู่ในมหานรกขุม2 ทั้งคู่ เพราะกรรมปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์เพื่อชิงทรัพย์
 
 
9.ในอดีต แม่เคยคบคนพาล ได้ไปร่วมกับคนพาลไปโกงที่ดินเขา และทำให้เขาเดือดร้อน ดังนั้นวิบากกรรมนี้จึงทำให้แม่ไปเกิดในครอบครัวคนพาล และมีเพื่อนบ้านพาล ทำให้เดือดร้อนใจ
 
10.คนที่ฉ้อโกงที่ดินของแม่และพระ ตายแล้ว ก็ไปเป็นเปรตแบกแผ่นดินผืนใหญ่อยู่ จะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ เพราะกรรมบันดาล
 
 
11.ในพุทธันดรที่ผ่านมา ลูกเป็นกุลธิดาของตระกูลหนึ่ง แต่มีนิสัยชอบล้อเลียนคน ลูกมีเพื่อนวัยเด็กที่พิการคล้ายลูกในปัจจุบันนี้คนหนึ่ง ลูกได้ล้อเลียนเขาว่า “อีเป๋” จนทำให้เขาอับอายอยู่เป็นประจำ วิบากกรรมนี้ลูกจึงมาเป็นดังปัจจุบัน
 
 
12.แม่จะมีส่วนในทุกบุญที่ลูกได้อุทิศตนให้กับงานพระศาสนา อีกทั้งแม่ก็จะมีความเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมมากขึ้น และบุญนี้จะเป็นแสงสว่างส่องทางให้แม่ไปสวรรค์ และที่สุดแห่งธรรมได้
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-05-13.html
เมื่อ 19 มีนาคม 2567 11:11
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv