CASE STUDY
รักเกินตัดใจ
เรียบเรียง จากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
  
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

        ลูกได้เข้าวัดครั้งแรกโดยการชักชวนของชมรมพุทธตอนที่ลูกยังรับราชการเป็นครูอยู่ ปัจจุบันนี้ลูกได้ลาออก แล้วมาทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ     ลูกมีประวัติครอบครัวขอความเมตตากราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้ค่ะ

        คุณตาของลูก อดีตเคยเป็นกำนัน และเคยมีอาชีพเป็นพรานล่าสัตว์ ในวัยชราคุณตาได้ล้มป่วยลงด้วยโรคอัมพฤกษ์และโรคเก๊าท์จนเดินไม่ได้ พอลูกจำความได้ก็เห็นคุณตานอนร้องครวญครางอยู่แต่ในห้องมืดๆ ลุกไปไหนไม่ได้ ต้องมีคนคอยดูแลตลอด ตามข้อเท้า หัวเข่าของตา มีตุ่มโปนๆออกมา ประมาณเท่าไข่นกกระทาเกาะกันเป็นก้อน มีกลิ่นเหม็นออกมาจากในห้อง น่าจะเป็นแผลกดทับจนเน่า  คุณตาป่วยทรมานอยู่หลายปี  จนกระทั่ง ตัวลูกอายุประมาณ 10 ขวบ คุณตาจึงเสียชีวิต

        พ่อของลูกมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.เลย พ่อเคยประกอบอาชีพเป็นพ่อค้า ค้าวัว-ควาย ผู้คนที่รู้จักพ่อให้ขนานนามพ่อว่า นายฮ้อย ตามภาษาอีสานค่ะ งานของพ่อก็คือต้อนวัวต้อนควาย ไปขายแถวๆโคราช-สระบุรี การเดินทางก็ต้องนอนค้างอ้างแรมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย  อาชีพนี้ทำให้พ่อเป็นคนมีฐานะดีในหมู่บ้าน ตอนนั้นพ่อมีแฟนอยู่แล้วคือแม่ของลูก แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ต่อมาเมื่อพ่ออายุ 26 ปี ก็สอบบรรจุเป็นครู ได้ไปสอนอยู่ที่จังหวัดตราด โดยไปอาศัยอยู่ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน เลยถูกจับแต่งงานกับน้องสาวคนเล็กของผู้ใหญ่บ้าน เพราะเห็นว่าพ่อเป็นข้าราชการ แต่งได้ 4 เดือนก็ปิดเทอม พ่อก็กลับไปเยี่ยมบ้านที่ จ.เลย ด้วยความที่พ่อรักแม่ ขากลับไปตราดพ่อจึงได้พาแม่หนีกลับมาด้วย เพื่อมายืนยันให้แม่เล็ก (ภรรยาพ่อ) เห็นว่าพ่อมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว หวังจะให้แม่เล็กเลิก แต่แม่เล็กก็ไม่เลิก ก็เลยต้องอยู่กันอย่างนั้น เพราะว่ารักเกินตัดใจได้ จนพ่อมีลูกสาวกับแม่เล็ก 1 คน   แล้วพ่อก็หอบภรรยาทั้งสองและลูกสาวกลับมาอยู่ที่ จ.เลย มาอยู่ที่บ้านหลังเดียวกัน ชาวบ้านแถวจึงขนานนามพ่อว่า “ศรีสองรัก”
 
        อีก 7 ปีต่อมา แม่ก็ให้กำเนิดลูกคนแรกคือตัวลูก แต่พ่อกับแม่ก็มีเรื่องระหองระแหงกันมาตลอด    พอลูกอายุได้ประมาณ 2-3 ขวบ วันหนึ่งแม่โกรธพ่อมาก จึงหนีไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทิ้งให้ลูกอยู่ในความดูแลของแม่เล็กและพี่สาวคนโตที่เกิดกับแม่เล็ก  แม่เล็กก็เลี้ยงดูลูกเรื่อยมา เลี้ยงจนกระทั่งว่า พอพ่อไปตามแม่กลับมาจากกรุงเทพฯ  ลูกก็เลยสับสนว่า ใครคือแม่ที่แท้จริงของเรากันแน่   ทำไมเราถึงมีแม่ 2 คน  พอลูกอายุ 10 ขวบ พ่อก็พาแม่แยกบ้านไปเปิดร้านขายของ  แม่ได้ให้กำเนิดลูกชายอีก 2 คน คือน้องชายของลูก    ส่วนแม่เล็กก็แยกไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งกับลูกสาวและลูกเขย แต่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน  ลูกเขยของแม่เล็กทำอาชีพฆ่าหมูขาย  แม่เล็กก็ต้องช่วยลูกเขยในการฆ่าหมู  เช่นช่วยต้มน้ำร้อน ช่วยส่องไฟ  ทำอยู่หนึ่งปีก็เลิก เพราะทั้งลูกสาวและลูกเขยสอบบรรจุได้ทำงานเป็นครู

        ภายหลังแม่เล็กได้ป่วยเป็นเบาหวานจนทำให้ตาบอด 1 ข้าง มาเป็นเวลา 10 ปี และมีโรคความดัน โรคไตตามมา ต่อมาก็หกล้มจนเดินไม่ได้ อยู่ 2 ปี  แล้วก็ช็อคเข้าโรงพยาบาล  ต้องให้อาหารทางสายยางมีเครื่องช่วยหายใจ พูดไม่ได้แต่รับรู้ได้ ลูกไม่มีเวลาไปเยี่ยม จึงได้แต่โทรบอกพี่สาว ให้พูดเรื่องบุญให้แม่เล็กฟังอยู่ตลอดเวลา พี่สาวก็ทำเท่าที่เข้าใจ จนกระทั่งแม่เล็กละโลกไป ด้วยวัย 72 ปี

        พ่อของลูก  ตอนที่ออกลาจากราชการครู ก็ได้เงินมาก้อนหนึ่ง พ่อได้นำเงินก้อนนั้นมาซื้อที่ดิน และก็นำที่ดินนั้นไปขายต่อ ได้กำไรมาก จำนวนเงินเป็นหลักล้าน ทำให้พ่อมีฐานะอยู่ในระดับเศรษฐีของหมู่บ้าน เรียกว่ามีเงินเยอะที่สุดในหมู่บ้าน เป็นเศรษฐีพอมีเงินมากๆ   ถ้าใช้เงินไม่เป็นนี่ก็กลุ้มได้   แต่พ่อก็ไม่สามารถรักษาทรัพย์นั้นไว้ได้  พ่อได้นำเงินจำนวนนั้นไปทำธุรกิจต่างๆ แต่ก็ขาดทุน จนกระทั่งเงินหมด ปัจจุบันพ่อชราแล้ว อายุ 79 ปี  พ่อได้กลายเป็นคนจนอีกครั้ง

        แม่ของลูก ตอนที่อายุได้ 50 กว่าๆ ได้ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการซึมเศร้า กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่ยอมพูดยอมจากับใคร ร่างกายก็ผ่ายผอมลง วันหนึ่งคนทรงในหมู่บ้านก็มาทักว่าต้องรับขันธ์ เป็นร่างทรงของอุปฮาด ( คงหมายถึงอุปราช ) และให้สร้างศาลที่หน้าบ้านแล้วจะหาย แม่ก็ทำตาม ผลปรากฏว่า แม่หายทันที กลับมาสดชื่น กินข้าวได้นอนหลับเป็นปกติอย่างอัศจรรย์

        น้องชายคนเล็กของลูก  เคยไปเป็นทหารอยู่ 2 ปี พอกลับมาก็มีอาการผิดปกติ จากที่เคยพูดน้อย ก็กลายเป็นคนพูดมาก และบอกกับพ่อ-แม่ว่าจะบวชไม่สึก และก็ได้บวชในเวลาต่อมา พอหลังจากบวชแล้วก็อยู่ไม่เป็นที่ ย้ายวัดไปเรื่อยๆ บวชมา 5 พรรษาแล้วไม่เคยซ้ำวัด ภายหลังก็เริ่มกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยขึ้น  ต่อมาลูกได้ไปสร้างบ้านไว้อีกหลังหนึ่ง พ่อกับแม่ก็เลยแยกบ้านอยู่กันคนละหลัง พระน้องชายก็เลยมาพักอยู่ที่บ้านกับพ่อ  มาอยู่ครั้งละ 1 - 2 เดือนก็หายไปพักหนึ่งแล้วก็กลับมาใหม่ โดยยึดห้องพระในบ้านเป็นที่อยู่ประจำ และเริ่มสะสมพระ มีการปลุกเสกของขึ้นเอง เป็นที่ครหานินทาของชาวบ้านแต่พระน้องชายก็ไม่สนใจ ลูกกลับไปบ้านทีไร ก็จะบอกทุกครั้งว่า มันไม่ถูกต้อง ให้กลับไปอยู่ที่วัด เป็นพระจะมาอยู่กับโยมได้อย่างไร  พอลูกพูด ท่านก็จะหายออกจากบ้านไปพักหนึ่ง พอลูกมากรุงเทพฯท่านก็จะกลับมาใหม่ ลูกจะพูดมากก็กลัวบาป  พ่อกับแม่ของลูก ตอนแรกก็ไม่เห็นด้วยที่พระมาอยู่ที่บ้าน  แต่พอตอนหลังคิดว่าพระน้องชายคงจะเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร ไปอยู่วัดไหนจึงไม่มีใครยอมรับ  ก็เลยสงสาร กลัวพระลูกชายจะอด ก็เลยยอมให้อยู่ที่บ้าน ให้น้องชายคนที่ 2 ของลูก เป็นคนคอยดูแลอุปัฏฐาก คอยนำอาหารไปถวาย แต่ท่านก็ฉันมื้อเดียวมาตลอด ล่าสุดนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน  2548 ลูกได้ไปเผาศพของแม่เล็ก  จึงไปบอกท่านอีกครั้งให้ไปหาวัดอยู่ ท่านก็ไปและไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน   ตอนนี้ยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ

        ตัวลูกเอง เดิมได้รับราชการเป็นครูอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี แต่งงานมีลูกชาย 2 คน สามีเป็นคนเจ้าชู้มาก แอบมีผู้หญิงซุกซ่อนไว้หลายคน ภายหลังลูกจับได้ว่าสามีมีลูกกับนักร้อง ลูกจึงขอหย่ากับสามีหลังจากนั้นลูกได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ จากการชักนำของชมรมพุทธฯ ทำให้ลูกได้ศึกษาเรื่องราวความจริงของชีวิต จากจานดาวธรรมทำให้ลูกเข้าใจ และเกิดความกลัว จึงหักดิบเลิกสิ่งที่ไม่ดีทุกอย่าง คือเมื่อก่อนลูกจะชอบเล่นไพ่
 
        หลังจากนั้นมาลูกก็ได้พาเพื่อนครู ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์รวม 10 คน และได้นำจานดาวธรรมไปติดตั้งที่โรงเรียน จัดโครงการปฏิบัติธรรมสำหรับเด็กนักเรียนโดยใช้จานดาวธรรมเป็นสื่อการสอนจนเด็กๆติดใจ ทำให้มีผลที่ดีเกิดขึ้นแก่เด็กๆอย่างเห็นได้ชัด ลูกได้นำจานดาวธรรมนี้ไปใช้กับลูกชายคนโตซึ่งหมดอนาคตเพราะติดยาเสพติดจนเสียการเรียน ให้เขาสามารถกลับมาเป็นลูกชายคนใหม่ที่มีอนาคตได้ ลูกได้พาเขาขึ้นพนาวัฒน์ หลังจากลงจากพนาวัฒน์แล้ว ลูกชายก็เปลี่ยนไป เขาขอบวชทันที และจากนั้นมา เขาก็ได้กลับมาเรียนใหม่ ปัจจุบันเป็นเด็กดี รักบุญไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกนอกจากนั้นยังทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆในกลุ่ม

        ส่วนลูกชายคนเล็ก ปัจจุบันอายุ 10 ปี เคยบวชยุวธรรมทายาท ที่วัดพระธรรมกายเมื่อปี 2548 ปัจจุบันลูกและลูกชายทั้ง 2 ได้มาวัดกันเป็นประจำ

        สามีคนปัจจุบันของลูก เพิ่งอยู่กินกันมาได้ปีกว่า เขามีลูกที่เกิดกับภรรยาเก่าอีก 4 คน ที่เขาต้องดูแล เขาเป็นคนมีจิตใจดี พูดจามีเหตุผลจนคนฟังเชื่อถือ  เคยบวช 7 วัน ตลอดเวลาที่บวชก็ปลีกตัวไปปฏิบัติธรรมคนเดียว เขาบอกว่าเขาได้ความรู้หลายอย่างจากการบวชครั้งนั้นพอสมควร เขาบอกกับลูกว่า เขาจะอยู่กับลูกแค่ 5 ปี เขาก็จะบวชตลอดชีวิต แต่เขาเป็นห่วงลูกทั้ง 4 คนของเขา เขาจึงคิดว่า ภายใน 5 ปีนี้ เขาขอหาเงินก้อนใหญ่ให้ได้สักก้อน เพื่อมาไว้ให้ลูกทั้ง 4 คนของเขา เป็นทุนเลี้ยงชีวิต แล้วเขาจึงจะไปบวช  ลูกมาทราบภายหลังว่า เขาได้คิดสูตรทำเหล้าให้นุ่มและเก่าแก่ได้ จะให้เก่ากี่ปีก็ทำได้ รสชาติดีกว่าเหล้านอก และเขาคิดที่จะขาย know how นี้ให้กับเจ้าของเบียร์รายใหญ่รายหนึ่ง โดยเขาให้เหตุผลว่าต้องการช่วยชาติไม่ให้ขาดดุลการค้าแก่เหล้านอก เพราะถ้าค่ายเหล้า-เบียร์ในไทย นำสูตรของเขาไปผลิตแล้ว คนไทยก็จะได้ดื่มเหล้าดี ราคาถูก เงินทองไม่รั่วไหลไปนอกประเทศ  พอลูกทราบก็รู้สึกตกใจ  ลูกจึงพยายามชี้แจงถึงโทษภัยต่างๆ ทั้งที่จะเกิดกับมนุษย์ด้วยกันและโทษภัยที่เขาจะได้รับในมหานรก แต่เขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ  เขาไม่ยอมเชื่อลูกเลย เพราะเขาเชื่อมั่นตัวเองว่า เขาเคยบวชและปฏิบัติธรรมได้ดีกว่าลูก เขาบอกลูกว่า เป็นเณรน้อยอย่ามาสอนสังฆราช นี่แหละคือความดื้อของเขาเจ้าค่ะ

คำถามมีดังนี้ค่ะ
 
1.    ตาของลูกตายแล้วไปไหนคะ ได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้หรือไม่ กรรมใดทำให้ตาป่วยเป็นโรคเก๊าท์ทุกทรมานจนเสียชีวิตคะ

2.    พ่อ แม่ และแม่เล็ก ทำกรรมใดร่วมกันมาจึงต้องมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันคะ

3.    แม่เล็กก่อนตายมีกรรมนิมิตอย่างไรคะ ที่ลูกบอกให้พี่สาวพูดเรื่องบุญให้แม่ฟัง แม่เล็กรับรู้ได้แค่ไหนคะ แม่เล็กตายแล้วไปไหน ลูกจะช่วยท่านได้อย่างไรคะ

4.    บุญใดทำให้พ่อขายที่ได้จนมีฐานะดีในระดับเศรษฐี เรียกได้ว่ามีเงินหลักล้านคนแรกในหมู่บ้าน แต่กรรมใดทำให้พ่อไม่สามารถรักษาทรัพย์นั้นไว้ได้ และต้องกลายมาเป็นคนจนอีกครั้ง

5.    คุณแม่ของลูกเคยป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ รักษาก็ไม่หาย แต่พอรับพานรับขันธ์ คือยอมรับนับถือผีบรรพบุรุษ สร้างศาลไว้ที่หน้าบ้านตามคำแนะนำของคนทรง อาการป่วยก็หายทันทีนั้น เป็นเพราะเหตุใดคะ

6.    วิญญาณที่แม่รับมาอยู่ที่บ้านนั้นมีจริงหรือไม่คะ ถ้าจริงเป็นวิญญาณของใคร    ลูกควรทำอย่างไรกับศาลนั้นคะ จะรื้อก็เกรงใจแม่และกลัวด้วยเจ้าค่ะ

7.    พระน้องชายอดีตชาติท่านเคยมีผังบวชมาอย่างไรคะ เคยบวชมากับหมู่คณะหรือไม่, เหตุใดบวชแล้วจึงมีอุปนิสัยอยู่วัดไหนก็ไม่ได้นาน ต้องมาอยู่ที่บ้านของตัวเองและสนใจในการปลุกเสก, 

8.    การที่ท่านมาอยู่ประจำที่บ้าน เหมาะสมหรือไม่คะ ผิด-ถูกอย่างไร, ท่านคิดอย่างไรจึงทำเช่นนี้, ลูกบอกให้สึกก็ไม่ยอมสึก ท่านบอกว่าได้ตั้งสัจจะไว้แล้วว่า จะบวชตลอดชีวิต ควรแก้ไขหรือช่วยเหลือท่านอย่างไรดีคะ จึงจะถูกต้อง และไม่เป็นบาปแก่ตัวลูกและพระน้องชาย

9.    ลูกกับลูกชายทั้งสองคน เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรคะ ทำไมลูกกับลูกชายคนโตจึงได้มามีโอกาสเป็นตัวอย่างนำเรื่องราวของชีวิตเขามาเผยแผ่เป็นต้นแบบให้กับคนอื่นทาง DMC คะ และการทำอย่างนี้จะเกิดผลบุญอย่างไรคะ

10.    ลูกกับสามีคนปัจจุบัน ทำบุพกรรมใดร่วมกันมาจึงมาเป็นสามีภรรยากัน,   ทำอย่างไรจึงจะทำให้เขาเลิกล้มความคิดที่จะขายสูตรเหล้า-เบียร์ได้คะ, ถ้าหากเขาทำสำเร็จ เขาจะได้รับวิบากกรรมอย่างไรบ้างคะ,  บุญที่เขาจะบวชตลอดชีวิต  จะช่วยเขาได้แค่ไหนคะ, เขาได้เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะหรือไม่ ทำไมเขาจึงมีความคิดสวนทางกับลูกคะ ลูกจัดเทเหล้าเผาบุหรี่ แต่เขาคิดจะขายสูตรเหล้าให้เจ้าของค่ายรายใหญ่ 
      
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง     

 
ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.    คุณตาป่วยเป็น “โรคเก๊าต์” ทุกข์ทรมานมาก   เพราะ....กรรมปาณาติบาตทั้งในอดีตและปัจจุบัน   มาทำเป็นอาหารและฆ่าขาย     โดยได้ใช้เครื่องมือดักสัตว์     และเมื่อจับมาได้แล้วก็จะทุบข้อขาของสัตว์ให้หัก   เพื่อไม่ให้มันหนีไปไหน      แต่ก็ไม่ให้ตายเพื่อไม่ให้เนื้อเน่าจะได้เก็บได้หลายวัน   แล้วทยอยฆ่าขาย  ,  วิบากกรรมดังกล่าวมาส่งผลจ่ะ !
 

2.    พ่อ , แม่ , แม่เล็ก   ต้องมาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน   เพราะ....ในอดีตแม่และแม่เล็กเคยเป็นภรรยาของพ่อ   แต่คนละชาติ  ,  และทั้งคู่ก็ได้เคยทำบุญร่วมกับพ่อมาในทำนองเดียวกัน     และได้อธิษฐานจิตให้ได้มาเป็นสามี - ภรรยากันอีก  ,  เมื่อทั้งคู่ได้มาเจอกันในชาตินี้   บุญที่เคยทำร่วมกันและแรงอธิษฐาน   จึงทำให้มาอยู่ร่วมกันจ่ะ !

 

3.    ที่ลูกบอกให้พี่สาวพูดเรื่องบุญให้แม่เล็กฟังนั้น     แม่เล็กรับรู้ได้บ้าง  ,  รู้เรื่องบ้าง   ไม่รู้เรื่องบ้าง  ,  อีกทั้งพี่ก็พูดยังไม่ค่อยเป็นด้วยจ่ะ !
 
 
 

4.    พ่อขายที่ได้จนมีฐานะเป็นเศรษฐีคนแรกของหมู่บ้าน เพราะ....บุญในอดีตชาติหนึ่งมาส่งผล   เรื่องมีอยู่ว่าชาตินั้นมีคนมาชวนท่านร่วมสร้างวัด   ตอนแรกท่านฟังแล้วก็มีความปีติ    ได้นำปัจจัยที่มีไปร่วมทำด้วยความปีติมาก     ทั้งที่ปัจจัยก็ไม่ได้มากนัก , บุญนี้จึงมาส่งผลจ่ะ !
 

5.    คุณแม่ของลูกเคยป่วยรักษาก็ไม่หาย     และไม่ทราบสาเหตุ  ,  แต่พอรับพาน “รับขันธ์”  คือ  ยอมรับนับถือผีบรรพบุรุษ สร้างศาลไว้หน้าบ้านตามคำแนะนำของ “คนทรง”     อาการป่วยก็หายทันทีนั้น    เป็นเพราะ  

  
6.    วิญญาณที่แม่รับมาอยู่ที่บ้านนั้น   ก็มีจริง     เป็นพวกบริวารภุมมเทวาของหัวหน้าสายวิทยาธรดังกล่าวจ่ะ !
 
  • ลูกจะต้องอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริงดังกล่าว     เมื่อท่านเข้าใจดีแล้ว  ,  ลูกก็ไปทำตามหลักวิชา  คือ  ให้อยู่ในบุญทั้งทาน   ศีล   ภาวนา   และไม่ต้องกลัว   เพราะบุญเรามากกว่า     อีกทั้งเราไม่ได้ไปเบียดเบียนลบหลู่ใคร  , 

  • แล้วก็พูดด้วยถ้อยคำอันไพเราะ  เช่น  ท่านเป็นผู้มีบารมีมาก   ควรจะไปอยู่วิมานที่สวยกว่านี้   อย่าอยู่ตรงนี้เลย  ,  สถานที่ตรงนี้ขอสร้างเป็น “หอพระ” แทนแล้วจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้  ,  พูดจบก็อัญเชิญศาลเก่าไปเลยแล้วสร้างเป็นหอพระแทนจ่ะ ! 
 
 
7.    พระน้องชายในอดีตชาติ   ท่านก็เคยบวชอยู่กับหมู่คณะในชาติไกล ๆ     และหลุดไปตอนเป็นสามเณร   แล้วหลุดไปเลย  ,  แต่ชาติหลังเมื่อบวชแล้วกับที่อื่นที่ไม่ใช่หมู่คณะ   ก็ป่วยไม่สบาย      จึงไปฉันยาดองรักษาไข้  , 
 

8.    การที่ท่านมาอยู่ประจำที่บ้านเดิมของตัวนั้น   ก็ไม่เหมาะสมจ่ะ !  

  • ลูกก็ต้องเป็นกัลยาณมิตรให้ท่าน   หรือหาคนที่พูดกับท่านให้รู้เรื่อง   ที่จะแนะนำให้ท่านไปหาวัดที่เป็นสัปปายะอยู่เป็นหลักแหล่งเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม     ก็จะไม่เป็นบาปกรรมของลูกและพระน้องชายจ่ะ !

9.    ลูกกับลูกชายทั้ง  2  คน   ก็เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง” ประเภทตามอารมณ์  ,  บางครั้งก็เต็มที่  ,  บางครั้งก็ไม่เต็มที่  ,  แต่ลูกชายทั้ง  2  คนบางชาติก็เป็นกองเสบียง , บางชาติก็ “เคยบวช” ช่วงสั้นบ้าง  ,  ช่วงยาวบ้างจ่ะ !
 
 

10.    ลูกกับสามีคนปัจจุบัน   ก็เคยทำบุญร่วมกันมาในอดีต    ในระยะสั้น ๆ     และเคยเป็นสามี – ภรรยากันในอดีตช่วงสั้น ๆ จ่ะ!

  • ถ้าหากเขาขายสูตรเหล้าเบียร์ได้สำเร็จ   ก็จะเป็นไปดังที่ว่า    และหากพ้นจากการเป็นกุมภัณฑ์   ก็จะมีเชื้อบ้า , ปัญญาอ่อน  ติดมา และอาจมีเชื้อบ้าก่อนบวชหรือบวชแล้วก็จะบ้าได้จ่ะ ! 

  • เขาเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาในอดีต   เมื่อกัปก่อน     แต่ได้หลุดจากหมู่คณะไปอยู่ที่อื่น   เพราะมีความคิดเห็นเป็นของตนเองหรือพูดง่าย ๆ ว่า “ดื้อ” จ่ะ !    
 

 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-01-04.html
เมื่อ 19 เมษายน 2567 17:45
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv