CASE STUDY
ตายเป็นตายไม่มีใหม่เด็ดขาด, ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 

  กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงยิ่ง 

 
    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เปิดโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ลูกก็ได้รีบนำดาวธรรมไปติดให้คุณแม่ และพี่ๆน้องๆ ปัจจุบันดาวธรรมอยู่ในหัวใจของทุกคน และรายการในดาวธรรม ที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในบ้านก็คือ Case Study แล้วคุณแม่และตัวลูกก็อดไม่ได้ที่จะมีคำถาม มากราบขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้ช่วยฝันในฝันให้ ลูกขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ
 
    คุณพ่อของลูก เป็นชาวจีนมาจากแผ่นดินใหญ่ โดยคุณปู่พาคุณพ่อหนีการเกณฑ์ทหารของเมืองจีนมาอยู่เมืองไทย มาประกอบอาชีพล่องเรือค้าข้าวเปลือก ต่อมากลุ่มพ่อค้าข้าวสลายตัว เลิกค้าขายข้าว คุณพ่อจึงหันมาประกอบอาชีพขายกาแฟทางเรือ ในชีวิตของคุณพ่อ ไม่ทำบุญในพระพุทธศาสนาเลย ได้แต่ไหว้เจ้า และฆ่าเป็ดไก่ไหว้เจ้าในวันตรุษสารท บั้นปลายชีวิต คุณพ่อได้สร้างบุญสงเคราะห์โลกบ้าง ต่อมาท่านเป็นเนื้องอกในสมอง และถึงแก่กรรม เมื่ออายุได้ 69ปี
 
    คุณปู่ ชอบดื่มเหล้า ต่อมาท่านป่วยและถึงแก่กรรมที่เมืองไทย เมื่ออายุได้ 53ปี
 
    คุณย่า...เมื่อคุณปู่กับคุณพ่อเดินทางมาเมืองไทย ได้ทิ้งให้คุณย่าอยู่กับคุณอาหญิง (น้องสาวของคุณพ่อ)_เพียงลำพัง แต่คุณปู่ก็ส่งเงินไปให้เสมอ และเมื่อคุณพ่อมาอยู่เมืองไทยได้ประมาณ 7ปี คุณย่าซึ่งอยู่ที่เมืองจีนก็จัดงานแต่งงานให้คุณพ่อกับสาวจีนคนหนึ่ง คือ คุณแม่ของลูกเอง โดยที่คุณพ่อยังอยู่เมืองไทย แต่คุณแม่อยู่เมืองจีน ต่อมาคุณอาหญิงแต่งงานไป คุณย่าจึงพาคุณแม่เดินทางมาเมืองไทย เพื่อพบคุณปู่และคุณพ่อ
 
    เมื่อคุณปู่ถึงแก่กรรมแล้ว คุณย่ามักชอบหาเรื่องต่างๆมาว่ากล่าว ตำหนิ ชวนคุณแม่ทะเลาะด้วยเป็นประจำทุกๆวัน ครั้งหนึ่งเกิดมีปากเสียงกันอีก คุณย่าจึงท้าให้คุณแม่ตีท่าน คุณแม่เผลอสติและด้วยโทสะ จึงเอาไม้ตีคุณย่าตามคำท้านั้น แล้วคุณแม่ก็รู้สึกสำนึกผิด และไม่สบายใจจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาคุณย่าเป็นอัมพาต และถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 77ปี
 
    คุณแม่...เมื่อแต่งงานมาอยู่ที่บ้านของคุณย่า ท่านก็ต้องปรนนิบัติดูแลคุณย่า คุณอาหญิง โดยทุกเช้าตั้งแต่ตื่นนอนก็ต้องเตรียมน้ำล้างหน้า ผ้าเช็ดหน้าให้คุณย่า หุงข้าว ทำกับข้าว และทำงานบ้านทุกอย่างให้คุณย่าและคุณอาหญิง คุณแม่ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด
 
    จนเวลาล่วงไปกว่าสองปี ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่2_ทำให้คุณปู่ไม่สามารถส่งเงินไปเมืองจีนได้ ข้าวสารในบ้านก็เริ่มร่อยหรอ จากที่เคยรับประทานอาหารวันละสามมื้อ ก็เหลือสองมื้อ และก็เหลือมื้อเดียว ซึ่งเป็นข้าวต้มที่มีแต่น้ำข้าว และเม็ดข้าวเพียงน้อยนิด นานเข้าก็ไม่มีอะไรจะรับประทานเลย คุณแม่จึงออกไปรับจ้างในไร่ในสวน เพื่อเอาแรงงานแลกอาหารมาดูแลคุณย่า และคุณอาหญิง
 
    ครั้งหนึ่ง คุณแม่ออกไปรับจ้างหาบมันเทศ ทั้งๆที่กระเพาะอาหารไม่มีข้าวสักเม็ด จนเป็นลมฟุบลง แต่ถึงกระนั้นก็ออกรับจ้างทำงานเป็นปีๆ จนหมู่ญาติของคุณย่าเห็นแล้วก็สงสาร จึงเปรยให้คุณแม่ได้ยินว่า  “แต่งมาทำงานและอดอาหาร สามีก็ไม่อยู่ ให้ไปแต่งงานใหม่เถอะ”_คุณแม่ได้ฟังคำพูดเหล่านั้นแล้วคิดในใจว่า ตั้งแต่เล็กฟังคุณยาย (แม่ของคุณแม่)_พูดว่า ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงเกิดมาชีวิตหนึ่งควรแต่งงานครั้งเดียว
 
    คุณแม่จึงบอกกับตัวเองว่า “อดตายก็ไม่เป็นไร จะไม่ยอมแต่งงานใหม่อย่างเด็ดขาด”_แล้วก็ตั้งใจเอาแรงงานเข้าแลก ทำงานดูแลคุณย่าและคุณอาหญิงตลอด จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่2_แล้ว คุณปู่ก็สามารถส่งเงินไปเมืองจีนได้ ทำให้ไม่ต้องอดอาหารอีก 
 
    เมื่อคุณแม่มาพบกับคุณพ่อที่เมืองไทยแล้ว ก็มีลูกด้วยกัน 7คน ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆก็เห็นคุณพ่อป่วยบ่อยๆ สามวันดีสี่วันไข้ ด้วยโรคกระเพาะอาหาร และโรคอื่นๆ ตลอดมา คุณแม่จึงต้องทำงานหาเงินและดูแลคุณย่า คุณพ่อที่ป่วย และลูกๆถึง 7คน
 
    คุณแม่มักไปทำบุญที่โรงเจเสมอ และด้วยความกตัญญู ท่านจึงทำป้ายบรรพชนที่คนจีนเรียกว่า แกซิ้ง จารึกชื่อคุณปู่ ย่า ตา ยาย และคุณพ่อ ไว้ที่โรงเจด้วย คุณแม่บอกว่า ชีวิตมนุษย์ทุกข์จริงๆ หากท่านตายไปจะไม่มาเกิดอีกแล้ว ท่านจะไปอยู่แดนสุขาวดี ไปอยู่ในดอกบัวเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า ลูกเป็นห่วงท่านมาก เกรงว่าถึงคราวศึกชิงภพ ท่านจะไม่ได้ไปดุสิตบุรี
 
    เมื่อลูกได้รู้จักวัดพระธรรมกาย ก็ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้คุณแม่มาทำบุญที่วัด  ปัจจุบันคุณแม่ทำบุญเป็นแล้ว ท่านทำบุญทุกบุญที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอก ลูกๆให้ปัจจัยเท่าไร คุณแม่ก็จะเก็บรวบรวมไว้ ได้เป็นก้อนก็จะฝากลูกมาทำบุญ ท่านรักษาศีลแปด ทุกวันโกนและวันพระอย่างเคร่งครัด ทุกวันก่อนสวดมนต์จีน ท่านจะสรรเสริญพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ด้วยการภาวนา “สัมมาอะระหัง” ก่อนและหลังสวดมนต์จีน คุณแม่ก็จะนั่งสมาธิต่อ
 
    จริงๆแล้ว คุณแม่เคารพนับถือพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆ ท่านปรารภกับลูกว่า ใต้ผืนฟ้านี้ ไม่มีใครเก่งยอดเยี่ยมเท่ากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเลย พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คือ เซียนผู้มีศักดิ์ใหญ่บนสวรรค์ลงมาเกิด เก่งที่หนึ่งเลย ท่านพูดพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่โป้งโชว์ให้ลูกดู
 
    พี่สาวคนที่สาม เป็นคนใจดีและใจกว้างมาก พี่คนนี้ต้องแต่งงานถึง 2ครั้ง แต่งครั้งแรก สามีติดอบายมุข จึงแยกทางกัน แต่งครั้งที่สอง ก็เป็นบุญของพี่สาวอีกที่ได้แยกทางกันมามีชีวิตที่อิสระ ไม่ต้องถูกครัวครอบไว้ ได้สร้างบุญและสร้างความดีอย่างเต็มที่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อและหมู่คณะ จนตอนนี้เธอมีความสุขขึ้นกว่าเดิมมากค่ะ
 
    แต่ก็ยังมีบางครั้ง ที่เธอต้องไปร่วมกิจกรรมเผยแผ่คำสอนกับความเชื่ออื่น และเมื่อตอนที่เธออยู่ในวัยสาว ช่วงที่เป็นประจำเดือน จะมีเลือดออกมามากผิดปกติ จนตัวซีดมาก ตอนนั้นหมอจะให้ผ่าตัด แต่เธอไม่ยอม ต่อมาหมอจึงตรวจพบว่า เป็นโรคเลือด (เม็ดโลหิตขาวกินเม็ดโลหิตแดง) หมอแนะนำว่า อย่าให้เกิดบาดแผลจนมีเลือดออก ถ้าออกแล้วก็จะไหลไม่หยุด เพราะเลือดจะไม่แข็งตัว
 
    พี่สาวรักษามานานกว่า 25ปีแล้ว ก็ยังไม่หาย แต่ก็มีกำลังใจทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป ปัจจุบันยังป่วยอีกหลายโรค คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคไต
 
    พี่สาวคนที่สี่ ตอนเล็กๆป่วยหนักมาก เมื่ออายุ 3ขวบ ได้ป่วยเป็นอีสุกอีใส หลังจากนั้นก็ป่วยเป็นโรคบิดถ่ายท้องทั้งวันทั้งคืน จนเกือบจะเสียชีวิต เมื่อเข้าโรงเรียนจะมีการตอบสนองความรู้สึกช้ากว่าคนอื่น คล้ายกับว่าความสามารถทางสมองถูกทำลายไปส่วนหนึ่ง เธอจึงได้เรียนจบแค่ ป. 4 เพราะครูบอกว่า “ถึงเรียนต่อไปก็คงจะไม่ไหว”
 
    เมื่อพี่ๆน้องๆต่างแยกครอบครัวออกไปอยู่ที่อื่น แต่เธอยังอยู่ที่บ้านกับคุณแม่เหมือนเดิม เธอจึงรู้สึกว่า ตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ มีอำนาจมากที่สุดในบ้าน ใครทำอะไรไม่ถูกใจเธอเพียงนิดเดียว เธอก็จะแสดงอาการฟ้าผ่าขึ้นมาทันที กระแทกประตู หน้าต่าง ขว้างปาข้าวของ ที่สำคัญที่สุดคือ เธอกระแทกคุณแม่ด้วยคำพูด และการกระทำอย่างรุนแรง จนทำให้คุณแม่มีใจขุ่นมัวบ่อยๆ คุณแม่คิดว่า เธอเคยเกิดเป็นไก่ตัวที่คุณแม่เคยได้รับคำสั่งจากคุณย่าให้ฆ่า เธอเกิดมาเพื่อล้างแค้นคุณแม่
 
    ตัวลูกเอง  ตลอดยี่สิบกว่าปี ที่ได้มาสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อและหมู่คณะ ลูกมีความสุขมาก แต่เมื่อ 6-7เดือนก่อนจนถึงปัจจุบัน ความสุขนั้นหายไปส่วนหนึ่งทีเดียว เพราะลูกป่วยเป็นโรคภูมิแพ้กำเริบอย่างมาก ผิวหนังเป็นผื่นแดงไปทั่วตัวรวมทั้งใบหน้า มีอาการคันที่ผิวหนัง ตลอดทั้งศีรษะและตามตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน จะมีอาการคันมาก ต้องลุกขึ้นมาเกาๆๆ และเกา นอนไม่หลับ จนลูกไม่อยากให้ถึงเวลากลางคืนเลย อีกทั้งทำให้ปฏิบัติธรรมะได้ลำบากด้วยค่ะ
 
คำถาม
 
1.คุณปู่ คุณย่า ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่คะ 
 
2.คุณตาและคุณยาย มีอาชีพเป็นเกษตรกร ท่านทั้งสองถึงแก่กรรม ที่เมืองจีน เมื่ออายุ 50กว่าปี ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน (ไปอยู่ในป้ายบรรพชนที่โรงเจหรือไม่ เพราะคุณแม่เชื่อว่าคุณตาไปอยู่ที่โรงเจนั้น) ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่คะ 
 
3.คุณพ่อมีวิบากกรรมใด จึงตายด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่คะ 
 
4.คุณแม่ทำกรรมอะไรมา หลังแต่งงานแล้วจึงมีชีวิตที่ลำบากมาก ต้องทำงานปรนนิบัติรับใช้คุณย่าและคุณอาหญิง อีกทั้งในช่วงสงครามโลกยังต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูคุณย่า และต้องมาอดอาหารอยู่ 3-4ปี คุณแม่มีกรรมมาอย่างไรกับคุณย่าหรือไม่ และคุณแม่จะต้องแก้ไขเรื่องที่ท่านได้ตีคุณย่าอย่างไร จึงจะทำให้ท่านสบายใจขึ้นคะ 
 
5.คุณแม่ตั้งใจว่า เมื่อละโลกแล้วจะไปอยู่ในดอกบัว ไม่มาเกิดอีก แต่ท่านก็สร้างบุญกับหมู่คณะ เช่นนี้ท่านจะได้ไปดุสิตบุรีหรือไม่ จะเปลี่ยนความตั้งใจของท่านให้ไปดุสิตบุรีได้อย่างไรคะ
 
6.พี่สาวคนที่สามมีกรรมอะไร จึงต้องแต่งงานแล้วหย่าถึงสองครั้ง เธอทำกรรมอะไรมาจึงมีอาการป่วยเป็นโรคเลือด (เม็ดโลหิตขาวกินเม็ดโลหิตแดง) อีกทั้ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคไต จะแก้ไขวิบากกรรมนี้อย่างไร การไปร่วมทำกิจกรรมกับความเชื่ออื่น เพื่อสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ ที่เธอทำอยู่นี้จะทำให้ใจวนเวียนอยู่กับความเชื่อนั้น แล้วทำให้ไม่ได้ไปดุสิตบุรีกับหมู่คณะหรือไม่ ควรจะแนะนำเธออย่างไร จึงจะได้บุญติดตัวไปมากที่สุดคะ
 
7.กรรมใดทำให้พี่สาวคนที่สี่ มีอาการทางสมอง เธอเคยเกิดเป็นไก่ตัวที่คุณแม่ฆ่า ตามที่ท่านเข้าใจหรือไม่ คุณแม่และพวกเราทำกรรมอะไรมา จึงต้องมาพบการกระทำของพี่สาวคนนี้ เราทุกคนควรจะทำอย่างไรกับเธอดี จึงจะอยู่กันอย่างมีความสุขและไม่ติดวิบากกรรมไปกับเธออีก และเธอควรจะทำอย่างไร ที่ได้ล่วงเกินคุณแม่มากขนาดนี้คะ
 
8.ตัวลูกเองได้ทำวิบากกรรมอะไรมา จึงได้มาป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ มีผื่นแดงและคันไปทั้งตัว จะแก้ไขได้อย่างไร ลูกจะหายจากอาการป่วยนี้หรือไม่ ต้องใช้เวลานานเท่าไร ลูกจะทำอย่างไรจึงทำธรรมะภายในได้ ในขณะที่ป่วยด้วยอาการเช่นนี้คะ
 
9.เมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา คุณแม่ พี่ๆ น้องๆ และตัวลูกมาเกิดเป็นใคร ทำหน้าที่อะไรในหมู่คณะ มีผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร ได้ลงมาสร้างบารมีกี่รอบ ลูกมีข้อควรแก้ไขตนเองอะไรบ้าง กราบขอความเมตตาพระเดชพระคุณหลวงพ่อช่วยชี้แนะลูกด้วยเจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพเหนือเศียรเกล้า
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.คุณปู่ตายแล้ว ก็ดำดิ่งไปมหานรกขุม5_ด้วยกรรมดื่มสุรา กำลังโดนนายนิรยบาลกรอกน้ำกรดสีดำร้อนแรงอยู่ มีความทุกข์ทรมานมาก ไม่อาจรับบุญได้ แต่บุญที่อุทิศให้จะไปคอยอยู่ที่ยมโลก เมื่อพ้นมหานรกแล้ว จึงจะได้รับ
 
 

2.คุณตาและคุณยายตายแล้ว ก็ไปเป็นภุมมเทวาด้วยกันทั้งคู่ ระดับทั่วไป อยู่ด้วยกันในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่งในเมืองจีน ไม่ได้อยู่ที่ป้ายบรรพชนที่โรงเจตามที่คุณแม่เข้าใจ มีชีวิตแบบอดๆอยากๆ เพราะไม่เข้าใจเรื่องการทำบุญ จึงไม่ค่อยได้ทำบุญ

3.คุณพ่อตายด้วยเนื้องอกในสมอง เพราะกรรมฆ่าสัตว์ทั้งในอดีต และปัจจุบัน โดยการทุบที่หัว เพื่อทำเป็นอาหาร และฆ่าขายเป็นบางโอกาส มารวมส่งผล

4.คุณแม่ภายหลังแต่งงานแล้วมีชีวิตลำบากมาก ต้องปรนนิบัติคุณย่าและคุณอาหญิง อีกทั้งช่วงสงครามโลกต้องทำงานหาเงินเลี้ยงคุณย่า และอดอาหารถึง 3-4ปี เพราะหลายกรรมส่งผลในคราวเดียว เช่น กรรมตระหนี่จึงทำให้อดอยากยากจน

 

5.คุณแม่ตั้งใจว่าตายแล้วจะไปอยู่แดนสุขาวดี ต้องไปเกิดในดอกบัวไม่มาเกิดอีก แต่ก็ได้สร้างบารมีกับหมู่คณะ ก็จะทำให้ใจที่ผูกพันกับผู้ที่อยากไปเกิดในแดนสุขาวดี ได้ไปอยู่ร่วมกันในหมู่วิทยาธร ที่มีความเชื่อคล้ายกันบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้วยความเชื่อที่ปนความหลง
  
6.พี่สาวคนที่สาม แต่งงานแล้วหย่าถึง 2ครั้ง เพราะกรรมกาเมฯเจ้าชู้สมัยที่เป็นผู้ชาย มาส่งผล อีกทั้งเป็นภาพในอดีตของพี่สาวคนนี้ ที่เคยทำดังนี้มาก่อน กอปรกับปัจจุบัน ศรัทธา ศีล ทิฐิ ไม่เสมอกันกับสามีทั้งสองคนด้วย
 

7.พี่สาวคนที่สี่ มีอาการทางสมอง เพราะเศษกรรมดื่มสุรามาในอดีต มาส่งผล


 

 
8.ตัวลูกเองได้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ มีผื่นแดงและคันไปทั้งตัว เพราะกรรมในอดีตในชาตินั้นมีสามี สามีได้มีภรรยาน้อยและได้นำเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย จึงทำให้ตนเองโกรธ ได้นำเอาหมามุ่ยไปโรยใส่ที่นอนของภรรยาน้อย จนเธอทุกข์ทรมานมาก เพราะแพ้หมามุ่ยมาก อีกทั้งตัวลูกก็คอยด่าว่าเธอ จึงเป็นวจีกรรมของลูก มาผสมรวมกันส่งผล
 

9.เมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา บางคนก็ได้เกิดมาในยุคนั้น บางคนก็ไม่ได้มาเกิดร่วม แต่ละคนก็มีสายบุญกับหมู่คณะมาบ้างในระดับหนึ่ง


บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-11-27.html
เมื่อ 6 พฤษภาคม 2567 02:42
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv