ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 105

    จากตอนที่แล้ว  พระเจ้าวิเทหราชทอดพระเนตรเห็นกิริยานอบน้อมของมโหสถบัณฑิต ก็ทรงทราบว่า มโหสถยังเคารพพระองค์อยู่ ไม่ได้คิดก่อกบฏแต่อย่างใด จึงรับสั่งให้มโหสถเข้าเฝ้า

    ลำดับนั้น พระเจ้าวิเทหราชทรงทำเหมือนมิได้มีอะไรเกิดขึ้น ตรัสถามมโหสถว่า “เมื่อวานนี้ทำไมเธอถึงกลับไปเสียก่อน แล้ววันนี้ก็เพิ่งจะมาถึง ไยเธอถึงละเลยหน้าที่ของตนเสีย”

    มโหสถบัณฑิตก็กราบทูลตรงๆ ว่า “พระองค์ทรงเชื่อถ้อยคำให้ร้ายของอาจารย์ทั้ง ๔ ที่ทูลยุยงด้วยคำเท็จ และยังได้มอบหมายให้อาจารย์ทั้ง ๔ มาคอยลอบฆ่าข้าพระองค์อีก เพราะเหตุนี้แหละ ข้าพระองค์จึงมิได้มาตามเวลาเดิม”

    พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับดังนั้น ก็ทรงตกพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทรงข่มความรู้สึกของพระองค์ไว้ แล้วจึงตรัสถามว่า “พ่อมโหสถ ทำไมเธอถึงกล่าวเช่นนั้น เธอระแวงไปเองหรือเปล่า”

    มโหสถบัณฑิตจึงทูลตอบว่า ตนมิได้เป็นคนขี้ระแวง แต่ว่าได้ทราบความลับของพระองค์จริงๆ  อย่าว่าแต่ความลับของพระองค์เลย แม้ความลับของราชบัณฑิตทั้ง ๔ ตนก็ทราบดี  พระเจ้าวิเทหราชจึงตรัสถามมโหสถว่า “ความลับของบัณฑิตทั้ง ๔ เป็นอย่างไรหรือ เธอจงบอกเรามาหน่อยซิ”

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าพระองค์ใคร่จะกราบทูลถึงความลับของอาจารย์เสนกะเสียก่อน พระพุทธเจ้าข้า” มโหสถบัณฑิตกราบทูลเป็นลำดับแรก ก่อนจะเปิดเผยความลับของอาจารย์เหล่านั้นทีละคน

    “ขอเดชะ อาจารย์เสนกะเป็นคนโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ สามารถฆ่าบุคคลอันเป็นที่รักของชาวพระนครได้ลงคอ เขาได้ร่วมหลับนอนกับหญิงงามเมืองนางหนึ่งแล้ว  แต่เพราะความโลภอยากได้เครื่องประดับของหญิงงามเมืองนางนั้น จึงลงมือฆ่านาง แล้วหมกร่างของนางไว้ในสวนรังใกล้เมืองนี่เอง ภายหลังจึงได้เล่าความลับของตนให้สหายคนหนึ่งฟัง
 
    เท่านี้ก็เพียงพอที่จะสรุปได้ว่า ผู้ที่เป็นเสี้ยนหนามแห่งราชบัลลังก์ของพระองค์ มิใช่ข้าพระองค์ดอกพระพุทธเจ้าข้า แต่ทว่าเป็นท่านเสนกะผู้มีใจเหี้ยมโหดมือเปื้อนโลหิตนี่ต่างหากเล่า ฉะนั้น ขอได้ทรงโปรดรับสั่งให้จับเสนกะผู้เป็นขบถต่อพระองค์เถิด พระพุทธเจ้าข้า”

    พอมโหสถทูลจบ พระเจ้าวิเทหราชก็ทรงทอดพระเนตรไปทางอาจารย์เสนกะทันที พลางมีพระราชดำรัสถามด้วยพระสุรเสียงเฉียบขาดว่า “เป็นความจริงหรือ ท่านเสนกะ”

    อาจารย์เสนกะก้มหน้าก้มตา กราบทูลด้วยเสียงแหบเครือว่า “เป็นความจริงพระพุทธเจ้าข้า”

   
“ฮึ...ช่างเสียแรงที่เราไว้ใจ” ท้าวเธอทรงรำพึงเบาๆ พลางตรัสเรียกราชบุรุษเข้ามา
 
    “เฮ้ย...ราชบุรุษ พวกท่านจงนำตัวอาจารย์เสนกะไปขังไว้ในเรือนจำเดี๋ยวนี้”  แล้วพวกราชบุรุษก็รับสนองพระราชดำรัสนั้นทันที

    จากนั้น พระราชาก็ตรัสถามมโหสถต่อไปว่า “แล้วอาจารย์ที่เหลือล่ะ มีเรื่องความลับอะไรอีก เธอจงเล่าไปเถิด อย่ามัวรอช้าอยู่เลย”

    ครั้นแล้วมโหสถจึงได้กราบทูลถึงความลับของอาจารย์ปุกกุสะเป็นลำดับต่อมา “ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปุกกุสะก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าเข้าใกล้เลยพระพุทธเจ้าข้า เพราะเขาเป็นโรคเรื้อนที่ขา อาการร้ายแรงทีเดียว ทรงระลึกได้หรือไม่ว่า เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์   พระองค์ยังทรงสำคัญผิดไปว่า    ท่อนขาของปุกกุสะมีสัมผัสอ่อนนุ่ม ทั้งๆที่จริงแล้ว เป็นเพราะเอาผ้าพันแผลโรคเรื้อนที่ขาไว้ เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดรู้เลย นอกจากน้องชายของเขาเท่านั้น 
 
    ขอเดชะหากคนทั้งหลายทราบว่า ราชบัณฑิตใกล้ชิดพระองค์เป็นโรคร้ายที่พึงรังเกียจ ข้อนี้ย่อมเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เขาก็จะพากันเย้ยหยันให้ที่ตลกขบขันกันไปทั่ว  ด้วยเหตุนี้แหละ ข้าพระบาทจึงเห็นว่า ปุกกุสะอยู่ไปก็รังแต่จะเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท พระพุทธเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชทอดพระเนตรอาจารย์ปุกกุสะแล้ว จึงตรัสถามว่า “เป็นความจริงหรือไม่ ท่านอาจารย์ปุกกุสะ”

    อาจารย์ปุกกุสะก็กราบทูลสารภาพว่า “เป็นความจริงพระพุทธเจ้าข้า”
 
    “ราชบุรุษทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็จงนำปุกกุสะไปขังไว้ในเรือนจำเถิด” ท้าวเธอตรัสอย่างไม่เหลือเยื่อไย

    ครั้นแล้วมโหสถบัณฑิต จึงได้กราบทูลความลับของอาจารย์กามินทะเป็นรายต่อไป     “ขอเดชะ กามินทะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความลับอันน่าสะพรึงกลัว ไม่น้อยไปกว่าทุกคน แต่ก็พยายามปกปิดความลับนั้นไว้อย่างแนบเนียน

    เรื่องก็มีอยู่ว่า ทุกๆวันอุโบสถข้างแรม ยักษ์ชื่อนรเทพจะเข้าสิงกามินทะ ทำให้กามินทะต้องเห่าหอนเหมือนสุนัขบ้า จนลูกชายต้องขังไว้ในห้อง แล้วจัดให้มีมหรสพที่ประตูบ้านเพื่อกลบเสียงเห่าหอนของบิดา ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดทรงใคร่ครวญดูเถิดว่า สมควรหรือไม่ที่พระองค์จะรับเอาคนบ้าผีสิงมาอยู่ในพระราชสำนักของพระองค์”

    พระเจ้าวิเทหราชก็ตรัสถามอาจารย์กามินทะทันทีว่า “จริงหรือไม่ท่านกามินทะ”

    ท่านกามินทะหมดทางแก้ตัว จึงได้ทูลรับสารภาพว่า “เป็นเช่นนั้นจริง พระพุทธเจ้าข้า”

    ในที่สุด พระเจ้าวิเทหราชก็มีรับสั่ง ให้นำอาจารย์กามินทะไปขังไว้ในเรือนจำเช่นเดียวกับอาจารย์เสนกะและปุกกุสะ

    บัดนี้อาจารย์ทั้ง ๔ ผู้ที่พยายามให้ร้ายป้ายสีคิดทำลายมโหสถ ทำให้ได้รับความลำบากลำบนหลายครั้งหลายครา ซึ่งมโหสถก็ให้อภัยไม่ถือสาหาความเรื่อยมา ในครั้งนี้ หากมโหสถไม่คิดปราณี ก็เห็นทีว่า พวกเขาคงไม่มีชีวีเหลือรอดเป็นแน่ แต่ก็ยังเหลือความลับของอาจารย์เทวินทะอีกคน ซึ่งก็หนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita105.html
เมื่อ 1 มิถุนายน 2567 05:31
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv