ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 75
 

    จากตอนที่แล้ว  อาจารย์ทั้ง ๔ ท่านได้มานั่งหารือกัน ในเรื่องที่มโหสถเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาตามลำดับจนข่มรัศมีของพวกตนเสียสิ้น อาจารย์เสนกะครั้นเห็นว่าทุกคนเดือดดาลได้ที่แล้ว ก็เริ่มเล่าแผนร้ายของตน ว่าจะต้องทำให้ท้าวเธอทรงระแวงในมโหสถว่ากำลังคิดจะช่วงชิงราชบัลลังก์

    เมื่อทราบว่าทุกคนต่างเห็นด้วยในหลักการแล้ว อาจารย์เสนกะก็ได้แบ่งหน้าที่ให้ทุกคนไปทำ จากนั้นจึงได้แยกย้ายกันกลับไปทำตามแผนที่ได้วางไว้   ต่อมาไม่นาน  ที่หน้าเรือนของมโหสถก็มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น คือมีนางทาสคนหนึ่งหาบหม้อน้ำมันเปรียง เดินกลับไปกลับมาอยู่ตรงหน้าประตูเรือนของมโหสถ เหมือนเจาะจงจะขายให้เจ้าของเรือนหลังนี้เพียงผู้เดียว

    นางอมราเทวีสังเกตเห็นดังนั้น ก็รู้สึกแปลกใจ จึงเข้าไปหานาง แล้วบอกว่าตนจะรับซื้อเปรียงนั้นเอาไว้ ขอให้แม่ค้าเปรียงช่วยเข้าไปตามสาวใช้ในบ้านมารับเปรียงนั้นไว้ด้วย เมื่อแม่ค้าเปรียงเดินลับไปแล้ว จึงตรวจดูในหม้อเปรียงนั้น ก็พบพระจุฬามณีซึ่งเป็นเครื่องประดับของพระราชา

    นางไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา กลับวางพระจุฬามณีไว้ในหม้อตามเดิม เมื่อแม่ค้าเปรียงและสาวใช้มาถึง จึงซักถามว่านางเป็นใคร มาจากไหน แล้วจึงรับหม้อเปรียงนั้นเอาไว้ ครั้นแม่ค้าเปรียงกลับไปแล้ว นางอมราก็ได้บันทึกเหตุการณ์นั้นไว้อย่างละเอียด

    วันต่อมา ก็มีแม่ค้าถือผอบดอกมะลิมาร้องขายอยู่ที่หน้าประตูเรือนของนางอมราเทวีอีก แล้วก็เป็นเช่นครั้งก่อน คือแม่ค้านั้นเที่ยวเดินกลับไปกลับมาอยู่ตรงหน้าประตูเรือนของนางเท่านั้น ไม่ยอมไปขายที่อื่นเลย   กระทั่งนางอมราเทวีต้องเรียกแม่ค้าให้เข้ามา แล้วใช้อุบายเหมือนครั้งก่อน ในที่สุดนางจึงทราบว่าภายในผอบนั้นมีพระสุวรรณมาลาซุกซ่อนอยู่

    นางแกล้งสอบถามดู จึงได้รู้ว่า แม่ค้านั้นเป็นนางทาสที่มาจากเรือนของอาจารย์ปุกกุสะ นางจึงรับผอบดอกมะลินั้นไว้ แล้วก็บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้โดยละเอียด

    นางอมราเทวีคาดการณ์ในใจว่า อีกไม่ช้าก็คงจะมีนางทาสจากเรือนของอาจารย์กามินทะและอาจารย์เทวินทะนำสิ่งของอื่นๆมาขายให้กับนางอีกเป็นแน่ แล้วก็เป็นไปตามที่นางคาดคิดไว้จริงๆ คือเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น ก็มีแม่ค้าขายผัก หิ้วกระเช้าผักมาจากเรือนของอาจารย์กามินทะ  ภายในกระเช้านั้น ปรากฏมีผ้ากัมพลคลุมพระแท่นบรรทมพับเก็บไว้อย่างดี ปกปิดไว้ด้วยผักหลากหลายชนิดอย่างแนบเนียน  เช่นเดียวกัน คือแม่ค้าที่มาจากเรือนของอาจารย์เทวินทะ นางซุกซ่อนฉลองพระบาททองคำไว้ในฟ่อนข้าวเหนียวแล้วนำมาขายให้แก่นางอมราเทวีด้วยวิธีการคล้ายกัน

    นางอมราเทวีจึงได้ให้สาวใช้รับของเหล่านั้นไว้ทั้งหมด แล้วก็ไม่ลืมที่จะบันทึกเรื่องราวนั้นไว้เป็นหลักฐานเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา   ต่อมา นางอมราเทวีจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับมโหสถผู้เป็นสามี  พอมโหสถทราบว่าอาจารย์ทั้งสี่กำลังคิดมุ่งร้ายต่อตนเช่นนั้น ก็หาได้มีความวิตกแต่อย่างใด   กลับเป็นฝ่ายปลอบภรรยาให้คลายความกังวลว่า “อมรา เจ้าอย่าได้วิตกไปเลย ก็ในเมื่อผลใดๆก็ยังไม่ปรากฏ แล้วเราจะต้องวิตกกังวลไปไย รอดูผลที่จะปรากฏต่อไปก่อนจะดีกว่า”

    มโหสถปลอบนางแล้ว ในใจก็ตระหนักถึงภัยที่อาจเกิดขึ้นกับตนได้ทุกขณะ จึงได้คอยเฝ้าระวังเหตุร้าย และหมั่นสอบถามข่าวคราวจากทางราชสำนักอยู่เรื่อยๆ

    ฝ่ายอาจารย์ทั้งสี่ ครั้นได้ดำเนินการตามแผนการในขั้นแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระราชาถึงที่ประทับ แสร้งทูลถามท้าวเธอว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้สมมุติเทพ หมู่นี้พวกข้าพระบาทไม่เห็นพระองค์ประดับพระจุฬามณีเลย พระพุทธเจ้าข้า”

    ท้าวเธอจึงได้ตรัสว่า “อืมม...จริงซินะท่านอาจารย์ ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจงไปนำมาเถิด เราจะประดับเดี๋ยวนี้ล่ะ”

    อาจารย์ทั้งสี่รับพระดำรัสนั้นแล้ว ก็พากันไปนำมา แต่ครั้นไม่พบพระจุฬามณีในที่เก็บ รวมถึงเครื่องราชาภรณ์ของพระราชาอีกสามอย่าง  จึงได้รีบกลับมาทูลพระราชาด้วยท่าทีตื่นตระหนกว่า “ขอเดชะ พระจุฬามณีของพระองค์ได้หายไปจากที่เก็บโดยไม่ทราบสาเหตุ พระพุทธเจ้าข้า”

    ท้าวเธอทรงสดับดังนั้น ก็ทรงตกพระทัย พลันรับสั่งถามว่า “ท่านว่าอย่างไรนะ จุฬามณีหายไปอย่างนั้นรึ”

    ท่านเสนกะก็แสร้งทำหน้าตาตื่น กราบทูลท้าวเธอว่า “พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระบาทช่วยกันค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่พระสุวรรณมาลา ผ้ากัมพลคลุมแท่นพระบรรทม ก็หายไปด้วยพระพุทธเจ้าข้า”  

    “ฮึ อย่างไรกัน ใครบังอาจมาลักของๆเราไปได้”  อาจารย์ทั้งสี่เมื่อรู้ว่าท้าวเธอเริ่มจะทรงพิโรธ ก็แสร้งทำเป็นนิ่งเสีย เพื่อรอให้ท้าวเธอตรัสถาม

    “มันผู้ใดอาจหาญ กล้ามาหยามหยันเรา มันผู้นั้นสมควรตาย” พระราชาตรัสด้วยทรงกริ้ว พระสุรเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับจะทำลายผืนปฐพีให้พินาศลง  ครั้นแล้วพระพักตร์ของพระองค์ก็พลันบึ้งตึง พระเนตรทั้งสองแดงก่ำด้วยความพิโรธ ตรัสถามขึ้นว่า “พวกท่านสงสัยว่าใครกันที่กล้ากระทำการถึงเพียงนี้”

    อาจารย์ทั้งสี่ เมื่อเห็นว่าพระราชาเป็นฝ่ายตรัสถามเอง จึงหันมามองหน้ากันและกันเป็นเชิงขอมติ ครั้นแล้วอาจารย์เสนกะจึงทูลว่า “ขอเดชะ ที่ข้าพระองค์ต้องทูลถามว่า พระองค์ไม่ทรงประดับพระจุฬามณีหรือ นั้นก็เพราะมีเหตุที่จะกราบทูลให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าข้า”

    “เหตุผลอะไร จงพูดไปโดยเร็ว” พระราชาทรงเร่งเร้า  อาจารย์เสนกะจึงทูลว่า “ขอเดชะ ก่อนหน้านี้พวกข้าพระองค์ได้ทราบข่าวมาเพียงเลาๆ ว่า มีผู้พบเห็นว่า มโหสถนำราชาภรณ์ของพระองค์ไปใช้ในเรือนของตน พระพุทธเจ้าข้า”

    “เป็นไปได้อย่างไรกัน มโหสถน่ะหรือบังอาจตั้งตนเป็นศัตรูกับเรา” 
 
“พวกข้าพระบาทไม่อาจคิดเห็นเป็นอย่างอื่นได้เลยพระเจ้าข้า” อาจารย์เสนกะทูลยุยง

    ส่วนอาจารย์ทั้งสามก็กล่าวสนับสนุนเป็นแรงเสริมว่า “จริงพระพุทธเจ้า มโหสถคิดเป็นศัตรูกับพระองค์อย่างแน่นอน”
 
    พระราชาผู้ทรงสมบูรณ์ด้วยพระราชอำนาจ เมื่อพิโรธคราวเดียว ย่อมทำความพินาศได้มากมาย ส่วนมโหสถและนางอมราเทวีซึ่งก็ทราบดีว่า ภัยจากพระราชาจะต้องมาถึงตนอย่างแน่นอน แล้วท่านทั้งสองจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita075.html
เมื่อ 30 เมษายน 2567 02:15
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv