ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 78
 

    จากตอนที่แล้ว  เหล่าบัณฑิตทั้งสี่เมื่อเห็นว่าชาวเมืองพากันเศร้าโศกถึงมโหสถ จึงออกมาช่วยกันปลุกปลอบชาวเมืองให้คลายความโศก และระงับความโกลาหลที่เกิดขึ้น ไม่ช้านักมหาชนก็ค่อยๆสงบลง บรรยากาศที่ตึงเครียดก็คลี่คลาย ต่างฝ่ายก็แยกย้ายกันไป

    ส่วนบัณฑิตทั้งสี่นั้นเห็นว่า บัดนี้นางอมราเทวีจำต้องว้าเหว่อยู่เพียงลำพัง จึงต่างหมายมั่นที่จะได้ครอบครองนางอมราเทวี ต่างก็แอบส่งของขวัญล้ำค่าบรรจุห่ออย่างดี เพื่อนำไปมอบให้แด่นาง

    นางอมราเทวีได้รับบรรณาการที่มีผู้นำมาให้แล้ว ก็รู้ความประสงค์ของอาจารย์เหล่านั้น จึงคิดหาอุบายซ้อนแผนเพื่อเล่นงานอาจารย์ทั้งสี่ให้สาแก่ใจ โดยได้นัดหมายให้อาจารย์เหล่านั้นมาหาตนกันคนละเวลา โดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร

    เมื่อนางอมราเทวีได้นัดกับอาจารย์ทั้งสี่เรียบร้อยแล้ว จึงเรียกสาวใช้มาช่วยกันขุดหลุมลึกจนปีนขึ้นมาไม่ได้ ขนาดจุได้ ๔ คน เทคูถปนน้ำไว้ครึ่งหลุม ให้ทำแผ่นกระดานหกปิดปากหลุม เว้นช่องว่างพอตัวคนลอดลงไปได้ แล้วให้เอาเสื่อลำแพนปูปิดหลุมนั้นไว้

พอตกเย็น อาจารย์เสนกก็แต่งกายอย่างพิถีพิถันด้วยผ้านุ่งผ้าห่มเนื้อดี ออกเดินทางไปสู่เรือนของมโหสถให้ทันตามนัด เมื่อมาถึงก็ได้รับเชิญจากสาวใช้ให้เข้าไปพบนางอมราได้ตามสะดวก อาจารย์เสนกะได้ยินดังนั้น ก็ดีใจนักหนา รีบสาวท้าวก้าวเข้าไปยังห้องรับรองอย่างฝันหวาน

    ครั้นเดินตามมาถึงห้องรับรองซึ่งมีนางอมราเทวีกำลังรอต้อนรับอยู่ เพียงอาจารย์เสนกะได้เห็นใบหน้าอันนวลผ่องงดงามราวพระจันทร์ข้างขึ้น ก็ถึงกับตื่นตะลึงในความงามของนาง จนเกิดอาการประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ได้แต่ยืนจังงัง จ้องมองนางอมราเทวีอย่างไม่ละวาง

จนกระทั่งนางอมราเทวีต้องรีบทักขึ้นก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทว่า “ดิฉันยินดีค่ะ ที่จะได้ท่านอาจารย์มาเป็นเพื่อนร่วมสนทนาในโอกาสเหมาะเช่นนี้”

    แม้ว่าก่อนนี้อาจารย์เสนกจะตระหนักดีว่า “ความงามของนางอมราย่อมจะมาพร้อมกับความฉลาดเสมอ” แต่ครั้นได้มาเจอตัวจริงของนางอย่างชิดใกล้ ซึ่งงามกว่าที่ตนจินตนาการหลายเท่านัก และยิ่งได้ยินเสียงกังวานจับใจเช่นนี้ ตัณหาก็พลันบดบังดวงปัญญาของอาจารย์เสนกะไปเสียสิ้น

    อาจารย์เสนกะยิ้มน้อยๆ แสดงอาการกรุ้มกริ่ม พลางตอบนางด้วยความตื่นเต้นยินดีว่า “ฮะ ฮ่า... ฉันก็ยินดียิ่งนัก ที่หญิงงามเช่นนางให้เกียรติฉันถึงเพียงนี้”

    นางอมราฝืนยิ้มแล้วกล่าวล้อให้อาจารย์เสนกะตายใจว่า “จะไม่เป็นการยกย่องดิฉันเกินไปหรือคะ” แล้วนางก็แสร้งยกยออาจารย์เสนกะไปต่างๆนานาว่า “ท่านอาจารย์เป็นถึงราชบัณฑิตผู้เรืองนามในมิถิลานคร ใครกันเล่าที่จะไม่ยินดีรับความเป็นมิตรที่ท่านกรุณาหยิบยื่นให้”

    อาจารย์เสนกะได้ฟังคำของนางก็ยิ่งชื่นใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความปลาบปลื้ม เพราะนานๆทีจึงจะมีคนยกย่องด้วยคำหวานสักครั้ง  แต่ก็แกล้งกล่าวปฏิเสธอย่างมีเชิงว่า  “หามิได้เลยนาง ถึงฉันจะเป็นถึงราชบัณฑิต แต่ก็หาได้มีอำนาจสิทธิ์ขาดอันใดเลย”

    “อย่างนั้นหรือคะ แต่อย่างน้อยก็มีดิฉันนี่แหละ ที่กำลังตกอยู่ในอำนาจของท่าน ก็คนที่หมดที่พึ่งพำนักแล้วเช่นดิฉัน จะหวังพึ่งพาใครได้อีก”

    คำพูดของนางทำเอาอาจารย์เสนกะหัวใจพองโตด้วยความฮึกเหิม เหมือนอย่างหนุ่มน้อยที่สมหวังในความรัก พลันความคิดคำนึงในทางอกุศลก็ระดมเข้ามาในจิตใจ คับแน่นในอกจนเกิดอาการหายใจติดขัด

    เมื่อกามตัณหาท่วมทับจิตใจจนยากที่จะถ่ายถอน อาจารย์เสนกะจึงกล้ากล่าวเป็นเชิงรุกนางไปว่า “แปลกจริงเชียว มาถึงที่นี่ยังไม่ทันไร ก็รู้สึกง่วงเสียเต็มทน เห็นทีว่าคืนนี้ฉันคงต้องขอพักผ่อนหลับนอนที่เรือนของนางเสียแล้วล่ะ”

    “จะเป็นไรไปคะ ที่ว่างยังมีไว้สำหรับท่านอาจารย์เสมอ”  ขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลุมคูถที่นางขุดไว้รอท่า นางคิดในใจด้วยรู้สึกหมั่นไส้อาจารย์เสนกะเต็มทนว่า “อาจารย์เสนกะเอ๋ย ประเดี๋ยวเถอะ จะได้รู้กัน” 

คิดดังนี้แล้ว จึงกล่าวต่อไปว่า “คนที่ปรารถนาจะหลับจะนอน หากได้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเสียก่อน จึงจะสบายตัว นั่นไงคะ ตุ่มน้ำใบใหญ่ ดิฉันตั้งไว้พร้อมแล้วสำหรับท่าน”

แล้วนางก็ชี้ทางให้อาจารย์เสนกะ พลางเชื้อเชิญว่า “มาเถอะคะท่านอาจารย์ ท่านมาเปลี่ยนผ้านุ่งสำหรับอาบน้ำเสียก่อน แล้วดิฉันจะช่วยรดน้ำให้”

    “ได้ซีนาง” อาจารย์เสนะรับคำพลางเดินไปเปลี่ยนผ้านุ่งแล้วจึงตรงไปยังตุ่มน้ำซึ่งตั้งอยู่ในที่ไม่ไกล ส่วนนางอมราก็เดินตามเสนกะไปอย่างกระชั้นชิด

พออาจารย์เสนกะขึ้นไปยืนบนแผ่นกระดานเท่านั้น แทนที่นางจะก้มลงตักน้ำจากตุ่มเพื่อจะราดรดให้ แต่นางก็หาได้ทำเช่นนั้นไม่ นางกลับก้มลงถอดลิ่มสลักออกทันที

    พอแผ่นกระดานถูกปลดสลักเท่านั้น ปลายข้างหนึ่งของแผ่นกระดานก็กระดกขึ้น อาจารย์เสนกะซึ่งกำลังเหยียบแผ่นกระดานนั้นอยู่ จึงพลัดตกลงไปในหลุมคูถทันทีโดยมิทันตั้งตัว

เสียงโหวกเหวกโวยวายของอาจารย์เสนกะดังแว่วอยู่พักหนึ่ง แต่ครั้นแผ่นกระดานถูกปิดทับไว้เหมือนเดิม เสียงนั้นก็พลันเงียบหายไป เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะครึกครื้นของบรรดาสาวใช้ในเรือนของนางอมรา ซึ่งต่างแอบถ้ำมองอยู่ใกล้ๆ เพื่อรอดูผลสำเร็จที่ตนได้มีส่วนร่วมมือ

    นางอมราจึงปรามว่า “พวกเจ้าอย่าเอ็ดอึงกันนัก เดี๋ยวจักมีมาอีกเรื่อยๆ” เสียงนั้นก็ค่อยๆเงียบลง แล้วต่างก็เฝ้ารอดูผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป

    อาจารย์เสนกะผู้เป็นราชบัณฑิตแห่งมิถิลานคร แต่ก่อนนั้นเคยแต่ปราบทิฐิมานะของบุคคลอื่น เป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งเมือง แม้แต่พระเจ้าวิเทหราชผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องเชื่อฟัง จะประกอบราชกิจอันใด หากมิได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์เสนกะแล้ว ราชกิจนั้นก็ต้องมีอันหยุดชะงักทันที

    แต่คราวนี้ อาจารย์เสนกะกลับต้องมาเสียทีให้แก่อิสตรีอย่างสิ้นเชิงชาย เขาคิดว่า “นี่ถ้าหากล่วงรู้ไปถึงพระเจ้าวิเทหราชแล้ว ท้าวเธอคงหมดความนับถือเราอีกต่อไปเป็นแน่” ยิ่งคิดอาจารย์เสนกะก็ยิ่งคับแค้นใจ ที่ไม่น่ามาติดกับดักของนางอมราเลย ได้แต่ยืนจับเจ่าเหงาหงอย อยู่ในหลุมคูถอันมืดมิดแห่งนั้นแต่เพียงผู้เดียว ส่วนเหตุการณ์เบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita078.html
เมื่อ 3 พฤษภาคม 2567 15:15
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv