ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 102

    จากตอนที่แล้ว  มโหสถเมื่อกลับมาถึงเรือนแล้ว ก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็บริโภคอาหารมื้อค่ำตามปกติ ก่อนจะเข้านอน ได้เรียกคนเฝ้าประตูมาสั่งให้คอยระวังอยู่ที่หน้าประตูให้ดี หากว่ามีคนในวังมาขอพบ ก็ให้รีบมาบอก  แล้วก็เข้านอนโดยมิได้มีความกังวลใดๆ

    ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราช พระองค์บรรทมกระสับกระส่าย มิอาจข่มพระเนตรลงจนดึกดื่น ด้วยทรงนึกถึงคุณของมโหสถบัณฑิตว่า “เธอรับราชการอยู่กับเรามาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ  ไม่เคยทำความเสื่อมเสียให้แก่เราเลยแม้แต่น้อย เราไม่น่าสั่งอาจารย์เสนกะให้ฆ่าเธอเลย”

    พระนางอุทุมพรเทวีซึ่งบรรทมร่วมพระแท่น ทรงเห็นพระราชสวามีอาการผิดไปจากทุกวัน  จึงทูลถามว่า “พระองค์ทรงกังวลอะไร เหตุไฉนจนดึกดื่นแล้วก็ยังไม่ยอมบรรทม”

    พระเจ้าวิเทหราชตรัสตอบพระนางว่า “พี่กำลังไม่สบายใจ เพราะได้มอบพระแสงขรรค์ให้อาจารย์ทั้ง ๔ ไปฆ่ามโหสถเสียเมื่อตอนกลางวันนี้เอง เพราะอาจารย์ทั้ง ๔ ได้แจ้งข่าวว่า มโหสถคิดจะก่อการกบฏ  พี่ไม่ควรรีบด่วนตัดสินใจเลย” 

    พระนางอุทุมพรเทวีทรงทราบเช่นนั้น ก็ทรงโทมนัสอย่างหนักเพราะความรักและสงสารมโหสถผู้เป็นดุจน้องชายร่วมอุทรของพระนาง ในพระอุราก็ทรงอึดอัดเหลือประมาณ ราวกับมีภูเขาหินมหึมาท่วมทับอยู่

    น้ำพระเนตรเริ่มคลอเบ้าพระเนตรใกล้จะไหลริน แต่ครั้นทรงดำริว่า             “เพื่อความปลอดภัยของมโหสถ  เราจะต้องหาทางส่งข่าวนี้ไปแจ้งให้เธอทราบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

    พระนางทรงดำริดังนี้แล้ว จึงสู้อดกลั้นพระทัยไว้ไม่แสดงอาการเศร้าโศกให้ปรากฏ ครั้นแล้วจึงทูลถามพระราชสวามีว่า “มโหสถได้กระทำความผิดอะไรหรือเพคะ”

    “เทวี ก็วันนี้พี่ถามมโหสถว่า ความลับควรบอกแก่ใคร แต่มโหสถกลับบอกว่า ควรเก็บความลับไว้กับตนเท่านั้น ไม่ควรบอกแก่ใครเลย พี่ได้ยินดังนี้ จึงเชื่อตามที่อาจารย์ทั้ง ๔ ได้เคยกล่าวว่า “มโหสถเป็นคนมีลับลมคมใน เธอกำลังคิดการกบฏ ดังนั้น พี่จึงได้มอบภาระให้อาจารย์เหล่านั้นจัดการฆ่ามโหสถเสียในวันพรุ่งนี้ เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละ เทวี”

    พระนางทรงสดับคำของพระราชสวามีแล้ว ก็รู้ว่าท้าวเธอทรงกังวลพระทัยในความผิดที่พระองค์ได้กระทำลงไป ด้วยความเป็นผู้มีปฏิภาณว่องไว พระนางจึงได้ตรัสคล้อยตามพระราชอัธยาศัย เพื่อปลอบโยนพระราชสวามี ให้ทรงคลายความกระวนกระวาย

    “ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่า มโหสถมีลับลมคมในจริงๆ ก็ในเมื่อพระองค์ทรงเห็นว่า ผู้ใดมีท่าทีว่าจะเป็นเสี้ยนหนามแก่ราชบัลลังก์ของพระองค์ ก็เป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะต้องรีบกำจัดให้สิ้นไป เหมือนถอนวัชพืชที่กำลังขึ้นคลุมต้นไม้ใหญ่ หรือเหมือนดับไฟที่ต้นเพลิงโดยไม่รอให้ลุกโหมเสียก่อน หม่อมฉันเห็นว่า  การที่ทรงยื่นพระแสงขรรค์ให้อาจารย์เหล่านั้นช่วยกันประหารผู้ที่คิดร้ายต่อพระองค์ ข้อนั้นก็ควรอยู่แล้วนี่เพคะ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์จะทรงวิตกกังวลไปไยเล่า ทรงบรรทมเสียจะมิดีกว่าหรือเพคะ”

    พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับพระวาจานั้นแล้ว พระหฤทัยก็คลายจากความเศร้าโศก พระพักตร์แลดูผ่องใสขึ้นเล็กน้อย ไม่ช้านานเท่าใด ท้าวเธอก็สามารถเสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ได้ในที่สุด 

    พระนางอุทุมพรเทวีทอดพระเนตรเห็นพระราชสวามีบรรทมสนิทดีแล้ว จึงเสด็จจากพระแท่นบรรทมเข้าสู่อีกห้องหนึ่ง

    ครั้นแล้วจึงทรงพระอักษร มีข้อความสำคัญไปถึงมโหสถเสนาบดี ความว่า “มโหสถน้องรัก ขณะนี้พระราชาทรงกริ้วเธอมาก เพราะทรงหลงเชื่อคำยุยงของอาจารย์ทั้ง ๔ พี่ได้ทราบมาว่าพระราชาประทานพระแสงขรรค์ เพื่อให้เขานำไปฆ่าเธอที่ประตูวัง ฉะนั้น ในวันพรุ่งนี้ ขอเธอจงอย่ามาสู่พระราชสำนักนี้เลย

    แต่หากว่าจะต้องมาจริงๆ ก็ไม่พึงมาเพียงผู้เดียว ควรจัดกองอารักขาไว้ให้มั่นคง ห้อมล้อมด้วยมหาชนชาวมิถิลาที่ภักดีต่อเธอ เมื่อทำได้ดังนี้แล้ว เธอจึงค่อยมา”

    เมื่อทรงพระอักษรเสร็จ พระนางก็ทรงสอดเข้าไว้ในห่อ พันด้วยด้ายดิบอีกครั้ง แล้วจึงวางลงในภาชนะทองคำซึ่งปิดไว้อย่างมิดชิด ประทับตราพระลัญจกรเช่นเดียวกับทุกครั้ง จากนั้นจึงเรียกนางข้าหลวงคนสนิทมา แล้วประทานภาชนะนั้นแก่นาง พลางกำชับว่า “เจ้าจงนำสิ่งของนี้ไปมอบให้มโหสถน้องชายของเราโดยเร็วที่สุด” แล้วพระนางก็เสด็จเข้าสู่ที่บรรทม

    ฝ่ายนางข้าหลวงรับพระราชเสาวนีย์แล้ว ก็ยกภาชนะนั้นทูนไว้เหนือศีรษะ แล้วรีบเดินออกจากวังไป

    เมื่อถูกนายประตูแต่ละชั้นๆ ทักว่า  “ดึกดื่นเห็นปานนี้ เธอจะรีบไปไหนหรือ”

    นางก็ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “พระอัครมเหสีให้นำของไปประทานแด่ท่านเสนาบดี”

    นายประตูแต่ละชั้นทราบเช่นนั้น ก็เต็มใจเปิดทางให้นางเข้าออกโดยไม่มีการทักท้วงหรือซักถามอะไรอีก  เพราะต่างก็ทราบโดยทั่วกันว่า ข้อนี้พระนางได้เคยทูลขอพรแด่พระเจ้าวิเทหราชไว้แล้ว

    การณ์ครั้งนี้ เป็นที่น่าชื่นชมพระนางอุทุมพรเทวี ที่พระนางทรงมีไหวพริบปฏิภาณเป็นเยี่ยม ทรงดับความเร่าร้อนในพระทัยของพระเจ้าวิเทหราช ทำให้พระองค์บรรทมหลับลงได้ ประดุจน้ำที่ช่วยดับไฟมิให้ลุกลามต่อไป
 
    ทั้งยังส่งข่าวไปให้มโหสถบัณฑิตได้รับรู้ถึงเภทภัยที่จะมาถึงตน พร้อมทั้งยังแนะนำถึงสิ่งที่ควรจะทำต่อไป จะได้แก้ไขเภทภัยนั้นให้ผ่อนคลายดับสลาย  ส่วนว่า มโหสถเมื่อได้ทราบข่าวจากพระนางแล้วจะคิดอ่านทำประการใดนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita102.html
เมื่อ 6 พฤษภาคม 2567 14:03
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv